เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 310 หนึ่งปะทะสอง
บทที่ 310 หนึ่งปะทะสอง
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
มังกรทองหกกรงเล็บนั้นเป็นสายพันธุ์ที่หายยากเป็นอย่างยิ่ง ในโลกนี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถสยบมันและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสัตว์วิญญาณได้สำเร็จ คนผู้นั้นก็คือเจ้าสำนักจิตอสูร—จูเก๋อชิงหยุน!
เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังสำนักจิตอสูรมาเกือบศตวรรษและทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับสำนัก ชื่อเสียงของชายชราผู้นี้โด่งดังมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน แม้แต่เด็กแปดขวบก็ยังเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่ของเขาได้เป็นอย่างดี
ในทำเนียบยอดฝีมือทั้งสิบของทวีปเทียนชิง แน่นอนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดย่อมเป็นสุ่ยโย่วหลาน ตามมาด้วยนักบวชเฒ่าแห่งอารามเซนที่ถือครองอับดับสอง—ในขณะที่จูเก๋อชิงหยุนอยู่ในอันดับเจ็ด!
การจัดอันดับเหล่านี้อาจจะไม่ถูกต้องแม่นยำมากนัก เพราะอย่างไรเสียมันก็ไม่ปรากฏชื่อของบรรพบุรุษเฒ่าแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่ากำลังรบของชายชราผู้นั้นต้องติดหนึ่งในสามอันดับแรกอย่างแน่นอน
นอกจากนี้กำลังรบของจูเก๋อชิงหยุนก็ยังไม่ได้นับรวมสัตว์วิญญาณของเขา ในขณะเดียวกันยอดฝีมือหลายคนต่างก็มีสัตว์วิญญาณอยู่ในครอบครอง ยกตัวอย่างเช่นสุ่ยโย่วหลานที่มีสัตว์วิญญาณเป็นหงส์อัคนีซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับสี่ และเจียงเปี๋ยหลีก็มีสัตว์วิญญาณระดับสี่อยู่ในครอบครองเช่นกัน
สำหรับตัวตนระดับนี้ สัตว์วิญญาณถือว่าเป็นไพ่ตายของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เปิดเผยต่อต่อที่สาธารณะโดยง่าย
แต่ในตอนนี้ จูเก๋อชิงหยุนกลับนำมังกรทองหกกรงเล็บออกมา และเมื่อทุกคนในสนามรบสัมผัสถึงกลิ่นอายอันทรงพลังจากร่างของมัน พวกเขาทั้งหมดต่างก็ต้องประเมินความแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้ใหม่อีกครั้ง
ดูเหมือนว่ามังกรทองหกกรงเล็บตัวนี้จะถูกจัดอยู่ในสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นสูงซึ่งสามารถเทียบชั้นกับยอดฝีมือขอบเขตจินกังได้เลยทีเดียว!
ใบหน้าของหลินกงกงนั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย แววตาของเขาเผยให้เห็นเปลวเพลิงจิตสังหารที่กำลังคุกรุ่น ทางด้านของจอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงก็เงยหน้ามองจูเก๋อชิงหยุนที่กำลังทะยานมาจากระยะไกลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คึ๊กคึ๊ก! ผ่านมาสิบกว่าปี ในที่สุดเจ้าก็เคลื่อนไหวแล้วรึ?”
ขันทีชรายังคงหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันชั่วร้าย ในเวลาเดียวกันเขาก็ถอนแรงกดดันที่กดทับร่างของเจียงอี้ออกไป
“แค่ก!”
ทางด้านของเจียงอี้ เมื่อหลุดพ้นจากแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก่อนหน้านี้ เขาก็กระอักเลือดออกมาคำโตจากนั้นก็เงยหน้ามองจูเก๋อชิงหยุนด้วยสายตาตกตะลึงปนสำนึกขอบคุณ
การที่จูเก๋อชิงหยุนปรากฏตัวที่นี่ก็หมายความว่าเขาพร้อมที่จะเสี่ยงตายเพื่อปกป้องเจียงอี้ ไม่สำคัญว่าเขาทำเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่เขาเลือกมาเป็นผู้สืบทอดหรือทำเพื่ออีเพียวเพียว แต่เขาก็ควรค่าพอที่เจียงอี้จะรู้สึกเคารพและซาบซึ้ง
ในเมื่อจูเก๋อชิงหยุนยืนกรานที่จะอยู่ข้างเจียงอี้ นั่นก็เท่ากับว่าเขาเตรียมใจที่จะเป็นศัตรูกับขั้วอำนาจทั้งหลายไว้แล้ว และการที่เขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับขั้วอำนาจทั้งหกนี้ สำนักจิตอสูรก็อาจจะกลายเป็นเป้าหมายของคนเหล่านี้ในสักวันหนึ่ง!
