เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 239
“ไปได้แล้ว!”
เพื่อที่จะหลอมรวมดาบมังกรเพลิงเข้ากับดาบเงาวายุและเพลิงโลกาได้อย่างสมบูรณ์แบบ มันจะต้องมีการทดลองและฝึกฝนก่อนที่เขาจะสามารถใช้มันได้อย่างไม่มีที่ติ เจียงอี้ไม่ได้มีเวลาเท่าไหร่นักในขณะที่เขาระงับความตื่นเต้นในหัวใจของเขาเอาไว้ เขาพบพื้นที่ที่หลบมุมอยู่และมุดลงใต้ดินก่อนที่จะเรียกเจ้าเหลืองใหญ่ออกมาเพื่อมุ่งหน้าตรงไปที่หุบเขาอัคคีเมฆา
ยิ่งเข้าใกล้ภูเขาไฟมากเท่าไหร่ อุณหภูมิใต้ดินก็จะร้อนขึ้นทำให้เจ้าเหลืองใหญ่กระสับกระส่าย เจียงอี้ควบคุมเหลืองใหญ่อย่างเต็มกำลังไปได้อีกสองสามกิโลเมตรก่อนจะเก็บมันกลับไปและใช้ดาบเกล็ดทมิฬขุดอุโมงค์ไปยังภูเขาไฟ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา โคลนก็กลายเป็นสีดำแดงและอุณหภูมิก็สูงอย่างน่าตกใจ เมื่อความเร็วในการขุดของดาบเกล็ดทมิฬลดลง เจียงอี้ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอาดาบมังกรเพลิงออกมา เขาไม่จำเป็นต้องเทแก่นแท้พลังสีดำและพึ่งเพียงคมดาบมังกรเพลิงก็สามารถขยายอุโมงค์ได้อย่างรวดเร็ว
“ฟึ่บ!”
ในไม่ช้า เจียงอี้ก็ทลายกำแพงของภูเขาไฟ จากนั้นเขาก็โผล่หัวออกมาจากรูและกลั้นหายใจขณะที่ตรวจสอบพื้นที่ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในภูเขาไฟ เขาก็กระโดดลงไปโดยไม่ใช้เชือกใดๆ
“ปัง!”
เมื่อเจียงอี้จมเข้าไปในลาวาเดือดเขาก็เริ่มว่ายไปมาอย่างรวดเร็วและดูดซับเพลิงโลกา มันปลอดภัยกว่ามากเมื่อเทียบกับครั้งก่อน ทำให้เขาสามารถดูดซับเพลิงโลกาได้มากกว่าอย่างน้อยสองเท่า ภายในไข่มุกวิญญาณเพลิง นอกเหนือจากของจิปาถะที่ถูกเหน็บไว้ที่มุมเล็กๆ พื้นที่ที่เหลือก็เต็มไปด้วยเพลิงโลกา
“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว!”
เจียงอี้กระโดดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้ออกไปทางปล่องภูเขาไฟ เขาใช้อุโมงค์ที่เขาขุดก่อนหน้านี้เพื่อออกไปแทน หลังจากวิ่งมาหลายกิโลเมตรเขาก็เรียกเจ้าเหลืองใหญ่ออกมาและรีบตรงไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรต้าเซี่ยอย่างรวดเร็ว
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว เซี่ยอู๋หุ่ยควรมาถึงเมืองใดเมืองหนึ่งในราชอาณาจักรต้าเซี่ยแล้วอย่างแน่นอน เจียงอี้ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่เขาจะสามารถหาสถานที่อื่นเพื่อสกัดกั้นอีกครั้ง
เขาขี่เหลืองใหญ่และเร่งความเร็วมาตลอดทั้งคืน เจียงอี้มาถึงเมืองยามรุ่งสาง แต่เขาไม่กล้าเข้าเมือง มันเต็มไปด้วยทหาร อย่างน้อยก็สองสามร้อยคนที่กำลังตรวจสอบทุกคนที่กำลังจะเข้าไปในเมือง
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้สังเกตจากระยะไกลและเดินออกไปจากเมือง เนื่องจากเขาผ่านเข้าประตูเมืองไม่ได้เขาจึงต้องขุดอุโมงค์เข้าไปในเมืองโดยตรง เขามีเจ้าเหลืองใหญ่ซึ่งทำให้เขาเดินทางใต้ดินได้เร็วขึ้น
หลังจากคาดคะเนระยะทางแล้ว เจียงอี้ก็ขี่เจ้าเหลืองใหญ่และมุดดินไปใต้เมืองก่อนที่จะเก็บเจ้าเหลืองใหญ่เข้าไปแล้วใช้ดาบเกล็ดทมิฬขุดอุโมงค์ด้วยตัวเองแทน เจ้าเหลืองใหญ่เป็นสัตว์อสูรระดับสามและการตัวตนของมันนั้นค่อนข้างโดดเด่นเกินไป จอมยุทธคงจะรู้สึกถึงมันได้จากบนพื้นดินตั้งแต่ก่อนที่มันจะขุดดินขึ้นไปโผล่ในเมืองได้เสียอีก
