เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 257
อันที่จริงแล้ว!
การก่อจลาจลของทัพสัตว์อสูรไม่จำเป็นต้องให้เจียงอี้กลับไปป่าวประกาศแต่อย่างใด หลังจากที่สัตว์อสูรได้ทำลายเมืองในอาณาจักรต้าเซี่ยไปสองเมืองแล้ว ข่าวก็ได้ถูกแพร่ไปทั่วทั้งพิภพซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างมาก
จักรพรรดินีสัตว์อสูร!
ผู้ที่มีอิทธิพลมากมายจากทั่วพิภพนั้นรู้ดีเกี่ยวกับบุคคลนี้ จากมุมมองแล้ว การที่จักรพรรดินีที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้นั้น ความแข็งแกร่งของพวกมันจะต้องเทียบเท่ากับจอมยุทธขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดแล้ว หรือบางทีมันอาจจะทะลวงจุดสูงสุดและเข้าสู่ขอบเขตเทียนจุนแล้วก็เป็นได้
นางคนเดียวสามารถฆ่ากองทัพทหารเป็นล้านได้อย่างง่ายดาย นางมีพลังอย่างล้นหลามขั้นที่จอมยุทธระดับต่ำคงมีแต่ความตายหากพวกเขาสู้กับนาง นอกจากนี้ นางงยังนำทัพสัตว์อสูรนับล้านมาด้วย ซึ่งมีราชันสัตว์อสูรขั้นสี่มาด้วยราวสิบแปดตัว
ณ เมืองเซี่ยยวี่!
อาณาจักรต้าเซี่ยกำลังตกอยู่ในความโกลาหลเนื่องจากกองทัพสัตว์อสูรได้เดินขบวนลงมาทางใต้และเข้าสู่ดินแดนของอาณาจักรต้าเซี่ยทันที หากพวกมันปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักร แม้ว่าจะไม่ถูกกำจัดจนหมดไปแต่ก็อาจจะไม่มีเมืองใดเมืองหนึ่งเหลือรอดไปเลย
กองทัพคุ้มกันเจ้าสาวได้ออกเดินทางมากว่าครึ่งวันแล้ว เซี่ยอู๋หุ่ยยได้ออกเดินทางแต่เนิ่นๆและนำซูรั่วเสวี่ยกลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่ ส่วนทางฝ่ายอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นไม่สามารถรบกวนพวกเขาได้ หากอาณาจักรกำลังจะถูกกำจัดสิ้น ทำไมพวกเขาจึงต้องเป็นกังวลถึงชีวิตของกองทัพอาณาจักรเสินหวู่และซูรั่วเสวี่ย?
ข้อความนับไม่ถ้วนที่ร้องขอความช่วยเหลือนั้นถูกส่งไปยังอีกห้าอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง จักรวรรดิมังกรเวหา, สำนักใหญ่ๆทั้งสาม, เกาะดาวตก และอารามเซน อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงคนเดียวและซูผิงผิงไม่ได้อยู่ในสิบอันดับนักสู้ของทวีป มันเป็นไปไม่ได้ที่อาณาจักรต้าเซี่ยจะสามารถต่อกรกับกองทัพสัตว์อสูรได้ด้วยกำลังของซูผิงผิงและกองทัพอาณาจักรต้าเซี่ย
จักรวรรดิมังกรเวหาประกาศพระราชโองการลงไปทั่วทวีปทันที โดยสั่งให้จอมยุทธในทวีปนี้ไปยังอาณาจักรต้าเซี่ยเพื่อต่อกรกับกองทัพสัตว์อสูร พวกเขาใช้ถ้อยคำที่รุนแรงในการกล่าวถึงจักรพรรดินีสัตว์อสูรและกล่าวเรื่องไร้สาระออกมาอย่างเช่นขอให้เหล่ามวลมนุษย์ร่วมกันต่อสู้กับสัตว์อสูรจนกว่าจะเรื่องราวจะสิ้นสุดลง
ทำไมมันจึงไร้สาระ?
เพราะจักรวรรดิมังกรเวหากล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมาด้วยวาจา แต่ไม่ได้ส่งทหารหรือแม่ทัพมาแม้แต่คนเดียว เหมือนกับพวกเขากำลังเยาะเย้ยว่า ‘สัตว์อสูรกำลังมา! ทุกคนรีบไปฆ่าพวกมันซะ! จักรวรรดิจะขอให้กำลังใจพวกเจ้าด้วยใจและจิตวิญญาณของพวกเรา…’
อาณาจักรเสินหวู่เป็นอาณาจักรรองลงมาที่ตอบข้อความ และข้อความตอบกลับของพวกเขานั้นรุนแรงมากด้วยคำพูดและตัวอักษร แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้ส่งทหารหรือแม่ทัพมาแม้แต่คนเดียวเช่นกัน พวกเขายังเพิกเฉยแม้แต่องค์รัชทายาทที่ยังอยู่ในอาณาจักรต้าเซี่ยด้วยซ้ำ
อาณาจักรเซิ่งหลิงและอาณาจักรเทียนเซวี่ยนก็สั่นสะท้านและรวบรวมกองทัพของพวกเขา แต่ก็นำทัพมาสุดที่ชายแดนเท่านั้น ทั้งสองอาณาจักรยังประกาศด้วยว่า หากกองทัพสัตว์อสูรกล้าย่างกรายเข้ามาในดินแดนของพวกเขา พวกเขาจะใช้กองกำลังของอาณาจักรปราบปรามพวกมัน
ด้านของอาณาจักรเป่ยเหลียงและเป่ยหมางก็ประกาศด้วยวาจาอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ส่งกองทัพหรือผู้เชี่ยวชาญใดๆเช่นกัน ส่วนด้านอารามเซน เกาะดาวตกและสำนักทั้งสามยังคงนิ่งเงียบและไม่ได้ประกาศอะไรออกมา
มันไม่ได้เกี่ยวกับพวกเขา!
