เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ - ตอนที่370เส้นสายอันน่าหวั่นเกรงของฉินหร่าน
ฉินซิวเฉินเห็นเต็มตาว่าฉินหลิงเปิดไอคอนเกมหนึ่ง จากนั้นก็พิมพ์โค้ดลงไปอย่างช่ำชอง
โทรศัพท์ต่อสายติดแล้วแต่เขากลับเงียบไป
เสียงพ่อบ้านฉินยังดังอยู่ปลายสาย “คุณชายหก? ยังอยู่ไหมครับ?”
“อยู่” ฉินซิวเฉินพูดอย่างช้าๆ “พ่อบ้าน ทางนี้มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวผมโทรกลับ”
เขาวางสายแล้วเดินไปข้างๆ ฉินหลิง ขนตายาวหลุบลง “เสี่ยวหลิง กำลังเล่นอะไรน่ะ?”
“เกมเขียนโปรแกรมเล็กๆ ฮะ” ฉินหลิงเอียงหน้ามองฉินซิวเฉิน เขาไม่ได้ปิดบังฉินซิวเฉิน “อาจะเล่นด้วยไหม?”
เกม…เขียนโปรแกรมเล็กๆ ?
ฉินซิวเฉินเผลอใช้นิ้วกดโทรศัพท์ เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างสุดความสามารถ
เขาคิดมาตลอดว่าฉินหลิงแค่ชอบเล่นเกมและยังชอบเล่นเกมยากๆ ดังนั้นจึงสั่งให้คนที่สตูดิโอเสาะหาเกมทุกประเภทมาให้ฉินหลิงเล่น มีทั้งเครื่องเล่นเกมและแอปเกมอัจฉริยะ…แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่นเกมพวกนี้?
“นายเล่นต่อเถอะ อาจะดูเฉยๆ ” ฉินซิวเฉินพยายามระงับอาการช็อกไว้ในใจ
ฉินหลิงมองฉินซิวเฉินด้วยความลังเล จากนั้นนั่งตัวตรง เริ่มแตะตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ต่อ โค้ดถูกพิมพ์ทีละบรรทัด เขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมจนลืมคนรอบข้าง
และยังถือกระเป๋านักเรียนข้างเตียงขึ้นมาแล้วหยิบหนังสือเล่มหนาที่ชื่อว่า “ประตูสู่แฮกเกอร์”ออกมาจากข้างในกระเป๋า
ฉินหร่านเป็นคนมอบหนังสือเล่มนี้ให้เขา ฉินหลิงหาซื้อตามอินเทอร์เน็ตไม่ได้ ต่อมาฉินหร่านก็เอามาให้เขาด้วยตัวเอง ในบรรดาหนังสือหลายเล่มที่ฉินหร่านให้เขา ฉินหลิงชอบเล่มนี้ที่สุด
เขานั่งบนที่ของตัวเอง เนื่องจากความจำดี เขาจึงเปิดไปยังหน้าที่ตัวเองต้องการโดยตรง จากนั้นก็ทำการเปรียบเทียบโค้ดที่แฮกเข้าโปรแกรม เขาพิมพ์โค้ดทีละบรรทัดบนแป้นพิมพ์
โดยไม่รู้ตัวเลยว่าฉินซิวเฉินยืนอยู่ข้างหลังเขา ยืนมองอยู่นานกว่าจะรู้สึกตัว
เขาไม่ได้อยู่ในห้องรบกวนฉินหลิงอีก สวมเสื้อคลุมเสร็จก็ถือโทรศัพท์เดินออกไปข้างนอกเพื่อโทรกลับไปหาพ่อบ้านฉิน
“พ่อบ้านฉิน” ฉินซิวเฉินเดินไปที่สุดทางเดินที่ไม่มีคนอยู่ เขามองดูดาวที่เปล่งแสงเต็มท้องฟ้านอกหน้าต่าง ดวงตาดำขลับดูชุ่มฉ่ำเล็กน้อย ราวกับจะยิ้ม “ตระกูลฉินมีอนาคตแล้ว”
