เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่284ศิษย์ของอาจารย์เว่ย
อาจารย์เว่ยไม่รับศิษย์มาหลายปีแล้ว ในทุกปีที่มีการรับสมาชิกใหม่เข้าร่วมสมาคมล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนไวโอลินที่มีความโดดเด่นในระดับประเทศทั้งสิ้น ซึ่งเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ
ทุกคนจึงคิดว่าเขาอาจจะไม่รับศิษย์อีกแล้ว ใครจะรู้เล่าว่าเขายังรับศิษย์อยู่โดยไม่มีการบอกกล่าวสักคำ
ด้านข้างมีเสียงพูดคุยกันของแขกอยู่เป็นระยะๆ “อาจารย์เว่ยรับศิษย์อยู่อย่างนั้นหรือ”
“ฉินหร่านคือใครกัน? ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“อาจารย์เว่ยเป็นคนช่างเลือกขนาดนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขาสนใจ”
“…”
เสียงที่ดังอยู่ข้างหู ทำให้หลินหว่านมั่นใจว่าเธอไม่ได้อ่านผิด ในหัวของเธอตบตีกันยุ่งเหยิง
เธอคว้าที่ข้อมือของฉินอวี่อย่างอดไม่ได้ “อ..อวี่เอ๋อร์ ที่ข้างบนนั้นเขียนไว้ว่าฉินหร่าน?”
ฉินอวี่เม้มปากลงเช่นกัน สองวันก่อนที่รู้เรื่องของนักเรียนระดับห้า เธอก็เดาว่านักเรียนใหม่คนนี้น่าจะเป็นคนที่ถูกเหล่าอาจารย์ในสมาคมแย่งชิงตัวเสียอีก…
ใครจะไปรู้ คนที่ที่ผ่านมาไม่มีการรับศิษย์เลยอย่างอาจารย์เว่ยจะยังรับศิษย์อยู่!
“ฉินหร่าน แต่ไม่ใช่คนเดียวกับที่เรารู้จักหรอก” ฉินอวี่ที่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ พูดขึ้น “นักเรียนใหม่ในปีนี้ของสมาคมพวกเรา มีคนเดียวที่เข้าถึงระดับที่ห้า”
“จริงเหรอ” ฟังคำที่ฉินอวี่พูดออกมาอย่างเต็มปาก หลินหว่านก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้างั้นก็แล้วไป…
“อีกอย่าง” ฉินอวี่มองคำว่า ‘ลูกศิษย์’ ที่ด้านบนแล้วพูดอย่างประชดประชัน “เธอคนนั้นที่ไม่ได้เรียนไวโอลินมาหลายปีเนี่ยนะ จะกลายเป็นนักเรียนระดับห้าได้ยังไง? จะเป็นเธอได้ไงล่ะ!”
ตอนที่ฉินหร่านเพิ่งไปที่บ้านของตระกูลหลิน เธอเคยพูดว่ายังไงก็ไม่มีทางเรียนกับอาจารย์สวี่คนนั้นที่เมืองหนิงไห่แน่นอน
หนิงฉิงโกรธเคืองคำพูดนั้นของฉินหร่านอยู่เป็นเวลานาน ฉินอวี่จำได้ดี
ฟังฉินอวี่พูดถึงขนาดนั้น หลินหว่านก็ตอบสนองกลับ
ถ้าฉินหร่านได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของอาจารย์เว่ย ก็น่าจะมีข่าวลือจากบ้านตระกูลหลินมาบ้าง แต่ฉินหร่านกลับไม่เปิดเผยอะไรเลยแม้แต่น้อย
หลินหว่านรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ตัวเองถูกทำให้สับสนกับคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของฉินหร่าน จนมารู้ทีหลังว่าคนนั้นที่อาจารย์เว่ยพูดถึงคือฉินหร่าน
