เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 205
บทที่ 205 ความแข็งแกร่งของสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
หยุนเฮ่อเกิดความสงสัยขึ้นจริงๆ มันเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว … แม้ว่าจะไม่มีใครออกมารายงานชัยชนะ แต่ใครบางคนก็ควรจะออกมารายงานสถานการณ์ใช่ไหม?
หน่วยลาดตระเวนได้ส่งข้อความรายงานว่าทั้งสามกองทัพที่เข้าไปในป่ายังไม่มีทัพใดกลับออกมาเลย เขาพึมพำกับตัวเองและโบกมือขณะที่สั่ง “ส่งคนอีกห้าคนไปดูสถานการณ์ กลับมารายงานทันทีที่พวกเขาได้รับข้อมูลใดๆ!”
หน่วยลาดตระเวนทั้งห้ารีบวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วและเข้าไปในป่าอาถรรพ์ สามสิบนาทีต่อมา หน่วยลาดตระเวนทั้งห้าคนนั้นก็ยังไม่มีใครออกมาเลย ป่านี้เป็นเหมือนปากถ้ำอสูรยักษ์สีแดงฉานที่ดูดกลืนทุกคนที่เข้ามา
หยุนเฮ่อใช้แมลงพิษเขียวตรวจสอบและรู้ได้ว่าเจียงอี้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาเริ่มแสดงสีหน้าที่มืดมนในขณะที่มองไปที่ผืนป่าอันชั่วร้ายข้างหน้า ซึ่งส่งความรู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจของเขา เขามีความรู้สึกที่ไม่มั่นใจว่าหากเขาเข้าไปในป่า สุดท้ายเขาก็อาจไม่กลับมาเหมือนกัน
“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย! ไม่ว่าความแข็งแกร่งของเจียงอี้จะผิดปกติเพียงใด เขาก็คงไม่สามารถอยู่เหนือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวได้ใช่ไหม? หากเขามีความแข็งแกร่งมากมายเช่นนั้น เขาคงเดินทางไปทั่วโลกแล้วไล่กวดสุ่ยเชียนโหรวไปแล้ว นอกจากนี้จะต้องมีบางอย่างผิดปกติกับป่านี้ เจียงอี้จะฆ่าพวกเขาได้อย่างไรในช่วงเวลาสั้นๆ ทำไมไม่มีใครกลับมารายงานสถานการณ์เลย?”
คิ้วของหยุนเฮ่อนั้นถักแน่น เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนี้ หากเขาไม่ได้สั่งให้ทุกคนเข้าจู่โจม ทุกคนก็คงไม่ตายเป็นศพไปเช่นนี้ กองทัพครั้งนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลจำนวนมากจากเหล่าตระกูลขุนนางด้วย หากพวกเขาทั้งหมดตายไป เขาก็จะไม่มีทางอธิบายกับตระกูลของพวกเขาได้
หากเขาต้องสั่งโจมตีอย่างไม่ยั้งคิดก่อนที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ เขาก็จำเป็นต้องร่วมทัพด้วยเช่นกัน ป่านี้แปลกมาก เกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้าไปและไม่ได้กลับมา?
“หยุนเฮ่อ!”
สุ่ยเชียนโหรวรู้สึกกระวนกระวายใจขณะที่นางบุ้ยปากเล็กๆของนางแล้วพูดว่า “ทำไมไม่ได้ข่าวอะไรเลย นี่ก็นานแล้ว? คนของเจ้าไร้น้ำยาเหรอ? หรือจริงๆแล้วเจียงอี้ไม่ได้อยู่ในนั้น?”
หยุนเฮ่อหัวเราะอย่างขมขื่นและอธิบายว่า “เจียงอี้อยู่ในนั้นแน่นอน ใครก็ตามที่ถูกแมลงพิษเขียวติดตาม จะไม่มีทางหนีพ้น ป่าเหล่านี้ดูเหมือนจะมีความพิกลนิดหน่อยซึ่งทำให้ผู้ที่เข้าไปไม่สามารถกลับออกมาได้“
“เหอะๆ!”
สุ่ยเชียนโหรวไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก มือหยกของนางเอื้อมมือไปจับสร้อยคอสีเงินคล้ายหงส์ที่สวมอยู่บนคอของนางขณะที่กล่าวว่า “ข้าไม่สนใจว่ามันจะพิกลหรือไม่ มันจะง่ายกว่านี้ไหมหากข้าเปลี่ยนป่านี้ให้ราบ “
“สร้อยเงินดับโลกา!”
