เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 315 ความขัดแย้งภายใน
บทที่ 315 ความขัดแย้งภายใน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ข่าวการต่อสู้นอกเมืองเซี่ยยวี่แพร่กระจายไปทั่วทวีปอย่างรวดเร็วนี่เป็นการโจมตีครั้งแรกของการรวมทัพพันธมิตรของเหล่าอาณาจักรต่างๆในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมาและเหตุการณ์นี้นั้นเป็นที่สนใจของทุกคน และผลสุดท้ายก็ทำให้ทั่วทั้งทวีปเกิดความโกลาหลและชื่อของเจียงอี้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งทวีปจนแม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังรู้เรื่องความแข็งแกร่งของเขา
ไม่มีผู้ใดสามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้!
แต่เดิมนั้นอาณาจักรต้าเซี่ยถูกกำหนดไว้ว่าต้องถูกทำลายลงแต่มันกลับตาลปัตรเพราะเด็กหนุ่มนามว่าเจียงอี้ แถมกองทัพพันธมิตรยังส่งผู้เชี่ยวชาญสิบคนออกไปซึ่งทำให้ผลลัพธ์นั้นแย่กว่าเดิม หลินกงกงเกือบถูกสังหารและผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบคนถูกยั้งมือไว้โดยจักรพรรดินีสัตว์อสูร….ที่ไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ
มันอาจมีสัญญาสามปีที่ทำให้ทุกคนหลุดพ้นเรื่องนี้ไปได้แต่….ทุกคนก็รู้ดีว่ามันคือความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของกองทัพพันธมิตรและสร้างความอับอายขายขี้หน้าแก่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบอย่างใหญ่หลวง
แน่นอนว่าประชาชนส่วนใหญ่ของราชอาณาจักรต่างๆต่างพากันรู้สึกขุ่นเคืองและลุกฮือกันขึ้นมาต่อสู้ พวกเขาทั้งหมดกำลังรอที่จะเข้าร่วมกับกองทัพพันธมิตรในอีกสามปีข้างหน้าเพื่อล้มล้างอาณาจักรต้าเซี่ยอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น จักรพรรดินีสัตว์อสูร, สุ่ยโย่วหลาน, เจ้าอาวาสเหยียนเส่อและจูเก๋อชิงหยุนจะไม่สามารถคุ้มครองเจียงอี้ได้อีกต่อไป เจียงอี้จะสามารถหยุดยั้งกองทัพพันธมิตรกว่าล้านชีวิตได้ด้วยตัวเองหรือไม่?
ในเวลาเดียวกันก็มีผู้คนนับไม่ถ้วนต่างตั้งข้อสงสัยขึ้นมาเช่นกันเหตุใดราชอาณาจักรทั้งหกจึงกระตือรือร้นที่จะทลายอาณาจักรต้าเซี่ยถึงเพียงนี้? เป็นที่เข้าใจได้ในด้านของจักรวรรดิมังกรเวหาที่ต้องการครองทวีปอีกครั้ง แต่เพราะเหตุใดราชอาณาจักรทั้งห้าจึงมาร่วมเสี่ยงเช่นกัน?
มันจะเป็นความจริงเพียงแค่ว่าอาณาจักรต้าเซี่ยเป็นผู้บงการจริงๆ?จะเป็นเพราะความยุติธรรมของเหล่ามนุษยชาติหรือ?
นี่เพียงพอที่จะโน้มน้าวเหล่าผู้คนธรรมดาได้แต่พวกระดับขุนนางชนชั้นสูงของตระกูลต่างๆนั้นเข้าใจว่ามันไม่ใช่ประโยชน์ที่เพียงพอที่จะทำให้เหล่าห้าอาณาจักรออกไปร่วมรบ สุดท้ายแล้ว การทำให้อาณาจักรต้าเซี่ยล่มสลายจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของความสมดุลของอำนาจในทวีป คราวนี้เป็นอาณาจักรต้าเซ่ยที่จะล่มสลายไป แล้วคราวหน้าล่ะ? มันจะเป็นอาณาจักรเทียนเซวี่ยนหรือเปล่า? หรือจะเป็นอาณาจักรเซิ่งหลิง?
