เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 210
บทที่ 210 หยุนเฮ่อ ตาย!
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
หมาป่าจันทราสีเงินตัวนี้เป็นสัตว์วิญญาณตัวแรกของเจียงอี้ มันอาจไม่ได้มีเชาว์ปัญญาสูงเท่าไรนัก อาจไม่เทียบเท่าแม้แต่กับลูกหมาตัวเล็กๆที่รู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นที่โปรดปรานของเจ้าของ แต่อย่างไรก็ตาม ปีศาจหมาป่าตัวนี้อยู่กับเจียงอี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งเจียงอี้เริ่มมีความรู้สึกผูกพันกับมัน
ตอนนี้สถานการณ์อันตรายเกินไป และถ้าเจียงอี้ไม่เสียสละปีศาจหมาป่า เขาคงจะไม่มีวิธีอื่นในการรวมเหล่ากองทัพมดบินทั้งฝูงไว้ด้วยกันเพื่อโจมตีเข้าไปได้ หากไม่สามารถกำจัดกองทัพมดบินได้ เจียงอี้คงต้องพึ่งพาไหมปีศาจนภาเพื่อเอาชีวิตรอดและในที่สุดก็จะตายด้วยน้ำมือของคนจากหอดาราสุ่ยเยว่
หากเขาจะต้องตาย หมาป่าจันทราสีเงินก็จะตายเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสละชีวิตปีศาจหมาป่าเสีย
เจียงอี้เข้าใจเหตุผลนี้อย่างชัดเจน แต่หัวใจของเขาก็ยังไม่สามารถยอมรับได้และรู้สึกราวกับถูกเฉือนด้วยมีด มันเป็นเพราะความรู้สึกนั้น เจียงอี้จึงสามารถปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารที่ไร้ขอบเขตและช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่เจตจำนงสังหารขั้นสามได้โดยบังเอิญ
เห็นได้ชัดว่าขั้นสามนั้นเหนือกว่ามากเมื่อเทียบกับขั้นสอง ในอดีต เจตจำนงสังหารขั้นสองอาจส่งผลได้มากสุดก็เป็นจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดเท่านั้น
แต่ตอนนี้หยุนเฮ่อซึ่งอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ยังแทบไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่กำลังเร่งความเร็วมาอย่างร้อนรนก็ยังได้รับผลกระทบด้วย
คำสั่งฆ่าเจียงอี้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ หยุนเฮ่อสั่งให้คนของเขาโจมตี เขาที่ครอบครองมดกินเนื้อแสนตัวคิดว่าคงทนได้นานพอถึงแม้ว่าเจียงอี้จะโจมตีเต็มกำลังก็ตาม
เขาไม่เคยคาดคิดว่าไพ่ตายของเจียงอี้จะน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้และทำให้อีกฝ่ายต้องสละหมาป่าจันทราสีเงินเพื่อประชิดตัวเขา ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือทุ่มความหวังทั้งหมดของเขาไว้กับแมลงพิษเขียว
เมื่อหยุนเฮ่อตะโกนออกไป เสียงสะเทือนในอากาศก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็วและแมลงตัวใหญ่เท่ากำปั้นสีเขียวสองตัวปรากฏขึ้น แมลงสองตัวนี้ดูน่าเกลียดอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เนื้อตรงหัวของมันซึ่งเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวน่าขยะแขยง ภายใต้คำสั่งของหยุนเฮ่อ แมลงพิษเขียวทั้งสองตัวบินตรงไปยังเจียงอี้ด้วยความเร็วสูง
“องค์ชายน้อย!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวห้าคนในบริเวณใกล้ๆวิ่งมาที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุดและขณะที่พวกเขากำลังวิ่งไป พวกเขาก็ปล่อยแก่นแท้พลังออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แก่นแท้พลังจะสามารถรวบรวมไปที่ฝ่ามือของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ไข่มุกสีแดงในมือของเจียงอี้ก็เปล่งประกายและมีหินสีแดงปรากฏขึ้นสามก้อน เขาใช้นิ้วมือสะบัดหินทั้งสามก้อน มันถูกยิงออกไปในสามทิศทาง
“ตาย!”
เจียงอี้ทุ่มทุกอย่างและเขาก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการใช้หินวิญญาณเพลิงทั้งหมด ในขณะนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร และตราบใดที่เขาสามารถฆ่าหยุนเฮ่อได้ เขาก็ไม่สนใจหากจะต้องใช้หินวิญญาณเพลิงทั้งหมด
“วิ่ง!”
เมื่อหินวิญญาณเพลิงปรากฏขึ้น อากาศในพื้นที่นั้นก็เริ่มร้อนระอุขึ้น และเมื่อหินวิญญาณเพลิงอันน่ากลัวเหล่านี้ถูกยิงออกไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่กำลังมาที่นี่ก็ไม่สามารถทนกับความร้อนเช่นนี้ได้
ชีวิตของหยุนเฮ่อนั้นสำคัญมาก แต่หากพวกเขาต้องเผชิญกับความตาย ทำไมพวกเขาจึงต้องสนใจหยุนเฮ่ออยู่อีก?
