เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 330 หุ่นเชิดปฐพี
บทที่ 330 หุ่นเชิดปฐพี
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“ฆ่า!”
การเตรียมการของจ้านอู๋ซวงค่อนข้างดี เขาไม่ได้วางกำลังพลไว้เพียงจุดเดียวแต่กระจายเป็นกลุ่มห่างออกไปทุกๆสามกิโลเมตร หลังจากที่เขาออกคำสั่ง จอมยุทธมากมายก็เข้ามาระดมพล
กองกำลังฝ่ายตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนล้อมกรอบสังหารเหล่าทหารจำนวนพันกว่านายของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน
ส่วนกำลังพลที่เหลืออีกว่าหนึ่งพันต่างก็ทำการโจมตีหยุนลู่และผู้คุ้มกันลับทั้งสองของเขา
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้องค์ชายหยุนลู่แห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะต้องตาย มิฉะนั้นการเดินทางอันเหน็ดเหนื่อยกว่าหลายพันกิโลเมตรของพวกเขาจะต้องสูญเปล่า
นอกจากนี้ แม้ว่าหยุนลู่จะไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าใครคือผู้ลงมือลอบโจมตี แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะนึกถึงหยุนเฟย เขาอาจจะคลั่งจนสังหารนางและน้องชายของนางตอนที่กลับไปถึงเมืองหลวงก็เป็นได้
แม้ว่าการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดจะทรงพลังถึงขั้นสามารถสังหารจอมยุทธหลายสิบคนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่คนของจ้านอู๋ซวงก็มีความสามารถไม่น้อยและยังชะลอการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง
สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือรั้งกลุ่มของหยุนลู่เอาไว้และรอคอยให้เจียงอี้มาถึง ตราบเท่าที่เจตจำนงของเขาสามารถปลดปล่อยอานุภาพออกมาได้ทัน การต่อสู้ทั้งหมดก็จะเป็นอันจบลง
“ตายซะ! ตาเฒ่าลู่ เจ้าพาองค์ชายหนีไปก่อน!”
ผู้คุ้มกันลับทั้งสองของหยุนลู่ต่างก็เป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถคาดเดาสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกระทำได้ไม่ยาก
ทันใดนั้นเองหนึ่งในนั้นก็ปลดปล่อยคลื่นแก่นแท้พลังด้วยดาบยาวในมือ หลังจากที่ปลิดชีพฝ่ายตรงข้ามไปมากมาย จู่ๆร่างของเขาก็เปล่งแสงสีเหลืองอันชั่วร้ายและทำให้ห้วงอากาศโดยรอบเกิดการสั่นสะเทือน พื้นปฐพีสั่นไหว ในขณะเดียวกันเรื่องประหลาดอันน่าเหลือเชื่อก็บังเกิดขึ้น
โคลนและหินโดยรอบพุ่งขึ้นมาจากพื้นและก่อตัวเป็นมนุษย์โคลนซึ่งมีความสูงราวสามเมตร ทันใดนั้น พวกมันก็พุ่งเข้าหาคนของฝั่งตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านด้วยความเร็วซึ่งเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งเลยทีเดียว
ตู้ม! ตู้ม!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหล่านั้นกระหน่ำโจมตี แต่ไม่นานนักก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าการโจมตีของพวกเขาที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่งภูเขาลูกย่อมๆกลับไม่สามารถระแคะระคายผิวของมนุษย์โคลนได้เลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าคงจะมีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าหรือสูงกว่าเท่านั้นถึงจะสามารถจัดการพวกมันได้
ปังง!
กำปั้นของหนึ่งในมนุษย์โคลนซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับหม้อปรุงยาได้หวดใส่ศีรษะของจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่คนหนึ่งอย่างจัง น่าเสียดายที่ความเร็วของเขาช้าเกินไป วินาทีต่อมาหัวของเขาก็ถูกบดขยี้และตกตายทันที
“ศาสตร์เวทย์โบราณ, หุ่นเชิดปฐพี!”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของตระกูลจ้านตะโกนพร้อมกับสีหน้าที่ซีดขาวลง จากนั้นเขาก็รีบส่งข้อความไปหาเจียงอี้ทันที
“นายน้อยอี้ โปรดช่วยพวกเราสั่งหารคนผู้นี้ด้วยเถิด มิฉะนั้นพวกเราจะต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่แน่!”
