เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 256
“เจ้าหนู เจ้าไปได้สิ่งนี้มายังไง?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรโบกมือพร้อมกับสร้างมิติปิดกั้นขึ้นมาซึ่งทำให้บรรดาสัตว์อสูรทั้งหลายจำเป็นต้องวิ่งอ้อมไปทางอื่น
วืดดดด!
ในขณะที่เจียงอี้กำลังเผชิญหน้าอยู่กับตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร เจตจำนงสังหารก็ถูกบังคับให้ต้องสูญสลายไป เขาจ้องมองไปยังร่างของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าและลอบกลืนน้ำลาย
มันไม่ใช่เพราะเขาหลงใหลในความงามของนาง แต่มันเป็นเพราะกลิ่นอายอันสูงส่งที่อบอวลอยู่รอบกายนางต่างหาก!
มันคือกลิ่นอายของตัวตนระดับจักรพรรดิซึ่งทำให้ผู้ที่อยู่ต่ำกว่ารับรู้ได้เพียงความหวาดกลัวและด้อยค่าเท่านั้น!
เจียงอี้ไม่สามารถยกแม้กระทั่งดาบในมือขึ้นมาได้ แม้แต่ไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุดของเขาก็ถูกจักรพรรดินีสัตว์อสูรตนนี้สยบเสียราบคาบ
หินวิญญาณเพลิงสามารถแผดเผาได้แม้กระทั่งอาคมยับยั้งที่อยู่ในสุสานของราชันสวรรค์หมื่นมังกร และทำลายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างตราประทับผู้ปกครองได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าหญิงสาวผู้นี้กลับสามารถจับมันได้ด้วยมือเปล่า!
นี่สินะคือความน่ากลัวของจักรพรรดิสัตว์อสูร!
นางเป็นสิ่งมีชีวิตที่เทียบได้กับยอดฝีมือที่บรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตจินกังหรือแม้กระทั่งชนชั้นราชันสวรรค์ แต่ในตอนนี้เจียงอี้หาได้สนใจเรื่องเหล่านั้นไม่ เพราะเขารู้ตัวดีว่าตัวเองนั้นจบเห่แล้ว!
ในเมื่อกำลังจะตาย แล้วทำไมเขาถึงต้องตอบคำถามนางด้วย? เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์สัตว์อสูรเป็นศัตรูกันตามธรรมชาติ เขาไม่มีทางบอกนางอย่างแน่นอน
เจียงอี้ทำเพียงแค่จ้องมองไปที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรด้วยความเกลียดชังและปิดปากเงียบอย่างดื้อรั้น
ทันใดนั้นเอง ร่องรอยความโกรธก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวเมื่อเห็นว่าเจียงอี้ยังคงไม่ตอบคำถามของนาง แต่พริบตาเดียว ดวงตาของนางก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนู เจ้าหูหนวกหรือยังไง? เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าจักรพรรดินีผู้นี้จะทำให้เจ้าต้องประสบพบเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย!”
เจียงอี้ยังคงนิ่งเงียบ เขาเหลือบตามองหญิงสาวผู้นั้นพร้อมกับมุมปากที่ยกขึ้นมาเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน คล้ายกับจะพูดว่า ‘นายน้อยผู้นี้ไม่เชื่อเจ้าหรอก หากว่าแน่จริงก็ลงมือเลยสิ!’
ปังง!
ในที่สุดเจียงอี้ก็ยั่วยุจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้สำเร็จ นางบีบหินวิญญาณเพลิงในมือจนแตกละเอียด จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือฟาดไปที่ร่างของเจียงอี้จนร่างของเขาลอยกระเด็นไปไกลพร้อมกับกระอักเลือดสีแดงสดออกมา
วินาทีต่อมาร่างของเขาก็อัดกระแทกกับพื้นหลังจากที่ลอยกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตรจนสร้างเป็นหลุมลึก
แค่ก! แค่ก!
