เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 355 เวทย์มนตร์โบราณ
บทที่ 355 เวทย์มนตร์โบราณ
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“น่ะ…นี่….”
เจียงอี้หวาดกลัวอย่างแท้จริงคนที่ตายแล้วจะฉายภาพขึ้นมาเช่นนี้ได้อย่างไร? แถมมันยังสามารถพูดได้อีก! ฉากนั้นดูเหมือนกับสุ่ยโย่วหลานไม่มีผิด
สามพันปี!
แม้แต่จอมยุทธขอบเขตเทียนจุนก็ไม่น่าจะอยู่ได้นานเช่นนี้ราชันสวรรค์มากมายในประวัติศาสตร์ของทวีปนี้ เช่น ราชันสวรรค์สังหารและราชันสวรรค์หมื่นมังกร พวกเขาทั้งหมดนั้นตายไปโดยมีอายุขัยมากที่สุดก็ราวๆห้าถึงหกร้อยปี
เจียงอี้ถอยกลับไปไม่กี่ก้าวและกลืนน้ำลายสองครั้งก่อนที่จะพูดว่า“ผู้อาวุโส ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือขอรับ?”
เงียบ!
จอมเวทย์ไม่ได้พูดอะไรออกมาและดวงตาของเขาก็จ้องมองที่เจียงอี้หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็บังคับจิตใจให้สงบและนึกถึงคำพูดของจอมเวทย์ และถามอีกครั้ง “ผู้อาวุโส ท่านกำลังจะบอกข้าว่า ข้าจะไม่ตายและได้ออกจากพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์เป็นๆ…หากข้าสามารถเรียนรู้ศาสตร์เวทย์ชนิดใดชนิดหนึ่งได้ภายในเวลาหนึ่งวันใช่ไหมขอรับ?”
ยังเงียบอีก!
เจียงอี้รู้สึกประหม่ามากขึ้นจอมเวทย์ผู้นี้มีอารมณ์แปลกๆ ทำไมเขาไม่ตอบเจียงอี้? เมื่อมองไปที่ภาพมัวๆของจอมเวทย์เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดวงตาของจอมเวทย์ไม่ขยับเลยหรอ? ทำไมเขาจึงจ้องมองเจียงอี้ตลอด? เหมือนว่าเขาถูกวางให้อยู่ตรงนั้นเฉยๆ?
เขาค่อยๆก้าวไปอย่างช้าๆจากนั้นก็พบว่ามีสิ่งผิดปกติ ภาพนี้ถูกแช่เอาไว้แน่นอน มันยังคงจ้องมองไปข้างหน้าในทิศทางเดิมราวกับรูปปั้น
“ผู้อาวุโส?”
“ผู้อาวุโสท่านได้ยินข้าไหม?”
“ผู้อาวุโส…”
ด้วยความพยายามพูดคุยกับภาพนิ่งอยู่สามครั้งมันก็ไม่ขยับเลย เจียงอี้จึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนว่าภาพและเสียงนั้นจะถูกทำไว้โดยจอมเวทย์เมื่อตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ และเวทย์โบราณก็ถูกกระตุ้นทันทีเมื่อเจียงอี้เข้ามา
“ฮู่วววว!”
เมื่อแน่ใจกับเรื่องนี้แล้วเจียงอี้ก็ปาดเหงื่อออกจากใบหน้าของเขา โชคดีที่มันเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่เช่นนั้นนี่มันก็คงจะน่าอัศจรรย์เกินไป
“เอ๊ะ?”
ภาพที่อยู่กลางอากาศจางหายไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าเจียงอี้จึงตกตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น เขานั่งลงบนพื้นเพื่อพักผ่อนและหายใจเข้าเต็มปอด จู่ๆก็เกิดบางอย่างขึ้นกับเขา เขาลุกขึ้นมาและอุทานออกมา “ผู้อาวุโส นี่มันไม่ถูกต้อง! ท่านบอกให้ข้าเรียนรู้ศาสตร์เวทย์โบราณ แต่ตำราลับอยู่ที่ไหนกัน? หากไม่มีตำราลับแล้วข้าจะไปเข้าใจได้ยังไงกัน?”
ยัง….
