เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 352 ราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 352 ราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด
บทที่ 352 ราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“หืม? หยุนลู่มันกำลังเปลี่ยนเส้นทาง? หรือว่าทางออกจะอยู่ทางนั้น?”
เมื่อหยุนลู่เริ่มเคลื่อนไหว เจียงอี้ก็สัมผัสได้ทันที อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะรอบตัวเขาตอนนี้เต็มไปด้วยสัตว์กลายพันธุ์มากมายเหลือเกิน หากว่าเกิดวอกแวกเขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อ
ฟึ่บ!
ร่างกายของเจียงอี้ส่องแสงก่อนที่จะใช้การย้ายร่างอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันพลังวิญญาณของเขาก็ถูกสูบออกไปไม่น้อย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันจะกระทบถึงดวงจิตของเขาเป็นแน่
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อร่างของเจียงอี้ปรากฏตัวในอีกที่หนึ่ง เขาก็ถูกหางของหนึ่งในสัตว์กลายพันธุ์ฟาดใส่อย่างไร้ปรานี
“พันธนาการสายลม!”
โชคดีที่เขาระวังตัวตลอดเวลาและเตรียมรับมืออยู่ก่อนแล้ว ในขณะที่พยายามจะตรึงหางของมันไว้ เขาก็ปลดปล่อยเพลิงโลกาที่เหลือออกมาก่อนที่จะทำการเคลื่อนย้ายในพริบตาอีกครั้ง
“โฮกกกก!”
พันธนาการสายลมอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อเหล่าสัตว์กลายพันธุ์มากนัก แต่เมื่อหางของมันสัมผัสกับความร้อนแรงของเพลิงโลกา สัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นก็ดึงหางกลับทันทีตามสัญชาตญาณ
“อีกแค่หกกิโลเมตร! ฮึ่ม! เจ้าตายแน่หยุนลู่!”
ร่างของเจียงอี้ปะทุกลิ่นอายสังหารอันน่าสยดสยองออกมา ดวงตาของเขาฉาบไปด้วยสีแดงซึ่งดูคล้ายกับโลหิต แม้แต่เส้นผมเองก็ยังเป็นสีแดงซึ่งทำให้รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ดูไม่ต่างอะไรไปจากปีศาจที่โผล่ขึ้นมาจากขุมนรก!
ย้อนกลับไปในสงครามครั้งก่อน ผมของเจียงอี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสีแดง เดิมทีเขาต้องการที่จะย้อมมันให้กลับเป็นสีดำ แต่ซูรั่วเสวี่ยกลับชอบเขาที่เป็นแบบนี้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจมันอีก
โดยส่วนตัวแล้ว เขาไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ภายนอกมากนัก แต่ตราบเท่าที่คนรักของเขาชอบมัน แค่นั้นก็พอแล้ว
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เจียงอี้ร่นระยะเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ขณะเดียวกันหยุนลู่ก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวทางสีหน้า แม้ว่าป้ายที่ได้รับมาจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ภายใต้ทะเลน้ำแข็งไม่ฆ่าเขา แต่คนคลั่งอย่างเจียงอี้คงไม่เอาเขาไว้แน่
แต่ยิ่งเข้าใกล้ทะเลน้ำแข็งมากเท่าไหร่ สีหน้าของหยุนลู่ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เจียงอี้ได้กลายเป็นฝันร้ายของเขามานาน ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นแล้ว!
สามสิบกิโลเมตร… ยี่สิบกิโลเมตร… สิบกิโลเมตร!
ในขณะที่เข้าใกล้ทะเลน้ำแข็งมากขึ้น ระยะห่างระหว่างหยุนลู่กับเจียงอี้เองร่นเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าหากจะตามให้ทันก็ยังต้องใช้เวลาอีกชั่วครู่หนึ่ง
ที่ตามหลังเจียงอี้มานั้นคือเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่กำลังกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันไม่เหมือนกับสัตว์อสูรและไร้ซึ่งสติปัญญา ดังนั้นเจตจำนงสังหารของเขาจึงใช้ไม่ได้ผลกับพวกมันและเป็นเหตุผลให้หยุนลู่โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
ฟับบ!