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
ขณะที่หินวิญญาณเพลิงกำลังลุกโชน ใบไม้บนพื้นก็ไหม้ไปหมด มันไม่ใช่แค่ใบไม้ แต่อากาศโดยรอบก็ผิดเพี้ยนไป เมื่อมองจากที่ไกลๆ มันรู้สึกราวกับว่าชั้นบรรยากาศที่หินวิญญาณเพลิงลอยผ่านไปนั้นเริ่มบิดเบี้ยว และมันช่างน่าพิศวงอย่างยิ่ง
“จี๊ จี๊!”
แมลงพิษเขียวทั้งสองตัวที่บินมานั้นยังรู้สึกถึงอันตรายถึงชีวิตได้ พร้อมด้วยความกลัวในดวงตาเล็กๆของพวกมัน หยุนเฮ่ออาจสั่งให้พวกมันฆ่าเจียงอี้ แต่เมื่อเผชิญกับอันตรายถึงที่สุดแล้ว แมลงยักษ์ทั้งสองตัวนี้ยังคงอยู่ห่างๆและหมุนวนไปมาด้วยความเร็วสูงสุด
“ตาย!”
เจียงอี้ไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับแมลงขนาดใหญ่สองตัวนี้ในขณะที่เขายกดาบเกล็ดทมิฬขึ้นมาแล้วก็วิ่งไปข้างหน้าพร้อมหยิบหินวิญญาณเพลิงออกมาเมื่อใดก็ตามที่แมลงเข้ามาใกล้ เมื่อเจียงอี้อยู่ห่างจากลิงยักษ์เพียงไม่กี่เมตร เขาก็ยิงหินวิญญาณเพลิงออกมา ลิงยักษ์ตัวนั้นส่งเสียงร้องอย่างอนาถทันที ในขณะที่ร่างมหึมาของมันถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านสีดำอย่างรวดเร็ว
“ไม่ เจียงอี้! เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้! หากเจ้าฆ่าข้า บิดาของข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่! ข้าเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดที่อาณาจักรเทียนเซวี่ยนได้พบมาในรอบหมื่นปี เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!”
หยุนเฮ่ออยู่ห่างจากลิงยักษ์เพียงไม่กี่เมตร เมื่อเขาเห็นลิงยักษ์กลายเป็นขี้เถ้าเขารู้สึกได้ถึงความร้อนอันน่าสยดสยองขณะที่เขาได้กลิ่นความตาย
คำตอบของคำพูดที่เขากล่าวมาคือ เจียงอี้ยิงหินวิญญาณเพลิงอีกก้อนออกมา ในวันนี้เจียงอี้ใช้ทุกสิ่งไปหมดแล้วและใช้หินวิญญาณเพลิงไปอย่างน้อยหนึ่งในสามของที่เหลือก่อนหน้านี้
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
เมื่อหินวิญญาณเพลิงถูกยิงออกมาแล้ว หยุนเฮ่อก็ไม่มีความหวังที่จะรอดอีกต่อไป เขามองอย่างไร้ประโยชน์เมื่อหินสีแดงบินผ่านมา ก่อนที่มันจะถึงตัวเขาได้เขาก็ถูกเผาจนตายด้วยเปลวไฟสีเขียวบนก้อนหิน และกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านดำๆ
“จี๊ จี๊!”
ทันทีที่หยุนเฮ่อตาย ทันใดนั้นแมลงพิษเขียวก็ตัวสั่นและระเบิดกลางอากาศในขณะที่ลูกแมลงที่มองไม่เห็นทั้งหมดก็เผยตัวออกมาก่อนที่พวกมันจะระเบิดตามกันไป
หยุนเฮ่อตายแล้วและแมลงพิษเหล่านั้นก็ตายไปกับเขาเช่นกัน! ซึ่งมันคล้ายกับสัตว์วิญญาณของเจียงอี้
“ซื่อ ซื่ออ!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนในบริเวณใกล้ๆหายใจฟอดใหญ่ หยุนเฮ่อตายแล้วนั่นหมายความว่าเมื่อพวกเขากลับไปพวกเขาส่วนใหญ่อาจถูกประหารชีวิตเนื่องจากการเข้าร่วมในครั้งนี้ ขณะนี้ แม้ว่าเจียงอี้จะอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา ทุกคนมองเจียงอี้ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูวิญญาณที่น่ากลัวและอันตราย
“ฟึ่บ!”
มีเสียงเป่าปากดังมาจากระยะไกลขณะที่สร้อยคอสีเงินพุ่งทะลุผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว มันทะลวงต้นไม้หลายต้นและใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งเข้าหาเจียงอี้ด้วยพลังที่สามารถทำลายสวรรค์และพิภพได้
“พวกเจ้าทุกคน โจมตีเพื่อข้าผู้นี้! เจียงอี้มีหินเพลิงเหลืออยู่ไม่มาก มากที่สุดคงเหลืออยู่ห้าชิ้น เมื่อหินเพลิงของเขาหมดลง ความตายจะรอเขา ผู้ใดที่ฆ่าเจียงอี้ได้จะได้รับรางวัลเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์สิบชิ้นจากข้า!”
