เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 227
เจียงอี้เข้าไปในหุบเขาสามหมื่นลี้ เขาขอเครื่องรางสัตว์วิญญาณจากเฉียนว่านก้วนมาสามชิ้นเพื่อหาสัตว์อสูรระดับสูง ซึ่งหมายความว่าเขาต้องมาที่หุบเขาสามหมื่นลี้
ย่างก้าวหิมะเมฆาทมิฬเคลื่อนไปด้วยความเร็วสูงและใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการเข้าสู่เทือกเขาที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ หลังจากเข้าสู่หุบเขา ม้าศึกนี้มีก็ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัด มันรู้สึกหงุดหงิดและเหมือนถูกรบกวน พวกเขาอาจจะอยู่แค่เพียงตีนเขาสามหมื่นลี้ แต่กลิ่นอายสัตว์อสูรนั้นได้แผ่ซ่านความกลัวไปถึงม้าศึกตัวนี้
“ย๊า!”
ภายใต้หน้ากากปีศาจของเจียงอี้ เขาเผยสายตาเย็นยะเยือกในขณะที่เขาหวดแส้อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ม้าศึกเดินต่อไป หลังจากควบม้าไปอีกสองชั่วโมง ข้ามเขาเล็กๆไปหลายสิบลูก ในที่สุดพวกเขาก็หยุดลงเมื่อสัตว์อสูรเริ่มปรากฏ
ย่างก้าวหิมะเมฆาทมิฬนี้เป็นเพียงแค่ม้าและไม่มีอำนาจการรบใดๆ แม้กระทั่งเมื่อพบกับสัตว์อสูรในระดับต่ำสุดมันก็ยังคงหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าเขาจะพึ่งพาม้าศึกตัวนี้ให้เดินหน้าต่อไป เจียงอี้กระโดดลงจากม้าและตบไปที่บั้นท้ายแล้วพูดว่า “เจ้าคู่หู ไปหาความสงบสุขเองเถิด และข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดี!”
เจียงอี้ปล่อยม้าที่เลื่องชื่อตัวนี้ไปซึ่งนั่นคือการเทตำลึงทองสองล้านก้อนไปอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังของเขาและวิ่งตรงเข้าไปในภูเขา เขาเหลือเวลาไม่มากและขบวนคุ้มกันเจ้าสาวกำลังจะตามมาทันในไม่ช้า เมื่อพวกเขาเข้าสู่เขตแดนอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว มันก็จะเหลือเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่เมืองเซี่ยยวี่และจะทำให้เขาไม่มีโอกาสลงมืออีกต่อไป
สิ่งที่เฉียนว่านก้วนคาดการณ์ไว้นั้นถูกเผง เจียงอี้ต้องการสกัดกองทัพและเพื่อปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณ
เขาเป็นบ้าไปแล้วและถูกเซี่ยถิงเวยกับเซี่ยอู๋หุ่ยบังคับให้ทำเช่นนี้ เมื่อสมุนไพรสยบวิญญาณนั้นอยู่ในมือของตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสได้มันมาอีกแล้ว ในประวัติศาสตร์ของทั้งทวีปมีสมุนไพรสยบวิญญาณเพียงไม่กี่ต้น หากเขาพลาดสมุนไพรสยบวิญญาณในครั้งนี้ ในช่วงชีวิตนี้เขาอาจจะไม่สามารถช่วยชีวิตเจียงเสี่ยวนู๋ได้อีกเลย
อันที่จริง… เจียงอี้มีวิธีที่ปลอดภัยกว่าอีกวิธีหนึ่งคือขอความช่วยเหลือจากซูรั่วเสวี่ย เนื่องจากของขวัญการหมั้นหมายเหล่านี้นั้นถูกใช้เพื่อขอนางอภิเษก หากนางจะขอมันจากอาณาจักรต้าเซี่ย อาณาจักรต้าเซี่ยจะมอบให้แก่นางแน่นอน
ปัญหาคือเจียงอี้จะขอหรือ?
แน่นอนว่า ไม่!
มีอีกเหตุผลที่สำคัญสำหรับการปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณ เจียงอี้อยากจะฉีกหน้าเซี่ยถิงเวยและเซี่ยอู๋หุ่ยเพื่อระบายความรู้สึกแย่ๆทั้งหมดในหัวใจของเขาออกมา
เขาไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของซูรั่วเสวี่ยได้ เขาทำได้เพียงเอาคืนอย่างสาสมต่อเซี่ยอู๋หุ่ยโดยการต่อต้านกองทัพของอาณาจักรเสินหวู่ เขาต้องการให้อาณาจักรเสินหวู่ต้องอับอายขายขี้หน้า!
