เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 347 ฆ่าเขาก่อนตาย
บทที่ 347 ฆ่าเขาก่อนตาย
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ผู้อาวุโสเฮ่อได้ขึ้นมาอยู่ขั้นสูงสุดขอบเขตเสินโหยวเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังมาหลายปีและสถานะของเขาในตระกูลจ้านนั้นก็เป็นบุคคลสำคัญเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในเรื่องของรูปแบบเต๋าแล้ว ผู้อาวุโสเฮ่อไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนัก ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา เขาเข้าใจรูปแบบเต๋าได้เพียงรูปแบบเดียวเท่านั้น เขาไม่สามารถแม้แต่จะหารูปแบบเต๋าชนิดที่สองได้มานานหลายทศวรรษและยังก้าวไปไม่ถึงขอบเขตจินกังแม้แต่เพียงครึ่งเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความชำนาญในรูปแบบเต๋านัก
ฉะนั้นเขาก็มั่นใจว่าการโจมตีรูปแบบเต๋าที่เจียงอี้ปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้นั้นไม่ใช่ระดับต่ำแน่นอน เขาเคยเห็นรูปแบบเต๋าระดับต่ำมามากมาย แต่เขาไม่เคยเห็นรูปแบบเต๋าใดที่มีพลังมากเช่นนี้
เป็นการเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางได้ในทันทีหรือ?
เมื่อคิดถึงประเด็นนี้ร่างกายและจิตวิญญาณของผู้อาวุโสเฮ่อก็สั่นไหว เขาเพิ่งจะเห็นปาฏิหาริย์ นี่เป็นบุคคลแรกในรอบหมื่นปีที่เข้าถึงรูปแบบเต๋าขั้นกลางได้โดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น….มันเป็นการหยั่งรู้ฉับพลัน!
นี่มันไม่ถูกต้อง!
เมื่อเขานึกถึงการหยั่งรู้ฉับพลันผู้อาวุโสเฮ่อก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันที เขามองเจียงอี้ราวกับมองสัตว์ประหลาด เขารู้สึกว่ามันมีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ว่าเจียงอี้นั้นไม่ใช่คนปกติหรือบางทีเขาอาจมีบางอย่างที่จะต้องแตกต่างจากคนปกติอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าสวรรค์ระดับกลางได้ในทันที
เจตจำนงสังหาร,ดาบมังกรเพลิง, เพลิงโลกา, หินวิญญาณเพลิง ….. ศาสตร์แปรผันดวงจิต!
ความสามารถและสิ่งประดิษฐ์ที่ลึกลับเหล่านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเจียงอี้เป็นบุคคลพิเศษหากมีเพียงแค่หนึ่งในสิ่งเหล่านั้นก็ยังพออธิบายได้ว่าเป็นโชคชะตาหรือโชคลาภที่ท้าทายสวรรค์ แต่ด้วยคุณสมบัติที่ลึกลับมากมายนี้ ผู้อาวุโสเฮ่อทำอะไรไม่ได้นอกจากสงสัยบางอย่างในตัวเจียงอี้
มีบุคคลผู้หนึ่งที่ผุดขึ้นในใจของเขาซึ่งผู้นั้นก็มีความสามารถพิเศษมากมายแต่เขาก็ปัดมันไปอย่างรวดเร็ว เจียงเปี๋ยหลีอาจมีลักษณะที่ผิดปกติมากมาย แต่ก็ยังอยู่ในขอบเจตที่เป็นบุคคลปกติซึ่งไม่น่าทึ่งเท่าเจียงอี้
อีเพียวเพียว!
