เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - ตอนที่ 263
“จักรวรรดิมังกรเวหา!”
ชื่อนี้ผุดขึ้นมาในใจของเจียงอี้อีกครั้ง เนื่องจากมีเพียงสมาชิกของอาณาจักรมังกรเวหาเท่านั้นที่สามารถครอบครองสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้มากมายเช่นนี้
ขณะที่เจียงอี้มองหม้อจิ๋วร่อนมาอย่างรวดเร็ว ความกดดันที่ทรงพลังทำให้เขากระอักเลือดออกมา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะมอบความหวังทั้งหมดของเขาไว้กับหินวิญญาณเพลิง หากมันไม่สามารถทำลายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
หินวิญญาณเพลิงปรากฏขึ้นขณะที่ไข่มุกวิญญาณเพลิงเรืองแสง ในขณะที่เขาใช้กำลังทั้งหมดที่จะเหวี่ยงหินวิญญาณเพลิงออกไปปะทะกับหม้อใบจิ๋วนั่น
“ฟึ่บ ฟั่บ”
หินวิญญาณเพลิงนี้ไม่ทำให้เจียงอี้ผิดหวังจริงๆ เนื่องจากมันสามารถเผาตราทำลายประทับผู้ปกครองได้ มันจึงสามารถทำลายสิ่งประดิษฐ์นี้ได้เช่นกัน เมื่อหม้อจิ๋วสัมผัสเข้ากับหินวิญญาณเพลิง แสงสีเขียงก็ระเบิดพุ่งออกมาก่อนที่จะจางลงอย่างรวดเร็ว หินวิญญาณเพลิงนี้เจาะทะลุผ่านหม้อจิ๋วจนเป็นรูและทำลายมันไปได้อย่างสมบูรณ์
“อั๊ก..”
ชายผู้สวมเสื้อคลุมสีดำพ่นเลือดสดออกมาอย่างรุนแรงในขณะที่ผ้าปิดหน้าถูกย้อมไปด้วยสีแดง สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับการขัดเกลาโดยเขา และในตอนนี้มันถูกทำลายลงไป มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน
ดวงตาของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าหินวิญญาณเพลิงจะสามารถทำลายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงพลังของมันก่อนหน้านี้
“ฟึ่บ!”
เจียงอี้วิ่งตรงไปที่ศัตรูอย่างบ้าคลั่งและใช้โอกาสจากความอ่อนแอของศัตรู ผนวกกับที่ศัตรูกำลังตะลึงกับหินวิญญาณเพลิงซึ่งเจียงอี้คงไม่ปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปแน่
“ฟุ่บ”
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ชายชุดดำนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้เข้าปะทะเจียงอี้ด้วยความหุนหัน แต่กลับกำลังจะหนีไปแทน ซึ่งบุคคลนี้อยู่สูงกว่าขั้นที่แปดของขอบเขตเสินโหยวและความเร็วของเขาก็เร็วกว่ามากจึงทำให้เกิดระยะห่างของพวกเขาทั้งสองทันที
“เหลืองใหญ่!”
เจียงอี้ดูดซับเพลิงโลกากลับมาและตะโกนเรียกเถาอู้ออกมาแทน เขารีบขี่มันและไล่ตามชายชุดดำไปทันที
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
หลังจากที่ตามไล่ล่ามานานกว่าสิบกิโลเมตร ทันใดนั้นเจียงอี้ก็ตระหนักได้ว่าคนผู้นี้กำลังหนีไปคนละทิศกับจิ้งจอกน้อย เขากำลังถูกล่อให้ออกห่างจากเป้าหมาย!
“เหลืองใหญ่ กลับไป!”
