เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 307 ทุกคนต้องตาย!
บทที่ 307 ทุกคนต้องตาย!
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ในเหล่าสมาชิกตระกูลซูกว่าสองร้อยคนนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเลยพวกเขานั้นอ่อนแอเกินไปและไม่สามารถหนีได้ทันอีกทั้งยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังเพื่อต่อต้านได้ แสงแห่งเสน่ห์เทวะนั้นเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาและความสามารถเช่นนี้นั้นเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับต่ำ เมื่อพวกเขาปล่อยพลังออกมามากเกินไป พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกไปจากความตาย
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ผู้อาวุโสตระกูลซูต่างปล่อยรอยยิ้มที่เลือดเย็นออกมาและใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อกระโดดขึ้นไปปะทะกับฝ่ามือยักษ์อย่างไม่เกรงกลัวใดๆพวกเขาต้องการที่จะสละร่างกายของพวกเขาเพื่อเปิดโอกาสให้ตระกูลซูรอดชีวิต
ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
ฝ่ามือยักษ์นี้โหดเหี้ยมมากทันทีที่ผู้อาวุโสตระกูลซูสัมผัสกับฝ่ามือนี้พวกเขาก็จะตายจากการปะทะเข้ากับฝ่ามือราวกับพวกเขาชนเข้ากับภูเขา แต่แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ เหล่าผู้คนตระกูลซูนั้นก็ยังคงเหาะเหินขึ้นไปและปะทะเข้ากับฝ่ามือยักษ์ราวกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟและปล่อยความสามารถสุดท้ายของพวกเขาออกมา
“เจียงอี้ชายที่ข้ารักที่สุด ลาก่อน!”
ความกลัวในดวงตาของซูรั่วเสวี่ยนั้นหายไปและเมื่อนางได้ยินเสียงคำรามของเจียงอี้นางก็มองเขาจากระยะไกล เมื่อนางเห็นเจียงอี้กำลังเข้ามาหานางใกล้ขึ้น สีหน้าที่ซีดเผือดของนางก็ปล่อยรอยยิ้มที่งดงามราวดอกบัวหิมะที่ร่วงโรยไปอย่างสวยงาม
ตู้มมม!
เมื่อฝ่ามือยักษ์ถล่มลงมาพื้นผิวดินก็สั่นสะเทือนขณะที่ควันและฝุ่นตลบอบอวลไปทุกทิศทางและส่งร่างของทหารมากมายปลิวออกไป มีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ถูกพิมพ์ลงบนพื้นดินและมันก็มืดมิดและมองไม่เห็นก้นหลุม ซึ่งมันรู้สึกราวกับว่าสมาชิกตระกูลซูทั้งหมดถูกส่งไปยังปรโลกด้วยฝ่ามือนี้แล้ว
“ไม่นะ…..”
เจียงอี้ที่กำลังตรงมาก็ได้หยุดนิ่งอยู่กลางทางขณะที่ดวงตาที่เลือดของเขาจ้องมองไปยังฝ่ามือยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไม่เป็นท่าและร่างกายของเขาก็อบอวลไปด้วยจิตสังหาร
ด้วยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนั้นได้จู่โจมไปยังสมาชิกตระกูลซูที่พวกเขาทั้งหมดอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดและไม่มีใครสามารถต้านทานใดๆได้เลยมีเพียงซูรั่วเสวี่ยเพียงคนเดียวที่อยู่ขอบเขตจื่อฝู่
“ตาย?”
ในตอนนี้เจียงอี้รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆและรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกเฉือนด้วยมีดเขาต้องเห็นผู้หญิงที่เขารักมากเพียงใดตายลงไปต่อหน้าต่อตาก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสบอกนางว่าเขาชื่นชอบและรักนางมากเพียงไหน เขายังไม่แม้แต่จะได้จับมือนางและดวงวิญญาณของนางก็กลับสู่ปรโลกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น….ร่างของนางอาจจะถูกบดขยี้ไปแล้วด้วยซ้ำ!
“ตายย!”
ความทรงจำที่ผ่านมาของเจียงอี้นั้นผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาพบกันได้อย่างไรครั้งแรกที่พวกเขาพบกันเขานั้นรู้สึกประหลาดใจมากเพียงใดที่เห็นว่าซูรั่วเสวี่ยเอ่ยปากช่วยเขาเมื่อตอนอยู่นอกเมืองจิตอสูร ความทรงจำที่เขาเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางตั้งแต่ที่นางได้เป็นอาจารย์ในกลุ่มของเขา ในยามที่นางตามเขาไปในสุสานราชันสวรรค์หมื่นมังกร ความเจ็บปวดทรมานที่นางหันหลังไปที่ตำหนักองค์รัชทายาท และดวงตาที่งดงามและเปล่งประกายในยามที่นางเห็นเขาที่โถงจัดเลี้ยงเมืองเซี่ยยวี่
……
มีเรื่องราวและความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองและพวกเขาได้ผ่านความยากลำบากมากมายมาด้วยกันเจียงอี้มีเรื่องที่อยากพูดคุยกับซูรั่วเสวี่ยมากมาย แต่เขาก็ทำไม่ได้อีกแล้ว ซูรั่วเสวี่ยตายแล้วและนางได้นำหัวใจของเขาฝังไปกับนางด้วย!