ร่างที่งดงามอย่างแท้จริงปรากฏขึ้นในใจของผู้อาวุโสเฮ่อเขาโชคดีพอที่จะได้พบอีเพียวเพียวขณะที่เดินทางอยู่ครั้งหนึ่ง สตรีนางนี้มีความลึกลับมากมายซ่อนเร้นไว้ ผู้คนส่วนใหญ่รวมไปถึงประมุขตระกูลจ้านรุ่นก่อนคาดเดาว่าอีเพียวเพียวไม่ได้มาจากทวีปเทียนชิง และเมื่อได้เห็นลักษณะที่ลึกลับของเจียงอี้ในตอนนี้มันก็ทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อเกิดความสงสัยมากยิ่งขึ้น
เป็นไปได้ไหมว่าอีเพียวเพียวจะมาจากเผ่าพันธุ์ที่น่าเกรงขามที่ไม่ได้มาจากทวีปเทียนชิง?นางมีร่างกายที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปหรือ? เจียงอี้ได้สืบสายเลือดต่อจากนางและเช่นนั้นเขาจึงสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าขั้นกลางได้ในทันทีหรือไม่? เขาเข้าถึงเจตจำนงสังหารขั้นสี่ได้ในอายุที่ยังน้อยเช่นนี้? มีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่อีเพียวเพียวทิ้งไว้ให้เจียงอี้? อืมมม…..หากมองข้ามสิ่งอื่นๆไป ศาสตร์แปรผันดวงจิตนั้นจะต้องถูกอีเพียวเพียวถ่ายทอดไว้ให้อย่างแน่นอน ประมุขตระกูลจ้านคนก่อนเคยพูดไว้ว่านางมีความสามารถนี้
ผู้อาวุโสเฮ่อมีข้อสงสัยที่อธิบายไม่ได้หลายอย่างเมื่อเขาเชื่อมโยงความแข็งแกร่งและความลึกลับของอีเพียวเพียว เขาก็ไม่สงสัยอะไรอีกต่อไป เขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้น ไม่มีผู้ใดต้องการที่จะตายปละมันเป็นเรื่องดีที่จะมีชีวิตรอด เจียงอี้ได้เข้าถึงรูปแบบเต๋าที่ทรงพลังซึ่งนั่นก็ได้ทำให้เขามีความหวังขึ้นมา
“เอ๊ะ….”
ผู้อาวุโสเฮ่อนั้นตกอยู่ในความสับสนแต่เจียงอี้นั้นรู้สึกมากกว่าเขาเสียอีก การโจมตีที่ไม่รู้ตัวในครั้งนี้ทำให้เขางุนงง เขากระพริบตาและบ่นว่า “ทำไมพลังการโจมตีรูปแบบเต๋าของข้าถึงมากมายมหาศาลเช่นนี้? ดูเหมือนว่ามันจะมากกว่ารูปแบบเต๋าของผู้อาวุโสเฮ่อด้วย? เป็นไปได้ไหมว่าข้าจะเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่ต่างออกไป?”
ฟึ่บฟุ่บ!
เจียงอี้ปลดปล่อยการโจมตีออกมาอีกครั้งแก่นแท้พลังพุ่งพล่านออกมาจากดาบมังกรเพลิงและกระจายตัวออกมาเป็นมังกรเพลิงจิ๋วหลายหมื่นตัว และมังกรเพลิงจิ๋วพวกนี้ก็ค้นหาเป้าหมายได้เองและโจมตีสิ่งมีชีวิตตาแดงไปทุกทิศทาง
ปัง!ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กลุ่มสิ่งมีชีวิตตาแดงเหล่านั้นต่างก็ถูกระเบิดไปซึ่งพิสูจน์แล้วว่ารูปแบบเต๋าที่เจียงอี้เพิ่งเข้าถึงนั้นรุนแรงมากซึ่งนั่นก็ทำให้ความสงสัยในใจของเจียงอี้ทวีคูณขึ้น
“นายน้อยอี้หยุดคิดเรื่องนี้เถอะ ท่านไม่ได้เข้าถึงรูปแบบเต๋าของข้า ท่านเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางต่างหาก!”