ที่เมืองหลวง พ่อบ้านฉินที่นั่งอยู่ในรถนั่งตัวตรงทันที น้อยมากที่เขาจะได้ยินฉินซิวเฉินพูดเสียอาการแบบนี้ ยกเว้นตอนที่นายท่านเสียชีวิต หลังจากล้มลุกคลุกคลานอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายครั้ง ฉินซิวเฉินก็ไม่ได้แสดงท่าทีขลาดกลัวแต่อย่างใด
“อนาคต?” พ่อบ้านฉินหัวใจเต้นเร็วมาก
ฉินซิวเฉินปิดตาด้วยมือข้างหนึ่ง เขามองออกไปนอกหน้าต่าง พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เสี่ยวหลิง”
ฉินซิวเฉินเล่าเรื่องที่ฉินหลิงเขียนโปรแกรมเป็นให้พ่อบ้านฉินฟัง
ทั้งสองเงียบไปนานก่อนที่ฉินซิวเฉินจะพูดด้วยความรอบคอบ “เรื่องนี้ต้องปิดให้มิด ก่อนจะอบรมบ่มเพาะฉินหลิงให้ดี ห้ามแพร่งพรายออกไปแม้แต่คำเดียว ไม่อย่างนั้นฉินหลิงจะตกอยู่ในอันตราย”
คุณชายสี่ตระกูลฉินรู้ถึงการมีตัวตนของฉินฮั่นชิวมานานแล้ว แต่แค่เพราะฉินฮั่นชิวไม่ได้มีท่าทีคุกคามคุณชายสี่ตระกูลฉินแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้พ่อบ้านฉินจะพาเขาไปบ้านตระกูลฉิน ฉินฮั่นชิวก็ไม่ได้รับความนับถืออยู่ดี
แต่ฉินหลิงต่างออกไป
ตอนนี้เขาเพิ่งอายุเก้าขวบ เขาเข้าใจทักษะคอมพิวเตอร์อย่างลึกซึ้ง เป็นคนตระกูลฉินแต่กำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นการคุกคามสถานะคุณชายสี่ตระกูลฉินโดยตรง คุณชายสี่ตระกูลฉินเป็นคนที่ลงมือโหดเหี้ยมมาก…
ฉินซิวเฉินกำโทรศัพท์แน่น สายตาเฉียบคม เขาไม่อยากกลับไปซ้ำรอยเหตุการณ์ล้างตระกูลเมื่อหลายสิบปีก่อน สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้คือปกป้องฉินหลิงไม่ได้ รวมไปถึงฉินหร่าน…
พ่อบ้านฉินที่อยู่อีกด้านก็ไม่คาดคิดว่าฉินหลิงจะมีพรสวรรค์ถึงเพียงนี้
ตอนแรกที่เขาสืบข่าวฉินฮั่นชิว เขาสืบมาได้แค่ว่าฉินหลิงไม่ตั้งใจเรียน ชอบโดดเรียนมาเล่นเกมและไม่ชอบเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน เป็นคนเก็บตัวมาก ดังนั้นหลังจากรับทั้งสองคนกลับมา พ่อบ้านฉินจึงเพ่งความสนใจไปที่ตัวฉินฮั่นชิวที่ยากที่จะพยุงเขาขึ้นมา
พอตอนนี้ได้ยินฉินซิวเฉินพูด เขาก็อดมือไม้สั่นไม่ได้
ตระกูลฉิน…สามารถฟื้นตัวเข้าสู่ยุคทองของตระกูลใหญ่เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วได้?
เขาอดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกกระจกรถ…
“ที่คุณโทรมาหาผมก่อนหน้านี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ฉินซิวเฉินระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจไว้ชั่วคราว ถามพ่อบ้านฉิน
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องคุณหนูฉิน” พ่อบ้านฉินเม้มริมฝีปาก “ไม่รู้ว่าเธอจะยอมกลับ…”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องคิด” ฉินซิวเฉินตระหนักได้ว่าพ่อบ้านฉินจะพูดอะไร เขาจึงพูดขัดไปตรงๆ ปฏิเสธไปว่า “สถานการณ์หร่านหร่านตอนนี้ดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับตระกูลฉิน”
ตระกูลฉินในปัจจุบันก็เป็นอะไรที่คาราคาซังอยู่แล้ว ฉินซิวเฉินไม่อยากฉุดรั้งฉินหร่านเพียงเพราะเรื่องตระกูลฉิน เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าตระกูลฉินที่หลงเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายในตอนนี้เป็นภาระให้ฉินหร่าน
แม้ตระกูลฉินต้องการผงาดขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องพึ่งพาความสง่าผ่าเผยของคนตระกูลฉินเอง ไม่ใช่อาศัยเส้นสายจากเพื่อนของฉินหร่าน เพราะนี่จะทำให้เพื่อนของฉินหร่านหายหน้าหายตากันไปหมด
ก่อนที่จะได้ยินเรื่องฉินหลิง พ่อบ้านฉินก็คิดว่าคนเดียวที่สามารถเข้ามาควบคุมตระกูลฉินได้อาจจะเป็นฉินหร่าน
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ยินฉินซิวเฉินพูดถึงฉินหลิงในขณะนี้…พ่อบ้านฉินจึงไม่ได้ถกเรื่องฉินหร่านมากนัก ในเมื่อฉินซิวเฉินคัดค้าน เขาจึงหยุดคิดไปชั่วครู่ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือคุ้มครองฉินหลิงให้ดี ก่อนที่เขาจะพัฒนาศักยภาพ จะต้องไม่ให้คุณชายสี่ตระกูลฉินจับได้
เพียงแต่…พ่อบ้านฉินนึกถึง “เสี่ยวเฉิง” คนนั้นที่ฉินฮั่นชิวพูดติดปากขึ้นมา ใจเขาก็ยังลังเลเล็กน้อย เมื่อเห็นบันทึกของฉินฮั่นชิว สถานภาพ “เสี่ยวเฉิง” คนนี้คงไม่ธรรมดา
ด้านนี้ ฉินซิวเฉินวางสายไปแล้ว
ผู้จัดการเพิ่งขึ้นมาจากชั้นล่างพอดี เขายกชามผลไม้ให้ฉินหลิง “นายมาทำอะไรอยู่ข้างนอก?”
ห้องไม่ได้ปิด ผู้จัดการผลักประตูเข้าไปโดยตรง
“คุยโทรศัพท์กับพ่อบ้านฉิน” ฉินซิวเฉินเก็บโทรศัพท์ เหมือนมีแสงอยู่บนใบหน้าที่งดงาม
เขายิ้ม จากนั้นก็เดินไปที่ห้องเหมือนมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น
ผู้จัดการยื่นผลไม้ให้ฉินหลิงพลางเหลือบมองฉินซิวเฉินด้วยความประหลาดใจ “มีความสุขขนาดนั้นเลย?”
“มีเรื่องดีๆ น่ะ” เขาไม่พูดกับผู้จัดการอีก ฉินซิวเฉินปิดประตูแล้วก้มหน้ากดโทรศัพท์ เขาค่อยๆ คิดเกี่ยวกับเส้นทางการฝึกฝนฉินหลิง
ทันทีที่ผู้จัดการเข้ามา ฉินหลิงก็เปลี่ยนไปเล่นเกมที่ผู้จัดการไม่เข้าใจ
“ราชาเหยียนออกกองวันนี้แล้ว” ผู้จัดการมองฉินหลิงกินผลไม้เสร็จก่อนจะไปนั่งตรงข้ามฉินซิวเฉิน “พูดถึงราชาเหยียนกับประธานเจียงแล้ว…นายไม่รู้สึกบ้างเลยเหรอว่าหลานสาวนายไม่ธรรมดา?”
ฉินซิวเฉินเหลือบมองเขาพลางรินน้ำให้ตัวเองอย่างใจเย็น ไม่ตอบคำถาม
“แต่ก่อนฉันคิดว่าที่นายหาที่อยู่เธอไม่เจอก็เพราะสถานที่ที่เธออยู่ถูกบล็อก” ผู้จัดการลดเสียงลง “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่าไม่มีการบันทึกข้อมูลใน129 แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน นายคิดว่ามันเป็นเพราะเหตุผลนี้เหรอ?”
