เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 206
บทที่ 206 มนุษย์เพลิง
“หยุนเฮ่อกับสุ่ยเชียนโหรวมาแล้ว!”
ภายในอุโมงค์ใต้ดิน เจียงอี้และหยุนเฟยพร้อมทั้งจ้านอู๋ซวงกำลังรวมตัวพูดคุยกัน หยุนเฟยใช้ญาณของนางในการตรวจสอบโลกภายนอกก่อนที่จะเอ่ย
“ดูเหมือนว่าสุ่ยเชียนโหรวจะใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของนางแล้ว พวกเราจะเอายังไงดี?”
เจียงอี้ครุ่นคิดในใจและถอนหายใจออกมาเบาๆ “ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะต้องยื้อเวลาไว้จนถึงเที่ยงคืน เมื่อถึงตอนนั้น พวกมันจะสูญเสียการป้องกันทางวิญญาณและกลายเป็นบ้า จากนั้นก็ค่อยเก็บกวาดพวกมัน”
“หนึ่งชั่วโมงเลยรึ? จะทำยังไงถึงจะถ่วงเวลาได้นานขนาดนั้น?”
หยุนเฟยส่ายหัวพลางกล่าว “อิทธิฤทธิ์ของสร้อยเงินดับโลกานั้นน่าตกตะลึงเกินไป มันไม่ใช่อะไรที่ต้นไม้เหล่านี้จะต้านทานได้และดูเหมือนว่าใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที…”
“ข้าเกรงว่าเมื่อต้นไม้เหล่านี้เสียหายมากเกินไป การก่อตัวของรูปแบบตามธรรมชาติก็คงจะถูกทำลายและแม้แต่พวกเราเองก็คงจะหนีไม่พ้น!”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าต้องออกไป… อู๋ซวง เจ้ากับหยุนเฟยรวมมือกันและก่อกวนพวกมันให้ได้มากที่สุด พวกเราจำเป็นต้องถ่วงเวลาพวกมันไว้จนกว่าจะถึงเที่ยงคืน”
“แล้วก็จำไว้ว่า… พวกเราจะต้องมารวมตัวกันก่อนเที่ยงคืน มิฉะนั้น หยุนเฟยก็อาจจะกลายเป็นบ้าเช่นกัน!”
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว เจียงอี้ก็ตะโกน “หมาป่าจันทราสีเงิน!”
ตู้มมมม!
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดมหึมาก็ดังมาจากด้านนอก แรงสั่นสะเทือนทำให้ร่างของทั้งสามคนล้มลงกับพื้น เจียงอี้และหยุนเฟยถูกคลื่นสะท้อนทำให้กระอักเลือดออกมา
“มีต้นไม้สามต้นพังทลาย! พวกเราต้องเร่งมือแล้ว!”
องค์หญิงหยุนเฟยร่ายคาถาเพื่อสั่งการรากไม้ จ้านอู๋ซวงก็ไม่กล้ารอช้า เขาพานางวิ่งไปอีกทางหนึ่งในขณะเดียวกันเจียงอี้ที่อยู่บนหลังของหมาป่าจันทราสีเงินก็วิ่งไปอีกทาง
“คิดหนี?”
แมลงพิษเขียวไล่ตามเจียงอี้ราวกับเงาตามตัว ตราบเท่าที่เขาเคลื่อนไหว หยุนเฮ่อก็จะรู้ตัวทันที ดวงตาของเขาเหลือบมองสุ่ยเชียนโหรวที่อยู่ด้านข้างและเอ่ย
“ทำลายอุโมงค์เหล่านี้ต่อไป! จากนั้นพวกเราก็จะไล่ล่ามัน ข้าอยากรู้นักว่าเศษสวะอย่างมันจะหนีไปไหนได้?”
“อือ!”
สุ่ยเชียนโหรวกำลังตื่นเต้น นางมั่นใจว่าเจียงอี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้เท่าไหร่นัก ด้วยความหวังที่จะได้แก้แค้น นางรีดเค้นพลังและทำใช้สร้อยเงินดับโลกาทำลายรากไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า
จากนั้นด้วยคำสั่งของหยุนเฮ่อ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับโหลและนักสู้ขอบเขตจื่อฝู่อีกหลายร้อยชีวิตก็พุ่งลงไปในอุโมงค์เพื่อไล่ล่าเจียงอี้
“ไป! ไอ้สารเลวเจียงอี้อยู่ทางนั้น!”
