เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 362 หน้ากากร้อยหน้า
บทที่ 362 หน้ากากร้อยหน้า
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
เมืองเซวี่ยนเทียนตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรเทียนเซวี่ยน แม้ว่าเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อจะเดินทางทั้งวันทั้งคืน แต่พวกเขาก็ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะเดินทางไปถึงที่นั่น
โชคดีที่สายพันธุ์เถาอู้เป็นสัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญการเดินทางใต้ดินและเดินทางเป็นเส้นตรงจึงทำให้แทบไม่มีอุปสรรคระหว่างการเดินทาง
ตลอดการเดินทาง ผู้อาวุโสเฮ่อจะจมอยู่ในห้วงสมาธิเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด ทางด้านเจียงอี้เองก็ไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาบ่มเพาะพลังแทบจะตลอดเวลาที่อยู่บนหลังของเจ้าเหลืองใหญ่
ภายในห้วงวิญญาณ ดวงจิตของเขาถูกรายล้อมไปด้วยพลังงานสีเขียวครึ่งหนึ่งซึ่งทำให้พลังวิญญาณของเขาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ยังคงไม่สันทัดเกี่ยวกับการบ่มเพาะดวงจิตและไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความสามารถพิเศษใดๆ
เมื่อผ่านไปสองวันและตระหนักได้ว่าความเร็วในการบ่มเพาะเชื่องช้าเกินไป เขาจึงหยุดมันและหันไปสนใจเรื่องอื่นแทน
“จริงสิ!”
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาก็นำสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับจากราชวังจักรวาลออกมา เขาพบว่านี่เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่จะศึกษาและทำความเข้าใจกับพวกมัน
ฟึ่บ!
เจียงอี้เลือกที่จะหยิบสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ประเภทธนูออกมาก่อน รูปลักษณ์ของมันมีความงดงามและดูน่าเกรงขาม แต่หลังจากที่เขาถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไปก็พบว่ามันไร้ซึ่งปฏิกิริยา เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ง่ายต่อการปรับแต่ง
เมื่อยอมแพ้กับธนูคันนี้ เขาก็หยิบดาบยาวอีกเล่มหนึ่งขึ้นมา แต่เพราะว่าเขามีดาบมังกรเพลิงอยู่แล้ว ดังนั้นดาบเล่มนี้จึงไม่ได้มีประโยชน์มากนัก
อึก! อึก!
ที่ด้านหลัง ผู้อาวุโสเฮ่อที่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้กำลังลอบกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่มองไปยังเจียงอี้ซึ่งกำลังกวัดแกว่งสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ราวกับของเล่น
ตระกูลจ้านถูกก่อตั้งมากว่าหมื่นปีและยืนหยัดอยู่ในทวีปเทียนชิงได้อย่างภาคภูมิ อย่างไรก็ตามพวกเขาครอบครองสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงชิ้นเดียวเท่านั้นและยังอนุญาตเพียงผู้ดำรงตำแหน่งประมุขให้เป็นผู้ใช้มัน
แต่สวรรค์ช่างลำเอียงนัก เจียงอี้เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี แต่สิ่งประดิษฐ์ชั้นสูงในมือกลับมากมายนัก เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีความมั่งคั่งเสียยิ่งกว่าตระกูลเก่าแก่ที่คงอยู่มาหลายหมื่นปีเสียอีก!
แน่นอนว่าชายชราไม่มีความคิดที่จะร้องขอพวกมันจากเขา เฮ่อเถี่ยซู่เพียงแค่ตกใจแต่ไม่ได้ปรารถนาพวกมัน ตัวเขาและเจียงอี้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นเขาจะทำลายความสัมพันธ์กับสุดยอดอัจฉริยะด้วยเรื่องแค่นี้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเจียงอี้ย่อมสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของผู้อาวุโสเฮ่อนานแล้ว แต่เขาหาได้สนใจไม่ ในเวลาต่อมา เขาก็หยิบชุดที่ดูคล้ายกับเสื้อกันฝนออกมาเฝ้ามองและเก็บกลับไปหลังจากนั้นไม่นาน
สมบัติชิ้นนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทเครื่องป้องกันและเหมาะสำหรับหญิงสาว ดังนั้นเขาจึงหมดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อมาคือหน้ากาก ย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในเมืองเทียนอวี่ เจียงอี้มักจะสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในฐานะคู่ซ้อมประลองยุทธ และยังเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามีความรู้สึกพิเศษต่อหน้ากาก
เมื่อเขาเห็นหน้ากากสีทองชิ้นนี้อยู่ในห้องเก็บสมบัติ เขาก็รู้สึกถูกชะตากับมันทันทีและนำมันออกมาด้วย
หน้ากากระดับสวรรค์ชิ้นนี้มีประโยชน์อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่ามันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ประเภทเครื่องป้องกัน… แต่ป้องกันได้เพียงแค่ใบหน้าหรือ?
