เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 267 เจ้ากล้าลงมือ?
บทที่ 267 เจ้ากล้าลงมือ?
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ชายชุดดำลึกลับสามคนหลบหนีออกจากตำหนักของพี่ใหญ่หรือ?ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นตรงกับที่เจียงอี้กำลังตามล่าตัวอยู่? ฮึ่ม! หลิงปู้ เจ้ากล้าดียังไงถึงได้สมรู้ร่วมคิดกับคนนอกคิดทำลายล้างจักรวรรดิมังกรเวหา?!”
ทุกการเคลื่อนไหวของเจียงอี้นั้นไปถูกรายงานไปยังองค์หญิงหลิงเสวี่ยอย่างต่อเนื่องจริงๆแล้ว หากปราศจากการอนุมัติจากองค์หญิงหลิงเสวี่ยอย่างเงียบๆ แม่ทัพหลงและคนอื่นๆก็คงไม่กล้าบุกเข้าไปในตำหนักของหลิงเฟยและหลิงปู้ หลิงเสวี่ยได้รับรายงานว่าเจียงอี้ได้นำกลุ่มของเขาไปตามล่าใต้ดินแล้ว
“ส่งคำสั่งของข้าลงไปจงเข้ากุมตัวหลิงปู้ หากคนของเขากล้าขัดขืน จงฆ่าพวกมันให้หมด!”
หลิงเสวี่ยเผยสีหน้าโกรธแค้นออกมาทันทีนางมองไปรอบๆและตะโกนออกมาอีกครั้ง “ให้แม่ทัพหลงส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวร้อยคนตามเจียงอี้ไป พวกเขาจะต้องช่วยจิ้งจอกน้อยให้ได้”
เมื่อคนของนางออกไปหลิงเสวี่ยก็เดินออกจากห้องโถงพระราชวังและยืนอยู่หน้าประตู นางมองออกไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและถอนหายใจออกมา
“เสด็จพ่อมันเหมือนว่าที่ท่านไม่ยอมให้หลิงปู้สืบทอดราชบัลลังก์ของท่านในตอนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ผู้ที่มีจิตใจคับแคบจะนำพาจักรวรรดิคืนสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างไร? น่าเศร้านักที่ท่านจากวังวนชีวิตมนุษย์ไป ไม่ว่ายังไงหลิงเสวี่ยก็ยังเป็นสตรี สตรีเช่นข้าไม่มีคุณสมบัติในการสืบทอดบัลลังก์ได้ แล้วข้าจะนำพาจักรวรรดิต่อไปได้อีกนานเท่าใด? เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งวันก่อนที่กองทัพสัตว์อสูรจะมาถึง ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของจักรวรรดิก็ยังไม่ออกจากการบำเพ็ญ และใครจะปกป้องจักรวรรดิกัน?”
“รายงาน!”
องค์หญิงหลิงเสวี่ยไม่ได้ยืนอยู่ข้างนอกโถงพระราชวังนานนักเมื่อมีดำปรากฏขึ้นและคุกเข่าต่อหน้านาง “เรียนองค์หญิง องค์ชายหลิงปู้ปลิดชีพตนเองขอรับ!”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ดวงตาของหลิงเสวี่ยหดหู่ลงขณะที่นางถอนหายใจน้ำตาทั้งสองสายพลันรินไหลออกมาจากดวงตาของนาง
หลิงปู้ผู้นี้หมายปองบัลลังก์มาโดยตลอดแต่หลิงเสวี่ยที่เป็นสตรีกลับได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินโอยองค์จักรพรรดิเมื่อสามปีก่อน และมีอำนาจควบคุมทหารและอำนาจทั้งหมดในจักรวรรดิ
เมื่อตอนที่เสด็จพ่อของนางยังคงมีชีวิตอยู่เขาตัดสินว่าองค์ชายคนโตนั้นไร้ซึ่งความสามารถ ดังนั้นหลิงเสวี่ยจึงไม่ได้ช่วยองค์ชายครองบัลลังก์ นางคงไม่ได้คาดคิด…ว่าเขาจะบ้าบิ่นโดยการร่วมมือกับศัตรูเพื่อทำลายเมืองเทียนชิงจริงๆ หากไม่ใช่การตัดสินใจและการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วของเจียงอี้ จนถึงตอนนี้พวกเขาก็คงจะยังไม่สามารถหาเบาะแสใดๆได้
“รายงาน!องค์ชายสี่หลิงเทา องค์ชายหกหลิงเฟย องค์หญิงห้า…และอีกแปดคนขออพยพออกจากเมืองเทียนชิง พวกเขากล่าวทูลว่านี่เป็นการละฐานันดรศักดิ์เพื่อคงไว้ซึ่งสายเลือดของจักรวรรดิขอรับ”
รายงานอีกเรื่องหนึ่งที่มาถึงหูนางทำให้ใบหน้าที่งดงามของนางถูกแต้มไปด้วยความมืดหม่นในที่สุดนางก็เขาใจว่าทำไมองค์จักรพรรดิจึงไม่ได้มอบตำแหน่งองค์รัชทายาทให้กับผู้ใด เหล่าเสด็จพี่และเสด็จน้องของนางนั้น ไม่มีใครคู่ควรกับมันเลยสักคน…และยังคิดจะหนีไปในช่วงเวลาเช่นนี้อีก?