ถัดจากทั้งสองคน ไต้หรานกำลังมองดูที่ใบโฆษณาอยู่เป็นเวลานาน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางลง ใช้เวลาอยู่สักพักก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
หลินหว่านสงบสติอารมณ์ลงแล้วเดินตามไต้หรานกับฉินอวี่ไป
ที่ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ มีบริกรคอยเข้ามาให้บริการอยู่ท่ามกลางฝูงชน มันเป็นงานยิ่งใหญ่แบบที่ทั้งฉินอวี่และหลินหว่านไม่เคยเห็นมาก่อน
แขกเหรื่อที่มาเข้าร่วมก็เช่นกัน ทำเอาทั้งสองคนไม่กล้าขยับเดินไปมามากนัก ได้แต่เดินตามหลังไต้หราน ไต้หรานถือแก้วไวน์และแนะนำพวกเธอให้คนบางคนรู้จักบ้างเป็นครั้งคราว
ในวันนี้ทั้งสองคนเป็นเพียงแค่ปลายภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ท่ามกลางเมืองหลวง
**
เวลา 6.50 เลขาหลี่และเฉิงเวินหรูก็มาถึงหน้าประตูโรงแรมเช่นกัน
เลขาหลี่ยื่นการ์ดเชิญ จากนั้นจึงส่งกุญแจรถให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและมีคนเข้ามาช่วยนำรถไปจอดให้พวกเขา
เห็นได้ว่ามีนักข่าวหลายคนยืนอยู่ตามบริเวณรอบข้าง
เป็นเพียงนักข่าว ไม่ใช่ปาปารัสซี
นักข่าวเหล่านี้เป็นนักข่าวที่ได้รับเชิญมาจากหนังสือพิมพ์ทั่วไป
“มีนักข่าวด้วยเหรอ” เฉิงเวินหรูอยู่ในชุดเดรสกระโปรงยาวสีแดง ผมลอนยาวสยายบนศีรษะพาดปล่อยสบายๆ เรือนร่างของเธอสวยงามสมบูรณ์แบบ
เลขาหลี่เดินตามมา รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก “ดูเหมือนจะไม่ใช่สถานการณ์เล็กๆ”
“คุณเฉิง” ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในและบังเอิญพบกับจางเซี่ยงเกอ เมื่อเห็นเฉิงเวินหรู จางเซี่ยงเกอก็เข้ามาทักทายอย่างรวดเร็ว
เฉิงเวินหรูเหลือบมองจางเซี่ยงเกอ เธอพอจะจำได้ เขาคือคนที่มักจะเดินตามเฉิงเจวี้ยนกับลู่จ้าวอิ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าเล็กน้อย “คุณรู้ไหมว่าวันนี้เรามาที่นี่ทำไม”
จางเซี่ยงเกอเป็นคนยืดหยุ่น แม้ว่าตระกูลจางจะไม่สามารถเทียบกับตระกูลเฉิง หรือตระกูลสวีได้ แต่ความสามารถในการสื่อสารของเขาเชี่ยวชาญนัก ถึงขนาดอยู่ท่ามกลางแวดวงการรวมตัวในกลุ่มคนของเฉิงเจวี้ยนก็ยังสามารถหลอมรวมเข้าไปด้วยได้ จึงพูดได้อย่างแน่นอนว่าคนคนนี้ฉลาดไม่เป็นสองรองใครเป็นแน่แท้
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับศิษย์ของอาจารย์เว่ย” จางเซี่ยงเกอเดินตามเฉิงเวินหรูเหมือนลูกสุนัข
“ลูกศิษย์?” เฉิงเวินหรูพยักหน้าเบาๆ เธอไม่ค่อยรู้เรื่องไวโอลินมากนัก และไม่รู้ว่าการรับศิษย์ของอาจารย์เว่ยหมายถึงอะไร “ถ้าอย่างนั้นศิษย์ของท่านต้องเก่งมาก”