ดวงตาหยุนเฮ่อสว่างขึ้น นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ สุ่ยเชียนโหรวอาจไม่ได้ขัดเกลามันได้อย่างสมบูรณ์ แต่ความสามารถของมันนั้นยังคงยอดเยี่ยม ไม่ว่าป่าเหล่านี้จะแปลกขนาดไหน ด้วยสร้อยเงินดับโลกามันควรจะถูกลบล้างได้อย่างง่ายดาย
“เชียนโหรว ใช้สร้อยเงินดับโลกาโจมตีต้นไม้ใหญ่ข้างหน้านั่นเลย!”
“ฮู่ ฮู่!”
เมื่อสร้อยเงินดับโลกาพุ่งออกไป มันขยายขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะที่แผ่กระจายไปด้วยแสงสีเงินและความกดดันที่น่ากลัว ในขณะที่สร้อยเงินดับโลกาพุ่งผ่านท้องฟ้าไป มันพุ่งชนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่รอบๆป่า
“บูม!”
เมื่อสร้อยเงินดับโลกาและต้นไม้สีเหลืองชนกัน แสงเรืองรองสองดวงถูกเปล่งออกมาในเวลาเดียวกันขณะที่อากาศรอบๆต่างสั่นสะเทือน การกระทบที่รุนแรงกลายเป็นระลอกคลื่นที่แผ่ไปทุกทิศทาง ซึ่งมาพร้อมกับการระเบิดอันน่าตกใจ ลำต้นของต้นไม้ยักษ์สีเหลืองนั้นหักออกและล้มลงไปบนพื้น
ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้
“เรียบร้อย!”
เมื่อหยุนเฮ่อเห็นสร้อยเงินดับโลกาที่กำลังกลับมา ดวงตาของเขาก็แฝงความโลภซึ่งตามมาด้วยความตื่นเต้น สุ่ยโย่วหลานผู้ซึ่งเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของทวีปนี้คงไม่ได้มีสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งหรือสองชิ้นใช่ไหม? หากเขาอภิเษกกับสุ่ยเชียนโหรว นางอาจจะมอบสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ให้เขาสักชิ้นใช่ไหมนะ?
แม้หลังจากใช้สร้อยเงินดับโลกาไปแล้ว ป่าก็ยังดูแปลกมากเช่นเดิม ต้นไม้นั้นถูกทำลายโดยสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ มันไม่ได้กลายเป็นผุยผงจริงๆ อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่สามารถทำลายต้นไม้ได้ หยุนเฮ่อก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว เขาตะโกนออกมาว่า “ใครก็ได้ ส่งคำสั่งของข้าให้ทุกคนที่เข้าไปในป่าแล้วฆ่าเจียงอี้ซะ!”
หน่วยลาดตระเวนสามคนกระจายออกไปเพื่อส่งข้อความ ในขณะที่หยุนเฮ่อไม่ได้ขยับ เขามักจะโม้เกี่ยวกับความฉลาดล้ำและสติปัญญาที่ไม่มีใครเทียบ แต่สิ่งที่ฉลาดกว่าคือความกลัวที่เต็มไปด้วยความตาย
โดยปกติแล้วเขาไม่กล้าเป็นคนแรกที่เข้าไปก่อน เขาให้กองทัพทั้งสามไปสำรวจเส้นทางก่อน หลังจากรอสักครู่และแน่ใจว่าทัพทั้งสามได้เข้าไปแล้ว เขาโบกมือแล้วคำราม “เคลื่อนทัพ!”
“ไป!”
สุ่ยเชียนโหรวหมดความอดทนแล้ว ด้วยมือหยกของนางที่กำลังโบก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งห้าสิบคนจากหอดาราสุ่ยเยว่ล้อมรอบตัวนางและรีบเข้าไปในป่า
…
ในป่าอาถรรพ์ ณ ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยการต่อสู้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามสิบคนที่วิ่งเข้าไปในอุโมงค์โดยธรรมชาติมีจุดจบที่ไม่น่าดูเท่าไหร่นัก หยุนเฟยควบคุมรากต้นไม้และสร้างคุกเพื่อต้อนพวกมันเข้าไปข้างในขณะที่เจียงอี้ปล่อยหินวิญญาณเพลิงอีกก้อนหนึ่งเพื่อเผาพวกมันอย่างง่ายดาย
เจียงอี้ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
หลังจากการระเบิดจำนวนมากก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับร่างกายของเขาเลย เขาไม่รู้สึกถึงแรงกระทบเลยแม้แต่นิดเดียวในตอนที่ถูกหุ้มอยู่ เห็นได้ชัดว่าไหมปีศาจนภานี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่พิเศษและมีขีดจำกัดที่ค่อนข้างลึกลับที่สามารถต้านทานการโจมตีจากแก่นแท้พลังทุกชนิด สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ของสุ่ยโย่วหลานที่สร้างชื่อเสียงให้กับนางนั้นไม่ทำให้เจียงอี้ผิดหวังจริงๆ
หลังจากกำจัดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวในอุโมงค์ใต้ดิน เจียงอี้และจ้านอู๋ซวงก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็วอีกครั้ง เหล่าคนที่อยู่ข้างบนนั้นไม่มีใครกล้าที่จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีของเจียงอี้
เจียงอี้และจ้านอู๋ซวงคงไม่ยอมให้คนเหล่านี้รอดไปได้อยู่แล้ว เพราะศัตรูจากภายนอกอาจเข้ามาได้ทุกเมื่อ หยุนเฟยพูดว่าหยุนเฮ่อมีสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์และศาสตร์เวทมนตร์ที่ชั่วร้ายและยิ่งสุ่ยเชียนโหรวยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขาต้องฆ่าศัตรูให้ได้มากที่สุดก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะเข้ามา
“ปัง!”
