เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 338 ทางออก
บทที่ 338 ทางออก
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ฟับ! ฟับ! ฟับ!
บนพื้นผิวทะเล ร่างเงาสองร่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงพร้อมกับกวัดแกว่งอาวุธในมือเพื่อสังหารเหล่าปีศาจทะเลที่โผล่มาเป็นครั้งคราว
หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่มักจะโยนท่อนไม้ไผ่ลงบนผิวทะเลเพื่อที่พวกเขาจะใช้มันเป็นฐานสำหรับเหยียบและทะยานไปด้านหน้าต่อ
ฟึ่บ!
ตลอดทางที่กำลังข้ามผ่านทะเลอันกว้างใหญ่ พวกเขาได้สังหารปีศาจทะเลไปไม่น้อย หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็พบกับเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งและใช้มันเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้า
ท้องทะเลทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา หลังจากที่เดินทางต่อเป็นเวลาหนึ่งวันสองคืน คนทั้งสองก็ไม่พบเกาะที่ใช้พักผ่อนเลยแม้แต่แห่งเดียว ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะให้ร่างกายของพวกเขาแช่อยู่ในน้ำและทำเพียงแค่อาศัยท่อนไม้ไผ่ในการเดินทางต่อไปด้านหน้า
ไม้ไผ่เหล่านั้นถูกพบในเกาะเล็กๆเมื่อสองวันก่อน พวกมันทั้งหมดถูกถอนออกมาและตัดเป็นท่อนๆ แต่อนิจจัง เพียงไม่นานพวกมันก็ใกล้ที่จะถูกใช้จนหมดเต็มทีแล้ว
คนทั้งสองหยุดพักอยู่ชั่วครู่เพื่อทานอาหาร สภาพของพวกเขาในตอนนี้ดูเหนื่อยล้าถึงขีดสุด ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กวาดตามองน้ำทะเลสีครามด้วยความสิ้นหวังและว่างเปล่า
ไม่มีใครรู้ว่ามิติพิเศษแห่งนี้กว้างใหญ่เพียงใด หากปราศจากไม้ไผ่ที่ใช้ถูกใช้แทนแท่นเหยียบ พวกเขาคงจะเคลื่อนไหวช้ากว่านี้มาก
โชคดีที่เจียงอี้พกเสบียงอาหารและน้ำมาเพียงพอสำหรับหลายปี แต่ถ้าพวกเขายังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานพวกเขาจะต้องกลายเป็นบ้าแน่
“นายน้อยอี้ ท่านนอนหลับเอาแรงสักหน่อยเถิด ข้าจะเป็นคนเฝ้ายามเอง” หลังจากที่ท้องอิ่ม เฮ่อเถี่ยซู่ก็กล่าวขึ้นมา
เจียงอี้ในตอนนี้อยู่ในสภาวะที่อ่อนเพลียอย่างมาก เขาไม่โต้แย้งและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เดินทางติดต่อกันหลายวัน ร่างกายของเขาก็รับภาระอย่างหนักและต้องการการพักผ่อน
หลังจากที่หยุดพักเป็นเวลาหนึ่งวันครึ่ง พวกเขาก็ออกเดินทางอีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาไม่รู้ว่าทิศทางที่กำลังมุ่งหน้าไปคือที่แห่งใดกันแน่ พวกเขาเพียงแค่พึ่งพาโชคอันน้อยนิดเท่านั้น
“หืม? ดูนั่น มีเกาะขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า!”
หลังจากที่เดินทางมาเป็นเวลานาน ผู้อาวุโสเฮ่อก็อุทานขึ้นด้วยความดีใจ เจียงอี้เองก็มองไปในทิศทางเดียวกันและมองเห็นเกาะขนาดใหญ่อย่างเลือนราง ทันใดนั้นพวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งนั้นทันทีและสังหารปีศาจทะเลไปตลอดทาง
ทะเลแห่งนี้มีปีศาจอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปลาดาบที่มีฟันอันแหลมคม, ปีศาจที่มีลักษณะคล้ายกับลูกบอลขนาดยักษ์, หรือแม้กระทั่งกุ้ง หอย ปู ปลาที่กลายพันธุ์จนเป็นปีศาจทะเลก็มี
หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน ปีศาจที่พวกเขาเจอส่วนใหญ่ก็เทียบได้กับสัตว์อสูรระดับสองเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขาแต่อย่างใด เพียงแค่มีจำนวนค่อนข้างมากและสร้างความหงุดหงิดให้พวกเขาก็เท่านั้น
ไม่นานนักเจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อก็มาถึงเกาะขนาดใหญ่ในที่สุด พวกเขาทำการสำรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่ปีศาจทะเลหรือสัตว์อสูรตนใดอยู่บนเกาะ จากนั้นพวกเขาจึงทำการตัดไม้จำนวนมาก
หากว่าพวกมันทั้งหมดสามารถบรรจุลงไปในไข่มุกวิญญาณเพลิงของเจียงอี้ได้ล่ะก็ พวกเขาจะมีท่อนไม้ไว้สำหรับใช้เหยียบบนทะเลนานกว่าครึ่งเดือนเลยทีเดียว
“เดี๋ยวสิ!”