เมื่อความโกลาหลระเบิดออกมาอาณาจักรทั้งหกอาจล่มสลาย และในปัจจุบันนี้ไม่มีอาณาจักรใดที่จะแข็งแกร่งมากพอที่จะปกครองทวีป หากสมดุลของอำนาจถูกทำลายลง มันก็จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆต่อขุนนางอาณาจักรทั้งหกเลย
เช่นนั้นอะไรคือเหตุผลที่ทำให้อาณาจักรทั้งห้าต้องการที่จะล้มล้างอาณาจักรต้าเซี่ยถึงเพียงนี้? นี่เป็นความเคลือบแคลงที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่มีผู้ใดเข้าใจได้และอาจมีเพียงเหล่าชนชั้นสูงของทั้งห้าอาณาจักรเท่านั้นที่จะเข้าใจ
อันที่จริงความสงสัยนี้ก็อยู่ในใจเจียงอี้เช่นกัน!
เรื่องความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดในด้านของการเมืองชัยชนะจะถูกจารึกโดยผู้ชนะเสมอและตราบใดที่ผลประโยชน์นั้นมากพอ พวกเขาก็จะเสี่ยงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแทงพันธมิตรข้างหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
การล้มล้างอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นไม่มีประโยชน์อันใดมากมายยกเว้นดินแดนบางแห่งการปล้นข้าวของนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง? อาณาจักรเป่ยหมางและเป่ยเหลียงอาจไม่ได้รับส่วนแบ่งในเรื่องของอาณาเขตใช่ไหม? แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังมาตั้งสองคน
ในเมื่อเขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเสียทีเขาจึงหยุดคิดถึงมัน ร่างกายของเจียงอี้ยังคงทำการฟื้นตัวและอยู่ในการบำรุงโดยสมุนไพรวิญญาณนับไม่ถ้วนของอาณาจักรต้าเซี่ย เขาใช้เวลาเพียงสามวันก็สามารถฟื้นฟูขึ้นมาได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว ส่วนซูรั่วเสวี่ยก็ยังคงหลับใหลอยู่ ดังนั้นเจียงอี้จึงยังอยู่ที่วังหิมะเลื่อนลอยของนางและรอให้นางฟื้นขึ้นมา
ซูรั่วเสวี่ยได้ปลดปล่อยแสงแห่งเสน่ห์เทวะออกมาหลายครั้งซึ่งมันใช้พลังงานและพลังวิญญาณไปมากมาย มิหนำซ้ำนางยังได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือนั่นอีก หากนางฟื้นขึ้นมาในอีกครึ่งเดือนให้หลังนั่นก็นับว่าดีมากแล้ว
สิ่งที่แปลกก็คือ……ซูตี๋หวังไม่ตื่นขึ้นมาซูตี๋หวังนั้นอาจจะดื่มด่ำกับสุรามากเกินไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจึงทำให้ร่างกายของเขาถูกกัดกิน หลังจากได้รับรู้ว่าอาณาจักรต้าเซี่ยกำลังจะล่มสลายลงและหลังจากที่รู้ว่าบรรดาลูกหลานของเขาและเหล่าอัจฉริยะถูกกำจัดสิ้น เขาคงจะเสียใจมากเกินไป แต่…มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว หลังจากที่ใช้ยาสมุนไพรวิญญาณไปมากมายเขาก็ควรจะฟื้นแล้วใช่ไหม?