“ไปซะไปเลย! ปล่อยให้พวกนั้นไปกันให้หมด!”
หลิงเสวี่ยโบกมืออย่างช่วยไม่ได้เพราะนางคิดว่ามันก็เป็นการดีที่จะเก็บเมล็ดพันธุ์ตระกูลหลิงไว้นางมองออกไปทางตะวันออกอย่างเงียบๆและถอนหายใจอีกครั้ง “เจียงอี้ ทุกอย่างอยู่ในมือของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่กลับมาก่อนที่กองทัพสัตว์อสูรจะบุกมาถึงเมือง หรือหากผู้บัญชาการสูงสุดของจักรวรรดิยังไม่ออกจากการบำเพ็ญ เช่นนั้นหลิงเสวี่ยก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะถูกฝังไปพร้อมกับเมืองเทียนชิงแล้วล่ะ”
…
“แยกกันไล่ตามมันรองเจ้าสำนักฉี ท่านพากลุ่มของท่านไปบนฟ้า เพื่อไปคอยดักหน้าพวกมัน!”
ในใต้ดินทางทิศตะวันออกของเมืองเทียนชิงเจียงอี้ได้ไล่ตามพร้อมคนกลุ่มใหญ่ แต่ช่างโชคร้ายนักที่บุคคลทั้งสามนั่นเร็วเกินไป หลังจากไล่ตามมาระยะหนึ่งแล้ว ก็มีอุโมงค์ถูกแยกออกเป็นสามอุโมงค์ ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าพวกมันทั้งสามคนต่างแยกกันไปคนละทาง
เจียงอี้กำลังขี่อยู่บนหลังเถาอู้ในขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวร้อยคน, สมาชิกจากหอดาราสุ่ยเยว่, อารามเซน, และทั้งสามสำนักต่างติดตามมาอย่างใกล้ชิด เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งของเจียงอี้ ไม่มีใครลังเลและแยกตัวออกเป็นสามกลุ่มเพื่อตามล่าทั้งสามอุโมงค์ รองเจ้าสำนักฉีและผู้เชี่ยวชาญจากหอดาราสุ่ยเยว่โผล่ขึ้นมาจากใต้ดินทันทีและเตรียมพร้อมที่จะไปดักสกัดกั้นพวกนั้นข้างหน้า
เถาอู้นั้นเร็วมากและมีผู้เชี่ยวชาญขั้นที่แปดและขั้นสูงสุดในหมู่พวกมัน มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ความเร็วของศัตรูไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไหร่นัก หลังจากไล่ล่ามาเป็นเวลาสิบสี่ถึงสิบหกชั่วโมง มันก็ได้กลายเป็นช่วงบ่ายของวันถัดมาแล้ว แต่เจียงอี้และคนอื่นๆก็ยังไล่ตามคนพวกนั้นไม่ทัน
“บูมบูมม!”
เกิดการสั่นสะเทือนจากด้านหน้าอย่างฉับพลันเจียงอี้และคนอื่นๆเริ่มจิตใจสั่นไหว เขามองไปที่ดวงตาของนักบวชน้อยฮุ่ยเกิน ในขณะที่ดวงตาทั้งสองส่องสว่างขึ้นและตะโกนออกมาว่า “เจ้าเหลืองใหญ่! เพิ่มความเร็ว!”