ในขณะที่กำลังตัดต้นไม้อยู่นั้น จู่ๆเจียงอี้ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ขณะที่หันไปมองผู้อาวุโสเฮ่อพร้อมกับกล่าว
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ทำไมเราถึงไม่สร้างเรือไม้เสียล่ะ? ข้าสามารถใช้เจตจำนงสังหารเพื่อขับไล่ปีศาจทะเลเหล่านั้นได้ ในตอนนั้นท่านก็ใช้แก่นแท้พลังเพื่อขับเคลื่อนเรือก็พอ แบบนี้มันน่าจะสะดวกสำหรับพวกเรามากกว่า!”
“จริงด้วย! นายน้อยอี้ ท่านช่างชาญฉลาดยิ่งนัก!”
อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อเฮ่อเถี่ยซู่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยกนิ้วให้เจียงอี้ด้วยความชื่นชม แต่จากนั้นไม่นานรอยยิ้มของเขาก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยคำถาม
“แต่ว่านะนายน้อยอี้ เจตจำนงสังหารของท่านนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป เกรงว่าเมื่อท่านปลดปล่อยมันออกมา แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่อาจที่จะขยับไปไหนได้… ถึงตอนนี้ เราจะทำยังไง?”
“ง่ายจะตายไป!”
เจียงอี้โบกมืออย่างไม่ใส่ใจและเอ่ยตอบ
“ข้าสามารถยับยั้งกลิ่นอายของเจตจำนงสังหารได้ ปีศาจทะเลพวกนี้เป็นเพียงแค่พวกระดับต่ำ ข้าเพียงแค่ต้องปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาเล็กน้อย จากนั้นพวกมันก็คงจะหนีกระเจิง ในขณะเดียวกันมันก็จะไม่ส่งผลต่อท่าน”
“ประเสริฐ!”
ผู้อาวุโสเฮ่อคลายความกังวล หากว่าเขาถูกสะกดข่มโดยกลิ่นอายสังหารของเจียงอี้ตลอดทั้งวัน เขาคงจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน แต่โชคดีที่เจียงอี้สามารถควบคุมพลังของเขาได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
พวกเขาทั้งสองต่างช่วยกันสร้างเรือจากต้นไม้ ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะตัดต้นไม้เก็บไว้ส่วนหนึ่งสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน
“เดินทางกันต่อเถอะ!”
หลังจากที่สร้างเรือไม้ไว้จำนวนหนึ่ง เจียงอี้โยนหนึ่งในนั้นลงไปในทะเลจากนั้นก็กระโดดตามลงไปแต่เขาก็จับสังเกตได้ว่าเมื่ออยู่บนเรือ จู่ๆปีศาจทะเลจำนวนมากก็แห่กันเข้ามาหาเขา
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของเจตจำนงสังหารออกมาและทำให้บรรดาปีศาจทะเลหนีกระเจิง ในขณะเดียวกันเมื่อผู้อาวุโสเฮ่อเหาะตามมา เขาก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เจตจำนงสังหารของเจียงอี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก จากนั้นเขาก็โคจรแก่นแท้พลังเพื่อที่จะทำให้เรือไม้แล่นไปด้านหน้า
“ดีกว่าเดิมเยอะเลย!”
แม้ว่าการปลดปล่อยเจตจำนงสังหารตลอดเวลาจะทำให้ร่างกายของเจียงอี้ได้รับภาระหนัก แต่มันก็สะดวกสบายกว่าเดิมมาก
ในทางกลับกัน เฮ่อเถี่ยซู่ก็รู้สึกยินดียิ่งกว่า เพราะสำหรับจอมยุทธชั้นสูงอย่างเขา การปล่อยแก่นแท้พลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนเรือเพียงลำเดียวเป็นสิ่งที่ง่ายดาวราวกับพลิกฝ่ามือและแทบจะไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
ฟิ้ววว!
เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อจับทางได้ เขาก็สามารถควบคุมเรือให้แล่นได้เร็วขึ้น ตลอดเส้นทางที่เรือแล่นผ่าน มันจะทิ้งไว้เพียงรอยคลื่นที่ถูกแหวกตามความเร็วของเรือและพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง
……
“ทางออกอยู่ไหน?”
หลังจากที่ผ่านไปอีกสามวัน พวกเขาทั้งสองก็ไม่รู้แล้วว่าตนเดินทางมาไกลแค่ไหน ในเวลานี้สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ยังคงเต็มไปด้วยพื้นน้ำสีครามของทะเลและพบเจอเกาะน้อยใหญ่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
“เป็นไปได้ไหมว่ามันจะอยู่ใต้ทะเล? หากว่าใช่ เช่นนั้นเราก็เจอปัญหาแล้ว!”
