เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 323 สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 323 สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน
บทที่ 323 สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ข้างใต้หรอ?”
ด้านนอกราชวังยักษ์ของอาณาจักรต้าเซี่ยเจียงอี้มองไปรอบๆด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็หันมาถามยายเฒ่าข้างๆเขา ซูรั่วเสวี่ยไม่ได้ขอให้หัวหน้าขันทีพาเขามายังสายแร่แต่ขอให้ยายเฒ่าผู้ที่คอยดูแลนางเสมอพามาแทน เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นี้เป็นผู้ที่นางเชื่อถือ
ยายเฒ่านั้นแก่ชรามากแล้วและความแข็งแกร่งของนางอยู่ในขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวนางพยักหน้าด้วยความเคารพและตอบว่า “ใช่แล้วท่านอุปราช สายแร่ศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านล่างนี้แหละ มันต้องใช้การชี้ทางจากข้า มิเช่นนั้นแล้วจะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้!”
เจียงอี้พยักหน้าในขณะที่ยายเฒ่านำทางไปทันทีก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปยังโถงพระราชวัง เหล่าทหารเกราะดำหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นในทันทีขณะที่หนึ่งในพวกเขาตะโกนขึ้นมา “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม หากไม่มีป้ายของผู้ปกครอง ก็ไม่มีผู้ใดเข้าไปได้ กลับไปซะ มิฉะนั้นก็เตรียมตัวถูกฆ่าโดยไร้ความปรานีได้เลย!”
เจียงอี้ยังคงนิ่งเงียบขณะที่ยายเฒ่าโยนป้ายออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยบุคคลนั้นมองมันใกล้ๆและคุกเข่าลงทันที “คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง!”
“อุปราชเชิญด้านนี้!”
ยายเฒ่าโค้งคำนับให้เจียงอี้เล็กน้อยในขณะที่เขาเดินไคว่มือไว้ด้านหลังหลังจากที่เขาเข้ามาเขาก็มองและรู้สึกบางอย่างขึ้นได้ในทันที
ห้องโถงนี้กว้างขวางมากและไม่มีอะไรเลยนอกเหนือจากค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดยักษ์เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่ต้องการไปยังสายแร่ศักดิ์สิทธิ์นั้นจำเป็นต้องผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งนี้
“เปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้าย!”
ยายเฒ่าเดินเข้ามาและบอกให้เจียงอี้เข้ามายังพื้นที่ค่ายกลก่อนที่นางจะสั่งทหารลับ
“ขอรับ!”
ทหารลับเปิดใช้งานค่ายกลเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วเจียงอี้นั้นรู้สึกได้ถึงแสงสีขาวที่ส่องผ่านห้องโถงนี้อย่างรวดเร็วในพระราชวังที่ปิดสนิท ห้องโถงราชวังแห่งนี้มีทหารลับอยู่ไม่กี่คนและมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอันอื่นอยู่ด้วย
“อุปราชนี่คือการส่งผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย หากมีศัตรูโจมตีห้องโถงก่อนหน้านี้ ที่นี่จะได้รับแจ้งเตือนทันที และพวกเขาจะทำลายค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นี่ในทันที จะไม่มีผู้ใดสามารถหาสายแร่ศัดิ์สิทธิ์แห่งนี้พบ!”
ยายเฒ่าเห็นร่องรอยความสงสัยอยู่ในดวงตาของเจียงอี้นางจึงอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เจียงอี้ก็พยักหน้าเบาๆและสับสนอีกครั้ง เขาจึงถามว่า “ในเมื่อมีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดเช่นนี้ อาณาจักรทั้งห้านั้นรู้ได้อย่างไรว่าอาณาจักรต้าเซี่ยขุดพบสายแร่ศักดิ์สิทธิ์?”
ยายเฒ่าถอนหายใจเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง“เดิมที มีเพียงองค์ราชาผู้ล่วงลับ, และซูผิงผิงรู้เรื่องเกี่ยวกับสายแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ หลังจากนั้น องค์ราชาก็แจ้งให้คนผู้หนึ่งรู้ คนผู้นั้นก็คือแม่ทัพใหญ่ ซูตี๋กั๋ว!”
“ไม่แปลกใจเลย…..”