มีแม่ทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยเหลือเพียงไม่กี่คนขณะที่เหล่าตระกูลซูที่เหลือกำลังจัดการเรื่องต่างๆหลังจากผ่านศึกมาเมืองแทบทุกเมืองในอาณาจักรต้าเซี่ยถูกปล้นสะดมและราชอาณาจักรก็อยู่ในความวุ่นวาย กองทัพพันธมิตรอาจจะถอนตัวไปแล้ว แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกลับมาฟื้นตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น
เสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยค่อนข้างชอบใจที่พวกนางถูกปฏิบัติราวกับเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาโดยเฉพาะจิ้งจอกน้อยที่เคยกินเพียงผลไม้วิญญาณ มันเริ่มคุ้นเคยกับอาหารเลิศรสในพระราชวังหลวงและลืมรสชาติอาหารที่บ้านไป
ส่วนเจียงอี้ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยและยังคงอยู่ในห้องซูรั่วเสวี่ยเมื่อพักฟื้นเสร็จเขาก็จะบ่มเพาะพลังต่อ ในขณะที่เขาก็ค่อยๆเริ่มเห็นผิวพรรณของซูรั่วเสวี่ยดีขึ้นในแต่ละวัน อารมณ์ของเข็ดีขึ้นมากมายเช่นกัน
เขากำลังจะทำสิ่งใดต่อไปในอนาคต?เจียงอี้ยังไม่ได้คิดไปถึงอนาคต เขายังไม่อยากนึกถึงสัญญาสามปีแค่เขารอดพ้นมาได้เขาก็พอใจมากแล้ว และสิ่งต่างๆในอนาคตก็ค่อยคิดพิจารณาภายหลัง หากซูรั่วเสวี่ยพร้อมที่จะไปกับเขา เขาก็ยินดีที่จะปล่อยทุกอย่างและใช้ชีวิตอย่างสงบในหุบเขาสามหมื่นลี้
ตึ้ง!ตึ้ง! ตึ้ง!
ในวันที่ห้าเจียงอี้ยังคงบ่มเพาะพลังอยู่และถูกปลุกด้วยเสียงระฆังที่น่าเบื่อหน่าย มันถูกตีติดต่อกันเก้าครั้งและเห็นฉากแปลกๆขึ้น บรรดาขันทีและสาวใช้ในวังหิมะเลื่อนลอยต่างพากันคุกเข่าลงไปทั้งสองข้างและกราบลงบนพื้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
คิ้วของเจียงอี้ขมวดเข้าหากันพร้อมกับตะโกนออกมาขันทีผู้ซึ่งอยู่กับเจียงอี้มาตลอดกล่าวขึ้นมาอย่างสลดใจ “ใต้เท้าเจียง องค์ราชาเสด็จสวรรคตแล้วขอรับ!”
“อะไรนะ?”
เจียงอี้ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจและเหลือบมองซูรั่วเสวี่ยจากนั้นเขาก็ออกคำสั่ง “ดูแลองค์หญิงที ข้าจะไปดูหน่อย!”
เจียงอี้พาขันทีทั้งสองตรงไปยังวังสุริยันสันติที่ซูตี๋หวังพำนักอยู่ระหว่างทาง เขาเห็นสาวใช้และขันทีมากมายที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและคร่ำครวญออกมาด้วยความโศกเศร้า มันไม่สำคัญว่ามันจะเป็นการเสแสร้งหรือความจริงใจ ยังไงมันก็ยังคงเป็นภาพที่น่าโศกเศร้าอยู่ดี
หลังจากมาถึงวังสุริยันสันติก็มีผู้คนมากมายที่อยู่ที่นี่และพวกเขาทั้งหมดก็เป็นเหล่าสาวใช้ ขันที ขุนนางและเหล่าแม่ทัพที่กำลังคุกเข่าอยู่ เจียงอี้เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเขามองไปที่แม่ทัพเฒ่าและถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า “แม่ทัพหลู เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้องค์ราชากำลังฟื้นตัวหรือ? ทำไมเขาถึงได้จากไปรวดเร็วเช่นนี้?”
แม่ทัพหลูถอนหายใจเล็กน้อยและเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของเขาขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง“ร่างกายของพระองค์ทรงอ่อนแรงมาตลอด มันอาจเป็นเพราะความเศร้าและความสิ้นหวังในใจของเขา เขาได้ร้องขอความตายเพราะเขาไม่ต้องการที่จะตื่นขึ้นมา แล้วเขาก็ได้หลับใหลไปตลอดกาล…..”