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่เจียงเปี๋ยหลีกำจัดกองทหารนับร้อยนับพันจากอาณาจักรต้าเซี่ยที่หุบเขาทลายวิญญาณ ทำให้กำลังรบของอาณาจักรต้าเซี่ยอ่อนแอลงมาก อาณาจักรต้าเซี่ยหวาดกลัวว่าอาณาจักรเสินหวู่อาจแก้แค้นและทำลายล้างอาณาจักร
เพื่ออาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว ซูรั่วเสวี่ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมจำนนในฐานะธิดาของพระราชา เจียงอี้เคารพการตัดสินใจของนาง ไม่เช่นนั้น หากนางถูกบังคับ เขาจะต้องต่อสู้จนตัวตายเพื่อลักพาตัวเจ้าสาวอย่างแน่นอน
ตั้งแต่เขาตัดสินใจที่จะปล้น มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเตรียมการบางอย่าง เขาอาจจะดูบ้า แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะทิ้งชีวิตของเขาไปดื้อๆ ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนเดินทางทั้งวันทั้งคืนมาที่หุบเขาสามหมื่นลี้
“ฟึ่บ!”
แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่เจียงอี้ก็ยังคงวิ่งด้วยความเร็วอย่างเต็มกำลัง เขาอาจจะปล่อยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา แต่ความห้าวหาญที่บ้าบิ่นของเขานั้นทำให้สัตว์อสูรระดับต่ำที่อยู่รอบนอกต่างตื่นตกใจ
“ฮู่ ฮู่!”
สัตว์อสูรประเภทแรดระดับหนึ่งนั้นวิ่งเข้ามา แต่ความเร็วของเจียงอี้ไม่ได้ลดลงเลย เขากวัดแกว่งดาบเกล็ดทมิฬและฟาดฟันไปทั่วร่างปีศาจแรด ทำให้มันถูกผ่าออกเป็นสองส่วนและสิ้นใจในทันที
เจียงอี้จะสังหารสัตว์อสูรไปด้วยในขณะที่เขาวิ่งเข้าไป ดาบเกล็ดทมิฬเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณซึ่งสัตว์อสูรระดับหนึ่งจะไม่สามารถป้องกันและจะถูกสังหารทันทีเมื่อสัมผัสกับดาบ
หลังจากวิ่งไปสี่ชั่วโมง ปริมาณของสัตว์อสูรที่ปรากฏขึ้นมาก็เริ่มลดลงในขณะที่การเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรนั้นกลายเป็นสัตว์อสูรระดับสองทั้งหมด ดังนั้นเจียงอี้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องชะลอฝีเท้าลง
เขาอาจจะไม่เจอสัตว์อสูรระดับสองที่เหมาะกับเขา แต่ถ้าความแข็งแกร่งของพวกมันสามารถเสริมพลังซึ่งกันและกันและมีลักษณะพิเศษ มันอาจจะดีที่จะทำให้เป็นสัตว์วิญญาณ นอกจากนี้เขายังเป็นเพียงขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่สอง ความเร็วของเขานั้นช้าเกินไป แม้ว่าเขาจะบุกทะลวงสู่ขั้นที่สามของขอบเขตจื่อฝู่ อีกอย่าง ต่อให้ในตอนนี้พลังโจมตีของเขานั้นจะน่าเกรงขาม แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจะระวังตัวมากกว่านี้
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
บนยอดต้นไม้ใหญ่มีกิ่งไม้สีเขียวที่จู่ๆก็กลายเป็นงูใหญ่ตัวหนึ่งที่มีความเร็วสูงมาก เพียงแค่พริบตาเดียวมันก็พุ่งเข้าหาเจียงอี้ด้วยปากสีแดงขนาดใหญ่ซึ่งกำลังจะกลืนชีวิตของเจียงอี้
“ดาบมังกรเพลิง!”
เจียงอี้เพิ่งจะเฉียดเข้ามาในพื้นที่ชั้นในของหุบเขาสามหมื่นลี้และเขาไม่เห็นใครเลยระหว่างทางที่เข้ามาที่นี่เช่นกัน นี่คือสาเหตุที่เขานำดาบมังกรเพลิงออกมาโดยไม่มีการยับยั้งชั่งใจใดๆ เขาหมุนเวียนแก่นแท้พลังเข้าไปในดาบมังกรเพลิงและตวัดไปข้างหน้าอย่างแรง
“บุฟ”
ดาบมังกรเพลิงได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งออกมาในขณะที่งูยักษ์ตะลึงงันกลางอากาศจากการปรากฏตัวที่น่าสะพรึงกลัวของดาบมังกรเพลิง!
“ฟึ่บ ฟั่บ!”
แสงสีแดงของดาบมังกรเพลิงปรากฎมังกรเพลิงสองตัวที่กำลังพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มังกรเพลิงในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากครั้งแรกที่เจียงอี้เผลอนำมันออกมา มังกรเพลิงมีความยาวสามเมตรและในทันทีที่มังกรเพลิงปรากฏขึ้นอากาศด้านหน้าก็บิดเบี้ยวและกลายเป็นระลอกคลื่นหยักๆ ซึ่งมองรวมๆแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
“ปัง!”