ไม่ว่าจะอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ได้บันทึกแม้กระทั่งชื่อของฉินหร่าน
มือที่ถือแก้วน้ำชะงัก
เขามองมาทางผู้จัดการแล้วมองไปทางฉินหลิง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ผู้จัดการยังคงมองมาที่เขา โพล่งมาสองคำว่า “น่ากลัว”
เมื่อเชื่อมโยงกับการแสดงออกของเธอในกองถ่ายรายการสองวันที่ผ่านมานี้ นอกจากคำว่าน่ากลัว ผู้จัดการก็นึกคำอื่นไม่ออกแล้ว
“หลานสาวนายสนิทกับเหยียนซีมาก” ผู้จัดการเอนหลังพิงเก้าอี้พลางมองฉินซิวเฉิน “ฉันเองก็เพิ่งรู้มาจากบอสวังว่าเหยียนซีมีอวิ๋นกวงคอยหนุนหลัง”
“อวิ๋นกวง?” แววตาฉินซิวเฉินสั่นไหวเมื่อได้ยินประโยคนี้
“เจียงซานอี้ผู้เรียบเรียงเพลงเป็นคนของอวิ๋นกวง ฉันรู้ว่านายมีปมกับตระกูลฉิน หลานสาวคนนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญของตระกูลฉิน”
เส้นสายของฉินหร่านค่อนข้างน่าหวั่นเกรง
ฉินซิวเฉินมองออกนอกหน้าต่าง เมื่อได้ยินดังนั้นก็เม้มริมฝีปาก “ที่เธอมีวันนี้ได้ มันง่ายซะที่ไหนล่ะ”
**
รุ่งขึ้น วันอังคาร
ใกล้จะถึงกลางเดือนพฤศจิกายน
หลังจากฉินหร่านสอบกลางภาคเสร็จและได้พักไม่กี่วัน ในที่สุดเธอก็กลับมาที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงเพื่อเข้าสู่การศึกษาเทอมใหม่
ชั้นใต้ดินชั้นที่สองของห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ ผู้รับผิดชอบกำลังตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครอยู่
“หมดเขตยื่นใบสมัครวันนี้แล้ว ทางฝั่งอธิการบดีโจวส่งใบสมัครและข้อตกลงรักษาความลับมาหรือยัง?” ผู้รับผิดชอบดันกรอบแว่นตาพลางยื่นมือจัดเรียงใบสมัครที่อยู่ในมือ “ปีนี้เป็นราชานักศึกษาน้องใหม่ของมหา’ลัยเมืองหลวงสินะ?”
ผู้สมัครจากสี่ตระกูลใหญ่ มหาวิทยาลัยเมืองหลวง และมหาวิทยาลัยAที่เข้ารับการประเมินห้องปฏิบัติการในปีนี้ล้วนต้องส่งข้อตกลงรักษาความลับและใบสมัคร
เหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ส่งมา
ผู้ช่วยโทรศัพท์ไปยืนยันแล้ว เขาเหลือบมองผู้รับผิดชอบและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ได้ยินมาว่าเธอลาหยุดไปเที่ยวเมือง C สองวัน…”
“ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อยังจะไปเที่ยวเมือง C เนี่ยนะ?” ผู้รับผิดชอบไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้ เขาอึ้งไปสักพักแล้วหลุดหัวเราะออกมา “ฟังดูเหมือนว่านักศึกษาคนนี้จะผยองกว่าซ่งลี่ว์ถิงปีที่แล้วเสียอีก”
ผู้ช่วยส่ายหน้า “ไม่เข้าร่วมการประเมินในเดือนธันวาคมแล้วหรือไง ทำไมถึงยังไม่เซ็นสักที? ข้อตกลงรักษาความลับจะหมดเขตส่งวันนี้แล้วเนี่ย”
“ก็เป็นไปได้ ถึงอย่างไรเสียซ่งลี่ว์ถิงเองก็เข้าร่วมการประเมินถัดไปอีกปีนี่” ผู้รับผิดชอบปิดข้อตกลงรักษาความลับ
ในการประเมินเดือนธันวาคม เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งเดือน คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการประเมินต่างก็กำลังทำการทดลองหลากหลายรูปแบบและตั้งหัวข้ออย่างมืออาชีพ การประเมินของห้องปฏิบัติการนั้นยากมาก มิฉะนั้นในแต่ละปีคงไม่มีการคัดเลือกคนน้อยขนาดนี้
เวลาแบบนี้ยังลาไปเที่ยวเล่นได้ ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีการเล่าลือกันว่าราชาหน้าใหม่จะเข้าร่วมการประเมินในเดือนธันวาคม…
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ ก็มีชายคนหนึ่งสวมชุดทดลองเดินเข้ามายื่นซองจดหมายให้ผู้รับผิดชอบ “อธิการบดีโจวเพิ่งให้คนมาส่ง”
ผู้รับผิดชอบรับมาเปิดดูก็พบว่าเป็นข้อตกลงรักษาความลับและใบสมัคร บนนั้นเซ็นด้วยตัวอักษรสองตัวที่หยิ่งผยอง—— ฉินหร่าน