เจียงอี้ระเบิดออกมาจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งร่างกายส่วนบนของเขาจะถูกห่อด้วยไหมปีศาจนภา เมื่อใดก็ตามที่เขาขึ้นไปบนพื้นดินเขาจะไม่สนใจการโจมตีของทุกคนและจะปล่อยเพลิงโลกาด้วยความรวดเร็ว หลังจากแผดเผาศัตรูกลุ่มหนึ่ง เขาจะกระโดดกลับเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินทันที
จ้านอู๋ซวงประสานการโจมตีของเขากับเจียงอี้เป็นอย่างดีเช่นกัน เมื่อเจียงอี้ดึงดูดความสนใจของศัตรู เขาจะพุ่งออกไปในเวลาที่เหมาะเจาะจากอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวเขาจะชำแหละผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวออกเป็นชิ้นๆ
ความสามารถในการป้องกันของวิชาแสงศักดิ์สิทธิ์เทพสงครามของคนตระกูลเทพสงครามนั้นอุกอาจเกินไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่สามหรือสี่ไม่สามารถสร้างบาดแผลใดๆกับเขาได้
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ระดับพลังของจ้านอู๋ซวงต่ำเกินไปและไม่กล้าเปิดใช้พลังของตัวเองทั้งหมดกับการโจมตีของศัตรูด้วย เมื่อพลังงานพิเศษของเขาหมดลงเขาก็จะตายด้วยเช่นกัน
ทั้งสองฆ่าศัตรูมากมาย แต่แน่นอนว่าความเร็วในการฆ่าของเจียงอี้นั้นเป็นสิ่งที่แม้แต่จ้านอู๋ซวงก็ไม่สามารถเทียบได้ เขาฆ่าศัตรูทีละคน แต่เจียงอี้ฆ่าพวกมันเป็นกลุ่ม
ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ก่อนที่ศัตรูจากภายนอกจะเข้ามา กลุ่มคนปัจจุบันก็เหลือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น และมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหลืออยู่เพียงสี่ถึงห้าคน นั่นเป็นเพราะเจียงอี้ไม่ได้ตั้งเป้าอย่างเจาะจง มิฉะนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหมดจะต้องตายอย่างแน่นอน
กลุ่มที่รอดจากการถูกฆ่านั้นตัวสั่นด้วยความกลัวและเสียสติไปแล้ว แต่เดิมพวกเขาวิ่งไปรอบๆเป็นกลุ่ม แต่ก็รู้ดีว่าเจียงอี้นั้นใช้พลังของเขาฆ่าพวกนั้นได้ง่ายดายกว่านัก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มแยกทางกันเหมือนกระต่ายตื่นกลัวที่กระจัดกระจายไปในทุกทิศทาง หลายคนซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ในขณะที่ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นการสังหารใดๆ จริงๆแล้วพวกเขาเตรียมใจสำหรับความตายตั้งแต่ที่พวกเขาก้าวเท้าเข้ามาที่นี่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในวันนี้นั้นวิตถารเกินไป วิธีการฆ่าของเจียงอี้และจ้านอู๋ซวงนั้นโหดเหี้ยมมาก ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาน่ากลัวเหมือนปีศาจจากปรภพ
“ตึกๆๆๆ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง ในที่สุดกองทัพเสริมจากภายนอกก็แห่เข้ามา หยุนเฮ่อและสุ่ยเชียนโหรวก็พาคนเข้ามาด้วย เมื่อพวกเขาเห็นป่าที่เกลื่อนไปด้วยซากศพและฉากที่เหมือนเดนนรก ดวงตาของหยุนเฮ่อก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาเพ่งเล็งสายตาของเขาไปที่พื้นจากระยะไกลและคำราม “เชียนโหรว ใช้สร้อยเงินดับโลกาทุบพื้น! เจียงอี้หลบอยู่ใต้ดิน!”