ก่อนที่มังกรเพลิงจะสัมผัสกับงูยักษ์ ร่างของงูหลามก็ถูกสับโดยแก่นแท้พลังที่น่าสะพรึงกลัวทันที ทำให้มันกลายเป็นฝนเลือดที่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง มังกรเพลิงสองตัวบินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องทำให้ต้นไม้ทั้งหมดที่มันบินผ่านไปกลายเป็นฝุ่น ในที่สุดมังกรเพลิงสองตัวก็บินไปประมาณสามสิบเมตรก่อนที่พลังงานจะหมดและหายไปกลางอากาศ
“โอ้…พระเจ้า…”
เจียงอี้ตะลึงงัน หากเขาจะปล้นสมุนไพรสยบวิญญาณด้วยตัวเอง เขาคงเชื่อมั่นกับที่สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้จะไม่ทำให้เขาผิดหวัง และพลังของมันก็ใกล้เคียงกับตราประทับผู้ปกครองของเจียงนี่หลิวและสร้อยเงินดับโลกาของเชียนโหรว!
“สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้มีพลังมากมายเช่นนี้ ทำไมจักรวรรดิมังกรเวหาจึงเต็มใจเสนอให้มันเป็นรางวัล?”
เจียงอี้กระพริบตาอย่างสงสัยและเบนสายตาไปทางไข่มุกวิญญาณเพลิงที่ด้ามดาบ เขาพึมพำว่า “ดาบมังกรเพลิงเล่มนี้ไม่ได้ถูกคาดเอาไว้ว่ามันมีพลังมากมายเช่นนี้อย่างนั้นเหรอ? มันเป็นเพราะการหลอมรวมกับไข่มุกวิญญาณเพลิงซึ่งทำให้พลังของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่า?”
“ไข่มุกวิญญาณ แยกออกมา!”
เจียงอี้มุ่งเน้นความคิดของเขาไปที่ไข่มุกวิญญาณเพลิง ซึ่งมันปล่อยแสงออกมาและแยกตัวออกจากดาบมังกรเพลิง เจียงอี้ถือไข่มุกวิญญาณเพลิงและดาบมังกรเพลิงไว้ในแต่ละมือก่อนที่เขาจะพยายามหมุนวียนแก่นแท้พลังไปที่ดาบมังกรเพลิงอีกครั้ง แม้จะไม่มีไข่มุกวิญญาณเพลิง ดาบมังกรเพลิงก็สามารถใช้งานได้จริงๆและเชื่อมต่อกับดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้
เจียงอี้ใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อถ่ายแก่นแท้พลังเข้าไปในขณะที่ดาบมังกรเพลิงก็แผ่รังสีออกมาด้วยแสง แต่แสงนั้นไม่สูงเท่าเมื่อครู่และกลิ่นอายก็ต่ำกว่ามาก
“ย๊าาา!”
เจียงอี้มองไปข้างหน้าและฟาดออกไปทันที ทันใดนั้นแสงสีแดงในดาบมังกรเพลิงก็ปรากฎมังกรเพลิงออกมาเพียงตัวเดียวซึ่งบินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“น่าแปลกนัก…ทำไมมันถึงมังกรเพลิงเพียงตัวเดียว? และพลังที่ออกมา ดูเหมือนจะด้อยกว่ามาก?”
เจียงอี้ไม่ได้สนใจที่มังกรเพลิงเปลี่ยนป่าตรงหน้าเขาเป็นฝุ่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน เมื่อมังกรเพลิงหมดพลังและหายไป เขาก็หลอมรวมไข่มุกวิญญาณเพลิงเข้าไปอย่างรวดเร็วและฟันดาบออกไปอีกครั้งหนึ่ง
อย่างที่คาดไว้!
หลังจากหลอมรวมกับไข่มุกวิญญาณเพลิง กลิ่นอายของดาบมังกรเพลิงจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวในทันที ในขณะที่แสงสีแดงก็ได้สร้างมังกรเพลิงขึ้นมาสองตัว นั่นทำให้เพิ่มพลังที่ออกมาเป็นสองเท่า!
“อย่างนี้สินะ!”
ในที่สุดความสงสัยในใจของเจียงอี้ก็ถูกขจัดไป สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ที่บกพร่องนี้มีพละกำลังด้อยกว่า แต่แน่นอนว่ามันเหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์อย่างแน่นอน ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเหตุผลที่จักรวรรดิมังกรเวหาเต็มใจมอบเป็นรางวัล
คำถามอื่นก็ปรากฏขึ้นมาแทน หลังจากหลอมรวมเข้ากับไข่มุกวิญญาณเพลิง ความแข็งแกร่งของดาบมังกรเพลิงก็เปรียบได้กับสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป
หากเขาสามารถซ่อมแซมค่ายกลภายในสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ อาวุธนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้หรือไม่? ตอนนี้มีค่ายกลเพียงหนึ่งในห้าส่วนที่สมบูรณ์ หากส่วนที่เหลือของค่ายกลได้ถูกซ่อมแซม พลังของดาบมังกรเพลิงจะท้าทายสวรรค์แน่นอน มันจะยังคงถูกพิจารณาว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่หรือไม่นะ?