เดิมทีเจียงอี้กำลังไล่ล่าหยุนลู่และผู้คุ้มกันของเขา แต่เมื่อได้รับข้อความด่วน เขาก็หันมามองและรู้สึกลังเล
ไม่น่าเชื่อว่าผู้คุ้มกันลับของหยุนลู่คนนี้จะสามารถใช้ศาสตร์เวทย์โบราณได้ด้วย และด้วยเวลาไม่นาน เขากลับสามารถสร้างหุ่นเชิดปฐพีขึ้นมาได้หลายตัว อีกทั้งยังใช้พวกมันสี่ตัวในการประกบอยู่ข้างกายเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังเข้ามา
คนผู้นี้ยังคงสร้างหุ่นเชิดปฐพีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากว่ามีเวลามากพอ เขาอาจจะสามารถสร้างพวกมันขึ้นมาได้สองถึงสามพันตัวเลยทีเดียว
แม้ว่าสุดท้ายตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนจะสามารถเอาชนะศึกนี้ได้ แต่พวกเขาก็อาจจะต้องสูญเสียกำลังพลไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน
“ก็ได้!”
เจียงอี้กัดฟันแน่นและหยุดไล่ตามกลุ่มของหยุนลู่ เส้นทางที่จะตรงไปยังเมืองเทียนหมิงนั้นถูกผนึกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจะต้องหันไปใช้เส้นทางผ่านป่าอเวจีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ด้วยแผนการเตรียมการอันยอดเยี่ยมของจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วน พวกเขาจะต้องจัดกำลังพลส่วนหนึ่งในทางตะวันออกเฉียงเหนือของป่าอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาถึงไม่ได้กังวลมากนัก
“ฟึ่บ!”
ด้วยความสามารถในการเคลื่อนที่ในพริบตาของศาสตร์แปรผันดวงจิต แม้ว่าสนามรบจะอยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร เจียงอี้ก็สามารถมาถึงได้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
ครื้นนน!
การปลดปล่อยเจตจำนงสังหารอย่างฉับพลันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้นั้นหน้าถอดสีทันที ร่างของเขาไร้เรี่ยวแรงและพบว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขยับตัวไปไหน
ทางด้านจอมยุทธของตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน พวกเขาส่วนใหญ่ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอต่างก็นอนหมอบลงไปบนพื้นด้วยความหวาดกลัว สายตาของพวกเขาต่างก็จับจ้องไปยังร่างของเจียงอี้ราวกับกำลังมองดูปีศาจจากขุมนรกก็ไม่ปาน
“เจียงอี้!”
เมื่อรับรู้ว่ามันคือเจตจำนงสังหารอันเลื่องลือ เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของหยุนลู่ก็แสดงความหวาดผวาออกมาและจ้องเขม็งไปยังทิศทางเดียวกัน ทันใดนั้นหนึ่งในแม่ทัพก็ตะโกนขึ้นมา
“เจียงอี้ นี่เจ้ากล้าซุ่มโจมตีพวกเขาเชียวรึ? ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์ราชา หลังจากนั้นอาณาจักรต้าเซี่ยของพวกเจ้าจะต้องพังพินาศ!”
ปัง!
แม้ว่าเหล่าจอมยุทธที่อยู่ใกล้กับเจียงอี้จะได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่มันก็หาได้ส่งผลต่อหุ่นเชิดปฐพีไม่ นอกจากนี้พวกมันยังสามารถสังหารจอมยุทธของตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านได้ง่ายดายกว่าเดิม
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจียงอี้ก็รีบเปลี่ยนเป้าหมายและเพ่งเล็งไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้นั้น เขานำเพลิงโลกาออกมาและใช้มันแผดเผาร่างอีกฝ่ายทั้งเป็นทันที
“อ๊ากกกกก!”
หลังจากที่คนผู้นั้นสิ้นชีพ เหล่ากองทัพหุ่นเชิดปฐพีก็พังทลายลง เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อนักเวทย์ถูกปลิดชีพ เวทย์อาคมของเขาก็จะสูญสิ้นไปเช่นกัน
“ฟู้วว ฟู้วว!”
หลังจากที่เจียงอี้ถอนเจตจำนงสังหารกลับไป จอมยุทธฝ่ายตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนก็ได้รับการปลดปล่อยจากแรงกดดันอันหนักหน่วง
ในตอนนั้น เจียงอี้หาได้สนใจพวกเขาไม่และหันไปมองทางที่หยุนลู่เพิ่งหลบหนีไป เขาได้ยินเสียงระเบิดจากทางฝั่งนั้น นั่นก็หมายความว่าคนของจ้านอู๋ซวงเริ่มลงมือแล้ว ดังนั้นเขาจึงละความสนใจจากองค์ชายผู้นี้ชั่วคราวและตรงไปยังกองทัพของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนทันที
“พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป!”