“ฟึ่บฟั่บ!”
ทุกคนพากันตรงไปใต้อุโมงค์อย่างร้อนรนแรงสั่นสะเทือนเริ่มรุนแรงขึ้นในขณะที่อุโมงค์กำลังจะโผล่ขึ้นไปสู่พื้นผิวดินอย่างช้าๆ ในที่สุดเถาอู้ก็วิ่งออกมาจากอุโมงค์และพบสาเหตุของแรงสั่นสะเทือน
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆกำลังปะทะกับชายชุดดำทั้งสาม
“อมิตาพุทธ!”
นักบวชน้อยฮุ่ยเกินท่องคำอธิษฐานออกมาในขณะที่เสียงของเขาดังออกมาเหมือนฟ้าร้องทำให้ร่างกายของจียงอี้สั่นไหว และผู้คนภายหน้าที่ต่อสู้กันก็มีความเร็วที่ลดลงในทันที
“ล้อมพวกมัน!”
ด้วยคำสั่งของเจียงอี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับไม่ถ้วนเหาะไปและล้อมรอบพื้นที่ที่ต่อสู้ไว้ ในที่สุดเจียงอี้ก็ปลดปล่อยความโล่งใจเมื่อเขารู้ว่าบุคคลทั้งสามนี้จะไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ด้วยการมีผู้เชี่ยวชาญที่ล้อมกรอบพวกเขาไว้
“หยุด!”
ชายชุดดำขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดตะโกนออกมาในขณะที่ถือแจกันหยกไว้ในมือ“ทุกคนจงหยุด อย่าเข้ามา! ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบแจกันให้ละเอียดเป็นผุยผงและจิ้งจอกวิญญาณสามหางจะตายทันที!”
“ฮะ…”
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆหยุดการโจมตีทันทีหากจิ้งจอกน้อยตายไป จะเกิดความอลหม่านไปทั่วทั้งพิภพนี้ เมื่อจักรพรรดินีเกรี้ยวกราด ทั้งทวีปจะกลายเป็นแม่น้ำเลือด ทุกคนต่างกระพริบตาและรู้สึกเสียเปรียบ
“เจ้าต้องการอะไร?”
รองเจ้าสำนักหลิวแห่งสำนักมังกรเวหาตะโกนออกมา“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องถูกสังเวยไปเพราะจิ้งจอกน้อยนี่? เจ้ารู้หรือไม่ว่าการกระทำอันโง่เขลาของเจ้าทำให้เมืองกี่เมืองต้องพังพินาศลงไป? มนุษย์ธรรมดาถูกสังหารไปมากเท่าใด? หากเจ้าฆ่าจิ้งจอกน้อย ทั่วทั้งยุทธภพจะเกิดความวุ่นวาย และทำให้ผู้คนอีกหลายร้อยหลายพันเท่าต้องดับสูญไป”
“ฮ่าฮ่า!”
ชายชุดดำเย้ยเยาะ“ชีวิตผู้อื่นมันเกี่ยวอะไรกับข้า? ในเมื่อเราทุกคนกำลังจะตาย มันก็คงจะดีหากทั้งโลกนั้นตายไปพร้อมกับเรา!”
“วิปริตฟั่นเฟือน ชั่วช้า วิปลาส!”
รองเจ้าสำนักฉีโกรธมากจนร่างของงนางสั่นเทานางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “งั้นเจ้าต้องการอะไร? ปล่อยจิ้งจอกน้อยไปซะ และเราจะไว้ชีวิตเจ้า!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ผู้นำกลุ่มชายชุดดำหัวเราะเยาะอีกครั้งขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“เราไม่ใช่คนโง่นะ หากเราปล่อยจิ้งจอกวิญญาณสามหางไปแล้ว เราก็คงจะถูกฆ่าทันทีใช่ไหมล่ะ? หากพวกเจ้าปล่อยเราไป เราจะปล่อยจิ้งจอกวิญญาณสามหางในอีกหกชั่วโมงเอง ไม่เช่นนั้น เราก็คงจะตายอย่างสยดสยอง ว่ายังไง?”