การพึ่งพากันและกันเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นเข้าใจดี แต่ปัญหาคือฝั่งกองทัพสัตว์อสูรนั้นมีจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่มีพลังของสัตว์อสูรและยังมีราชันอสูรอีกมากมาย พวกเขาจะกล้าไปเป็นนักรบแนวหน้าได้อย่างไร?
สัตว์อสูรนั้นอยู่ในหุบเขาสามหมื่นลี้มาเป็นเวลาหลายต่อหลายปีแล้ว พวกมันจะก่อจราจลขึ้นโดยไม่มีเหตุผลใดๆหรือ? หากไม่ ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงและน่านับถือผู้ใดที่จะกล้าออกไปต่อกรกับเหล่าทัพสัตว์อสูรอย่างโง่เง่า? พวกเขาอยากเกี่ยวพันกับความตายกันหรือ?
หากผู้เชี่ยวชาญจากจักรวรรดิมังกรเวหาส่งกำลังรบออกมาอย่างเต็มกำลัง และสั่งให้ทวีปปราบปรามสัตว์อสูร มันก็อาจเป็นไปได้ที่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆในทวีปนี้จะตอบสนอง หรือบางทีถ้าสุ่ยโย่วหลานหรือเจ้าอาวาสจากอารามเซนผนึกกำลังกัน เรื่องนี้อาจกลายเป็นอีกแบบ
แต่ปัญหามันอยู่ที่….
จักรวรรดิมังกรเวหาเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องการเห็นพิภพตกอยู่ในความโกลาหลและเพื่อให้อาณาจักรทั้งหมดอ่อนกำลังลงซึ่งมันจะกลายเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหากมีเรื่องราวเกิดขึ้น มันเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้อาณาจักรทั้งหมดต่างพากันระมัดระวัง ไม่มีใครอยากจะโผล่หัวออกไปและอยากจะเอาความปลอดภัยของตัวเองมาก่อน จะเป็นอย่างไรหากเหล่าสัตว์อสูรยกทัพมาสังหารเพียงเวลาสั้นๆ …. แล้วพวกมันก็ถอยทัพกลับไป?
หากไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ เช่นนั้นคนเหล่านั้นก็จะรักษาชีวิตตัวเองได้!
ตระกูลราชวงศ์แห่งอาณาจักรต้าเซี่ยได้ประกาศพระราชโองการลงมาอย่างรวดเร็วให้รวบรวมทหารทั้งหมดเข้าต่อกรกับทัพสัตว์สูร ซูผิงผิงนำทัพและรีบไปที่เมืองเซี่ยเฟิง หากเมืองเซี่ยเฟิงไม่สามารถต้านกองทัพสัตว์อสูรไว้ได้ เมืองต่อไปก็จะตกเป็นเมืองเซี่ยยวี่!