ในตอนนี้เจียงอี้ก็เข้าใจแล้ว ซูตี๋กั๋วเป็นสายลับให้อาณาจักรเสินหวู่มาโดยตลอด เขาต้องบอกลูกชายของเขาหลายสิ่งก่อนที่เขาจะตายไป และเมื่อลูกชายของเขาไปยังจักรวรรดิมังกรเวหา เรื่องนี้จะต้องถูกแพร่กระจายไปยังระดับเบื้องบนของอาณาจักรต่างๆอย่างรวดเร็ว
บุฟฟ!
ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นอีกครั้งและเคลื่อนย้ายพวกเขาไปยังใต้ดินมันเป็นแสงจากเทียนที่ส่องให้ความสว่างและมีทหารนับร้อยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดนั้นค่อนข้างน่าเกรงขาม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่าสิบคน เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีคนกำลังเคลื่อนย้ายมาที่นี่ ทุกคนก็พากันวิตกกังวล หากยายเฒ่าไม่ได้เผยป้ายที่มีรูปตรามังกร พวกเขาก็คงจะวาดอาวุธในทันใด
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง!”
หลังจากที่เห็นป้ายแล้วทหารทั้งหมดก็คุกเข่าลง จากนั้นยายเฒ่าจึงพยักหน้าและถามว่า “แม่ทัพกู่ล่ะ?”
ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดเกราะรบสีดำก็ตอบทันที“แม่ทัพผู้นั้นอยู่นี่!”
ยายเฒ่ามองไปยังเจียงอี้และตะโกนออกมาว่า“นี่คืออุปราชแห่งราชสำนัก รีบทำความเคารพซะ!”
“อุปราช?”
แม่ทัพกู่มองไปยังเจียงอี้ด้วยท่าทีที่มีแต่ความสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเคยเห็นยายเฒ่าผู้นี้มาพร้อมกับซูตี๋หวัง นางได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกแกนกลางของตระกูลราชวงศ์และด้วยป้ายตราในมือนาง ดังนั้นแม่ทัพกู่จึงไม่กล้าสงสัยสิ่งใดอีกต่อไป เขาโค้งคำนับและทำความเคารพอย่างรวดเร็ว “กู่เต้าคารวะท่านอุปราช!”
เจียงอี้ทำท่าทางสะบัดมือและพูดว่า“พวกเจ้าจงยืนขึ้น นำข้าไปยังสายแร่ศักดิ์สิทธิ์เถอะ!”
“พะยะค่ะ!”
แม่ทัพกู่ยืนขึ้นและนำเจียงอี้ไปยังทางเข้าอุโมงค์เมื่อเจียงอี้ตามหลังเขาไป เขาเห็นกำแพงสีดำล้อมอยู่รอบๆซึ่งส่องแสงระเรื่อ เขาเดาว่ากำแพงหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะใช้การตรวจจับจากด้านบน พวกเขาก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงพื้นที่แห่งนี้ได้
ยายเฒ่าเห็นว่าเจียงอี้ให้ความสนใจกับอุโมงค์แห่งนี้นางจึงอธิบายขณะที่เดิน “ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเราอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ข้าเกรงว่าจะมีแต่องค์ราชาเท่านั้นที่รู้ หลังจากข่าวสายแร่ศักดิ์สิทธิ์รั่วไหลออกไป อาณาจักรต่างๆก็ส่งหน่วยลับมาสำรวจใต้ดินของอาณาจักรต้าเซี่ยเป็นเวลากว่าเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่หาสายแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้พบ”
เจียงอี้ไม่แปลกใจเลยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของอาณาจักร หากเขาเป็นราชา เขาคงจะไม่แม้แต่จะให้ซูผิงผิงรู้เรื่องนี้ ซูตี๋หวังนั้นวางใจซูตี๋กั๋วมากเกินไป แน่นอนว่า แม้จะไม่มีสายแร่ศักดิ์สิทธิ์นี่ก็ตาม เหล่ากองกำลังทั้งหกก็จะยังร่วมมือกันมาโจมตีและอาณาจักรต้าเซี่ยก็จะล่มสลายไปในที่สุดเพราะว่าเจียงเปี๋ยหลีนั้นวางแผนเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว
อุโมงค์นั้นยาวมากและแม่ทัพกู่เริ่มเพิ่มความเร็วของเขาจะมีประตูใหญ่ทุกสามร้อยเมตรซึ่งจะมีทหารคอยคุ้มกันอยู่ มันดูเข้มงวดมากนัก
หลังจากเดินไประยะหนึ่งอุโมงค์ก็เริ่มแผ่ลงไป เจียงอี้นั้นรู้สึกว่าเขาได้เดินไปหลายกิโลเมตรก่อนที่อุโมงค์จะกลายเป็นระดับเดียวกัน แม่ทัพกู่ก็รายงานออกมา “ท่านอุปราช ท่านผู้เฒ่า สายแร่นั้นอยู่ข้างหน้านี้แล้วขอรับ!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็มีกำลังฮึดขึ้นมาในทันทีเขาเวียนแก่นแท้พลังสีดำไปยังดวงตาเพื่อปรับปรุงวิสัยทัศน์ของเขาในการสำรวจอุโมงค์ที่มืดมิดนี้ ประตูหินอีกบานหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้า แม่ทัพกู่ก็เปิดใช้งานกลไกลซึ่งเผยให้เห็นบ้านหินขนาดเล็ก เจียงอี้เดินเข้าไปด้านในก่อนที่แม่ทัพกู่จะได้เปิดประตู
เอี๊ยดแอ๊ด!
