เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 215
เจียงอี้ หยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงถูกมัดรวมกันและมีรอยเลือดอยู่ทั่วร่างกาย…และดูเหมือนว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช เนื่องจากผิวสีดำแดงของเขา จ้านอู๋ซวงนั้นถูกจดจำได้ง่ายเกินไป และเซี่ยเถียนก็จำเขาได้ เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักคนพวกนั้นและพูดราวกับว่าเขาต้องการแก้แค้นให้สุ่ยเชียนโหรว แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าเป็นการโกหกอย่างชัดเจนด้วยตาที่เบิกกว้าง
“โอ้?”
ดวงตาของสุ่ยจงฮวาส่องสว่างขึ้นมา เจียงอี้ให้นางหลอกล่อให้พวกเขาเข้ามาโดยไม่มีความระแวดระวังใดๆ ในตอนนี้นางจึงมีความสุขมากและพยักหน้าทันที “นี่คือพวกชั่วช้าที่พยายามทำร้ายคุณหนูน้อยของเรา หากไม่ใช่เพราะนายหญิง คุณหนูคงตายไปแล้ว คนพวกนี้มีสถานะพิเศษและหากไม่มีคำสั่งของคุณหนูน้อย เราก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามที่จะลงมือ ท่านแน่ใจหรือว่าท่านไม่กลัวผู้ที่จะมาแก้แค้น?”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ทั้งเซี่ยเถียนและจ่างซุนอู๋จี้หัวเราะออกมาขณะที่เซี่ยเถียนโบกมือและตะโกนว่า “ใครก็ได้ นำบุคคลทั้งสามนี้ไปประหารซะ ไม่มีใครในยุทธภพนี้ที่ ข้า เซี่ยเถียนไม่กล้าที่จะฆ่า“
คนของเซี่ยเถียนไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่ความสุขบนใบหน้าของจ่างซุนอู๋จี้เผยออกมา เขาโบกมือขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวยี่สิบคนรีบตรงไปทางเจียงอี้ สุ่ยจงฮวายังแสดงสัญญาณมือกับลูกน้องของนางให้ถอยออกไปและให้คนของจ่างซุนอู๋จี้รีบเข้ามา
“บุฟ“
ขณะที่ชายยี่สิบคนนี้อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร ปากของเจียงอี้ก็แสดงถึงกลิ่นอายอันเยือกเย็น เขากระซิบกับกู่เท่อที่กำลังจับเขาอยู่ “ลงมือ“
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
ด้วยคำสั่งของเจียงอี้ นักสู้ทั้งหมดหมุนเวียนแก่นแท้พลังของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง แก่นแท้พลังกว่าเจ็ดสิบสายถูกปลดปล่อยผ่านอากาศมาซึ่งพุ่งไปยังยี่สิบคนที่กำลังพุ่งเข้ามา
“หืม?”
“อ๊ะ? ถอยเดี๋ยวนี้!”
“ท่านประมุขน้อย …”
เหตุการณ์ต่างๆเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้สีหน้าของจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียนเปลี่ยนไปอย่างมาก ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายนั้นห่างกันเพียงสิบเมตรและคนของจ่างซุนอู๋จี้ไม่ได้มีการป้องกันใดๆ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งเตรียมแก่นแท้พลังของพวกเขาไว้นานแล้ว การต่อสู้ระกว่างเจ็ดสิบต่อยี่สิบ ผลลัพธ์ก็คงไม่ยากเกินกว่าที่จะคาดเดาได้
“ปึ้ง ปึ้ง!”
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
แก่นแท้พลังจำนวนมากถูกเป่าไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งยี่สิบคนในพริบตา ร่างกายส่วนใหญ่ของพวกเขากลายเป็นเนื้อสับในขณะที่พวกที่เหลือจมอยู่กับกองเลือด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตายแต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็พิการ
“นี่…นี่มันหมายความว่าอะไร? ทำไมพวกเจ้าจึงโจมตีคนของเรา?”
ดวงตาของเซี่ยเถียนสั่นไหวในขณะที่เขามองสุ่ยจงฮวาและตะโกนใส่นาง จ่างซุนอู๋จี้ควบคุมมังกรน้ำแข็งและบินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับตะโกนออกมาในเวลาพร้อมกันนั้นว่า “ถอย! ทุกคน ถอย!”
“มันสายไปแล้ว โจมตี!”
