เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 235
“ปัง!”
ทางอีกด้าน วิหคเพลิงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา…การต่อสู้ก็ยังไม่เริ่ม แต่ ณ พื้นผิวดินตรงที่รถม้าทั้งสามคันที่ขนสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนได้พลันปะทุขึ้นมาในขณะที่ชายสวมเกราะดำและหน้ากากปีศาจโผล่ออกมา
ทันทีที่เจียงอี้ปรากฏตัว มีแสงสีแดงส่องประกายราวกับเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขาอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารหลายสิบคนกลายเป็นเถ้าถ่านทันที
“ฆ่า!”
เจียงอี้กวาดตามองรถม้าทั้งสามคันที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ดวงตาของเขาแผ่จิตสังหารออกมาและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้นเล็กน้อย ก่อนที่ดาบเกล็ดทมิฬของเขาจะกลายเป็นเงาดาบพันเล่มที่ปกคลุมทหารจำนวนมากข้างหน้า
“สามหาว! ฆ่ามัน!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสามคนในบริเวณใกล้ๆแผดเสียงคำรามออกมา ขณะที่พวกเขาบินเหินออกมาจากหมู่ทหารและพุ่งไปทางเจียงอี้ ส่วนทหารที่เหลือก็มีความเกรี้ยวกราดและแห่กรูกันไปทางเจียงอี้เพื่อล้อมรอบและฆ่าเจียงอี้
“เหอะ! เจตจำนงสังหาร!”
เจียงอี้ส่งเสียงไม่พอใจและมีแสงสีแดงส่องประกายแวววับในดวงตาของเขาขณะที่จิตสังหารทะลักออกมาจากร่าง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนซึ่งกำลังเหาะเหินตรงไปที่เจียงอี้มก็ลดความเร็วลง จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะรับรู้ถึงแรงกดดันเช่นนี้ได้และตะโกนออกมาว่า “เจตจำนงสังหาร? เจียงอี้? เจ้าบ้าไปแล้วหรือที่คิดจะขัดขวางและสังหารค่ายเสินหวู่? เจียงอี้ เจ้ากำลังตั้งตนเป็นกบฏหรือ?”
“เจียงอี้?”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอีกสองคนและทหารอีกนับไม่ถ้วนก็รู้ทันทีว่ามีเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่มีเจตจำนงสังหาร ยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือของเจียงอี้ที่เขาสามารถปลดปล่อยเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัวในช่วงสงครามราชอาณาจักรเพื่อเผาผู้คนจำนวนมากได้มาถึงหูอาณาจักรแล้วและคนผู้นี้ก็คือเจียงอี้อย่างแน่นอน!
เจียงอี้เพิ่งจะได้รับตำแหน่งแม่ทัพเขี้ยวมังกรไม่ใช่หรือ? นี่คือสิ่งที่ถูกประกาศไปทั่วราชอาณาจักร แม่ทัพแห่งอาณาจักรเสินหวู่กำลังขัดขวางกองทัพคุ้มกันเจ้าสาวจากอาณาจักรที่มีองค์รัชทายาทร่วมขบวน? ทุกคนมีความตกใจและสับสนโดยคิดว่าบุคคลนี้ไม่ใช่เจียงอี้ หรือนั่นก็หมายความว่าเจียงอี้คลุ้มคลั่งไปแล้ว
“ตาย!”
เจียงอี้ไม่มีเวลาในการไตร่ตรองใดๆ ดาบเกล็ดทมิฬหายไปและถูกแทนที่ด้วยดาบสีแดงยาวสองเมตร ในขณะที่เขาเทแก่นแท้พลังสีดำลงไปในดาบ เขาฟาดดาบลงมาทำให้มังกรเพลิงสองตัวพุ่งออกมาพร้อมกับกลิ่นอายที่รู้สึกเหมือนมันสามารถทำลายชั้นฟ้าและผืนดินได้เลย
เอ๊ะ? เหตุใดพลังของดาบมังกรเพลิงจึงเพิ่มขึ้นอีกแล้ว?