“ตายตาย ตายย!”
ใบหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะตายในขณะที่เขาจ้องมองไปข้างหน้าราวกับคนโง่ในขณะที่เขาพึมพำไม่หยุดจิตสังหารจากร่างกายของเขาแผ่วลงเรื่อยๆขณะที่เลือดที่มุมปากของของเขายังไหลหยดลงบนพื้น ในตอนนี้ ดาบมังกรเพลิงบนมือของเขาหยุดส่องแสงไป และมันเหมือนว่าเมื่อซูรั่วเสวี่ยตายไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไม
ฟึ่บ!
เมื่อเว่ยกงกงเห็นว่าสภาพจิตใจของเจียงอี้เป็นเช่นไรดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น เขาจะปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร? เขาและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดสบตากันขณะที่ทั้งคู่รีบตรงไปที่เจียงอี้
สิบกิโลเมตรหกกิโลเมตร….สามกิโลเมตร!
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ตัวเจียงอี้มากเท่าไหร่แสงที่ส่องประกายในดาวงตาของเว่ยกงกงและผู้เชี่ยวชาญยิ่งส่องสว่างมากขึ้น เจียงอี้นั้นยังคงยืนเลื่อนลอยและไม่มีท่าทีที่จะสู้กลับเลย
“ตายซะ!”
เว่ยกงกงตะโกนออกมาอย่างน่ากลัวครั้งนี้เขาไม่ได้ปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าสวรรค์ออกมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็โจมตีเจียงอี้ด้วยความเร็วสูง พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะทำให้เจียงอี้ได้สติ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการฆ่าเขาด้วยการปะทะแบบใกล้ชิด
สองพันเมตร….พันห้ารอยเมตร….พันเมตร!
ใจของเว่ยกงกงนั้นมาอยู่ที่ลำคอของเขาแล้วหากเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้ด้วยตัวเอง เขาอาจจะมีโอกาสได้ไถ่ชีวิตของเขาโดยการชดใช้บาปในการล้างแค้นครั้งนี้
“ย๊าห์!”
ขณะที่เขาอยู่ห่างออกไปเพียงร้อยเมตรกลิ่นอายของเว่ยกงกงก็ปะทุออกมาขณะที่ร่างของเขาถาโถมเข้าใส่เจียงอี้ราวกับมังกรคลั่ง ในระยะที่ใกล้กันเช่นนี้ แม้ว่าเจียงอี้จะสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ทันทีเขาก็ยังคงมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้ เขาระเบิดเสียงคำรามออกมากลางอากาศ “เจียงอี้ จงตายซะ!”
“ตาย?”
ในที่สุดเจียงอี้ก็ได้สติกลับคืนมาและรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเขามองไปยังเว่ยกงกงเขามองเห็นมือของเว่ยกงกงราวกับกรงเล็บอินทรีที่กำลังแผ่ขยายมาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เขายังเห็นเงาดำเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็วจากอีกฝั่งหนึ่งและเงานั้นถือดาบแลละกำลังเหินมาหาเขาเหมือนสายฟ้าสีดำ
เขาไม่ได้มีความตื่นตระหนกแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวและเขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตกลับเป็นในทางตรงกันข้าม การแสดงออกของเขาไม่ได้แสดงอะไรออกมานอกจากความสงบนิ่งและอายสังหาร เขาก้มหัวลงและพึมพำอย่างสิ้นหวัง “ตายเลย ถ้างั้นก็ตายซะ! รั่วเสวี่ยตายไปแล้ว ทำไมข้าจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย? ปล่อยให้ข้าตายและทุกอย่างจะได้จบสิ้นเสียที….”
“มันต้องไม่ใช่แบบนี้!”
ดูเหมือนว่าเขาจะนึกบางสิ่งขึ้นได้ขณะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและมองเว่ยกงกงด้วยดวงตาสีเลือดการแสดงออกที่นิ่งสงบกลายเป็นความน่ากลัว กลิ่นอายสังหารของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เขามองไปด้วยตาสีแดงเลือดของเขาที่กำลังส่องแสงสีแดงฉานออกมา ทันใดนั้นเขาก็กระตุกปากแล้วพูดบางอย่างออกมา “เจ้าเป็นคนที่ฆ่ารั่วเสวี่ย… เช่นนี้ข้าก็จะเอาเจ้าลงนรกไปด้วย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
กรงเล็บอินทรีของเว่ยกงกงอยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงไม่กี่เมตรและกำลังจะบดขยี้หัวของเจียงอี้ในอีกไม่กี่เสี้ยววินาทีแม้ว่าเจียงอี้จะกลับมามีสติอีกครั้งแต่เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจียงอี้จะนำหินวิญญาณเพลิงออกมาแต่เจียงอี้ก็ยังคงต้องตาย ไข่มุกวิญญาณเพลิงของเจียงอี้ไม่ได้ส่องสว่าง มันสายเกินไปแล้วแม้ว่าเขาจะต้องการเอาหินวิญญาณเพลิงออกมาใช้!