เจียงอี้ตะโกนออกมา กู่เท่อและคนอื่นๆก็บินออกไปทันทีในขณะที่หญิงสาวส่วนใหญ่ของหอดาราสุ่ยเยว่ก็เริ่มโจมตีเช่นกันโดยทิ้งคนหนึ่งคนไว้เพื่อคอยดูแลสุ่ยเชียนโหรว
เจียงอี้ จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยยังแสร้งทำราวกับว่าพวกเขาหมดสติต่อไป ด้วยสถานะของจ้านอู๋ซวง เขามีบางสิ่งที่เขาจะต้องไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วย ทุกคนที่เซี่ยเถียนนำมาทั้งหมดล้วนเป็นของราชวงศ์ เจียงอี้ไม่กล้าที่จะต่อสู้อย่างเปิดเผยกับเซี่ยเถียนเนื่องจากสมุนไพรสยบวิญญาณยังคงอยู่ในมือของอาณาจักรเสินหวู่ ดังนั้นเมื่อทั้งสามคนแกล้งทำเป็นหมดสติ แม้ว่าจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียนจะพบว่าพวกเขาเป็นผู้บงการ พวกเขาก็จะไม่สามารถกล่าวถึงมันได้!
“ค่ายกลสุ่ยเยว่!”
หญิงสาวจากหอดาราสุ่ยเยว่หมุนตัวและเคลื่อนย้ายตำแหน่งในเวลาเดียวกันและในไม่ช้าพอเสื้อคลุมสีเขียวของพวกนางเริ่มส่องแสง แสงสีเขียวก็ถูกเชื่อมเข้าด้วยกันและก่อตัวเป็นรูปดาวหกเหลี่ยม ทันใดนั้นความเร็วของพวกนางก็เพิ่มขึ้นเมื่อพวกนางทั้งสี่สิบสี่คนปลดปล่อยแก่นแท้พลังออกมาและทำลายผู้คนที่พยายามหนี
“พันธนาการสายลม!”
คทาของกูเท่อส่องแสงเป็นครั้งคราว มีสายลมเย็นๆพัดผ่านมาและรัดนักสู้ใดๆที่สัมผัสกับสายลม เมื่อความเร็วของพวกเขาได้รับผลกระทบ ในที่สุดพวกเขาก็จะถูกระเบิดเป็นชิ้นๆโดยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลัง
“พระแม่ธรณีคำราม!”
หั่วซู่เริ่มปล่อยอาคมของเขาออกมาเช่นกัน ทำให้พื้นดินสั่นไหวและส่งผลกระทบต่อความเร็วของเหล่าผู้ที่กำลังหลบหนี
“ฆ่ามัน!”
กลุ่มนักสู้พุ่งออกมาจากทางตะวันออก พวกเขาไม่ได้มีคนอยู่มากเท่าไหร่นัก ซึ่งมีอยู่ราวๆแปดสิบคนและมีผู้ที่อยู่ขอบเขตเสินโหยวเพียงเก้าคนเท่านั้น
พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสีดำในขณะที่ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เมื่อพวกเขาเข้าประชิด ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็เริ่มปล่อยแก่นแท้พลังโดยไม่มีพิธีรีตอง
มีจอมยุทธหญิงที่ถือน้ำเต้าซึ่งเปล่งแสงประกายออกมาทำให้งูเขียวตัวน้อยนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินและรีบตรงไปที่คนของจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียนด้วยความเร็วสูง
“อ๊าาากกก!”
สมาชิกของตระกูลจ่างซุนและตระกูลราชวงศ์สิ้นหวังอย่างสมบูรณ์ พวกเขาพ่ายแพ้ในด้านของตัวเลขและสูญเสียกำลังรบอย่างสมบูรณ์เช่นกัน หอดาราสุ่ยเยว่ใช้ค่ายกลสุ่ยเยว่ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งในการโจมตีของทุกคนและเสริมด้วยเวทย์อาคมจากจอมยุทธของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหนึ่งร้อยคนก็ยังไม่สามารถจัดการได้ นับประสาอะไรกับกลุ่มคนเล็กๆของพวกเขา
“อู๋จี้ เราควรทำยังไงกันต่อดี?”
เมื่อมองลงไปด้านล่างที่คนของพวกเขาถูกกำจัดเหมือนแตงโมที่ถูกผ่า สีหน้าของเซี่ยเถียนนั้นเหลือเพียงความหดหู่ ด้วยความสามารถของเขากับจ่างซุนอู๋จี้ที่มีอยู่น้อยนิด แม้ว่าพวกเขาจะลงไปพวกเขาคงต้องตายเช่นกัน
“เราจะทำอะไรได้อีก?”