แต่ชั่วขณะต่อมา หยุนลู่ก็ตระหนักได้ว่าเขาประมาทเกินไป เจียงอี้เคลื่อนย้ายในพริบตาอีกครั้งและเหวี่ยงดาบในมือซึ่งทำให้มวลอากาศโดยรอบเกิดการบิดเบี้ยวพร้อมปลดปล่อยมังกรวายุออกมาและตรึงร่างของสัตว์กลายพันธุ์ที่เขาขี่อยู่จนทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลง
“เร็วเข้า! เร็วเข้า! เร็วกว่านี้!”
ทะเลน้ำแข็งอยู่ตรงหน้าเท่านั้น แต่ความเร็วของสัตว์กลายพันธุ์ก็ตกลงจนน่าใจหาย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป หยุนลู่จะต้องถูกเจียงอี้ฆ่าตาย ดังนั้นเขาจึงกู่ร้องออกมาและเรียกเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ให้มารวมพลโดยเร็ว
ฟึ่บ!
ร่างของเจียงอี้หายไปกลางอากาศและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาหยุนลู่พร้อมกับใช้ดวงตาสีแดงฉานจ้องเขม็งไปยังร่างของฝ่ายตรงข้าม
“ไม่นะ…”
ทะเลน้ำแข็งอยู่ห่างออกไปเพียงแค่สามร้อยเมตรเท่านั้น หากไปถึงเขาก็จะสามารถปลุกสิ่งมีชีวิตตนนั้นในตื่นขึ้นมาและทุกอย่างจะพลิกผัน แต่น่าเสียดาย เจียงอี้แทบจะเข้าถึงตัวเขาอยู่แล้ว กลิ่นอายสังหารของอีกฝ่ายทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออกและรู้สึกสิ้นหวังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ตาย!”
เจียงอี้ระเบิดเสียงคำรามและเหวี่ยงดาบใส่ศีรษะของหยุนลู่อย่างโหดเหี้ยม ขณะเดียวกันแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงก็แปรสภาพเป็นมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นและพุ่งเข้าหาเป้าหมายเดียวกัน
“มันจบแล้ว…”
หยุนลู่ที่ถูกสะกดข่มโดยรัศมีของเจตจำนงสังหารจะสามารถหลบหนีได้เยี่ยงไร? เขามองไปที่มังกรเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนตรงหน้าและหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
อีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
ครื้นนนนน!
แต่ในตอนนั้นเอง พื้นน้ำแข็งก็เกิดการสั่นสะเทือนพร้อมกับกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความน่าสยดสยองได้ปะทุออกมาจากใต้พื้นทะเลน้ำแข็ง
ในเวลาเดียวกัน แม้กระทั่งเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ที่ไร้สติปัญญาก็ยังต้องตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัวตามสัญชาตญาณ ขาของพวกมันทรุดลงกับพื้นและหมอบกราบราวกับกำลังเผชิญหน้ากับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่!
มังกรเพลิงจิ๋วที่ถูกเจียงอี้ปลดปล่อยออกมาถูกกลิ่นอายเหล่านั้นกลืนหายไปและไม่เหลือแม้กระทั่งเศษซาก
“หืม? ทำไมข้ายังไม่ตาย?”
“หรือว่าสิ่งมีชีวิตตนนั้นจะถูกปลุกขึ้นมาแล้ว? ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารอดแล้วโว้ย! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หยุนลู่ที่เดิมกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังสุดขีดก็หัวเราะออกมาราวกับคนบ้า แม้ว่ากายเนื้อยังคงถูกสะกดไว้โดยพลังของเจตจำนงสังหาร แต่ดวงตาของเขากลับส่องสว่างราวกับดวงตะวัน ในขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงความปลื้มปิติราวกับได้ชีวิตใหม่
“นี่มัน…”
ร่างของเจียงอี้หยุดชะงักในทันใด ดวงตาของเขาเพ่งมองไปทางทะเลน้ำแข็งด้วยความเหลือเชื่อ หัวใจของเขากระหน่ำเต้นจนแทบจะหลุดออกมาจากทรวงอก เขามั่นใจว่ากลิ่นอายอันทรงพลังที่สัมผัสได้นี้ไม่ได้มาจากเหล่าสัตว์กลายพันธุ์ทั่วไปอย่างแน่นอน
“ราชันสัตว์อสูร! มันจะต้องเป็นราชันสัตว์อสูรที่ถูกจอมเวทย์กำราบไว้ในปีนั้น!”