ถึงอย่างนั้นเจียงอี้ก็รู้สึกว่ามันมีประโยชน์มาก เป็นที่รู้กันดีว่าจุดอ่อนของมนุษย์คือส่วนศีรษะและหัวใจ หากส่วนใดส่วนหนึ่งถูกทำลาย คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน หากว่าหน้ากากชิ้นนี้สามารถปกป้องจุดอ่อนนั้นได้ เช่นนั้นมันก็คุ้มค่ามาก!
ข้าจะปรับแต่งมัน!
ความอยากรู้อยากเห็นของเจียงอี้กระตุ้นให้เขาทำการทดสอบการทำงานของหน้ากากชิ้นนี้ เขาถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไปและพบว่าหลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มปรากฏร่องรอยการเชื่อมต่อ ดูเหมือนว่าการปรับแต่งหน้ากากชิ้นนี้จะง่ายดายกว่าการปรับแต่งสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์มากนัก
เวลายังคงดำเนินไป…
การเดินทางทั้งหมดถูกยกให้เป็นหน้าที่ของเจ้าเหลืองใหญ่ ดังนั้นเจียงอี้จึงมีเวลาเหลือเฟือในการเพ่งสมาธิมาที่หน้ากากสีทอง ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังคงถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไปอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ผ่านไปสามวัน การปรับแต่งก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์ เมื่อพันธสัญญาถูกเชื่อมต่อ ข้อมูลของหน้ากากก็ถูกถ่ายโอนเข้ามาในหัวของเจียงอี้ทันที
หน้ากากร้อยหน้า?
เขากระพริบตาด้วยความมึนงง หลังจากนั้นก็ลองถ่ายเทแก่นแท้พลังลงไปอีกครั้งขณะที่ทาบมันลงบนหน้า
“หืม?!”
อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสเฮ่อหายดีแล้ว แต่ทันทีที่เห็นเจียงอี้วางหน้ากากไว้บนหน้า วินาทีต่อมาดวงตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
จู่ๆ หน้ากากสีทองที่อยู่บนหน้าของเจียงอี้ก็หายวับไปและทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าของเขาก็กลับกลายเป็นใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงามและหันกลับมายิ้มหวานให้ผู้อาวุโสเฮ่อ รอยยิ้มของเขาทำให้ชายชราเกิดอาการอาการหวาดผวาและเกือบจะตกจากหลังของเจ้าเหลืองใหญ่เลย
ฟึ่บ
พริบตาต่อมาใบหน้าของเจียงอี้ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้มันกลายเป็นใบหน้าของบุรุษผู้หล่อเหลาซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเฮ่อไม่ได้รู้สึกขนลุกเหมือนกับครั้งแรก
ฟึ่บ
เมื่อใบหน้าของเจียงอี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้ผู้อาวุโสเฮ่อถึงกับเป็นใบ้ เพราะมันเป็นใบหน้าของจ้านอู๋ซวง!
มันมีความคล้ายกับจ้านอู๋ซวงทุกประการ อย่างไรเสีย หากไม่ใช่เพราะความแตกต่างด้านสรีระและผิวสี ชายชราคงคิดว่าเจียงอี้คือนายน้อยของเขาอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อเจียงอี้ค้นพบความสามารถของหน้ากากชิ้นนี้ เขาก็พบว่ามันน่าสนใจมาก นอกจากนี้ผิวสัมผัสของมันก็ยังคล้ายคลึงกับหน้ากากหนังมนุษย์ที่เขาเคยสวมใส่ ดังนั้นจึงไม่มีความรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
“เอ่อ…”
ในขณะเดียวกัน ดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อก็เป็นประกายและเร่งกล่าวขึ้นมา
“นายน้อยอี้ ด้วยความสามารถของหน้ากากชิ้นนี้ มันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการหลบซ่อนตัวได้อย่างมหาศาล… หากอยู่ในช่วงคับขัน ท่านเพียงแค่เข้าไปปะปนในฝูงชนและเปลี่ยนโฉมหน้า เมื่อถึงตอนนั้นใครกันที่จะหาท่านเจอได้โดยง่าย?”