มันไม่สำคัญว่าเขาจะฆ่าชายคนนี้ได้หรือไม่ แม้ว่าเจียงอี้จะตามเขาทันแต่ก็อาจจะไม่สามารถฆ่าชายผู้นั้นได้เช่นกัน ภารกิจของเขาคือการตามตัวจิ้งจอกน้อย ไม่เช่นนั้น ความพยายามทั้งหมดของพวกเขาในการไล่ตามคนพวกนี้ก็คงจะเสียเปล่า
“มอ มอ!”
ในขณะที่เจ้าเหลืองใหญ่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด จมูกของเจียงอี้ก็คอยสูดดมกลิ่นจิ้งจอกน้อยตลอดเวลา หลังจากหลงกลชายชุดดำเข้าให้แล้ว เขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองคงไม่สามารถตามคนพวกนั้นได้ในเวลาอันสั้น เป้าหมายของเขานั้นรวดเร็วกว่าเถาอู้มากนักและหากว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ใต้ดิน เจียงอี้ก็ไม่จำเป็นต้องไล่ล่า
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…!
เจียงอี้หยุดพักขณะที่เขามองไปที่แม่น้ำใต้ดินด้วยสีหน้าที่ขมขื่น
เขาไม่สามารถตามกลิ่นของจิ้งจอกน้อยได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าพวกศัตรูจะเดาได้ว่าเจียงอี้สามารถตามกลิ่นจิ้งจอกน้อยได้และพวกเขาตัดสินใจหนีผ่านไปทางแม่น้ำใต้ดินซึ่งมันสามารถกลบกลิ่นของจิ้งจอกน้อยได้
แม่น้ำใต้ดินนั้นมีต้นกำเนิดมาจากทางตะวันออกและไหลไปทางตะวันตก เจียงอี้ไม่รู้ว่าควรว่ายทวนกระแสน้ำหรือตามน้ำไปดี เขาเป็นคนที่ไม่มีทักษะในการเลือกเส้นทางเลยแม้แต่น้อย
“เอาวะ!”
เขาลองวัดดวงและควบคุมเถาอู้ให้ล่องไปตามน้ำ ในท้ายที่สุด….หลังจากที่ตามล่ามาทั้งวัน เจียงอี้ก็ไม่ได้กลิ่นจิ้งจอกน้อยอีกต่อไป
“ปัง!”
เขาควบเถาอู้ให้พุ่งขึ้นไปด้านบนและเรียกอินทรีมังกรออกมาเพื่อบินสำรวจแถวๆนั้น หลังจากแน่ใจแล้วว่าเขาคลาดกับเป้าหมายไปแล้ว เขาก็ไม่สามารถทนความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไปและให้อินทรีมังกรร่อนลงไปก่อนที่จะหาถ้ำเพื่อหลับสักตื่น
การตามกลิ่นจิ้งจอกน้อยติดต่อกันมาหลายวันหลายคืนควบคู่กับอาการบาดเจ็บของเขาและความหงุดหงิดที่คลาดกับเป้าหมายไปทำให้เจียงอี้เหนื่อยทั้งกายและใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่หลับพักผ่อนไปหกชั่วโมง เจียงอี้ก็ตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย เขาฝันว่าเมืองและมนุษย์ตาดำๆถูกทำลายโดยกองทัพสัตว์อสูร มีเด็กหลายคนร้องไห้เสียงดังในขณะที่ทุกคนมีแต่ความกลัวและสิ้นหวัง เมืองนี้เต็มไปด้วยซากศพและเลือดของพวกเขาไหลลงสู่แม่น้ำและเกิดเป็นภาพอันน่าสะพรึงขึ้น
“อินทรีมังกร ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้เช็ดเหงื่อที่เย็นเยียบและไม่รู้สึกเหนื่อยล้าอีกต่อไปขณะที่เขายังคงอยู่บนท้องฟ้าบนหลังอินทรีมังกรในอาณาจักรเซิ่งหลิงและตามหาจิ้งจอกน้อย
รองเจ้าสำนักฉี ผู้ที่อยู่บนหลังนงยูงห้าสีพบเจียงอี้ในวันต่อมา ปกติแล้วกลุ่มของพวกเขามีด้วยกันห้าคน ซึ่งตอนนี้เหลืออยู่สี่คนขณะที่มีรองเจ้าสำนักคนหนึ่งตกตายไปขณะต่อสู้ นอกจากรองเจ้าสำนักฉีแล้ว อีกสามคนก็บาดเจ็บทั้งหมด และแขนข้างหนึ่งของรองเจ้าสำนักหลิ่วถูกตัดออกไปโดยเหล่าศัตรู
“พวกมันทุกคนปลิดชีวิตตัวเองโดยการดื่มพิษเข้าไปซึ่งพิษนั่นทำให้ซากศพของมันถูกกัดกินไป!”