“ตายตาย! ผู้ใดที่ต้องการจะทำร้ายรั่วเสวี่ย มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
ไข่มุกวิญญาณเพลิงไม่ได้สว่างออกมาจริงๆแม้แต่ดาบมังกรเพลิงก็ไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมา เจียงอี้เงยหน้าขึ้นและตะโกนไม่หยุด ในยามที่เขาตะโกน ผมสีดำของเขาก็กระพือราวกับว่ามันกำลังพัดโดยไม่มีลม มีบางสิ่งที่แปลกกว่านั้นก็คือ
ผมสีดำของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเลือดอย่างรวดเร็ว
“นี่…..”
มีความประหลาดใจเกิดขึ้นในดวงตาเว่ยกงกงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยววูบหนึ่งจู่ๆเหล่าทหารที่อยู่ใกล้ๆที่ถูกตรึงไว้โดยเจตจำนงสังหารของเจียงอี้ก็มีความกลัวจนหัวหดราวกับพวกเขาเห็นผี
ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วค่ำคืนที่แสนเศร้าโศก!
หลายคนเคยได้ยินเรื่องราวนี้แต่การที่ผมสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันไม่เคยมีอยู่ในเรื่องเล่าโบราณใช่ไหม? แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาจริงๆ
“ตาย!”
แม้ว่าร่างกายของเจียงอี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างประหลาดแต่เว่ยกงกงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงมือกรงเล็บอินทรีของเขาโฉบไปในอากาศและส่งเสียงพาดผ่านอากาศอย่างรุนแรงไปที่หัวของเจียงอี้
บุฟฟ!
ในขณะนั้นจู่ๆร่างของเจียงอี้ก็มีกลิ่นอายที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็สิบเท่าจากก่อนหน้านี้ จิตสังหารนี้ทำให้เจียงอี้ดูเหมือนสัตว์อสูรโบราณและดุร้าย การปรากฏตัวของกลิ่นอายนี้ส่งผลต่อทหารที่ระดับขั้นพลังต่ำกว่าขอบเขตจื่อฝู่กว่าร้อยคน แม้แต่พวกขอบเขตเสินโหยว พวกเขาทั้งหมดถูกกลิ่นอายของเจียงอี้ทำให้ต้องสยบและหมอบลงไปกับพื้น เลือดนั้นไหลออกมาจากเจ็ดทวาร [1] อย่างไม่รู้จบ
“น่ะนี่…….”
กรงเล็บของเว่ยกงกงที่อยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงไม่กี่เซนติเมตรและเขาก็จะสามารถขยี้หัวของเจียงอี้ได้ก็เริ่มแข็งทื่อและร่างกายของเขาก็สูญเสียพลังทั้งหมด แก่นแท้พลังของเขานั้นไม่สามารถควบคุมได้และจิตใจของเขาก็เหมือนจะไม่สามารถนำเอาจิตสังหารออกมาใช้ได้
เมื่อเผชิญกับกลิ่นอายสังหารที่น่าเกรงขามเขารู้สึกราวกับว่าเจียงอี้ได้กลายเป็นเทพแห่งปีศาจ เจียงอี้แกร่งขึ้นมาอย่างไร้ผู้เทียบเทียมและเขาก็ไม่มีความกล้าใดๆเหลือที่จะต่อสู้กับเจียงอี้อีก
กร๊อบบ!
ในอีกด้านหนึ่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวที่อยู่ห่างจากเจียงอี้ออกไปเพียงร้อยเมตรก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร่างของเขาสั่นเทาเหมือนกลัวจนถึงขีดสุด
เขามองไปยังเจียงอี้ผู้ซึ่งมีผมสีแดงเลือดที่ตระหง่านอยู่ท่ามกลางกองทัพเขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาเพื่ออ้าปากอุทานออกมา “กลิ่นอายสังหารรุนแรงอะไรเช่นนี้ เจตจำนงสังหารของเจียงอี้เป็นขั้นที่สี่แล้วหรือ? มัน…. มันเป็นไปได้ยังไง? ในยุคของราชันสวรรค์สังหาร เขาก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี? แล้วนี่เจียงอี้อายุเท่าไหร่กัน?”
ดวงตาสีแดงเลือดของเจียงอี้มองไปยังสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนับไม่ถ้วนในขณะที่เขาไม่แสดงอะไรออกมาผมสีแดงเลือดและเสื้อคลุมของเขากระพือโดยที่ไม่มีสายลมพัดผ่านอย่างไม่หยุด เขาค่อยๆยกดาบมังกรเพลิงขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องสะท้านไปถึงขั้ววิญญาณที่เป็นดั่งเสียงของยมทูต “วันนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
[1]เลือดออกเจ็ดทวารคือ 2รูตา 2 รูหู 2รูจมูก และ1รูปาก