เธอไม่รู้เรื่องไวโอลิน แต่เธอรู้ว่าที่รัฐ M อาจารย์เว่ยเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
รัฐ M เป็นแหล่งรวบรวมอำนาจของทั่วโลก ไม่ง่ายเลยที่จะมีที่ยืนอยู่ตรงจุดนั้น
เหล่าตระกูลของคนในเมืองตอนหลังได้มีการขยายตัวเข้าไปในรัฐ M เพียงแต่มีหลายประเทศในโลก และทุกประเทศต่างก็มีอำนาจมากมาย ไม่ใช่แค่มีเพียงอำนาจอย่างเดียวจะสามารถเข้าไปสู่รัฐ M ได้ เพราะหากไม่ระมัดระวังก็อาจถูกรัฐ M กลืนกินจนไม่เหลืออะไร
จางเซี่ยงเกอพูดขึ้น “คุณเฉิง ฉันได้ยินมาว่าคุณฉินมาที่เมืองหลวง? ครั้งสุดท้ายที่เจอฉันชวนเธอไปชอปปิ้งที่เมืองหลวงไม่คิดเลยว่าหนึ่งปีจะผ่านไปเร็วขนาดนี้”
“คุณรู้จักหร่านหร่านเหรอ” พูดถึงฉินหร่าน ท่าทางของเฉิงเวินหรูเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วเรียวประณีตยกขึ้น
“ตอนเดือนสิบของปีที่แล้ว…” จางเซี่ยงเกอเห็นสีหน้าของเฉิงเวินหรู รับรู้ได้ถึงทัศนคติของเธอที่มีต่อฉินหร่าน จึงพูดถึงเรื่องของคนอย่างฉินหร่านและเฉิงเจวี้ยนในปีที่แล้วออกมาอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนพูดคุยกัน ขณะนั้นก็เดินเข้าไปด้านในด้วย
โปสเตอร์ยังคงติดไว้ที่ประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง แต่ทั้งสองคนเอาแต่พูดคุยกันเรื่องฉินหร่านตลอดทางจนไม่ได้สังเกตเห็น
เลขาหลี่ที่เดินตามหลังทั้งสองคนมองเห็นแล้ว เขาหยุดก้าวเท้าเดินแล้วพูดขึ้นทันที “คุณหนู เดี๋ยวก่อน”
“มีอะไรเหรอ” เฉิงเวินหรูมือกอดอก หยุดชะงักเล็กน้อย
จางเซี่ยงเกอก็หยุดเช่นกัน มองเลขาหลี่ที่กำลังมองไปที่ประตูทางเข้า เขาก็มองตามไปยังทิศทางเดียวกัน เพียงแวบหนึ่งเขามองเห็นแผ่นป้ายโฆษณาหลักของหัวหน้าหลัก
อือ ฉินหร่าน
จางเซี่ยงเกอผงะไปครู่หนึ่ง
เฉิงเวินหรูเข้าใจทันทีถึงเหตุผลที่เฉิงเจวี้ยนให้การ์ดเชิญใบนี้กับเธอ นี่เป็นงานเลี้ยงเด็กฝึกของฉินหร่านสินะ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอรู้ว่าฉินหร่านฝึกไวโอลินอยู่ทุกคืน
เฉิงเวินหรูไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไร ตอนที่ยังเป็นเด็กเธอก็เคยเรียนเครื่องดนตรีเช่นกัน และเรียนตามที่อาจารย์สอน จนสามารถเล่นเป็นเพลงได้ทั้งหมด ทำคนที่เป็นมือสมัครเล่นรู้สึกสั่นไหวได้
แต่ยังไม่เพียงพอต่อสายตาของคนเป็นมืออาชีพ
เดิมทีเธอคิดว่าฉินหร่านเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรเธอก็เคยได้ยินถึงสภาพแวดล้อมของครอบครัวฉินหร่าน แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าฝีมือการเล่นไวโอลินของฉินหร่านจะยอดเยี่ยม จนขนาดเป็นที่ยอมรับของอาจารย์เว่ย!