ในที่สุดราชาซูตี๋หวังก็ทำในสิ่งที่กษัตริย์สมควรจะทำ เหล่าขุนนางต่างขอให้เขานำองค์ชาย องค์หญิงและนางสนมอพยพออกจากเมืองเซี่ยยวี่เพื่อหาที่หลบซ่อนทางใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ย ไม่เพียงแต่เขาจะไม่อพยพเท่านั้น แต่เขายังตัดองค์ชายและองค์หญิงออกจากการอพยพด้วย และให้คำมั่นว่าเมืองเซี่ยยวี่จะอยู่ร่วมกับอาณาจักรต้าเซี่ย และหากเมืองเหล่านั้นพินาศไป พวกเขาก็จะพินาศไปด้วยกัน
ซึ่งน่าแปลกที่เซี่ยอู๋หุ่ยนำกองทัพคุ้มกันเจ้าสาวออกเดินทางจากเมืองเซี่ยยวี่ก่อนกำหนดและใช้ความเร็วสูงสุดในการเดินทัพไปยังทิศเหนือ ขบวนทัพนั้นช้าเกินไปและเมื่องพวกเขามาถึงเมืองเซี่ยเฟิงพวกเขาก็ไม่กล้ารุดหน้าออกไปอีกต่อไป ตอนนี้กองทัพสัตว์อสูรได้ยึดครองพื้นที่ทางตอนเหนือทั้งหมดของอาณาจักรต้าเซี่ยแล้วและห่างจากเมืองเซี่ยเฟิงเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น
“รั่วเสวี่ย ตามข้ามาเดี๋ยวนี้ เราจะอพยพไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงก่อนที่จะกลับอาณาจักรเสินหวู่! กองทัพสัตว์อสูรนั้นอาจมีกองทัพที่มหึมา แต่แน่นอนว่าพวกมันจะไม่โจมตีอาณาจักรเสินหวู่ ด้วยการอารักษ์ขาของเว่ยกงกง ไท่สื่อเจินและคนอื่นๆ เรามั่นใจในความปลอดภัยได้อย่างแน่นอน”
เมื่อเซี่ยอู๋หุ่ยได้รับข้อความจากเซี่ยถิงเวยคร่าวๆแล้ว เขาต้องการเดินทัพด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อหลบหนีกลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่พร้อมกองทัพ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปไม่ได้และทำได้เพียงอพยพออกไปด้วยการอารักษ์ขาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก่อนเท่านั้น
หากพวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเพื่อไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิงก่อนที่จะไปยังอาณาจักรเสินหวู่ กองทัพสัตว์อสูรจะไม่สามารถไล่ตามพวกเขาไปได้
“หึหึ!”
ซุรั่วเสวี่ยนั่งอยู่ในรถม้าที่หรูหราขณะที่ใบหน้าของนางถูกแต่งแต้มด้วยยอมยิ้มที่ฉุนเฉียว ทันใดนั้นกริชก็ปรากฏขึ้นในมือของนางขณะที่นางจ่อมันไว้ที่คอของนางและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“หากอาณาจักรต้าเซี่ยพินาศ รั่วเสวี่ยก็จะไม่รอดเช่นกัน ฝ่าบาทโปรดอพยพไปก่อนเถิด หากอาณาจักรต้าเซี่ยสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติในคราวนี้ไปได้ หลังเรื่องราวสิ้นสุดลง ฝ่าบาทจะมารับตัวข้าอีกครั้งเพื่อให้พิธีอภิเษกเสร็จสิ้นก็ได้”
“นังหญิงโสมม! นังแพศยา!”
สายตาอันเยือกเย็นส่องประกายอยู่ในดวงตาของเซี่ยอู๋หุ่ย เขาสบถอย่างเงียบๆในขณะที่เสียใจอยู่ภายในใจ หากเข้ารู้ว่ามันจะเป็นเช่นนี้ เขาคงขอให้เว่ยกงกงทำให้นางสลบและอุ้มนางกลับไป
เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่าซูรั่วเสวี่ยหมายความเช่นไรเมื่อนางบอกว่าจะพินาศไปพร้อมกับอาณาจักร นางใช้โอกาสนี้เพื่อไม่ให้เขานำตัวนางกลับอาณาจักรเสินหวู่และแน่นอนว่านางไม่ได้ต้องการอภิเษกกับเขา ในใจของนาง นางจะต้องแอบคิดว่าจะสานสัมพันธ์กับเจียงอี้ต่อไป ใช่ไหม?
ตอนนี้เขาจะทำอะไรได้? จะบังคับให้เว่ยกงกงลงมือ? แต่ก็มีผู้พิทักษ์อาณาจักรต้าเซี่ยอยู่ทุกหนแห่ง เมื่อเซี่ยอู๋หุ่ยมองผ่านม่านจากรถม้าเพื่อดูว่าซูรั่วเสวี่ยมีกริชอยู่บนคอของนาง เขาก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เช่นนั้นก็ได้ รั่วเสวี่ย หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว ข้าจะขอให้เสด็จพ่อส่งกองทัพออกมาช่วยอาณาจักรต้าเซี่ย ท่านโปรดดูแลตัวเองด้วย”
“ไปกันเถอะ!”
“ฟึ่บ!”
ไท่สื่อเจินได้เตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ค่ายเสินหวู่สองหมื่นนายนี้ล้วนเป็นเบี้ยสังเวย พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะนำกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวและเว่ยกงกงออกจากเมืองนี้ไปอย่างรวดเร็วและรีบตรงไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิง
“ใครก็ได้! พาองค์หญิงกลับไปยังเมืองเซี่ยยวี่ องค์หญิงผู้นี้ขอสาบานต่อเสด็จพ่อว่าหากเมืองเซี่ยยวี่ต้องพังพินาศลงไป อาณาจักรต้าเซี่ยก็จะจบชีวิตลงด้วยเช่นกัน!”
ซูรั่วเสวี่ยได้ยินว่าซูตี๋หวังไม่มีความตั้งใจที่จะจากเมืองนี้ไป ในเมื่อเขาไม่ไป องค์ชายและองค์หญิงทุกคนยังคงอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่ นางจึงต้องการกลับไปอยู่พร้อมหน้าครอบครัวของนางอีกครั้งและตายไปพร้อมกันกับอาณาจักร