ผู้อาวุโสเฮ่อส่งข้อความที่ฟังดูตื่นเต้นเล็กน้อยซึ่งทำให้เจียงอี้ประหลาดใจอีกครั้งเขาสลัดมันทิ้งเพราะนี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะในการมานั่งนึกถึงเรื่องต่างๆ
เจียงอี้บังคับให้ตัวเองเลิกคิดถึงมันและวิ่งไปคว้าผู้อาวุโสเฮ่อด้วยมือเดียวเขาโน้มตัวลงและเตรียมให้ผู้อาวุโสเฮ่อขึ้นหลังเขา เมื่อขาของผู้อาวุโสเฮ่อถูกยกขึ้นจากพื้น เจียงอี้ก็รู้สึกหนักกว่าปกติและไม่มีทางที่จะแบกผู้อาวุโสเฮ่อได้
“นายน้อยอี้ท่านไม่ต้องแบกข้าหรอก ตาเฒ่าผู้นี้ต้องการพักเพียงเล็กน้อย และก็คงจะเดินไปได้ ท่านยื้อเวลาไว้ประเดี๋ยวนะขอรับ”
ผู้อาวุโสเฮ่อฝืนยิ้มออกมาซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจเขาพยายามที่จะนั่งขัดสมาธิและกินยาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เจียงอี้นั้นยืนอยู่เคียงข้างเขา เมื่อใดก็ตามที่สิ่งมีชีวิตตาแดงเข้ามา เขาก็จะกวัดแกว่งดาบและกำจัดพวกมันที่อยู่ในรัศมีสามสิบเมตรไปได้อย่างง่ายดาย พลังที่น่าเกรงขามนี่ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง
หนึ่งชั่วโมงต่อมาผู้อาวุโสก็ยิ้มและยืนขึ้นพร้อมพยักหน้าให้แก่เจียงอี้ เจียงอี้รู้ว่าผู้อาวุโสเฮ่อกลัวว่าเขานั้นจะปลดปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋ามากเกินไปและจะเหนื่อยล้าจนเกินไป ความแข็งแกร่งของเขานั้นแทบจะไม่ฟื้นและยังรีบเร่งในทันที
เจียงอี้ก็เริ่มเหนื่อยล้าและความแข็งแกร่ง, แก่นแท้พลัง, และพลังงานวิญญาณก็หมดลง เขาไม่กล้าที่จะไปด้านหน้าอย่างหนักแน่นและใช้แขนตัวเองเป็นที่ให้ผู้อาวุโสเฮ่อพยุงตัวได้ขณะที่เดินไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย
ฟึ่บฟั่บ!
เจียงอี้จะปล่อยการโจตีรูปแบบเต๋าไปตลอดทางการโจมตีนี้นั้นรุนแรงกว่าการโจมตีของผู้อาวุโสเฮ่อกว่าร้อยเท่า บางทีพลังโจมตีของมังกรเพลิงในแต่ละตัวนั้นอาจไม่สามารถเทียบได้กับของผู้อาวุโสเฮ่อ แต่ปริมาณของมันนั้นเพิ่มขึ้นกว่าร้อยเท่าซึ่งมากกว่าของผู้อาวุโสเฮ่อซึ่งมีลำแสงมังกรที่ไม่รู้จบพุ่งตรงไปยังสิ่งมีชีวิตตาแดงพวกนั้น
สามกิโลเมตร,สองกิโลเมตร…. พันเมตร!