เจียงอี้นึกขึ้นได้ทันทีเกี่ยวกับราชันสัตว์อสูรตนหนึ่งที่ถูกจอมเวทย์แห่งตระกูลหยุนท่านนั้นสยบในตอนที่อยู่ในป่าอเวจี
เจ้าแดงน้อยหรือราชันโลหิตแดงเคยกล่าวไว้ว่าราชันสัตว์อสูรนั้นสามารถมีชีวิตได้ยืนยาวกว่าหนึ่งพันปี ในขณะที่จักรพรรดิสัตว์อสูรสามารถอยู่ได้นานถึงสามพันปี
กลิ่นอายของสัตว์อสูรตนนี้อ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิสัตว์อสูรเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและเมื่อรวมกับเรื่องที่มันมีชีวิตอยู่นานกว่าสามพันปีแล้ว…
มันจะต้องเป็นราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุดเป็นแน่!
เจียงอี้รู้ว่าตัวเขาได้ตกอยู่ในวิกฤตอย่างแท้จริงแล้ว เห็นได้ชัดว่าราชันตัวนี้ไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตที่เขาจะเทียบเคียงได้ เขาสัมผัสได้ลางๆว่าความแข็งแกร่งของมันอยู่สูงยิ่งกว่ายอดฝีมือขอบเขตจินกังขั้นที่ห้าเสียอีก เพียงแค่มันขยับนิ้วเล็กน้อย เกรงว่าเขาก็คงถูกฆ่าตายไปนับสิบครั้งแล้ว
“ราชันสัตว์อสูร!”
ผู้อาวุโสเฮ่อที่อยู่ห่างออกไปตัวสั่นงันงก แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าชั้นที่สี่นั้นอันตรายอย่างยิ่งยวดและสามารถตายได้ทุกเมื่อ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังคงมี ‘ความหวัง’ อยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนี้ ‘ความหวัง’ ที่เดิมก็ริบหรี่อยู่แล้วก็พังทลายในพริบตา
แม้ว่าเขาจะไม่กลัวตาย แต่เขาก็อดเสียดายไม่ได้หากเจียงอี้ต้องตายไปด้วย อัจฉริยะระดับเขาหมื่นปีจะมีสักคน หากว่าตายไป มันคงจะเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์!
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หยุนลู่ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจและจ้องมองไปยังเจียงอี้ราวกับคนที่ตายไปแล้ว เนื่องจากมีป้ายตราอยู่ในมือ ราชันสัตว์อสูรตนนั้นคงจะไม่ทำอะไรเขา แต่สำหรับคนที่เหลือ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
“ตาย!”
อย่างไรก็ตามดวงตาของเจียงอี้ก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว เขาต้องการสังหารหยุนลู่จากก้นบึ้งของหัวใจ ทันใดนั้นเองหินวิญญาณเพลิงก้อนสุดท้ายก็ปรากฏอยู่ในมือเขา จากนั้นเขาก็รีดเค้นพลังทั้งหมดเพื่อที่จะขว้างมันออกไป
“ฮ่าฮ่า หืม? มะ มะ ม่ายยยย!”
ยังไม่ทันได้หัวเราะให้หายสะใจ จู่ๆเสียงหัวเราะของเขาก็กลายเป็นเสียงกรีดร้อง ความยินดีที่เพิ่งได้รับมาสูญสลายไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง
แม้ว่ากลิ่นอายของราชันสัตว์อสูรจะทรงพลังมากจนสามารถสยบสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดได้ แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่เพียงพอสำหรับหยุดยั้งหินวิญญาณเพลิง
หินก้อนเล็กถูกขว้างออกไปเป็นเส้นตรงและเข้าถึงตัวหยุนลู่ในพริบตา วินาทีต่อมาร่างของเขาก็ถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับสัตว์กลายพันธุ์ที่เขาใช้เป็นพาหนะ
“เจ้ากล้าดียังไง?”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเก่าแก่ก็ดังออกมาทางทะเลน้ำแข็ง มันฟังดูไร้อารมณ์ราวกับเทพปีศาจที่หลับใหลเป็นเวลานานแสนนาน ไม่กี่ลมหายใจต่อมา พื้นน้ำแข็งก็ระเบิดออกมาพร้อมกับร่างของราชันสัตว์อสูรตัวนั้นที่โผล่ออกมา…