เขาขุดอุโมงค์ด้วยความระมัดระวังและเพิ่มศักยภาพในการจับคลื่นเสียงเพื่อกำหนดว่าที่ได้มีผู้คนและที่ใดไม่มี ในไม่ช้า เขาก็โผล่ออกมาจากลานบ้านพักพร้อมกับเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมปักและเปลี่ยนไปใช้หน้ากากปกติ จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากลานกว้างและเดินไปตามถนนสายหลัก
เจียงอี้ใช้จ่ายเงินไปเล็กน้อยและพบโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ และเขาได้ข้อมูลที่เขาต้องการจากบริกร เซี่ยอู๋หุ่ยเข้าเมืองไปแล้ว แต่เขาไม่ได้อยู่ในเมืองเล็กๆแห่งนี้ เขาไปที่เมืองเซี่ยเฟิงแทน
แม่ทัพซูตี๋กั๋วเป็นผู้นำทัพทหารสามหมื่นนายมาคุ้มกันเซี่ยอู๋หุ่ยไปยังเมืองเซี่ยเฟิง ข่าวที่กองทัพคุ้มกันเจ้าสาวถูกโจมตีถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าเซี่ย ซึ่งเป็นสาเหตุที่มีทหารจำนวนมากอยู่ทั้งข้างนอกและในเมือง มันเป็นหัวข้อที่พูดถึงมากที่สุดในเมือง
“เมืองเซี่ยเฟิง?”
การแสดงออกของเจียงอี้กลายเป็นมืดหม่น เมืองเซี่ยเฟิงเป็นเมืองหลักแห่งแรกที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรต้าเซี่ย มันมีกองทัพที่มีทหารนับแสนและถ้าเซี่ยอู๋หุ่ยอยู่ในเมืองนี้ อัตราความสำเร็จในการฆ่าเขานั้นก็ต่ำมาก
เขาพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมและเดินไปรอบๆเมืองก่อนที่จะเข้าไปในหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง หอการค้ากำเนิดมังกร
หอการค้าแห่งนี้มีขนาดใหญ่และมีร้านค้ามากมายเช่นเดียวกับหอสมบัติที่อยู่ในเมืองเทียนอวี่ ที่นี่มีสิ่งของหลากหลายชนิดและหากมีตำลึงทองเพียงพอ พวกเขาก็สามารถหาซื้อสิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ได้
สิ่งที่เจียงอี้ต้องการคือแผนที่รายละเอียดของอาณาจักรต้าเซี่ย หน้ากากหนังมนุษย์หลายอันและแผ่นป้ายที่สามารถปลอมแปลงตัวตนของเขาได้ สิ่งของทั้งหมดนี้สามารถหาได้ในหอการค้าขนาดใหญ่เท่านั้น
เมื่อเจียงอี้เข้ามาในห้องโถงการค้าเขาก็ไม่ได้ร้อนรนหาของที่ต้องการแต่เขาเพียงแค่สังเกตสถานที่ด้วยความทะนงตน อย่างที่เขาคาดไว้ ผู้ดูแลร้านค้ารีบเข้ามาและยิ้มให้ “ท่านลูกค้าประสงค์สิ่งใดขอรับ?”
เจียงอี้พูดเบาๆโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “เจ้ามีสินค้าที่ดีกว่าที่นี่ไหม?”
“แน่นอนขอรับ โปรดตามข้ามาได้เลยขอรับ!”
ผู้ดูแลร้านค้าเข้าใจทันที วิธีการพูดนี้ถูกสอนโดยเฉียนว่านก้วนและเป็นรหัสลับซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เจียงอี้กำลังมองหาไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผงขายของ แต่เป็นสิ่งของที่ผิดกฎหมาย
เจียงอี้ถูกนำตัวเข้าไปในห้องที่สวยหรูในขณะที่ผู้ดูแลร้านค้าออกไป และเจ้าของร้านมาในขณะที่เจียงอี้วางตำลึงทองที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้าไว้บนโต๊ะและพูดว่า “หน้ากากหนังมนุษย์สิบแผ่น แผนที่ที่มีรายละเอียดมากที่สุดของอาณาจักรต้าเซี่ยและแผ่นจารึกตัวจนปลอมสามแผ่น!”
“หืม?”
เจ้าของร้านขมวดคิ้วและยิ้มขอโทษอย่างรวดเร็ว “นายน้อย หน้ากากหนังมนุษย์และป้ายตรานั้นหาง่ายนัก แต่แผนที่ที่ละเอียดที่สุดคือสิ่งที่ข้าน้อยต้องขอคำแนะนำจากหัวหน้าผู้ดูแลร้านของเราขอรับ“
“เช่นนั้นก็เร็วๆหน่อย!”