ดวงตาของรองเจ้าสำนักฉีเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อนางรู้ว่าเจียงอี้คลาดกับจิ้งจอกน้อย ร่างของนางสั่นเทาและแทบจะร่วงตกลงมาจากนกยูงห้าสี นางฝืนทนกับความเหนื่อยล้าและหยิบป้ายหยกออกมาเพื่อติดต่อกับจูเก๋อชิงหยุนอย่างรวดเร็วและบอกข่าวดีให้ทุกคนมีกำลังใจมากขึ้น
หอดาราสุ่ยเยว่ อารามเซน สำนักมังกรเวหาและสำนักฮวาเหลี่ยงต่างก็เร่งส่งกำลังเสริมมาที่อาณาจักรเซิ่งหลิงอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยพวกเขาตามหาจิ้งจอกน้อย
หอดาราสุ่ยเยว่ อารามเซน และสำนักทั้งสามนั้นเป็นอิสระจากขั้วอำนาจของอาณาจักรใดๆ แต่ผู้ทรงอิทธิพลทั้งห้านี้ไม่ได้มีความทะเยอทะยานในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่คนเหล่านี้จะไม่น่าสงสัยและสามารถเชื่อถือได้
เจียงอี้และกลุ่มของเขาลากสังขารที่เหนื่อยล้าเพื่อตามหาจิ้งจอกน้อยต่อ แต่ก็เริ่มสิ้นหวังมากขึ้น พวกเขาตามหาในรัศมีหมื่นกว่ากิโลเมตรอย่างละเอียด แต่ก็ไม่ได้กลิ่นของจิ้งจอกน้อยเลย
เจียงอี้ใช้พลังของเม็ดยาและแก่นแท้พลังสีดำของเขาเพื่อเพิ่มประสาทการรับกลิ่น ตราบใดที่ได้กลิ่นของจิ้งจอกน้อยแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะสามารถตามมันไปได้ แต่ในตอนนี้นั้นเขาไม่ได้กลิ่นของจิ้งจอกน้อยเลยแม้แต่นิดซึ่งมันก็เป็นไปได้ว่าจิ้งจอกน้อยจะถูกขังอยู่ในสิ่งประดิษฐ์พิเศษหรือไม่ก็ … ตายไปแล้ว!