ทันทีที่มังกรเพลิงปรากฏขึ้น เจียงอี้ก็รู้สึกถึงความแตกต่าง และรัศมีของแรงกดดันที่ออกมาจากมันก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เมื่อความยาวของมังกรเพลิงเพิ่มขึ้นมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดว่าพลังที่ถูกปล่อยออกมานี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองส่วน
“แก่นแท้พลังสีดำ!”
เจียงอี้คิดอย่างรวดเร็วและเข้าใจว่าเป็นเพราะเขากำลังเทแก่นแท้พลังสีดำเข้าไป เมื่อคราวก่อนที่เขาเทแก่นแท้พลังสีดำเข้าสู่สิ่งประดิษฐ์ระดับวิญญาณของซูรั่วเสวี่ย ความแข็งแกร่งของสิ่งประดิษฐ์ก็ขึ้นเป็นระดับสวรรค์ ดังนั้นเหตุผลที่ความรุนแรงของดาบมังกรเพลิงเพิ่มขึ้นสองส่วนก็เนื่องมาจากแก่นแท้พลังสีดำ
“สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ ดาบมังกรเพลิง!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนต่างตื่นตระหนกเพราะพวกเขามั่นใจว่าบุคคลนี้คือเจียงอี้ ส่วนทหารที่เหลือเริ่มตระหนักถึงมันได้ทีละคน แต่เมื่อพวกเขาคิดจะถอย พวกเขาสังเกตเห็นว่าร่างกายของพวกเขาอ่อนปวกเปียกและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนก็เคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย
ด้วยความกดดันจากทั้งดาบมังกรเพลิงและเจตจำนงสังหาร แค่พวกเขาสามารถเดินได้มันก็ดีมากพอแล้ว
“ลงมือ!”
ประกายที่เกิดขึ้นในแววตาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนนั้นตระหนักได้แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้อย่างแน่นอนและไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเสี่ยงลงมือ ทั้งสามคนปล่อยแก่นแท้พลังออกมาพร้อมกันเพื่อปะทะกับมังกรเพลิง
มีทหารอยู่ในละแวกใกล้เคียงและเมื่อพลังทั้งสามสายและมังกรไฟปะทะกัน คนเหล่านี้จะถูกกำจัดอย่างแน่นอน พวกเขามีทางเลือกอะไรอีกบ้างตอนนี้? หากพวกเขาไม่ปล่อยแก่นแท้พลังออกมาโจมตี คนเหล่านี้ก็จะยังคงต้องตายภายใต้พลังโจมตีและความดุร้ายของดาบมังกรเพลิง
“ฟู่ ฟู่!”
“ฟึ่บ! ฟั่บ!”
มังกรเพลิงสองตัวและพลังโจมตีทั้งสามสายกำลังจะปะทะกันอย่างรวดเร็วขณะที่ทหารใกล้ๆหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
“บึ้มมม!”
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่ว พวกเขาทั้งหมดถูกแสงสีขาวสาดทอไปทั่วฟ้าจนมองไม่เห็น การระเบิดที่น่ากลัวทำให้พื้นที่ทั้งหมดบิดเบือนไปเล็กน้อยทำให้ทหารหลายร้อยคนกลายเป็นเนื้อสับ คลื่นพลังที่ระเบิดนั้นส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสามคนถูกพัดออกไป เสื้อเกราะและเสื้อผ้าภายในขาดวิ่นเหลือเพียงกองเลือดที่ดูน่าหวาดกลัว มองดูแล้วก็ไม่ทราบว่าพวกเขาตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่
“ปึ้ง ปึ้ง ปั้ง!”
ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังก็ถูกส่งปลิวออกไปด้วยคลื่นพลังในขณะที่รถม้าทั้งสามคันนั้นพังทลายไปซึ่งทำให้กล่องโลหะสีดำทั้งหมดที่บรรจุของขวัญปลิวกระจัดกระจายไปและเกิดการทำลายล้างไปทั่วทั้งพื้นที่นั้น
“ไหมปีศาจนภา!”
