เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 360 ตกอยู่ในอันตราย
บทที่ 360 ตกอยู่ในอันตราย
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
“มอ มออ!”
ลึกลงในไปพื้นดินของป่าอเวจี เจ้าเหลืองใหญ่ส่งเสียงคำรามเป็นครั้งคราวขณะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกันเจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อก็นั่งอยู่บนหลังของมันตลอดการเดินทาง
หลังจากที่เดินทางมาทั้งวัน พวกเขาก็มาถึงชายขอบป่าอเวจี และเมื่อหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นทิศที่อาณาจักรต้าเซี่ยตั้งอยู่ เจียงอี้ก็ยิ่งรู้สึกกังวลเกี่ยวกับซูรั่วเสวี่ยมากกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงเลือกเดินทางเป็นเส้นตรง
“พวกเราสมควรมาถึงแล้ว”
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจียงอี้ก็ลืมตาขึ้นและคาดเดาในใจว่าน่าจะมาถึงชายแดนของอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว ถึงอย่างนั้นภายในใจของเขาก็ยังคงกระวนกระวายเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆ
“เหลืองใหญ่ ขึ้นไปบนพื้นดิน!”
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปลุกผู้อาวุโสเฮ่อให้ตื่นขึ้นมา ทางด้านชายชราเองก็ฟื้นตัวได้ในระดับหนึ่งแล้ว กระดูกขาของเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะเดินทางด้วยเท้า
ปัง!
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เจ้าเหลืองใหญ่ก็ขึ้นมาบนพื้นดิน หลังจากที่เจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อสำรวจพื้นที่โดยรอบด้วยความระมัดระวังและเจอกับแม่น้ำขนาดใหญ่ที่ดูคุ้นตา พวกเขาก็มั่นใจว่าได้เข้ามาในเขตของอาณาจักรต้าเซี่ยแล้ว
“แม่น้ำอู๋?”
ผู้อาวุโสเฮ่อนำแผ่นที่ออกมากางดูและยืนยันความคิดตัวเอง จากนั้นเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“นายน้อยอี้ เท่าที่ข้าตรวจดู บริเวณนี้น่าจะมีเมืองเหลาซานตั้งอยู่ มันคือจุดยุทธศาสตร์ของตระกูลเฉียนและตระกูลจ้าน พวกเราสามารถไปรับข่าวสารจากที่นั่นได้!”
หลังจากที่เจียงอี้ร่วมมือกับตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนเพื่อกำจัดกองทัพของหยุนลู่ แน่นอนว่ามันจะก่อให้เกิดความวุ่นวายและยังเป็นการสร้างความโกรธแค้นให้กับอาณาจักรเทียนเซวี่ยน
นอกจากนี้ พวกเขาทั้งสองยังถูกขังอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์เป็นเวลากว่าครึ่งเดือน ทำให้พวกเขาไม่ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นการเสาะหาข่าวจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“ตกลง!”
หลังจากที่ออกค้นหากว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็พบกับเมืองขนาดเล็กที่ถูกสร้างอยู่ใต้ภูเขา
“ใช่แล้ว นี่คือเมืองเหลาซานไม่ผิดแน่! ท่านดูตรงนั้น มันคือรหัสลับที่พวกเราสองตระกูลสลักไว้ เมืองแห่งนี้อยู่ภายในการควบคุมของตระกูลเฉียนเพราะฉะนั้นมันจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“เจ้าเหลืองใหญ่ เดินทางต่อ!”
โดยไม่รอช้า เจียงอี้ก็ออกคำสั่งกับสัตว์อสูรเถาอู้ทันที
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เข้าไปในตัวเมือง จอมยุทธจำนวนมากก็โผล่ออกมาขัดขวางเส้นทางของพวกเขาไว้ ในขณะเดียวกันเจียงอี้ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสองคนในกลุ่มนั้น แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้มากมายนัก
“วูดดดดดดด!”
ในขณะเดียวกันเสียงแตรก็ดังออกมาจากภายในเมืองซึ่งทำให้ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย สามัญชนทั่วไปรวมถึงนักสู้หลายคนต่างก็ออกมาจากที่พักด้วยความเร่งรีบและหลบหนีไปยังทางออกต่างๆที่ถูกจัดเตรียมไว้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าการปรากฏตัวของเจ้าเหลืองใหญ่นั้นทรงพลังเกินไป กลิ่นอายของมันทำให้คนทั้งเมืองตื่นตระหนก
“โอ้วว—โอ้-โอ้!”