เจียงอี้โบกมือของเขาในขณะที่เจ้าของร้านออกไปทันทีและนำเจ้าของร้านอีกคนหนึ่งก็เข้ามา ทันทีที่เจ้าของร้านผู้นี้เข้ามา ดวงตาของเจียงอี้ก็เปล่งประกาย แต่ก็คืนกลับเป็นความเฉยเมยทันที เขาชี้ไปที่ผู้ดูแลร้านและพูดว่า “เจ้าออกไปก่อน!”
“ฮะ…”
เมื่อได้ยินเสียงของเจียงอี้ เจ้าของร้านเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างรวดเร็ว และเมื่อผู้ดูแลร้านถูกไล่ออกไป เขาก็เปิดใช้งานอาคมยับยั้งของห้องทันที ก่อนที่จะคุกเข่าข้างหนึ่งและทักทาย “เฉียนคุนคารวะนายน้อยอี้!”
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้ใช้มือทั้งสองช่วยให้เขาลุกขึ้น จากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออกและพูดอย่างใกล้ชิดว่า “เฉียนคุน ไม่ได้พบกันมานาน ครึ่งปีแล้วที่เราอำลากันที่หุบเขาจิตอสูรใช่ไหม? เจ้าสหายคนนี้ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลร้าน? ทำไมตระกูลเฉียนจึงเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าแห่งนี้?”
เฉียนคุนเป็นลูกน้องของเฉียนว่านก้วน ย้อนกลับไปตอนที่อยู่หุบเขาจิตอสูร ตอนที่เจียงอี้ใช้เจตจำนงสังหารเพื่อไล่ล่าสัตว์อสูร มันเป็นเฉียนคุนที่คอยรับใช้เขาทั้งสอง
เมื่อจิ้งจอกวิญญาณสามหางปรากฏขึ้น ซึ่งทำให้เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงต้องกลับไป เจียงอี้จึงได้ทำงานร่วมกับเฉียนคุนและกลุ่มคนของเขาเป็นเวลานาน ทุกครั้งที่เจียงอี้ทำการล่าสัตว์อสูร เฉียนคุนก็จะเป็นผู้ทำให้เขาสลบและพาเขากลับถ้ำ ดังนั้นเจียงอี้จึงไว้ใจและผ่อนคลายลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉียนคุน
“ฮ่าๆ มันเป็นเพราะประมุขน้อยของเราหวังกับข้าไว้สูง และให้ข้าออกมาลองเสี่ยงภัยและขัดเกลาอารมณ์ตัวเองก่อนที่จะกลับไปรับตำแหน่งที่สำคัญกว่านี้ สำหรับเรื่องนี้… หอการค้ากำเนิดมังกรนั้น ฉากหน้ามันเป็นของตระกูลในอาณาจักรต้าเซี่ย แต่อันที่จริงมันเป็นธุรกิจการค้าของตระกูลเฉียน“
หลังจากเฉียนคุนอธิบายเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองเจียงอี้ด้วยความชื่นชมและพูดว่า “นายน้อยอี้ ข้าอาจจะอยู่ที่นี่ในช่วงเวลานี้ แต่ข้ารู้ในทุกการกระทำที่กล้าหาญของนายน้อยอี้ พี่น้องของเราต่างพากันเลือดพุ่งพล่านเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม เราทุกคนภูมิใจในความจริงที่ว่าเรารู้จักวีรบุรุษอย่างนายน้อยอี้และระลึกถึงวันที่เราล่าสัตว์อสูรด้วยกันกับนายน้อยอี้“
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะอย่างขมขื่น “ตอนนี้ข้าเป็นคนทรยศที่ก่อกบฏ หากพวกเจ้ายังยอมรับข้าเป็นสหาย ข้าก็ขอบคุณมาก“
“กบฏบ้าบออะไร?!”
เฉียนคุนเริ่มพูดด้วยความร้อนรน “องค์ราชารู้ดีว่านายน้อยอี้ต้องการสมุนไพรสยบวิญญาณแต่เขาก็ยังมอบมันให้กับองค์รัชทายาท นี่เป็นความผิดของพวกเขาท่านประมุขน้อยได้ส่งข้อความถึงเราแล้ว เพื่อแจ้งให้ทราบถึงที่อยู่ของท่านและเพื่อช่วยท่านในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน แน่นอนว่า … ตระกูลเฉียนยังคงเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางของอาณาจักรเสินหวู่และมีหลายสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ในที่สาธารณะ เราหวังว่านายน้อยอี้จะเข้าใจ.”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
เจียงอี้หัวเราะออกมาอย่างหนักขณะที่เขาตบไหล่เฉียนคุนด้วยอารมณ์ที่ดี “ช่วยข้าส่งข้อความกลับไปหาเจ้าอ้วนเฉียนที บอกเขาว่าข้ายังมีชีวิตอยู่และข้าจะอยู่รอดต่อไป หากวันใดวันหนึ่งข้าแข็งแกร่งมากพอจริงๆ ข้าจะไปบุกอาณาจักรเสินหวู่และสังหารเซี่ยถิงเวย แล้วให้เจ้าอ้วนเฉียนขึ้นเป็นราชา!”