เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 367 ราชินีแม่มด
บทที่ 367 ราชินีแม่มด
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
ในไม่ถึงชั่วโมงต่อมารถม้าก็วิ่งมาถึงวังที่งดงาม ก่อนที่รถม้าจะเข้ามาใกล้พระราชวังก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับสิบพุ่งออกมาจากความมืด ในหมู่ผู้คนเหล่านั้น มีสี่คนที่อยู่ขั้นสูงสุดขอบเขตเสินโหยว พวกเขาลดการป้องกันลงหลังจากเห็นใต้เท้าเฉาแต่ก็ยังคงเฝ้ามองรถม้าอย่างระมัดระวัง
“แม่นางหลิ่วกลับมาแล้ว!”
ใต้เท้าเฉาพรวดด้วยน้ำเสียงเบาๆและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็มีความสุขกับข่าวนี้เช่นกัน ผู้อาวุโสเฮ่อเปิดม่านขึ้นเล็กน้อยและมองแม่นางหลิ่วด้วยดวงตาที่ส่องประกาย ทันใดนั้นนางก็ตอบอย่างนุ่มนวล “ท่านผู้อาวุโสทั้งสี่ ข้าน้อยไม่ทำให้องค์ราชินีแม่มดผิดหวัง เป้าหมายถูกเวทย์หนอนพิษแล้วและตอนนี้กำลังหลับใหลอย่างไม่รู้ตัวเจ้าค่ะ”
“ให้ข้าดูหน่อย!”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดขอบเขตเสินโหยวยังไม่มั่นใจนักและเดินไปที่รถมาอย่างเร่งรีบใจของเจียงอี้และผู้อาวุโสเฮ่อแทบจะหลุดออกมาแล้ว พวกเขายังไม่ทันได้พบองค์ราชินีแม่มดเลย และมีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่รู้ว่านางอยู่ที่ใด ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยหากพวกเขาต่อสู้กับคนพวกนี้
ตึกตึก ตึก!
ทันใดนั้นเองเสียงรอยเท้าก็ดังมาแต่ไกล ผู้อาวุโสจึงหยุดและจ้องมองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตะโกนด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “องค์ราชากำลังมา ออกไปเร็ว! แม่ทัพเฉา พาพวกเขาไปยังโถงลับก่อน ข้าจะรายงานไปยังราชินีแม่มดทีหลัง”
“ได้!”
ใต้เท้าเฉาก็ตกใจเช่นกันและตะโกนบอกผู้อาวุโสเฮ่ออย่างเงียบๆ“เร็วเข้า ย้ายไปที่นั่น!”
ผู้อาวุโสเฮ่อยังคงอยู่ในความหวาดกลัวเขากลืนน้ำลายแล้วขับรถม้าไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว ห้องโถงนี้น่าจะเป็นของราชินีแม่มด องค์ราชาของอาณาจักรเทียนเซวี่ยนอยู่ที่นี่ในตอนนี้และทำให้ทุกสิ่งมันยากขึ้นสำหรับเจียงอี้ ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปโถงลับ? หากพวกเขาถูกเปิดเผยมันก็จะมีปัญหามากขึ้นและไม่มีโอกาสที่จะสังหารราชินีแม่มดนั่น
เจียงอี้ยังลังเลอยู่แต่ในที่สุดก็ไม่ได้ตัดสินใจ หากเขาลงมือในตอนนี้ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็จะเกิดขึ้นและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็จะรับรู้เช่นกัน เขาจะไม่เสี่ยงจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย
โชคดีที่ใต้เท้าเฉาให้ผู้อาวุโสเฮ่อย้ายจากพระราชวังไปยังโถงเล็กข้างๆเมื่อรถม้าวิ่งตรงเข้าไปในตำหนัก ใต้เท้าเฉาก็โบกมือของเขา “ออกมาช่วยที”
ตึกตึก ตึก!
มีสาวใช้ในวังสองสามคนเข้ามาและเจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อก็ตกใจทันใดนั้นผู้อาวุโสเฮ่อก็ผุดความคิดใหม่ขึ้นมาได้และพูดว่า “ท่านใต้เท้า ข้าได้นี่มา”
ขณะที่ผู้อาวุโสเฮ่อกำลังพูดอยู่เขาก็เข้าไปในรถม้าและอุ้มเจียงอี้ออกมา เจียงอี้แสร้งทำเป็นหมดสติและล้มลงอย่างอ่อนแอ เขารู้สึกตัวอย่างต่อเนื่องและพร้อมที่จะโจมตีตลอดเวลา
ใต้เท้าเฉามองเจียงอี้และขมวดคิ้วอย่างงงงวย“ทำไมเขาไม่เหมือนคนในภาพวาดกัน?”