ในขณะที่กำลังจะเกิดการระเบิด เจียงอี้ก็เรียกไหมปีศาจนภาออกมาทันทีและห่อร่างของเขาไว้ คลื่นพลังที่กระแทกเข้ามานั้นพัดพาทุกอย่างปลิวไปและส่งร่างของเขาปลิวออกไปเช่นกัน ทหารหลายสิบคนที่อยู่ด้านหลังเจียงอี้ต่างก็กระจัดกระจายด้วยเช่นกัน ในขณะที่ทหารทั้งกลุ่มที่อยู่ห่างออกไปต่างก็กระแทกทับกันเองจนเป็นก้อน
“ชิบหาย!”
ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้กล่องสมบัติ มันก็ปลิวกระจายไปหลายร้อยเมตรซึ่งทำให้เจียงอี้โกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
เขาไม่ได้ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของเขาอีกต่อไป ขณะที่ไหมปีศาจนภาหายไปเพลิงโลกาก็หลั่งไหลออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงและเผาทหารนับร้อยรอบตัวเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
เขาใช้ฝ่ามือระเบิดแก่นแท้เพื่อบังคับให้เพลิงโลกาผลักตัวเขาไปด้านหลัง เขาไม่กล้าที่จะอยู่ในจุดเดิมจุดเดียว ในขณะที่เขาปล่อยเพลิงโลกาและวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อตามไล่ล่ากล่องสมบัติโลหะสีดำกว่ายี่สิบกล่อง
มันไม่จำเป็นต้องบอกว่าของทุกอย่างภายในกล่องโลหะสีดำเป็นสมบัติที่จะถูกนำไปเป็นของขวัญหมั้นของซูรั่วเสวี่ยและมีความเป็นไปได้ที่สมุนไพรสยบวิญญาณจะถูกบรรจุไว้ในนั้น เจียงอี้ไม่ทราบสถานการณ์ฝั่งของวิหคเพลิงเลย แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากวิหคเพลิงก็ไม่สามารถต้านทานได้นานนัก ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่ขนาบข้างองค์รัชทายาทจะรีบมาที่นี่ในไม่ช้าและถ้าเขาไม่ได้สมุนไพรสยบวิญญาณในเวลาใกล้ๆนี้ เขาอาจจะไม่สามารถหนีไปไหนได้อีก
“อ๊าาากก!”
ด้วยฝ่ามือระเบิดแก่นแท้ เจียงอี้ปล่อยเพลิงโลกาก้อนใหญ่ซึ่งเปลวไฟได้กระจัดกระจายออกไปในทุกทิศทาง นำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงแก่ค่ายเสินหวู่
ค่ายเสินหวู่เป็นกองทัพชั้นยอดที่สุดในอาณาจักรเสินหวู่ คนที่อ่อนที่สุดในพวกเขานั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตฉูติ่ง ในขณะที่หัวหน้าหน่วยทั้งหมดอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ แล้วถึงพวกเขาอยู่ขั้นจุดสูงสุดของขอบเขตจื่อฝู่ พวกเขาจะสามารถทนเพลิงโลกาได้หรือ? นอกจากนี้ นี่คือหุบเขาทลายวิญญาณซึ่งมีภูมิประเทศที่ค่อนข้างแคบ และมีผู้คนทุกที่ที่ต้องเผชิญกับสายฝนเพลิงโลกา
หากเพลิงโลกาหลอมพวกเขาทั้งหมดอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่าเพราะพวกเขาจะ … ตายทันที เมื่อเพลิงโลกาแตกออกเป็นสะเก็ดไฟขนาดเล็กที่ร่อนลงบนร่างของพวกเขา มันทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย ในขณะที่บางคนอาจตายทันทีเมื่อถูกสะเก็ดเพลิงโลกาเจาะศีรษะ ผู้ที่ถูกเพลิงโลกาที่แขนจะต้องมองแขนที่กลายเป็นฝุ่นอย่างไร้ประโยชน์ บางคนถูกยิงที่ส่วนล่างของร่างกาย เผาไหม้จนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ตรงจุดซ่อนเร้นของพวกเขา
เสียงตกใจที่ถูกสาดกระเซ็นไปด้วยเลือด เสียงที่ร้องโหยหวน และเสียงที่ตกกระทบลงไปกับพื้น …
เมื่อเสียงทั้งหมดเหล่านี้ประสานกัน ทำให้หุบเขาทลายวิญญาณถูกแต่งแต้มจนกลายเป็นเหมือนดั่งขุมนรก เหตุการณ์นี้ไม่สามารถทนมองได้ไหวและได้กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยอง
“ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!”