ใบหน้าของเจียงอี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเริ่มโซเซตอนที่เดินไปมันบ่งบอกชัดเจนว่าเจียงอี้อ่อนล้ามากแล้ว แต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นอยู่ข้างหน้าแล้ว ผู้อาวุโสเฮ่อและดวงตาของเขาเริ่มสว่างขึ้นเมื่อพวกเขาเริ่มเข้าใกล้มากขึ้น ใบหน้าของพวกเขาเผยความปีติยินดีเหมือนพวกเขารอดพ้นจากภัยพิบัตินี้เสียที
สัตว์ประหลาดที่คอยคุ้มกันชั้นสามนั้นแข็งแกร่งกว่าชั้นสองหลายเท่าชั้นที่สี่จะน่ากลัวเพียงใดกัน? แล้วชั้นที่ห้าจะไม่มีตัวตนที่แท้จริงดำรงอยู่เลยหรือ? พวกเขาทั้งสองไม่รู้คำตอบนั้น แต่พวกเขาก็ยินดีแล้วที่สามารถข้ามผ่านชั้นสามไปได้ ความรู้สึกของการรอดจากหายนะนั้นช่างยอดเยี่ยมเสียจริง
ในที่สุด….
เจียงอี้เหนื่อยล้าจนเขาไม่สามารถยืดเส้นตั้งแต่ส่วนล่างของหลังได้และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย ทันทีที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้น พวกเขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมกันและยิ้มกว้าง
บุฟ!
อย่างที่พวกเขาคาดพวกเขาทั้งสองถูกย้ายมายังราชวังอีกครั้งและมันดูเหมือนกับชั้นหนึ่งและชั้นสอง สิ่งที่แตกต่างเพียงสิ่งเดียวก็คือมีเด็กหนุ่มที่ดูมีชีวิตชีวาผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆค่ายกลเคลื่อนย้าย
“เจียงอี้!”
เมื่อพวกเขาทั้งสองถูกย้ายมาเด็กหนุ่มผู้นั้นก็กระเด้งขึ้นมาทันที เจียงอี้เห็นบุคคลผู้นั้น แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอมากเกินไปและไม่มีแรงไล่ตามเขา
“เจียงอี้ข้าไม่ได้หวังว่าพวกเจ้าทั้งสองจะสามารถผ่านชั้นสามมาได้ด้วย? ฮืมม…หากพวกเจามีความสามารถพอจะขึ้นมายังชั้นสี่ พวกเจ้าจงดูไว้ว่าองค์ชายผู้นี้จะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองอย่างไร!”
เสียงหัวเราะที่น่ากลัวของหยุนลู่สะท้อนอยู่ในวังขณะที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นและเขาก็หายลับไปจากวังการแสดงออกของผู้อาวุโสเฮ่อเปลี่ยนไปทันที ใจเขาที่เพิ่งผ่อนคลายในตอนแรกกลับเครียดขึ้นมาในทันที
ก้นของเจียงอี้แหมะลงที่พื้นแต่ใบหน้าของเขาไม่ได้มีความกังวลเท่าไหร่นัก เขานึกถึงเรื่องของตัวเองและหยิบเม็ดยาขึ้นมาเพื่อรักษาและพักฟื้นก่อน
หลังจากรักษาบาดแผลของเขาแล้วเขาก็เห็นว่าผู้อาวุโสเฮ่อกระพริบตาปริบๆและคิ้วของเขานั้นไม่เผยถึงสิ่งอื่นใดนอกเสียจากความกังวล เจียงอี้ยิ้มออกมาและปลอบใจว่า “ผู้อาวุโสเฮ่อ ไม่ต้องเป็นกังวลไป หยุนลู่นั่นเพียงต้องการจะทำให้เรากลัว ร่างกายของเขาอาจไหลเวียนไปด้วยเลือดอันบริสุทธิ์ของตระกูลหยุน บางทีจอมเวทย์อาจให้สิทธิ์เขาเป็นพิเศษ แต่มันคงไม่ได้มากเกินไปหรอก เช่นนั้น…หากว่าเราไปยังชั้นสี่แล้ว เขาจะไม่ได้เปรียบเรามากนัก แม้ว่าเราจะตายอยู่ที่ชั้นสี่ ข้าก็มั่นใจว่าข้าจะฆ่าเขาก่อนตายให้ได้”