เมื่อเขาได้ยินเสียงที่ละเอียดอ่อนซึ่งสะท้อนออกมาเจียงอี้ก็ไม่มีเวลาที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับจอมยุทธคนอื่นๆที่เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่ง ดวงตาของเขาจ้องมองที่สร้อยเงินดับโลกาขณะที่มันกำลังแล่นข้ามท้องฟ้ามา
หมาป่าจันทราสีเงินของเขาตายไปแล้วและเขาไม่สามารถหนีการโจมตีจากสร้อยคอได้ด้วยความเร็วของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยิงหินวิญญาณเพลิงสามชิ้นออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้สร้อยคอพุ่งเข้าใส่เขาในขณะที่เปิดใช้ไหมปีศาจนภาเพื่อห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้ หากหินวิญญาณเพลิงไม่สามารถทำลายสร้อยเงินดับโลกาและไหมปีศาจนภาก็ไม่สามารถขัดขวางมันได้ เขาคงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมของเขาก็เท่านั้น
คราวนี้หินวิญญาณเพลิงทำให้เขาผิดหวัง!
ความเร็วของสร้อยเงินดับโลกานั้นเร็วมากและเจียงอี้ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน หินวิญญาณเพลิงสองก้อนนั้นพลาดไปและในขณะที่อีกหนึ่งก้อนพุ่งไปถึงเป้าหมาย สร้อยเงินดับโลกาก็ปล่อยแสงวิบวับที่ทำให้มองไม่เห็น กลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่ออกมาจากสร้อยในทันใด
กลิ่นอายนั้นให้ความรู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังจะล่มสลาย เจียงอี้ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกถึงแรงกดดันที่ทำให้เขาคุกเข่าและถูกตรึงไว้ ทุกคนภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรรู้สึกถึงมันได้และเลือดก็กระอักออกมาจากปากของพวกเขา อวัยวะภายในทั้งหมดของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างเห็นได้ชัดจากกลิ่นอายที่น่ากลัวนี้
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
เมื่อหินวิญญาณเพลิงปะทะกับด้านนอกของสร้อยคอ มันถูกเผาด้วยแสงสีขาวในขณะที่พลังงานก็ลดลงอย่างรวดเร็ว แสงจากสร้อยคอสีเงินจางลงไปอย่างรวดเร็ว
แต่มันไม่ได้ถูกหินวิญญาณเพลิงเจาะเข้าไป ในที่สุดหินวิญญาณเพลิงก็มอดไปในขณะที่สร้อยคอยังคงตรงไปหาเจียงอี้ด้วยกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความตาย
“มันจบแล้ว…”
ร่างกายของเจียงอี้ยังไม่ได้ถูกไหมปีศาจนภาหุ้มอย่างสมบูรณ์ ขณะที่เขามองอย่างไร้ประโยชน์ไปที่สร้อยคอที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ร่างกายของเขายังคงนิ่งงันและหลับตาด้วยความสิ้นหวัง
“กรุ๊งง กริ๊ง!”
ทันใดนั้นเสียงที่คมชัดก็ดังสะท้อนออกมา ดวงตาที่ปิดสนิทของเจียงอี้ก็เปิดออกในขณะที่เขาเผยความสุขสำราญออกมา ในที่สุดก็เที่ยงคืน การโจมตีผ่านคลื่นเสียงของป่าอาถรรพ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เมื่อเสียง ‘กรุ๊ง กริ๊ง‘ ดังขึ้น ดวงตานับไม่ถ้วนก็เริ่มสับสน สุ่ยเชียนโหรวผู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลก็เกิดความสับสนในดวงตาของนางเช่นกัน สร้อยเงินดับโลกาที่กำลังจะพุ่งชนเข้ากับเจียงอี้ก็หยุดลงทันทีเพราะไร้ซึ่งผู้ควบคุม
มันลดขนาดลงอย่างมากและในที่สุดก็กลายเป็นสร้อยคอเล็กๆที่แขวนอยู่กลางอากาศในขณะที่กลิ่นอายอันน่ากลัวได้หายไปอย่างสมบูรณ์!
“ฮ่าๆๆๆ!”
เจียงอี้มองไปรอบๆและพบแต่ผู้ที่มีดวงตาที่งุนงงซึ่งดวงวิญญาณของพวกเขานั้นตกอยู่ในห้วงภวังค์ของภาพลวงตา พวกเขาได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียงนี้อย่างชัดเจน เจียงอี้ยืนขึ้นและเช็ดเลือดที่ขอบปากของเขาแล้วหัวเราะออกมา เขาสูญเสียไปมากกับการต่อสู้ในวันนี้ แต่ในที่สุด … เขาก็ได้รับชัยชนะเสียที