เฮ่อเถี่ยซู่กล่าวด้วยความกังวลใจ แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเขา การดำลงไปในทะเลหลายกิโลเมตรอาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่ด้วยพื้นที่ของทะเลที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ พวกเขาจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะหาทางออกเจอ?
วันต่อมา ในขณะที่เจียงอี้กำลังอยู่ในห้วงสมาธิ จู่ๆผู้อาวุโสเฮ่อก็ตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“นายน้อยอี้! มันมีภูเขาไฟขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น! บางทีมันอาจจะเป็นทางออกก็ได้!”
“ภูเขาไฟ?”
ดวงตาของเจียงอี้เบิกโพลงขณะที่กวาดมองไปด้านหน้า ในเวลาเดียวกันเขาก็มองเห็นภูเขาไฟลูกหนึ่งในระยะไกล และเห็นได้ชัดว่ามันยังคงคุกรุ่นอยู่เนื่องจากควันที่ลอยโขมงอยู่ด้านบน ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ กลิ่นกำมะถันก็ยิ่งชัดมากขึ้นเท่านั้น
“เพลิงโลกา!”
ดวงตาของเจียงอี้ส่องประกาย ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วว่าทางออกจะอยู่ภายในภูเขาไฟนั้นหรือไม่ แต่เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะมุ่งหน้าไปยังที่แห่งนั้นอยู่ดี
เพลิงโลกาภายในไข่มุกวิญญาณเพลิงของเขาจวนเจียนจะหมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะปล่อยโอกาสดีๆเช่นนี้ให้หลุดลอยไป
ฟู้ววว!
เมื่อเข้ามาใกล้ภูเขาไฟ ไอความร้อนของมันก็ทำให้เรือเล็กที่สร้างจากไม้ธรรมดาค่อยๆถูกแผดเผา จากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งสองต่างก็ต้องสละเรือและทะยานไปยืนบนพื้นดินใกล้กับภูเขาไฟ
“ผู้อาวุโสเฮ่อ ท่านรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวข้ากลับมา”
เจียงอี้ครอบครองไข่มุกวิญญาณเพลิง ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวต่อเปลวไฟใดๆทั้งสิ้น แต่ในทางกลับกัน เขาสามารถมองเห็นเม็ดเหงื่อที่เริ่มหลั่งไหลออกมาจากร่างของเฮ่อเถี่ยซู่ ดังนั้นเขาจึงขอให้ชายชรารออยู่ที่นี่และรีบมุ่งหน้าไปยังปากปล่องภูเขาไฟเพียงลำพัง
เมื่อเดินทางมาถึง เจียงอี้ก็ไม่รอช้าและกระโจนลงไปในปากปล่องภูเขาไฟทันที หลังจากที่ตกลงมาหลายร้อยเมตร เขาก็นำดาบมังกรเพลิงออกมาและปักไปที่ผนังด้านข้างเพื่อที่จะชะลอความเร็ว
“เอ๊ะ? นั่นมันทางออกนี่!”
ในขณะที่กำลังทิ้งตัวลงมา จู่ๆหางตาของเจียงอี้ก็เหลือบไปเห็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของหลุมลาวา แน่นอนว่ามันจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากทางออกสู่ชั้นที่สาม!
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แต่ทันใดนั้นเอง บางสิ่งที่แปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น จู่ๆลาวาที่ร้อนระอุก็พุ่งพล่านและก่อตัวเป็นมนุษย์ลาวาอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้เองที่ทำให้เจียงอี้ตื่นตระหนกไปชั่วครู่
“เวทย์โบราณอีกแล้ว? หุ่นเชิด? ไม่สิ มันควรจะเรียกว่าหุ่นเชิดลาวา!”
เจียงอี้ตกตะลึงกับภาพตรงหน้ามิใช่น้อย พื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง แม้ว่ายอดฝีมือท่านนั้นจะสิ้นชีพไปนานแล้ว แต่สิ่งที่เขาสร้างไว้ก็ยังคงทรงพลังอยู่ดี
แม้ว่าทางออกจะอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยหุ่นเชิดจำนวนมากมายเหล่านั้น ผู้อาวุโสเฮ่อคงจะไม่สามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดายนัก
ที่เขาคิดเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่าตัวเขานั้นได้รับการคุ้มครองจากไข่มุกวิญญาณเพลิง ดังนั้นหุ่นเชิดลาวาคงจะไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจียงอี้เป็นห่วงไม่ได้มีแค่นี้ นี่เป็นเพียงแค่ชั้นที่สอง แต่สัตว์ประหลาดที่คอยเฝ้าพิทักษ์ทางออกก็ดูไม่ธรรมดาเสียแล้ว แล้วหากพวกเขาไปยังชั้นที่สามหรือชั้นที่สี่ล่ะ พวกสัตว์ประหลาดที่คอยเฝ้าทางออกอยู่จะไม่ทรงพลังกว่านี้หรือ?
สุดท้ายแล้วเจียงอี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาจะสามารถหลบหนีไปจากที่นี่ได้จริงๆอย่างนั้นหรือ…?