ร่างกายทั้งหมดของเจียงอี้ถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงโลกาและอย่างน้อยก็แผ่รัศมีออกไปหกเมตรทำให้เขาดูเหมือนเทพอัคคี ก่อนจะถูกเพลิงโลกาที่น่าสยดสยอง มันทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง เขาถูกคลุมด้วยเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวก้อนนี้ขณะที่เขาพุ่งตรงไปที่กล่องสมบัติ เขาคำรามออกมาด้วยดวงตาที่เปื้อนเลือดและเปล่งเสียงคำรามที่เยือกเย็นราวกับธารน้ำแข็งหมื่นปี สะท้อนไปทั่วทั้งหุบเขา “ผู้ใดที่ขวางทางข้า ผู้นั้นมันต้องตาย!”
“หืม?”
ความอลหม่านที่เกิดขึ้นที่นี่ดังไปถึงเซี่ยอู๋หุ่ยและคนของเขา ขณะนี้พวกเขากำลังยืนอยู่เหนือหุบเขาหลายร้อยเมตรและแม้ว่าระยะทางจะห่างไกลออกไป การระเบิดที่น่ากลัวยังคงดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา พวกเขาสามารถมองเห็นร่างที่ไม่ชัดเจนของเจียงอี้ลางๆเป็นเหมือนมนุษย์เพลิงยักษ์
เมื่อเจียงอี้เพิ่งปรากฏตัว ทุกคนรู้สึกตึงเครียดในใจเพราะคิดว่าจะมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่จะทำร้ายพวกเขาและสังหารเซี่ยอู๋หุ่ย หลังจากวิหคเพลิงถูกสังหารโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว พวกเขาสังเกตเห็นว่าไม่มีสัตว์อสูรหรือจอมยุทธในบริเวณใกล้เคียงอีกต่อไป และรู้สึกผ่อนคลายร่างกายที่เกร็งไปบ้าง
“โฮวววว!”
เสียงที่ดังเป็นจังหวะดังก้องกังวาน ทำให้การแสดงออกของผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวข้างๆเซี่ยอู๋หุ่ยเปลี่ยนไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะรายงานอย่างตรงไปตรงมา “องค์ชาย จากข้อมูลด้านนั้นระบุว่ามีคนขัดขวางกองทัพ เขาควงดาบมังกรเพลิงและเป็นผู้ครอบครองเพลิงโลกาที่น่ากลัวและยังมีเจตจำนงสังหาร พวกเขาสงสัยว่าบุคคลนั้นจะเป็นแม่ทัพเขี้ยวมังกร… เจียงอี้! “
“เจียงอี้?”
เซี่ยอู๋หุ่ยตกตะลึงและกลิ่นอายแห่งความสยดสยองได้แผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างไร้ขอบเขตทันที เขาคำรามออกมา “แม่ทัพไท่สื่อ นำผู้เชี่ยวชาญยี่สิบคนในขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวไปที่นั่น เจ้าต้องกำจัดกบฏผู้นี้ให้ข้า!”