เห็นได้ชัดว่าขันทีเฒ่าหลินเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน เขาหัวเราะออกมาและเอ่ย
“เจ้าง่อยจูเก๋อ เจ้ากำลังพยายามที่จะปกป้องอาณาจักรต้าเซี่ยเหมือนกับไอ้หนูนั่น? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้สำนักจิตอสูรประกาศออกมาว่าจะให้การสนับสนุนกองทัพพันธมิตรหรอกหรือ? ไม่สิ… หรือว่าแท้จริงแล้วเจ้าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรต้าเซี่ยกระทำเรื่องชั่วร้ายมาตั้งแต่ต้น?”
มังกรทองหกกรงเล็บทะยานเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูงและมาลอยตัวอยู่เหนือเจียงอี้กับกองทัพอาณาจักรต้าเซี่ย
เวลานี้จูเก๋อชิงหยุนยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นเหมือนกับตอนที่อยู่ในสำนักจิตอสูร ดวงตาอันแหลมคมของเขากวาดมองไปยังขันทีเฒ่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขันทีหลิน เจ้าอย่าได้ใช้อุบายสกปรกนี้กับข้าเลย”
“อาณาจักรเสินหวู่ของเจ้าวางแผนได้แนบเนียนดี ข้าไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรต้าเซี่ย แต่หากเจ้าต้องการชีวิตของเจียงอี้ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องผ่านข้ากับเจ้าทองน้อยไปให้ได้ก่อน เขาคือศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักจิตอสูรและยังเป็นศิษย์ส่วนตัวของข้า—จูเก๋อชิงหยุน—ผู้นี้!”
“โฮกกก!”
หลังจากที่จูเก๋อชิงหยุนกล่าวจบ มังกรทองก็คำรามออกมาราวกับตอบรับคำพูดของผู้เป็นนาย กลิ่นอายและความสง่าผ่าเผยของมังกรตัวนี้ช่างคล้ายคลึงกับเจตจำนงสังหารของเจียงอี้ยิ่งนักซึ่งทำให้ตัวเขาเองถึงกับตกตะลึงไปชั่วครู่
“จูเก๋อชิงหยุน!”
จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงที่เงียบมานานก็เอ่ยปากขึ้นมาในที่สุด
“ไม่ว่ายังไงวันนี้อาณาจักรต้าเซี่ยก็จะต้องถูกกำจัด เจียงอี้เองก็ต้องตายเช่นกัน หากว่าเจ้าต้องการที่จะปกป้องเขา เช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าพวกเรานั้นไม่สุภาพ ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดทบทวนใหม่อีกสักครั้ง หรือเจ้าคิดที่จะต่อกรกับพวกเราสองคนด้วยตัวคนเดียว?”
“ก็ต้องลองดู!”
จูเก๋อชิงหยุนเงยหน้าและกระแทกรถเข็นด้วยมือข้างเดียวซึ่งทำให้มันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เมื่อเห็นเช่นนั้นจอมพลเฒ่าก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญาและหันไปกล่าวกับหลินกงกง
“ขันทีหลิน พวกเราย้ายที่กันเถิด มิฉะนั้นกองทัพอาณาจักรเสินหวู่ของเจ้าจะพลอยถูกฆ่าไปด้วย เราไม่อาจประมาทตาแก่ผู้นี้ได้!”
จะ… จะเริ่มการต่อสู้กันอย่างนี้เลยหรือ?!
บรรดาผู้คนที่อยู่เบื้องล่างต่างพากันตกใจ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังถือว่าเป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสุดยอดของทวีปนี้ โดยทั่วไปแล้วตัวตนระดับพวกเขาจะไม่เผชิญหน้ากันเองเว้นแต่ว่าจะมีความแค้นที่ฝังรากลึก
เพราะไม่ว่ายังไง การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังไปสักคนก็นับว่าเป็นความสูญเสียอย่างมหาศาลของเผ่าพันธุ์มนุษย์
“ดี!”
หลินกงกงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ตั้งแต่ที่เขาถูกจูเก๋อชิงหยุนท้าทายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาก็ไม่มีหน้าที่จะปฏิเสธการต่อสู้อีกแล้ว
เขากับจอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงมองหน้ากันและพากันทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า การต่อสู้ระหว่างชนชั้นจินกังนั้นรุนแรงเกินไป หากพวกเขาไม่ระวังอาจจะทำให้คนนับหมื่นล้มตายได้
จอมพลเฒ่าไม่ได้ลงมือทันที เพราะนี่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองผู้เชี่ยวชาญ หากเขาเข้าไปยุ่ง มันก็จะเป็นการลดศักดิ์ศรีของขันทีเฒ่าและตัวเขาเองในฐานะยอดฝีมือระดับสูง
ยิ่งไปกว่านั้น หากข่าวลือที่พวกเขาสองคนรวมพลังกันรังแกคนผู้เดียวแพร่กระจายออกไป มันคงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังนัก
แน่นอนว่ามันยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือเขาถูกมังกรทองหกกรงเล็บเพ่งเล็งไว้แล้ว ราวกับว่าถ้าเขากล้าขยับ มันก็พร้อมที่จะเข้ามาห้ำหั่นกับเขาทันที
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ไม่นานนัก เสียงกัมปนาทก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งท้องนภา คลื่นพลังที่แผ่ออกมาส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อยู่เบื้องล่างโดยตรง มวลอากาศเหนือท้องฟ้าฉีดขาดจากการโจมตีของยอดฝีมือขั้นสูงสุดทั้งสอง
นี่มัน…
ฝูงชนที่อยู่ด้านล่างต่างก็อ้าปากค้าง เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่เจ็ดหรือสูงกว่ามีการมองเห็นที่ดีกว่า พวกเขาสามารถมองเห็นจุดสีดำสองจุดที่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ห้วงอากาศโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้ปลดปล่อยแก่นแท้พลังออกมา แต่เพียงแค่การโจมตีธรรมดาของพวกเขาก็น่าสะพรึงกลัวจนแทบจะแยกสวรรค์และโลกได้แล้ว!
จูเก๋อชิงหยุนได้เก็บรถเข็นกลับเข้าไปในแหวนมิติและทำให้ขาของเขาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำลังรบของเขาเลยแม้แต่น้อย
ผู้คนเบื้องล่างต่างก็สัมผัสได้ว่าพลังของชายชราผู้นี้อยู่เหนือหลินกงกงอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่เข้าปะทะกัน ร่างของหลินกงกงจะถูกบังคับให้ต้องถอยร่นไปหลายกิโลเมตรในขณะที่ร่างของเขาถอยไปเพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
เห็นได้ชัดเลยว่าพลังของจูเก๋อชิงหยุนเหนือกว่าขันทีเฒ่าอยู่ขั้นหนึ่ง!
กำลังรบของคนผู้นี้… ดูเหมือนว่าจะทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่เขายังไม่พิการเสียอีก?
จอมพลเฒ่าเฝ้าสังเกตการณ์ต่อสู้ด้วยสีหน้าจริงจัง ในบรรดาคนทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างหลินกงกงกับจูเก๋อชิงหยุน
ทันทีที่พวกเขาเริ่มสู้กัน จูเก๋อชิงหยุนก็สามารถสยบหลินกงกงได้อย่างง่ายดายและยังไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้กลับ
ปังงง!
หลังจากเข้าปะทะกันครั้งสุดท้าย สภาพของขันทีเฒ่าก็ดูน่าสังเวชเป็นอย่างมากในขณะที่ถอยร่นไปอีกสามกิโลเมตรพร้อมกับกระอักเลือดออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เขารีบทะยานขึ้นไปและพร้อมที่จะเปิดศึกกับจูเก๋อชิงหยุนทันที
“โฮกกกกกก!”
แต่มีหรือที่มังกรทองซึ่งคอยเฝ้าระวังอยู่จะปล่อยให้เขาลงมือโดยง่าย? มันรีบขยับร่างอันใหญ่โตของมันและเตรียมจะลงมือเช่นกัน อีกด้านหนึ่ง จูเก๋อชิงหยุนก็เผยสีหน้าเยาะเย้ยและหัวเราะออกมา
“สองต่อหนึ่ง? ฮ่าฮ่า ข้าก็คิดอยู่แล้วแหละว่าพวกเจ้ามันก็แค่ตัวบัดซบไร้ยางอาย! มาเถิด ชายชราผู้นี้ไม่ได้ลงมือมานานแล้ว พวกเจ้าช่วยทำให้ข้าได้ออกกำลังสักหน่อยได้หรือไม่?”