นอกจากเสียหายใจของเจียงอี้แล้วก็ไม่มีเสียงอื่นใดในห้องโถงไม่มีใครบอกเจียงอี้ว่าตำราลับอยู่ที่ไหนแล้วเขาจะไปเรียนรู้ได้อย่างไร เจียงอี้ไม่แม้แต่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่าเวทย์มนตร์โบราณคืออะไร สิ่งที่เขารู้นั้นก็คือหนึ่งในคนของหยุนเฟยและหยุนลู่นั้นเข้าใจเวทย์มนตร์โบราณ “กลิ่นอายแห่งพฤกษาและหุ่นเชิดมนุษย์โคลน”
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจถึงเวทย์มนตร์โบราณได้ในบรรดาสมาชิกตระกูลหยุนกว่าพันคน มีเพียงหยุนเฟยและผู้อาวุโสลู่เท่านั้นที่เข้าใจกลิ่นอายแห่งพฤกษา เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่ามันยากเพียงใดที่จะเข้าใจถึงเวทย์มนตร์โบราณได้
และตอนนี้เจียงอี้ต้องเข้าใจมันภายในหนึ่งวันและไม่มีตำราคู่มือลับใดๆ
บ้าไปแล้ว!
เจียงอี้สาปแช่งอยู่ในใจเขาเริ่มเดินไปในห้องโถง แม้ว่าเขาจะโกรธเพียงใดแต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย หนึ่งวันนั้นไม่ได้นานเลย แต่แล้วยังไง….?
เขาไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าและไปค้นหาคู่มือลับเพียงแค่เขาหามันเจอ เขาก็จะสามารถลองเข้าใจเวทย์มนตร์โบราณได้
แต่…
เขาเดินหาไปเจ็ดถึงแปดรอบแล้วมองหาทุกส่วนของโครงกระดูกและแทบจะสัมผัสกับพวกเขาแล้ว แต่เจียงอี้ก็ยังไม่พบเจออะไรที่จะดูเกี่ยวกับตำราลับเลย
“ไอ้เวร!จอมเวทย์ต้องล้อข้าเล่นแน่แล้ว! หากเขาอยากจะฆ่าข้า ก็ลงมือสิ สนุกนักหรือไงที่หลอกข้าเช่นนี้?”
เจียงอี้กลอกตาและบ่นเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งวิตกมากขึ้น หากเขาไม่สามารถหาตำราลับได้ ไม่เพียงแต่เขาจะตายเท่านั้น แต่ผู้อาวุโสเฮ่อก็ต้องตายด้วยเช่นกัน
ฟึ่บ!
เขาเหินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็วประตูนั้นยังคงเปิดอยู่ เขาเริ่มค้นหาห้องโถงด้านนอกประตูและใช้แก่นแท้สีแดงเพลิงเพื่อตรวจสอบทุกๆที่
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ขวัญเสีย นอกประตูนี้ไม่มีอะไรเลย เขาจัดการรักษาจิตใจของเขา เขาเริ่มแตะทุกที่ในห้องโถงด้านในและถ่ายโอนแก่นแท้พลังสีแดงเพลิงไว้ที่มือทีละนิดเพื่อตรวจสอบ แก่นแท้นี้สามารถเปิดประตูได้ ดังนั้นหากมีกลไกหรืออาคมยับยั้งใดๆ มันน่าจะสามารถกระตุ้นสิ่งเหล่านั้นด้แน่นอน
ผ่านไปอีกชั่วโมงเจียงอี้ได้ค้นหาทุกที่ทั้งด้านในและด้านนอกโถงแล้วก็ไม่มีอะไรเลย
“ไม่สิมันมีอีกสองแห่ง!”
เจียงอี้มองไปยังโครงกระดูกทั้งสองเขาไม่ได้ตรวจสอบใต้พวกเขา แต่เจียงอี้ก็คิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเขาไปยังซากศพของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง เขาป้องมือขึ้นและกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าขออภัยที่ล่วงเกินท่าน!”
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปแตะกระดูกอย่างช้าๆเมื่อถูกสัมผัส โครงกระดูกก็เปล่งประกายในทันที หลังจากนั้นผนังของราชวังทั้งสามก็สว่างไสวขึ้นและเต็มไปด้วยตัวอักษรขนาดเล็กมากมายที่เขียนอยู่
“ตำราคู่มือลับ!”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายขึ้นและอยู่ติดกับผนังด้านซ้ายเขาค่อยๆศึกษาสิ่งที่อยู่บนกำแพงอย่างตั้งใจ
”หุ่นเชิดมนุษย์โคลน!”
เจียงอี้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเขาได้เห็นพลังของเวทย์อาคมนี้แล้วและมันเป็นหนึ่งในอาคมที่ทุเรศเสียจริง!