ผู้อาวุโสเฮ่อพยักหน้าและโค้งคำนับก่อนจะกระซิบว่า“ฮิฮิ ท่านใต้เท้าเฉา ได้ยินว่าเขามีหน้ากากระดับสวรรค์ซึ่งสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาได้ ท่านจะดูทีหลังไหมขอรับ?”
“สิ่งประดิษฐ์ระดับสวรรค์!”
ดวงตาของใต้เท้าเฉาสุกใสเขาตระหนักได้ถึงความเป็นมาของเจียงอี้ทันที เขารู้ว่าเจียงอี้มีสมบัติล้ำค่ามากมาย และเขายังต้องการใช้ประโยชน์จากเจียงอี้ในเวลาที่โกลาหล ที่นี่ไม่มีคนภายนอก ใครจะรู้หากว่าเขาเอาสิ่งใดไป?
ทันใดนั้นเขาก็โบกมือและบอกสาวใช้ในวังว่า“ให้พวกเราอยู่กันเองเถอะ ส่วนเจ้ามากับข้า!”
ผู้อาวุโสเฮ่อตามใต้เท้าเฉาเข้าไปอย่างยินดีห้องโถงด้านข้างนั้นไม่ใหญ่มากและมีห้องส่วนตัวอยู่ภายในอีก หลังจากที่ใต้เท้าเฉาเข้าไป เขาก็ตบกำแพงสองสามครั้ง ในไม่ช้าก็ปรากฏประตูลับขึ้นและเขาก็เข้าไปในประตูก่อนและปิดกลไกหลังจากที่ผู้อาวุโสเฮ่อแบกเจียงอี้เข้าไปกับเขา
ฟึ่บ!
เมื่อใต้เท้าเฉากำลังจะหันไปผู้อาวุโสเฮ่อก็ชกไปที่หน้าท้องช่วงล่างของใต้เท้าเฉาและทำลายตันเทียนของเขา ทำให้ใต้เท้าเฉาถูกส่งปลิวออกไป เขาเปิดปากของเขาและกระอักเลือกออกมา เขาพูดด้วยสีหน้าที่ตกใจ “จะ..เจ้า….”
ฟึ่บ!
ผู้อาวุโสเฮ่อเหินไปหาใต้เท้าเฉาและยกคอเขาขึ้นมาด้วยมือเดียวจากนั้นดวงตาของผู้อาวุโสเฮ่อก็เปล่งแสงปีศาจออกมา ทันใดนั้นดวงตาของใต้เท้าเฉาก็มืดมนและดูไร้ชีวิตทันที ใต้เท้าเฉากองลงไปอย่างไร้กำลัง
“ฮู่ฮู่!”
จากนั้นไม่นานผู้อาวุโสเฮ่อก็ปล่อยใต้เท้าเฉา เขาหลับตาและกลืนน้ำลายอย่างหนักและพยุงตัวเองพร้อมพิงกำแพงด้วยมือข้างหนึ่ง ร่างกายของเขาสั่นราวกับคนมึนมัวและยืนไม่มั่นคง
“ผู้อาวุโสเฮ่อท่านไหวไหม?”
เจียงอี้เลิกแสร้งทำและถามผู้อาวุโสเฮ่ออย่างเป็นกังวลใต้เท้าเฉาผู้นี้อยู่เพียงขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวและถูกผู้อาวุโสเฮ่อลอบโจมตี ดังนั้นมันจึงดูไม่มีปัญหาใดๆ เขาเลยไม่ได้เข้าไปช่วย
“ข้าไม่เป็นอะไรพลังวิญญาณข้าลดลงเมื่อตอนที่ข้าใช้เค้นความลับจากศาสตร์ลับค้นหาวิญญาณเท่านั้นเอง”
เขาโบกมือและพักสักครู่ก่อนที่จะพูดว่า“นายน้อยอี้ เราจะทำอะไรต่อ? โถงด้านหน้านั้นเป็นของราชินีแม่มดแน่นอน เราจะเข้าไปในนั้นเลยดีไหม? องค์ราชาก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เราอาจจะลักพาตัวองค์ราชามาได้”
“อย่ารีบร้อนไป!”
เจียงอี้โบกมือและคิดอยู่พักหนึ่ง“ราชินีแม่มดอาจมาหาเราหลังจากที่องค์ราชากลับไป มันจะสมบูรณ์แบบหากว่าเราสามารถปราบปรามราชินีได้โดยไม่ทำให้ราชารู้ตัว”
“ก็ได้!”