“คุณฉินกลายเป็นศิษย์ของอาจารย์เว่ย?” จางเซี่ยงเกอก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน ไม่แปลกใจเลยที่จะเจอเฉิงเวินหรูที่นี่
ในใจยังคงมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ตั้งแต่ปีที่แล้วฉินหร่านก็เริ่มเข้ามาอยู่ในวงเวียนของแวดวงคนในเมือง
ไม่รู้ว่าข่าวลือแพร่กระจายมาจากไหน เป็นไปได้ว่าทุกคนในแวดวงต่างก็รู้ว่ารอบตัวเฉิงเจวี้ยนถูกรายล้อมไปด้วยสาวมากหน้าหลายตา ในส่วนของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมื่อเดือนที่แล้ว ตระกูลเฉิงก็ยังหามหาวิทยาลัยที่ดีให้ฉินหร่านด้วย
จางเซี่ยงเกอก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งได้พบกับฉินหร่านที่พาราไดซ์คลับ และไม่ค่อยรู้จักเธอมากนัก แต่รู้ว่าลู่จ้าวอิ่งและเฉิงเจวี้ยนต่างให้ความสำคัญกับฉินหร่าน ดังนั้นจึงไม่ควรพูดเรื่องของฉินหร่านกับคนเหล่านี้
กระทั่งตอนนี้ จางเซี่ยงเกอรู้สึกว่าฉินหร่านอาจจะแตกต่างไปจากที่พวกเขาคิด…
“น่าจะเป็นฉินหร่าน” เฉิงเวินหรูพยักหน้า
เคยเห็นลิ้นชักของฉินหร่านมาแล้ว ตอนนี้เฉิงเวินหรูรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยากจะยอมรับสักเท่าไหร่
ทั้งสองคนเข้ามา เฉิงเวินหรูดูคุ้นที่คุ้นทาง ในไม่ช้าก็หาเฉิงเจวี้ยนที่อยู่โซฟามุมห้องพบ
ทั้งสองคนเดินไปจนสุดทาง หลายคนจำเฉิงเวินหรูได้และเข้ามาทักทาย
แต่เมื่อเห็นเฉิงเจวี้ยนที่นั่งอยู่โซฟา สีหน้าคนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและจากไปในทันที
“เธอยังไม่ได้บอกฉันเรื่องของอาจารย์เว่ย” เฉิงเวินหรูหยิบเอาไวน์หนึ่งแก้วจากถาดของบริกรและมองเขาอย่างวางท่า
เฉิงเจวี้ยนไม่ได้มองเธอ แต่มองไปยังทิศทางหนึ่งแล้วพูดเสียงราบเรียบ “ตอนนี้รู้แล้วเหรอ”
เฉิงเวินหรูมองไปตามสายตาของเขา
ฉินหร่านกับอาจารย์เว่ยเดินลงมาด้านล่างจากบันไดวน
คนที่อาจารย์เว่ยเชิญมางานวันนี้คือคนที่เขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดี นั่นก็เพื่อเป็นการปูทางให้ฉินหร่าน ไม่เพียงแค่เพราะว่าฉินหร่านเป็นศิษย์ที่สนิทสนมเท่านั้น แต่อีกเหตุผลก็เพราะคำสั่งก่อนเสียชีวิตของเฉินซูหลานด้วย
“หร่านหร่าน โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่ตาเธอเห็นอยู่มาก ยังมีอำนาจอีกมากมายที่เธอยังมองไม่เห็น” อาจารย์เว่ยลดเสียงลง “อย่าคิดว่าวันนี้เป็นวันสิ้นสุด วันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของเธอสำหรับโลกใบนี้”
ขณะที่พูด เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว แนะนำฉินหร่านให้กับชายชราคนหนึ่ง “นี่คือรองประธานของสมาคมแห่งรัฐ M เธอเรียกท่านว่าอาจารย์เอินเก๋อก็ได้ สำหรับรัฐ M หลังจากนี้อีกสองเดือนฉันจะอธิบายให้เธอฟัง…”
“อาจารย์เอินเก๋อ” ฉินหร่านเรียกอย่างสุภาพมาก
รองประธานมองจ้องฉินหร่านสักพักแล้วจึงมองไปที่อาจารย์เว่ย และยกแก้วขึ้น “นี่คือเด็กฝึกที่คุณเลือกเหรอ ฉันตั้งตารอเขามาก”
จากนั้นก็มองกลับมาที่ฉินหร่าน “ฟังที่อาจารย์ของเธอบอก ตอนนี้เธออยู่ระดับห้า อาจารย์ของเธอบอกว่าอีกสองเดือนหลังจากนี้เธอจะสามารถขึ้นเป็นระดับหก ฉันตั้งตารอเธอมาก และตั้งตารอว่ารัฐ M ของเราจะมีสมาชิกใหม่เข้ามา”
หลังจากทั้งสองทักทายกันเสร็จ อาจารย์เว่ยก็พาเธอไปทำความรู้จักผู้คน
เอินเก๋อถือแก้วไวน์มองด้านหลังของฉินหร่านอย่างค่อนข้างแปลกใจ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอดูค่อนข้างคุ้นเคย…”
คนข้างๆ คิดสักพักแล้วตอบ “อาจเป็นเพราะคนฝั่งตะวันออกหน้าตาเหมือนกันหมดก็ได้”
เอินเก๋อหรี่ตาเล็กน้อย “ใช่เหรอ?”