เจียงอี้สัมผัสได้ถึงกระดูกที่แตกหัก มุมปากของเขากระตุกไม่หยุดและพยายามที่จะพยุงร่างของตัวเองขึ้นมา แม้ว่าร่างกายจะถูกชโลมไปด้วยเลือดแต่ดวงตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปยังร่างของหญิงสาว
ถึงข้าจะต้องตาย แต่ก็ไม่ขอตายด้วยสภาพที่น่าสมเพช!
“บรู๊ววววว!”
“โฮกกกกก!”
“แกว๊ก! แกว๊ก!”
เสียงกู่คำรามของบรรดาสัตว์อสูรดังสะท้อนไปหลายร้อยกิโลเมตร ร่างกายอันใหญ่โตของพวกมันปกคลุมพื้นดินและท้องฟ้าไปมากกว่าครึ่งซึ่งทำให้ร่างของเจียงอี้สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลานี้ขาของเขาอ่อนยวบจริงๆ หากไม่ใช่เพราะความดื้อรั้นอันน่าเหลือเชื่อ ป่านนี้เขาคงจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นแล้ว
“ฮึ่ม!”
หญิงสาวที่เรียกตนเองว่าจักรพรรดินีเค้นเสียงออกมาด้วยความเย็นชา ฝ่ามือของนางก่อนหน้านี้ได้ถูกระงับพลังเอาไว้ มิฉะนั้นแล้วแม้แต่ศพของเจียงอี้ก็คงจะไม่เหลือ
ร่างของนางลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและข้ามผ่านร่างของเจียงอี้ไปอย่างแปลกใจ
“หืม?”
ดวงตาของเจียงอี้เผยให้เห็นความงุนงง ทำไมจักรพรรดินีสัตว์อสูรถึงไม่สังหารเขา? หรือว่าแท้จริงแล้วเขาจะกำลังฝันอยู่?
โอ๊ย! ก็ไม่ใช่นิ… ความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นเป็นของจริง!
“เจ้าหนู กลับไปบอกพวกยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ของเจ้า จักรพรรดินีคนนี้ไม่ได้เป็นฝ่ายทำลายข้อตกลงก่อน แต่เป็นพวกเจ้าเหล่ามนุษย์ต่างหาก!”
“พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงได้จับลูกสาวของข้า, เสี่ยวเฟยไป? หากว่าพวกเจ้าไม่ยอมปล่อยลูกสาวข้ามา จักรพรรดินีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าเหล่ามนุษย์กลายเป็นแม่น้ำเลือด และถ้าหากนางได้รับบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้ว ข้าก็จะชำระล้างทวีปนี้ด้วยเลือดของพวกเจ้า!”
คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ออกมาจากปากของจักรพรรดินีสัตว์อสูร แต่มันดังขึ้นในหัวของเจียงอี้เท่านั้น ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างรุนแรงและเข้าใจถึงต้นเหตุของการก่อจลาจลครั้งนี้แล้ว
มนุษย์ลักพาตัวลูกสาวของนางไป? และที่นางไม่ฆ่าเขาก็เป็นเพราะต้องการให้เขาเป็นผู้ส่งสารไปถึงมนุษย์?
ฟู้ววววว!
เจียงอี้ถอนหายใจยาว ถึงเจียงอี้จะไม่แน่ใจนัก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกว่าตัวเองจะยังไม่ถึงที่ตาย อย่างไรก็ตาม เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หากจักรพรรดินีสัตว์อสูรตนนี้ต้องการที่จะส่งคำขู่ถึงมนุษย์จริงๆ นางก็แค่ต้องสังหารคนสักครึ่งเมืองซึ่งทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปได้เร็วกว่าการที่จะปล่อยให้เขาออกไปบอกคนอื่นเป็นไหนๆ
“หรือจะเป็นเพราะหินวิญญาณเพลิง?”
เจียงอี้นึกได้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรเอ่ยถามถึงที่มาของหินวิญญาณเพลิง แต่ไม่นานนักเขาก็สลัดความคิดนั้นออกไปและร้องอุทานขึ้น
“นางบอกว่าลูกสาวของนางชื่อเสี่ยวเฟย? …เสี่ยวเฟย? ทำไมถึงได้คุ้นหูนักนะ…”
“ใช่แล้ว! จิ้งจอกวิญญาณสามหาง!”
ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ใกล้บริเวณสำนักจิตอสูร ในตอนที่กำลังออกล่าสัตว์อสูร เขาเคยพบเจอกับจิ้งจอกน้อยตนหนึ่งซึ่งบอกว่าต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับมนุษย์ หลังจากที่ได้พูดคุยกันเล็กน้อย มันก็มักจะกล่าวแทนตัวเองว่า ‘เสี่ยวเฟย’ เสมอ!
“กลิ่นอายอันน่าหวาดกลัวในตอนนั้นจะต้องเป็นของจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่เป็นแม่ของเสี่ยวเฟยแน่!”
เหตุการณ์ในตอนนั้นช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง เพียงแค่กลิ่นอายที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็ทำให้เขาสิ้นสติได้แล้ว
“เป็นไปได้ไหมว่าที่นางไม่สังหารข้าจะเป็นเพราะเสี่ยวเฟย?”
ในขณะที่เจียงอี้กำลังอยู่ในห้วงความคิด ในเวลาสั้นๆ ฝูงสัตว์อสูรระดับสูงก็ได้เคลื่อนทัพไปไกลแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสัตว์อสูรจำนวนมหาศาลที่ยังคงเดินตามอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีความแตกต่างที่ชัดเจน เพราะพวกที่เหลือนั้นเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับที่สองเท่านั้น
“โฮกกกก!”
พวกสัตว์อสูรระดับสองไม่ได้มีสติปัญญามากนัก เมื่อพวกมันมองเห็นเจียงอี้ที่เป็นเพียงมนุษย์ สัตว์อสูรนับโหลก็กรูกันเข้ามาเพื่อที่จะสังหารเขา
“ได้เวลาไปแล้ว!”
เจียงอี้รีบดึงสติกลับมา หากเขายังรั้งอยู่ที่นี่ต่อ เขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ไม่รู้จักจบ ทันใดนั้นเขาก็ปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาและรีบสั่งให้เจ้าเหลืองใหญ่มุดลงไปใต้ดินเพื่อมุ่งหน้าไปยังสำนักจิตอสูร
เจตจำนงสังหารยังคงทรงพลังเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรระดับสอง พวกมันทั้งหมดถูกสยบไว้และไม่กล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวเพราะความกลัว
ครื้นนนน
เมื่อเดินทางมาได้สักพัก เจียงอี้ก็โผล่ขึ้นมาบนผิวดินอีกครั้งและพบว่าไม่มีสัตว์อสูรอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกต่อไป ตอนนั้นเอง รอยยิ้มแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาราวกับว่ากำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้รอดพ้นจากหายนะ
“ข้าต้องรีบกลับไปแจ้งข่าวแก่จูเก๋อชิงหยุนกับบรรดายอดฝีมือที่เหลือในทวีป มิฉะนั้นคนบริสุทธิ์จำนวนมากจะต้องตายเพราะไอ้พวกโง่ที่จับลูกสาวของจักรพรรดินีสัตว์อสูรไปแน่!”
เจียงอี้ไม่ได้หยุดนานนักและรีบกลับลงไปใต้ดินอย่างรวดเร็ว แต่เดิมตัวเขาก็อยู่ห่างจากสำนักจิตอสูรไม่ไกลอยู่แล้ว หลังจากที่ใช้ความเร็วสูงสุด คาดว่าอีกครึ่งวันก็คงจะถึงที่หมาย
เผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติในไม่ช้า เจียงอี้อาจจะถูกผู้อื่นเรียกว่าอาชญากรที่ก่อกบฏในอาณาจักรตัวเองและสังหารคนไปมากมาย แต่ไม่ว่ายังไงหัวใจของเขาก็ยังคงเป็นมนุษย์อยู่
เมื่อภัยพิบัติกำลังเยื้องกรายเข้ามา เขาเองก็ต้องการที่จะช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากหายนะเช่นเดียวกัน!