ทันทีที่ประตูหินถูกเปิดออกดวงตาของเขาก็เปล่งประกายอย่างสดใส พลังงานฟ้าดินหลั่งไหลออกมามากมายซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกสดชื่นมาก
เขาสัมผัสถึงมันอย่างเงียบๆและเขารู้สึกดีใจอย่างท่วมท้น“รั่วเสวี่ยกล่าวถูกแล้ว พลังงานฟ้าดินที่นี่มีความหนาแน่นกว่าโลกภายนอกหลายเท่านัก และมันยังหนาแน่นกว่าวังจักรพรรดินีเสียอีก”
เจียงอี้เป็นคนแรกที่เดินเข้าในอุโมงค์ขณะที่เขาเดินไป อุโมงค์ก็มีขนาดกว้างขวางขึ้นและพลังงานฟ้าดินก็หนาแน่นขึ้น ในไม่ช้า เจียงอี้ก็พบกับสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน
จัตุรัสยักษ์ใต้ดินปรากฏอยู่ตรงหน้ามีแผ่นผลึกสีขาวที่คอยเปล่งแสงออกมา ผลึกเหล่านี้เกิดจากอัญมณีที่ส่องแสงประกายแวววาวซึ่งมันดูเหมือนอัญมณีที่มีค่าที่สุด
ปึง!ปึง!
มีจอมยุทธมากมายอยู่ที่กำแพงหินอย่างน้อยก็พันคนได้พวกเขาทั้งหมดอยู่ชอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดและคอยขุดอัญมณีสีขาวด้วยอาวุธของพวกเขา
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงยังไม่มีผู้ใดขุดเจอศิลาสวรรค์หากยังทำเช่นนี้ต่อไป เมื่อไหร่กันที่พวกเขาจะสามารถกะเทาะอัญมณีพวกนี้ได้?”
เจียงอี้มองไปและค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่เห็นคนเหล่านี้ใช้สิ่งประดิษฐ์สวรรค์และใช้กำลังทั้งหมดของพวกเขาเพื่อกะเทาะมัน ทุกๆครั้งนั่นพวกเขาจะสร้างได้เพียงรอยแตกที่เล็กประมาณนิ้วหัวแม่มือได้
แม้ว่าจะมีคนมากมายขุดที่นี่ไปตลอดทั้งปีพวกเขาอาจจะขุดมันได้เพียงไม่กี่เมตร ใครจะไปรู้ว่าสายแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ใหญ่โตขนาดไหน? ศิลาสวรรค์จะอยู่ส่วนไหนของสายแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้?
“ท่านอุปราชสายแร่แห่งนี้นั้นแข็งแรงเกินไป ย้อนกลับไปเมื่อก่อน เมื่อผู้อุทิศตนคนเก่าเป็นผู้ขุดเอง เขาก็สามารถกะเทาะอัญมณีเหล่านี้แตกออกมาเป็นชิ้นใหญ่ได้ หลังจากขุดไปกว่าสามวัน เขาก็สามารถขุดทางเข้าถ้ำได้ยี่สิบเมตร แต่ก็ไม่พบศิลาสวรรค์เลย”
ยายเฒ่าอธิบายอยู่ข้างเจียงอี้เบาๆเจียงอี้เฝ้ามองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ดาบมังกรเพลิงจะปรากฏขึ้นพร้อมแสงที่ส่องออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขา และเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ทุกคน หลบไป! ให้ข้าลองดู!”