**
ในขณะเดียวกัน ฉินอวี่กับหลินหว่านเดินตามหลังไต้หราน
ในสมาคมไวโอลินไต้หรานแทบจะเรียกได้ว่าเป็นรองมาจากอาจารย์เว่ย ฝีมือเยี่ยมยอด แต่นั่นเป็นเพียงในสมาคมไวโอลิน เมื่อขยายใหญ่ออกมาหน่อย เช่นพูดถึงในเมืองหลวง ความแตกต่างระหว่างเขาและอาจารย์เว่ยก็ชัดเจน
ฉินอวี่เดินตามหลังไต้หราน และไต้หรานยังแนะนำเธอให้กับผู้คนอีกด้วย
ทั้งสองคนพูดเสร็จ ก็เห็นหลินหว่านถือแก้วไวน์และมองไปทางหนึ่งด้วยความงุนงง
อาจารย์เว่ยกลายเป็นตัวหลักของงานในวันนี้ ทิศทางที่เขาไปล้วนแต่มีผู้คนอยู่มากมาย หลินหว่านตระหนักได้โดยธรรมชาติว่าไม่สามารถละสายตาไปจากที่นั่นได้ในทันที
“พี่สะใภ้” ฉินอวี่เรียกเธอและมองไปตามสายตาที่แปลกไปของเธอ
บังเอิญมองเห็นภาพที่อาจารย์เว่ยกำลังแนะนำฉินหร่านให้กับเอินเก๋อ ทั่วทั้งร่างกายเธอถึงกับตกตะลึง
ไวน์ของไต้หรานเหลือเพียงค่อนแก้ว เขาวางแก้วไวน์ลงบนถาดของบริกร และเปลี่ยนเอาไวน์แก้วใหม่
“เธอมองคุณเอินเก๋ออยู่เหรอ” เขาสังเกตสายตาของฉินอวี่ “คุณเอินเก๋อเป็นรองประธานของสมาคมแห่งรัฐ M และยังเป็นประธานรอยัลการจัดแสดงดนตรี พี่เลี้ยงของตระกูลมาส คุณหนูอวี่ ปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้เธอต้องคว้าเอาโอกาสดีมา เข้าร่วมสมาคมรัฐ M ให้ได้”
ไม่…ไม่ใช่” หลินหว่านมองไปทางฉินหร่าน ตาไม่กะพริบ “ทำไมฉินหร่านมาอยู่ที่นี่ได้”
ไต้หรานหันศีรษะ เหลือบมองหลินหว่าน “เธอพูดถึงฉินหร่านเหรอ เขาคือนักเรียนระดับห้าของสมาคมในปีนี้ หลายปีที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่มีนักเรียนที่เข้าร่วมได้ถึงระดับห้า ตอนนี้เป็นศิษย์ของเว่ยหลิน พวกเธอรู้จักเขาเหรอ”