ผู้อาวุโสเฮ่อตระเปล่งเสียงที่แปลกประหลาดออกมาเป็นจังหวะ เห็นได้ชัดว่ามันคือเสียงสัญญาณพิเศษที่ถูกสร้างขึ้น ทันทีที่เขาตะโกนออกมา บรรยากาศในเมืองก็เปลี่ยนไป เริ่มจากตกตะลึง เปลี่ยนมาเป็นสับสนและตามด้วยความผ่อนคลาย
“ทุกคนอย่าได้ตื่นตระหนก! มันไม่ใช่สัตว์อสูรชั่วร้ายแต่เป็นคนของเราเอง!”
ฟึ่บ!
ร่างเงานับสิบพุ่งเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าบนตัวของสัตว์อสูรเถาอู้คือเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อ พวกเขาก็หยุดชะงักด้วยความตื่นตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นเส้นผมสีแดงของเจียงอี้ พวกเขาก็เกิดอาการสั่นกลัวตามสัญชาตญาณ
ตึง! ตึง!
กลุ่มคนที่เข้ามาต่างก็คุกเข่าลงอย่างพร้อมเพียง “พวกเราขอเรียนถาม พวกท่านใช่ท่านอุปราชและผู้อาวุโสเฮ่อหรือไม่ขอรับ?”
เจียงอี้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาและเลือกที่จะให้ผู้อาวุโสเฮ่อรับหน้าแทน
“ข้าเอง เฮ่อเถี่ยซู่! แต่ก่อนอื่น พวกเจ้าทั้งหมดจงทำการปิดเมืองเสีย ห้ามเดินทางเข้า-ออกเด็ดขาด!”
“ขอรับ!”
เหล่าสมาชิกตระกูลเฉียนและตระกูลจ้านต่างก็เผยให้เห็นความสุขทางสีหน้า พวกเขาหลายคนลอบมองเจียงอี้ด้วยความชื่นชมและเคารพเทิดทูน
พวกเขาทราบข่าวนานแล้วว่าเจียงอี้กับเฮ่อเถี่ยซู่ได้เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกคาดเดาว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว
แต่ไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะหนีรอดออกมาได้จริงๆ? ขณะเดียวกัน จ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนก็ยังคงส่งข้อความมาที่นี่ทุกสามถึงห้าวันเพื่อสืบหาข่าวของพวกเขาทั้งสอง
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งสองของตระกูลจ้านและตระกูลเฉียนได้รับมอบหมายให้ดูแลสถานที่แห่งนี้ เมื่อเจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อก้าวเข้ามาในเมือง พวกเขาก็ออกคำสั่งปิดเมืองทันที
เจียงอี้เดินตรงไปยังลานกว้าง เขาไม่แม้แต่จะไปอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เลือกที่จะสอบถามด้วยความร้อนใจ
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง? ซูรั่วเสวี่ยยังสบายดีอยู่หรือไม่? แล้วนายน้อยของพวกเจ้าล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถาม หนึ่งในผู้ปกครองเมืองฝ่ายตระกูลเฉียนก็รีบก้าวออกมาพร้อมกับโค้งคำนับและเอ่ยตอบด้วยความสุภาพ
“ท่านอุปราช องค์ราชินีทรงสบายดีขอรับ ทางด้านประมุขน้อยของเราและนายน้อยอู๋ซวงเองก็ไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาทั้งคู่ยังคงอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่”
“ด้วยสติปัญญาอันล้ำเลิศขององค์ราชินีรั่วเสวี่ย พระองค์ได้ให้ใครบางคนปลอมตัวเป็นใต้เท้าไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจึงไม่สงสัยในตัวท่านขอรับ”
“ฟู้ววว…”
เจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อมองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะเดียวกันผู้ปกครองเมืองฝ่ายตระกูลจ้านก็ก้าวออกมาและทำการรายงาน
“เดิมทีอาณาจักรเทียนเซวี่ยนสงสัยตระกูลจ้านของพวกเราและยังได้ทำการส่งคนมาตรวจสอบที่อาณาจักรต้าเซี่ยเป็นเวลานาน พวกเขาถึงขั้นส่งหน่วยลับเข้าไปในอาณาจักรเสินหวู่เพื่อจับตัวคนของเรา”
“แต่โชคดีที่ท่านประมุขกับใต้เท้าเฉียนวางแผนไว้อย่างรอบครอบ มีเพียงกองกำลังลับของตระกูลเท่านั้นที่ล่วงรู้แผนการนี้ ส่วนคนอื่นนั้นไม่มีสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงทำให้อาณาจักรเทียนเซวี่ยนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครคือผู้บงการขอรับ!”