หยุนเฮ่อคำรามและบังคับให้ลิงยักษ์วิ่งตรงไป สุ่ยเชียนโหรวกระโดดกลับขึ้นมาบนไหล่ของมัน ในขณะเดียวกันนางก็ออกคำสั่งให้ผู้เชี่ยวชาญของหอดาราสุ่ยเยว่ขนาบข้างเพื่อป้องกันไม่ให้เจียงอี้ลงมือลอบทำร้าย
ปังงง!
อีกด้านหนึ่ง พื้นดินระเบิดออกพร้อมกับร่างของเจียงอี้ที่ทะยานขึ้นมา โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาจุดเพลิงโลกาและแผดเผาศัตรูนับสิบจนกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
คราวนี้เขาไม่ได้ดำดิ่งกลับลงไปในดินเหมือนเช่นเคย แต่ควบหมาป่าจันทราสีเงินมุ่งตรงไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวหลังกลับมามอง
“เจียงอี้—มันคือเจียงอี้!”
สุ่ยเชียนโหรวไม่ได้อยู่หางเกินไปนัก เมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนหลังจากปีศาจหมาป่า นางก็จดจำเขาได้ทันที
“ส่งคำสั่งออกไป จัดตั้งค่ายกล ลอมจับเจียงอี้!”
หยุนเฮ่อเผยรอยยิ้มราวกับปีศาจ ตราบเท่าที่เจียงอี้ยอมเผยตัวออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นเทพเทวดา แต่ก็ไม่มีทางหนีรอดจากกลุ่มคนนับพันไปได้
“บู้ววววว!”
หน่วยสอดแนมรับผิดชอบในการส่งผ่านคำสั่งทำการเป่าแตรซึ่งทำให้กองกำลังทั้งสามเปลี่ยนรูปแบบ พวกมันไม่ได้ไล่ล่าเจียงอี้อย่างเอาเป็นเอาตายอีกต่อไป
แต่เปลี่ยนเป็นจัดตั้งรูปขบวนให้เป็นวงกลมสองวง ในขณะเดียวกันหยุนเฮ่อก็ออกคำสั่งให้นักสู้อีกเกือบสามร้อยคนลงไปในอุโมงค์เพื่อทำการไล่ต้อนและปิดทางหนีเจียงอี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้เลยว่าที่จริงเจียงอี้ก็ไม่มีความคิดที่จะหลบหนีตั้งแต่แรกแล้ว!
เขาต้องการที่จะให้คนทั้งกลุ่มรวมไปถึงสุ่ยเชียนโหยวคอยไล่ตามอยู่ด้านหลังเพื่อทำการถ่วงเวลา เพราะถึงเขาจะหนีออกไปจากที่นี่ คนเหล่านี้ก็ยังคงไล่ล่าเขาอยู่ดี
นอกจากนี้ เจียงอี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหนี เพราะกว่าเขาจะค้นหาสถานที่ซึ่งทำให้เขาได้เปรียบในการต่อสู้เช่นป่าอาถรรพ์แห่งนี้ มันต้องใช้เวลานานและเสี่ยงที่จะถูกพบเจอระหว่างทาง
ดังนั้น เขาจึงเตรียมที่จะเสี่ยงชีวิต แต่เขาก็ไม่ได้ประมาท เจียงอี้ควบคุมให้หมาป่าจันทราสีเงินทิ้งระยะห่างจากสุ่ยเชียนโหรวกับหยุนเฮ่อ
สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์สามารถทำลายไหมปีศาจนภาได้ เช่นเดียวกับหยุนเฮ่อที่เป็นผู้ใช้ศาสตร์เวทย์อันลึกลับ มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่กล้าที่จะเข้าใกล้สองคนนั้นมากเกินไป
สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงแค่การถ่วงเวลาเท่านั้น!
ฟึ่บ
ขบวนทัพของนักสู้เปลี่ยนเป็นเส้นตรง ก่อนที่เจียงอี้จะได้เข้าใกล้พวกมัน คลื่นดาบและกระบี่จำนวนมหาศาลก็ทะลวงผ่านอากาศเข้ามาเขาเสียแล้ว
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสั่งให้ปีศาจหมาป่าเปลี่ยนทิศทาง แต่ไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหน พวกเขาก็มักจะถูกลอบโจมตีในรูปแบบเดียวกันเสมอ
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะดังมาแต่ไกล
“เจียงอี้ หยุดดิ้นรนและยอมให้จับกุมเสียโดยดี! เจ้าไม่มีทางหนีไปได้หรอก ตราบใดที่เจ้ายอมแพ้ เชียนโหรวรับประกันว่าจะไม่ทุบตีเจ้าจนตาย!”
“ฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของสุ่ยเชียนโหรวดังขึ้นอีกครั้ง “เจียงอี้ ในตอนที่เจ้าลงมือสังหารเจ้าทมิฬของข้ารวมไปถึงทำลายเสื้อคลุมวิหควิญญาณ เจ้าคงไม่เคยคิดล่ะสิว่าตัวเองจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
“หึ!”