จ่างซุนอู๋จี้มองไปที่เจียงอี้และสุ่ยเชียนโหรวที่อยู๋ด้านล่างด้วยความไม่พอใจอย่างขมขื่น ก่อนหน้านี้เขาว้าวุ่นอยู่พักหนึ่ง แต่เขากลับมามีสติแล้ว เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เจียงอี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นลูกน้องของสุ่ยเชียนโหรวคงจะไม่ลงมืออย่างเด็ดขาดเช่นนี้
เมื่อมองดูคนของเขาที่กำลังจะถูกกวาดล้าง เซี่ยเถียนก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ เขาจ้องมองที่เจียงอี้และพูดว่า “ทำไมเราไม่ … ควบคุมมังกรน้ำแข็งให้ลงไปและเราจะใช้หน้าไม้สังหารเทพเพื่อกำจัดเจียงอี้อย่างเต็มกำลัง?”
“หึๆ!”
จ่างซุนอู๋จี้หัวเราะเยาะเมื่อเขามองไปที่ตระกูลจ่างซุนด้านล่างด้วยความเจ็บปวด เขากัดฟันแล้วนำพามังกรน้ำแข็งบินไปในที่ห่างไกล
เซี่ยเถียนเป็นคนโง่เขลา แต่จ่างซุนอู๋จี้ไม่ใช่ เขารู้ว่าหากเขาลงไป เจียงอี้จะหยุดแสร้งทำเป็นสลบแน่นอน และหากมีโอกาสใดที่เจียงอี้จะปิดปากเขาและเซี่ยเถียนได้ แม้แต่จ้านอู๋ซวงก็คงจะลงมืออย่างเต็มกำลังเช่นกัน
“เฮ้อ …”
เมื่อเจียงอี้มองไปที่มังกรน้ำแข็งที่บินไป เขาลืมตาขึ้นมาขณะที่จ้านอู๋ซวงก็ถอนหายใจเล็กน้อยเช่นกัน จ่างซุนอู๋จี้ฉลาดเกินไป ทั้งสามคนกำลังรอให้พวกเขาลงมือโจมตี ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสฆ่าจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียนได้ แต่ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงมองอย่างช่วยไม่ได้เมื่อพวกนั้นหนีไปแล้ว
การต่อสู้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและเจียงอี้ค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่กี่คน แต่ก็ไม่มีผู้เสียชีวิตในขณะที่คนของจ่างซุนอู๋จี้และเซี่ยเถียนถูกกำจัดออกไปอย่างสมบูรณ์ มันน่าเสียดายที่ทั้งสองคนนั้นหนีไป
“องค์หญิง, นายน้อยเจียง, นายน้อยจ้าน คนเหล่านี้ไม่มีเหรียญตราอยู่กับตัวเลยขอรับ…”
หลังจากเก็บกวาดสนามรบ คนของกู่เท่อก็นำข่าวร้ายมารายงานขณะที่เจียงอี้มองไปในทิศทางที่จ่างซุนอู๋จี้หนีไปด้วยสีหน้าเศร้าสลด เซี่ยเถียนต้องมีแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณและเหรียญตราทั้งหมดของพวกเขาจะต้องถูกเก็บไว้กับเซี่ยเถียนแน่ๆ
ตระกูลจ่างซุนและตระกูลราชวงศ์มีความมั่งคั่งอย่างแท้จริง มากพอจนสองคนในกลุ่มนี้มีสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณและมีหน้าไม้สังหารเทพอยู่หลายชุด เมื่อกู่เท่อขอคำแนะนำ เจียงอี้โบกมือแล้วพูดกับจ้านอู๋ซวงและหยุนเฟย “ยกสิ่งของเหล่านี้ให้ตระกูลของพวกเจ้าทั้งคู่ ข้ามีสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณและหน้าไม้สังหารสิบชุดแล้ว ข้าไม่ต้องการของพวกนี้แล้ว“
จ้านอู๋ซวงปฏิเสธและโบกมือของเขา “หยุนเฟย นำมันให้กับคนของเจ้าแล้วกัน เราไม่สามารถเก็บสิ่งของเหล่านี้ที่มาจากตระกูลราชวงศ์ได้“
หยุนเฟยไม่ได้กล่าวอันใดและแจกจ่ายสิ่งของให้กับคนของนางทันที แน่นอนว่าคนของกู่เท่อและหั่วซู่ไม่ได้รับมัน หญิงสาวจากหอดาราสุ่ยเยว่ก็ไม่ได้อิจฉาเช่นกัน แค่เจียงอี้ไม่ได้ปล้นสิ่งประดิษฐ์ของเชียนโหรวไป พวกนางรู้สึกขอบคุณมากแล้ว
“ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้โบกมือแล้วตะโกนออกมาว่า “หยุนเฟย สังเกตการณ์ต่อไป ตราบใดที่เจ้าพบกลุ่มคนที่มีมากกว่าห้าสิบคน ล้อมรอบพวกเขาทันที! ข้าต้องการแค่เหรียญตรา แล้วสิ่งของทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้า“