มนุษย์โคลนนั้นเป็นสิ่งที่รับมือยากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวธรรมดายังยากที่จะทำลายพวกมันได้ มีเพียงการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเท่านั้นที่จะสามารถทำร้ายพวกมันได้ ไม่ใช่สิ….พวกมันเป็นอมตะและไม่สามารถบาดเจ็บได้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถฆ่ามันได้
“นี่แหละ!”
เวลาผ่านไปเพียงเล็กน้อยเจียงอี้ยังไม่ได้แม้แต่จะเดินไปดูเวทย์โบราณอีกสองที่เลยด้วยซ้ำ และหากเขาสามารถเรียนรู้มันได้ กำลังรบของเขาจะพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก
เจียงอี้ใช้เวลาจดจำการใช้อาคมบนผนังไม่นานนักจากนั้นเขาก็นั่งขัดสมาธิเพื่อพยายามทำความเข้าใจกับมัน นี่เป็นเวทย์อาคมที่ซับซ้อนซึ่งแตกต่างจากการต่อสู้ทั่วไปอย่างสิ้นเชิง มันช่างมืดมนนักเมื่อเจียงอี้ศึกษามันไปสองชั่วโมงและหยุดศึกษาไป
หุ่นเชิดมนุษย์โคลนเป็นทักษะที่แตกแขนงมาจากรูปแบบเต๋าธรณีมนุษย์โคลนถูกสร้างขึ้นมาโดยรูปแบบอักขระพิเศษซึ่งทำให้พวกมันยากเป็นพิเศษ แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของจอมเวทย์ก็มีผลกับพลังการป้องกันและโจมตีของมันและวิธีที่จะเข้าถึงมันอย่างลึกซึ้ง
เจียงอี้ไม่กังวลเกี่ยวกับพลังของมนุษย์โคลนสิ่งที่เขาต้องการคือการทำความเข้าใจกับเวทย์มนตร์โบราณ….เพื่อที่เขาจะได้มีชีวิตอยู่ต่อและแม้แต่จะเป็นผู้สืบทอดวังเวทย์มนตร์และอาคมของจอมเวทย์
วังที่น่าหลงใหลเช่นนี้นั้นมีพื้นที่ทรงพลังที่แปลกประหลาดมากมายซึ่งเป็นสมบัติที่สมบูรณ์แบบเหมือนวังโค้ง การได้เป็นเจ้าของพระราชวังแห่งแห่งนี้ก็เหมือนได้เป็นเจ้าของสมบัติมหาศาล
“ทรงพลังราวกับจอมเวทย์อาคมยับยั้งภายในวังจะต้องน่ากลัวเป็นแน่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังธรรมดาที่เข้ามาในวังแห่งนี้ก็ยังพ่ายไปเช่นกัน? มีบางสิ่งผิดปกติ – ราชันสัตว์อสูร!”
เจียงอี้สั่นเทาเมื่อนึกถึงราชันอสูรหากเขาได้รับมรดกจากจอมเวทย์ มันจะทำให้เขาได้เป็นนายของราชันอสูรที่น่าเกรงขามเช่นกันหรือไม่?
หากนี่เป็นเรื่องจริงจะมีผู้ใดที่สามารถทำร้ายเขาได้อีกนอกจากจักรพรรดินีสัตว์อสูร? ราชันอสูรตนนั้นคือผู้ที่อยู่ครึ่งทางไปยังขอบเขตเทียนจุน เช่นนั้นแล้ว ความแข็งแกร่งของมันก็น่าจะเทียบได้ประมาณสุ่ยโย่วหลานเลยหรือ?
หากเขาปราบราชันอสูรนี้บางทีเขาอาจจะเจอวิธีทำลายสัญญาสามปีกับกองทัพทั้งหกได้บ้างไหมนะ?
“ปึ๊ก!”
เจียงอี้ตบหัวตัวเองขณะที่เขากำลังฝันกลางวันอยู่เขายิ้มเหยเกออกมา “นั่นมันเป็นสิ่งที่ฝันเฟื่อง มันผ่านไปกว่าสี่ชั่วโมงแล้ว ข้าจะถูกสังหารทันทีหากข้ายังไม่สามารถก้าวผ่านการเข้าถึงเวทย์มนตร์…..”
เขาบังคับให้ตนเองสงบลงอย่างรวดเร็วและทำจิตใจให้สงบเขาเพ่งไปที่การใช้เวทย์มนตร์ เขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่นั่นก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้แล้ว