ดวงตาภายใต้หน้ากากปีศาจของเจียงอี้ยังคงเย็นชา เขาไม่คิดที่จะใช้วาจาตอบโต้ ทันใดนั้นเขาก็สั่งให้หมาป่าจันทราสีเงินกระโดด จากนั้นเขาก็นำหน้าไม้สังหารเทพทั้งสองคันที่ซ่อนไว้ออกมาและเหนี่ยวไก
“ผู้ที่ขัดขวางข้าจะต้องตาย!”
ปังง!
ห่างออกไปเพียงไม่กี่พันเมตร แขนสีทองสองข้างโผล่พรวดขึ้นมาจากใต้ดิน ฝ่ามือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บแหลมคมและตะครุบไปที่ขาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวคนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกัน พื้นดินก็เกิดการสั่นไหวพร้อมกับเถาวัลย์จำนวนนับไม่ถ้วนที่โผล่ขึ้นมาและพันธนาการร่างของเหล่านักสู้ในบริเวณนั้นเอาไว้
ปังงง!
ตู้มมม!
ตัดภาพกลับมาที่เจียงอี้ ในจังหวะที่เขากำลังถูกคลื่นดัชนี,ดาบและกระบี่บดขยี้ จู่ๆร่างของหมาป่าจันทราสีเงินก็หายวับไปและถูกแทนที่ด้วยไหมปีศาจนภาซึ่งห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
แต่ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะคำนวณพลาดไป แม้ว่าเขาจะหลบเลี่ยงการโจมตีส่วนใหญ่ได้แต่ก็ถูกคลื่นกระบี่สองสายเฉือนผ่านร่างกายอยู่ดี
“ไป!”
โดยที่ไม่มีเวลาให้ตรวจสอบบาดแผล เจียงอี้รีบลุกขึ้นมาและดึงไหมปีศาจนภาออกจากร่างกายพร้อมทั้งมัดมันไว้กับต้นไม้
“โจมตี!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่อยู่ใกล้เคียงกู่คำราม นักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ต่างก็กำอาวุธในมือแน่นและกระโจนเข้าหาเจียงอี้
มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสี่ถึงห้าคนซุ่มโจมตี พวกเขาปลดปล่อยจิตสังหารเข้าไปในอาวุธเพื่อที่จะสร้างแรงกดดันให้กับเจียงอี้มากขึ้น
“เพลิงโลกา!”
แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจำนวนมาก แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสุขุมเย็นชา ทันใดนั้นเอง จู่ๆก็มีควันลอยออกมาจากร่างของเขา เจียงอี้เอนตัวไปด้านหลังและใช้ไหมปีศาจนภาเป็นตัวปล่อยนำซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนกับหนังสติ๊ก ส่งผลให้ร่างของเขาพุ่งเข้าหาฝ่ายศัตรูด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุน
“วิ่ง—!”
ในเวลาเดียวกันร่างของเจียงอี้ก็แปรเปลี่ยนเป็นมนุษย์เพลิง ทำให้ห้วงอากาศโดยรอบเกิดการบิดเบี้ยวเนื่องจากความร้อนที่สูงขึ้นอย่างกะทันหัน
“อ๊ากกก!”
ฝ่ายศัตรูแตกฮือและพากันหลบหนีอย่างอลหม่าน แต่เมื่อเจียงอี้ตวัดมือออกไป เปลวไฟอันร้อนแรงก็สาดใส่นักสู้นับโหล ในกลุ่มนั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสองสามคน แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะกลายเป็นขี้เถ้าและถูกพัดหายไปตามสายลม
“แย่แล้ว หนีเร็ว!”
มีหลายคนที่รู้อยู่แล้วว่าเจียงอี้เป็นผู้ใช้ไฟ แต่เมื่อมาเจอกับตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวเพราะไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะวิปริตขนาดนี้ แม้แต่สุ่ยเชียนโหรวและหยุนเฮ่อที่อยู่ไกลออกไปต่างก็หน้าถอดสี
ในตอนนี้สีหน้าของหยุนเฮ่อย่ำแย่ยิ่งนัก เมื่อเขามองเห็นเถาวัลย์ที่ออกมาจากอีกด้านหนึ่ง ใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันและแฝงไว้ด้วยความโกรธ
“ดีมาก! หยุนเฟย นังแพศยาเช่นเจ้าถึงกับช่วยคนอื่นจัดการข้า? ดี เช่นนั้นเจ้าก็ตายพร้อมกับมันเสียเถอะ!”