“ตาย…”
เจียงอี้นั้นเต็มไปด้วยความกลัวเมื่อเขานึกถึงผลลัพธ์นั้น หากจิ้งจอกน้อยตายแล้ว จักรพรรดินีสัตว์อสูรคงจะระเบิดความคลุ้มคลั่งออกมาซึ่งอาจจะมีพลังที่เหนือกว่าสุ่ยโย่วหลานและคนอื่นๆ ซึ่งหากเวลานั้นมาถึง ทั่วทั้งทวีปจะกลายเป็นดั่งพายุเลือดและหายนะในครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อมวลมนุษย์ซึ่งอาจทำให้ประชากรล้มตายไปครึ่งทวีปก็เป็นได้
หลายวันต่อมา กองทัพสัตว์อสูรได้มาถึงใจกลางอาณาจักรเซิ่งหลิงเป็นที่เรียบร้อยและทำลายล้างเมืองที่ถูกชำระด้วยเลือดมนุษย์ไปมากมาย ซึ่งอาณาจักรเซิ่งหลิงไม่ได้ต่อต้านอย่างเต็มกำลังและถอยทัพกลับมา แต่ก็ยังมีทหารราวสองแสนนายที่ตกตายไปในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจักรพรรดินีจะออกคำสั่งให้ไม่ฆ่าคนธรรมดาลงมาแล้ว แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ยังถูกเหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำฆ่าตายไปกว่าแสนคนอยู่ดี
กำลังเสริมจากอารามเซน หอดาราสุ่ยเยว่ และสำนักอีกสองแห่งมาสมทบกับพวกเจียงอี้อย่างรวดเร็วและตามหาจิ้งจอกน้อยในอาณาจักรเซิ่งหลิงต่อไป หลังจากใช้เวลาตามหาไปกว่าเจ็ดวัน กองทัพสัตว์อสูรได้เดินทัพมาถึงทางตอนเหนือของอาณาจักรเซิ่งหลิงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีร่องรอยใดๆเลย
มีบางสิ่งที่ทำให้พวกเขาต่างพากันฉงนใจก็คือเหล่ากองทัพสัตว์อสูรยังคงพากันเดินทัพไปทางเหนืออย่างต่อเนื่องและระยะทางจากจุดที่กองทัพสัตว์อสูรอยู่นั้นห่างจากเมืองหลวงอาณาจักรเซิ่งหลิงเพียงร้อยกว่ากิโลเมตร แต่จักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่ได้สั่งให้กองทัพโจมตีเมืองหลวง พวกมันยังคงเส้นทางเหนือเอาไว้ราวกับว่าเมื่อพวกมันทำลายอาณาจักรเซิ่งหลิงเรียบร้อยแล้วพวกมันก็จะเดินทัพตรงไปยังอาณาจักรเป่ยหมางต่อ!
“ทิศเหนือ? ทางด้านเหนือ!”
เจียงอี้และกลุ่มของเขากำลังค้นหาส่วนเหนือของอาณาจักรเซิ่งหลิง เมื่อพวกเขาได้ข่าวว่ากองทัพสัตว์อสูรนั้นอยู่ห่างไปเพียงร้อยกว่ากิโลเมตรใต้พวกเขา รองเจ้าสำนักฉีก็ขอให้ทุกคนรีบอพยพออกจากที่นี่ แต่เจียงอี้กลับเข้าใจบางสิ่งขึ้นได้ในทันที!
“ทิศเหนือ อาณาจักรเป่ยหมาง, จักรวรรดิมังกรเวหา!”
เขาพึมพำอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปทางทิศเหนือก่อนที่จะตะโกนออกมาทันที “หยุดค้นหาที่นี่และตรงไปยังเมืองเทียนชิง จิ้งจอกน้อยจะถูกนำตัวไปยังเมืองนั้นอย่างแน่นอน คนที่ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยไปไม่ใช่จักรวรรดิมังกรเวหา! วัตถุประสงค์ของพวกมันคือต้องการให้กองทัพสัตว์อสูรทำลายเมืองเทียนชิงและจักรวรรดิมังกรเวหา!”
มีสิ่งอื่นที่ผุดขึ้นในใจของเจียงอี้ซึ่งเขาไม่ได้พูดมันออกมา ชายร่างกำยำที่ปรากฏขึ้นในใจของเขา … เจียงเปี๋ยหลี!
เขารับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่าการจัดฉากที่เหี้ยมโหดและไร้ความปราณีนั้น บิดาของเขาเป็นผู้วางแผน เขาเป็นผู้ซึ่งมีฝีมือ กลยุทธ และมีความแข็งแกร่ง ผู้ซึ่งมีความทะเยอทะยานขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งมาโดยตลอด!