“นี่…”
ทุกคนลังเลหากพวกเขาฆ่าคนทั้งสามนี่ จิ้งจอกน้อยก็จะตายเช่นกัน! แล้วหากพวกเขาปล่อยทั้งสามคนนี้ไป ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำตามสัญญาหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น หากนับไปอีกหกชั่วโมง เวลานั้นเมืองเทียนชิงก็จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นแม่น้ำเลือดใช่ไหม?
“มารดาเจ้าเถอะ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เคร่งเครียดเจียงอี้ก็ตะโกนออกมา เขากวาดสายตาเย็นชาไปยังชายชุดดำทั้งสามแล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “เช่นนั้นก็ลงมือซะ หากพวกเจ้ากล้าพอที่จะฆ่าจิ้งจอกวิญญาณสามหาง! ฆ่าสิ ฆ่าเลย!”
เจียงอี้หลั่งแก่นแท้พลังของเขาออกมากับคำพูดทำให้แก้วหูของทุกคนระเบิด บรรยากาศทั้งหมดเริ่มรุนแรงขึ้น ทุกคนยังคงนิ่งเงียบเพราะกลัวว่าชายชุดดำจะลงมือจริงๆ หลายคนโกรธกับพฤติกรรมที่หุนหันพลันแล่นของเจียงอี้ และถ้าหากคนผู้นั้นฆ่าจิ้งจอกน้อยไปจริงๆ ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะกลายเป็นเหล่าคนบาปของมวลมนุษย์
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้า?”ความโกรธผุดขึ้นมาในดวงตาของชายชุดดำในขณะที่เขาตะโกนออกมาพร้อมกับยกแจกันขึ้น
“ก็ฆ่าสิทำไมไม่ลงมือซะล่ะ? ไอ้คนขี้ขลาด ข้ายกความกล้าให้เจ้าเต็มร้อยเลยเพื่อที่จะได้เห็นว่าเจ้าจะกล้าลงมือหรือไม่?”
เจตจำนงสังหารแผ่ออกมาจากร่างกายของเจียงอี้พร้อมกับดาบมังกรเพลิงเขาก้าวไปหาพวกเขาและตะโกนออกมาด้วยเสียงดุดัน “ไม่ใช่ว่านายของเจ้ามอบคำสั่งลงมาไม่ให้เจ้าทำร้ายจิ้งจอกน้อยหรอกหรือ? หากเจ้ากล้าสังหารจิ้งจอกน้อย นายของเจ้าคงจะประหารครอบครัวและตระกูลของเจ้า ดังนั้น เจ้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจิ้งจอกน้อยนี่หรอก! แล้วก็นะ… เจ้าไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะมายื่นข้อเสนอกับข้า! ส่งจิ้งจอกน้อยมาแล้วเราจะจัดการศพเจ้าให้อย่างเรียบร้อย ข้าจะขอสาบานต่อสวรรค์ ว่าข้าจะไม่เปิดเผยตัวตนของนายเจ้า เข้าใจมั้ย?”
“เอ่อ…”
สายตาหลายคู่ต่างมองกันและกันอ่างตื่นตระหนกมีความเจ็บปวดเผยออกมาจากสายตาของผู้นำชุดดำขณะที่เขาโยนแจกันให้เจียงอี้ในขณะที่เขาส่งข้อความลับไปพลาง “เจียงอี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญาของเจ้า ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ปล่อยเจ้าไป แม้ว่าเราจะกลายเป็นวิญญาณไปแล้วก็ตาม!”
“โอ้!”
ทุกคนปลดปล่อยความสบายใจออกมาในที่สุดจิ้งจอกน้อยก็ได้รับการช่วยเหลือและในที่สุด หายนะของทวีปก็สิ้นสุดลงเสียที
เจียงอี้ห่อแจกันด้วยแก่นแท้พลังสีดำของเขาและใช้วิสัยทัศน์มองเข้าไปในนั้นเขาเห็นจิ้งจอกน้อยกำลังหลับสินทอยู่ข้างในนั้นและรู้สึกดีใจทันที เขาตะโกนออกมาว่า “ไปเถอะ กลับไปที่เมืองเทียนชิงเดี๋ยวนี้!”