“ความคิดประเสริฐ!”
เดิมทีเจียงอี้เพียงแค่รู้สึกสนุกกับมันเท่านั้น แต่เมื่อฟังความคิดเห็นของเฮ่อเถี่ยซู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น แต่ไม่นานนักอารมณ์ของเขาก็ห่อเหี่ยวก่อนที่จะกล่าวออกมา
“แม้ว่ากับผู้เชี่ยวชาญทั่วไปมันอาจจะมีประโยชน์มหาศาล แต่มันจะไร้ค่าอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตจินกัง”
“คนเหล่านั้นสามารถใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ในการรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ นอกจากนี้ นักสู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจินกังไหนเลยจะกล้าหยิ่งยโสต่อหน้าข้า และข้าเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หน้ากากเพื่อซ่อนตัวต่อหน้าพวกมันเช่นกัน”
“นั่นก็จริง”
ผู้อาวุโสเฮ่อถอนหายใจด้วยความเสียดาย
“ฮิฮิ! แม้ว่ามันจะไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับข้ามากนัก แต่ก็นับว่าน่าสนใจมากทีเดียว” เจียงอี้หัวเราะออกมาด้วยความซุกซน จากนั้นเขาก็ละความสนใจจากมันอย่างรวดเร็วและหันไปตรวจสอบสิ่งประดิษฐ์ที่เหลืออยู่
น่าเสียดายกันที่สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์ไม่ได้มีประโยชน์มากนักและไม่คุ้มค่าต่อการเสียเวลาปรับแต่ง หลังจากที่พักผ่อนอยู่สองสามวันในที่สุดพวกเขาก็ใกล้จะถึงเมืองเซวี่ยนเทียนแล้ว ดังนั้นเจียงอี้จึงสั่งให้เจ้าเหลืองใหญ่หยุดเคลื่อนไหวและทำการไต่ขึ้นไปเหนือผิวดินเพื่อทำการตรวจสอบ
เขาใช้หน้ากากร้อยหน้าเปลี่ยนให้ใบหน้าของเขากลายเป็นชายฉกรรจ์ผู้มีใบหน้าโหดเหี้ยมและทำการสำรวจตำแหน่งที่เขาอยู่อย่างรวดเร็ว
เมื่อกลับลงมาใต้ดิน เจียงอี้ก็เรียกเจ้าเหลืองใหญ่กลับเข้ามาในเครื่องรางสัตว์วิญญาณและหันไปกล่าวกับผู้อาวุโสเฮ่อ
“พวกเราอยู่ห่างจากเมืองเซวี่ยนเทียนอีกไม่ไกลแล้วและไม่สามารถเดินทางใต้ดินได้อีกต่อไป ไปกันเถอะผู้อาวุโสเฮ่อ พวกเราจะไปถึงที่นั่นในอีกครึ่งวัน”
“อืม!”
ผู้อาวุโสเฮ่อนำหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาสวมและกลืนเม็ดยาบางอย่างลงไปเพื่อทำให้กลิ่นอายของเขาอ่อนแอลง เจียงอี้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลถึงกับแสดงความประหลาดใจออกมาเมื่อพบว่ากลิ่นอายที่เขาสัมผัสได้จากผู้อาวุโสเฮ่อเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตจื่อฝู่ขั้นสูงสุดเท่านั้น
“นายน้อยอี้ นี่คือเม็ดยาลับที่ถูกตระกูลจ้านของเราวิจัยขึ้นมา ท่านเองก็ควรที่จะกินมันเช่นกันเพื่อป้องกันการดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น”
เมื่อกล่าวจบเฮ่อเถี่ยซู่ก็ส่งเม็ดยาสีดำให้กับเจียงอี้และนำแผนที่ขึ้นมาดู
“จนถึงตอนนี้ เวลาก็ผ่านมาเก้าวันแล้วและยังเหลือเวลาอยู่อีกสามวันในการเตรียมตัว พวกเราควรจะไปยังเมืองอิ่นหม่าเป็นอันดับแรก ตระกูลจ้านมีฐานลับอยู่ที่นั่นซึ่งเหมาะแก่การวางแผน”
“ตกลง!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็เปลี่ยนหน้าอีกครั้ง คราวนี้เขากลายเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้ดูสดใส จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายพร้อมกับจ้องมองไปยังทิศของเมืองเซวี่ยนเทียน…