“แม้ว่าพวกมันจะคาดเดาได้แล้วอย่างไร? หากไม่มีหลักฐาน พวกมันจะทำอะไรได้?”
ผู้อาวุโสเฮ่อหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน แผนการของพวกเขานั้นเรียกได้ว่าแทบจะสมบูรณ์แบบและได้มีการกวาดล้างหลักฐานทั้งหมด จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสืบสาวมาถึงพวกเขาได้
เฮ่อเถี่ยซู่หันมากล่าวกับเจียงอี้เป็นการส่วนตัวก่อนที่จะออกคำสั่งอีกครั้ง
“ส่งข้อความไปถึงประมุขน้อยและนายน้อยเฉียน บอกพวกเขาว่าพวกเรากลับออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ขอให้พวกเขาอย่างเพิ่งเคลื่อนไหวชั่วคราวและให้รอพวกเราอยู่ที่นั่น”
เมื่อได้ยินคำสั่งผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตระกูลเฉียนปฏิบัติตามคำสั่งทันที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้ว ผู้อาวุโสเฮ่อก็หันมากล่าวกับเจียงอี้
“นายน้อยอี้ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาท่านแทบจะไม่ได้พักเลย ท่านพักอยู่ที่นี่สักวันสองวันดีหรือไม่? นอกจากนี้ เมื่อขาของข้าหายดีแล้ว พวกเราจะได้เดินทางไปเมืองเซี่ยยวี่พร้อมกัน ท่านคิดว่ายังไง?”
“ตกลงตามนั้น”
เมื่อเจียงอี้สำรวจตัวเองดู เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นสาบตามร่างกายและหนวดเคราที่รุงรัง เมื่อทราบว่าพวกซูรั่วเสวี่ยยังคงอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจที่จะพักอยู่ที่นี่ก่อน หลังจากที่ร่างกายรับภาระมาหลายวัน กระทั่งตัวเขาเองก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าและต้องการที่จะพักผ่อน
หลังจากที่ชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว เจียงอี้ก็มาร่วมรับประทานอาหารกับผู้อาวุโสเฮ่อ จากนั้นเขาก็กลับเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดีและผล็อยหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมา เขาก็ทำการบ่มเพาะพลังสองสามชั่วโมงและเริ่มวางแผนเส้นทางในอนาคต
เจียงอี้ตัดสินใจที่จะกลับไปยังสายแร่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อขุดศิลาสวรรค์ให้ได้ภายในครึ่งปี แต่เขาจะไม่ดูดซับพวกมัน มิฉะนั้นจะเป็นการกระตุ้นโทสะของท่านจอมเวทย์
หลังจากที่ได้ศิลาสวรรค์มาแล้ว เขาก็จะกลับไปยังพื้นที่ต้องห้ามเพื่อทำการเรียนรู้ศาสตร์เวทย์โบราณเพื่อที่จะยกระดับความสามารถในการสู้รบ
แผนต่อมา เขาก็จะทำการขัดเกลาศิลาสวรรค์เหล่านั้นเพื่อบรรลุสู่ขอบเขตจินกังให้เร็วที่สุด และด้วยความช่วยเหลือของราชันสัตว์อสูรหยาจื้อ เขาอาจจะมีพลังมากพอที่จะต่อต้านกองกำลังของทั้งหกขั้วอำนาจในอีกสามปีต่อมา
เมื่อฟื้นฟูพลังเรียบร้อย เจียงอี้ก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น ขณะเดียวกันอาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสเฮ่อก็ใกล้จะฟื้นตัวเต็มที่แล้ว
“ท่านอุปราช! ผู้อาวุโสเฮ่อ!”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรนั้น จู่ๆผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตระกูลจ้านก็พุ่งเข้ามาด้วยความร้อนรนพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าอันซีดขาว
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ! พวกเราเพิ่งได้รับข่าวจากสายลับที่อยู่ในอาณาจักรเทียนเซวี่ยน กลุ่มที่สนับสนุนหยุนเฮ่อและหยุนลู่กำลังเตรียมการที่จะลงมือกับองค์หญิงหยุนเฟยและองค์ชายหยุนเสียนแล้วขอรับ! หากว่าพวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที… เกรงว่าพวกเขาคงไม่รอดแน่!”