เมื่อเจียงอี้ตะโกนออกไป ไม่ว่าจะเป็นทหารชั้นผู้น้อยหรือเหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างก็ถอยร่นตามคำสั่งทันที เมื่อเขามาถึงใจกลางสนามรบ ทันใดนั้นเพลิงโลกาพร้อมกับปราณสังหารก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที
เจียงอี้ไม่จำเป็นต้องเจาะจงสังหารผู้ใด เขาเพียงแค่เคลื่อนตัวไปรอบๆ พริบตาเดียวคนจำนวนมากก็ถูกแผดเผาจนเป็นเถ้าถ่านแล้ว
“ผลลัพธ์ของการผสานเพลิงโลกากับเจตจำนงสังหารเข้าด้วยกันช่างน่าตกตะลึงนัก! หากรู้ว่ามันได้ผลดีเช่นนี้ ข้าคงจะใช้มันในช่วงสงครามก่อนหน้านี้ไปแล้ว!”
ความเร็วของเจียงอี้ไม่ถือว่าเร็วหรือช้าเกินไป เขาใช้เวลาเพียงแค่สิบลมหายใจก็วิ่งไปทั่วสนามรบได้รอบหนึ่งแล้ว
เดิมทีฝั่งของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนยังเหลือจอมยุทธอยู่อีกเจ็ดถึงแปดร้อยคน แต่หลังจากที่เจียงอี้มาถึง ก็มีอย่างน้อยหกร้อยคนที่ตกตายไปภายใต้เปลวเพลิงของเขาแล้ว
“อ๊ากกก!”
“ทรมานเหลือเกิน!”
ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังถูกไฟคลอกทั้งเป็น แม้ว่าเจียงอี้จะถอนเจตจำนงสังหารกลับไปและออกไปจากสนามรบแล้ว แต่คนเหล่านั้นก็ยังร้องคร่ำครวญออกมาไม่หยุด
ถึงบรรดาจอมยุทธของตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนจะเคยได้ยินเกี่ยวกับความแข็งแกร่งอันน่าตกตะลึงของเจียงอี้มาบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปักใจเชื่อขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องมาเป็นพยานในการสังหารหมู่ของเจียงอี้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวจับใจและต้องยำเกรงต่อความโหดเหี้ยมไร้ปรานีของเด็กหนุ่มผู้นี้
ฟึ่บ!
เจียงอี้ปล่อยที่เหลือไว้ให้คนของทั้งสองตระกูลจัดการต่อ ส่วนตัวเองก็รีบพุ่งเข้าไปในป่าอเวจีทันที หากว่าเขาไม่ได้เห็นหยุนลู่ตายกับตา จิตใจของเขาคงไม่อาจสงบได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าตัวตนของเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว ถ้าหยุนลู่หรือผู้คุ้มกันลับของเขาหนีรอดไปได้ อาณาจักรต้าเซี่ยจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่แน่!
ด้วยพลังของศาสตร์แปรผันดวงจิต เขาสามารถหายตัวไปโผล่ในระยะสามพันเมตรด้านหน้าและยังสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องกลัวว่าพลังวิญญาณจะถูกเผาผลาญจนหมด
กล่าวโดยสรุปคือความเร็วของเขาในตอนนี้เทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดแล้ว!
แต่เมื่อเข้ามาในป่าลึกพอ ทันใดนั้นการแสดงออกทางสีหน้าของเจียงอี้ก็เปลี่ยนไปทันที
ภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือซากศพจำนวนมากและยังมีร่องรอยของต้นไม้ที่พังทลายตลอดทั้งทาง แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือศพเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญของตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนทั้งสิ้น หลังจากที่เดินต่อไปอีกเล็กน้อย เขาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากทางด้านหน้า
“เจียงอี้ รีบมาช่วยทางนี้เร็วเข้า!”
จ้านอู๋ซวงผู้มาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่งรีบตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน
“ผู้คุ้มกันลับของหยุนลู่มีศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ในครอบครอง อีกทั้งยังใช้ศาสตร์เวทย์โบราณอย่างวิญญาณพฤกษาของหยุนเฟยได้”
“เขาใช้ต้นไม้คอยสอดส่องการเคลื่อนไหวของพวกเรา อีกทั้งคนของฝ่ายเราก็ไม่สามารถหยุดยั้งเขาไว้ได้! เจียงอี้ ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าเท่านั้นที่พอจะมีโอกาสสังหารพวกมัน มิฉะนั้น พวกเราแย่แน่!