“ฮะ!”
เจียงอี้พยักหน้าเล็กน้อยหากบุคคลผู้หนึ่งมีความสิ้นหวังอยู่เต็มหัวใจของเขาและเชื่อว่าเขาต้องตาย ความคิดที่เลื่อนลอยอยู่ภายในนั้นอาจทำให้เขาค่อยๆตายลงไปอย่างช้าๆ นอกจากนี้ ร่างกายของซูตี๋หวังก็อ่อนแออยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
เจียงอี้ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนักและปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างรวดเร็วเขาไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อซูตี๋หวัง แต่เขาก็เป็นห่วงซูรั่วเสวี่ย หากนางฟื้นขึ้นมานางอาจถูกเติมเต็มไปด้วยความเสียใจและร่างกายของนางอาจไม่สามารถรับมันได้
หลังจากเขาทำการสวดอธิษฐานแล้วก็จากไปทันทีคนอื่นจะทำการจัดงานศพของซูตี๋หวังซึ่งตัวเขาไม่ใช่คนของอาณาจักรต้าเซี่ย นั่นจึงทำให้เขาไม่ต้องกังวลไปกับมัน
โชคดีที่ซูรั่วเสวี่ยยังไม่ฟื้นสติ….และมีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วนในอาณาจักรต้าเซี่ยการสวรรคตของซูตี๋หวังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เกิดความอลหม่านในเมืองเซี่ยยวี่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้น บรรยากาศในเมืองเซี่ยยวี่ก็หดหู่มากขึ้นไปอีก
ขบวนแห่ศพขอซูตี๋หวังถูกจัดขึ้นในอีกสามวันให้หลังเมื่อเจียงอี้รับรู้เรื่องนี้ เขาก็พบว่ามันแปลกมากๆ องค์ราชานั้นถูกจัดการเรื่องงานศพในช่วงเวลาสั้นเพียงนี้เชียว?
แม้ว่าอาณาจักรต้าเซี่ยจะมีหลายสิ่งให้ต้องทำเป็นพันอย่างแต่ก็ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนจัดงานศพเช่นนี้ใช่ไหม? ยิ่งไปกว่านั้น ซูรั่วเสวี่ยก็ยังไม่ฟื้น หากพวกเขาจะฝังพระองค์เช่นนี้ มันจะไม่เป็นการช่วงชิงโอกาสสุดท้ายที่จะให้นางได้ร่ำลาบิดาของตัวเองหรือ?
“ใต้เท้าเจียง!ท่านใต้เท้าเจียง!”
ในเวลาเดียวกับที่เจียงอี้กำลังลังเลอยู่นั้นก็มีเสียงผู้มีอายุตะโกนออกมาจากนอกวังในทันใดมันคือแม่ทัพหลูเฒ่าที่รีบร้อนมาทางเขาและเขารีบทำท่าทางไล่เหล่าสาวใช้และขันทีออกไปและคุกเข่าพร้อมกับพูดในขณะกัดฟันทันที “ท่านใต้เท้าเจียง ท่านได้โปรดช่วยเหลืออาณาจักรต้าเซี่ยด้วยเถิดขอรับ มิฉะนั้นอาณาจักรต้าเซี่ยคงจะต้องล่มสลายไปเพราะคนเหล่านี้เป็นแน่”
“อืม?”
เจียงอี้พยักน้าอย่างงุนงงและถามด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม“เรื่องมันเป็นมายังไง?”
การแสดงออกของแม่ทัพเฒ่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวร่างกายของเขาสั่นเทาขณะที่พูดด้วยความเศร้าโศกว่า “พระศพขององค์ราชายังไม่ทันจะเย็นเลย แต่เจ้าพระยาซูเหิงและเจ้าพระยาซูอวี่เตรียมที่จะต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์แล้ว พวกเขากำลังเตรียมทหารเพื่อต่อสู้กัน นอกจากนี้ข้ายังสงสัยว่าสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ขององค์ราชานั้นจะเป็นเหตุมาจากเจ้าพระยาทั้งสองพระองค์ขอรับ….”