ผู้อาวุโสเฮ่อกระตือรือร้นมากขึ้นหลังจากได้พักแสงสีขาวแวบผ่านดวงตาเขาขณะเริ่มค้นหาวิญญาณ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “นายน้อยอี้ ราชินีแม่มดจะมาแน่นอน! หลังจากที่คนที่โดนเวทย์หนอนพิษแล้ว นางจะต้องฝังหนอนวิญญาณลงไป หลังจากนั้นคนผู้นั้นจะกลายเป็นทาสรับใช้นางตลอดไปและไม่มีทางขัดขืนนางได้”
“เข้าใจละ!”
เจียงอี้ยิ้มกว้างห้องลับนี้ถูกแยกออกจากอาคมยับยั้ง ดังนั้นเขาจะขังราชินีแม่มดไว้ได้ง่ายดายหลังจากที่นางเข้ามา เขาโบกมือและพูดว่า “ผู้อาวุโสเฮ่อ นำแม่นางหลิ่วมาที่นี่ ข้าจะซ่อนท่านไว้ในแจกันเขียวพิสุทธิ์ มันจะทำให้ท่านปลอดภัยกว่า! ไม่ว่าราชินีแม่มดจะเขามาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเบื้องบนแล้วล่ะ”
“นี่….”
ผู้อาวุโสเฮ่อเริ่มลังเลเขากัดฟันแล้วพูดว่า “หากว่าข้าอยู่ด้านนอกล่ะ? หากคนของราชินีแม่มดเข้ามาแล้วถามคำถาม ข้าจะบอกพวกเขาว่าใต้เท้าเฉาเข้าไปในห้องลับนี้กับท่าน นั่นอาจจะเป็นไปได้ที่ราชินีแม่มดจะเข้ามามากขึ้น”
“ไม่!”
เจียงอี้โบกมืออย่างเด็ดขาด“ใครๆก็มองออกว่าดวงตาของแม่นางหลิ่วนั้นมัวหมองและจะจับพิรุธได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หากนางยังอยู่ในรถม้านั่นและไม่คารวะราชินีแม่มด มันจะน่าสงสัยยิ่งกว่าเดิม แล้วท่านก็จะต้องตายเมื่อคำโกหกของเราถูกเปิดโปง แล้วนางก็จะไม่เข้ามาที่นี่เลย เพราะฉะนั้น เสี่ยงดวงเอาเถอะ มันจะดีกว่าที่เราจะรอโชคอยู่ที่นี่”
“ก็ได้!”
เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็คิดว่าคำพูดของเจียงอี้นั้นสมเหตุสมผลเขาผลักประตูออกไปด้วยมือเดียวพร้อมกับใต้เท้าเฉาและควบคุมให้ใต้เท้าเฉาพูดว่า “พาแม่นางหลิ่วมาที่นี่ ข้ามีบางอย่างจะถามนาง พวกเจ้าด้านนอกฟังให้ดี พวกเจ้าห้ามเข้ามาในห้องโถงนี้ หากผู้อาวุโสมาช่วยบอกพวกเขาว่าข้าอยู่ในห้องลับก็พอ”
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสเฮ่อแสร้งทำเป็นทำตามคำสั่งที่ใต้เท้าเฉาบอกและเดินไปที่รถม้าในเวลาสั้นๆ ผู้อาวุโสเฮ่อออกมาและประคองมือแม่นางหลิ่วที่สวมผ้าปิดหน้าเพื่อไม่ให้ผู้ใดเห็นหน้านาง
สาวใช้ห้าหกคนในวังคุกเข่าอยู่นอกห้องโถงใต้เท้าเฉาเป็นบุคคลผู้มีอำนาจ พวกเขาจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองโดยสัญชาตญาณอยู่แล้ว เมื่อผู้อาวุโสเฮ่อเดินเข้ามากับแม่นางหลิ่ว ก็น่าประหลาดใจนักที่เขาไม่ถูกดึงดูดความสนใจจากสาวใช้เลย
ผู้อาวุโสเฮ่อเข้าไปในห้องลับกับใต้เท้าเฉาและแม่นางหลิ่วตอนนี้ประตูไม่ได้ปิดและเจียงอี้ได้ยินทุสิ่งภายในห้องชัดเจน เขาเริ่มชื่นชมความสามารถของผู้อาวุโสเฮ่อในการพูดออกมายามฉุกเฉินอย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็หยิบแจกันสีเขียวออกมาหลังจากที่ประตูลับปิดลง “ผู้อาวุโสเฮ่อ ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องทนทรมาน!”
มีราชันสัตว์อสูรอยู่ในแจกันนั้นพลังของมันแข็งแรงมากไม่ว่าเขาจะควบคุมมันยังไง แน่นอนว่าเขาจะต้องอึดอัดมากที่จะต้องอยู่ในนั้น เขาอาจจะถูกตัวตนของราชันสัตว์อสูรทำลายไปหากว่าอยู่นานเกินไป
ผู้อาวุโสเฮ่อตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น“ไม่เป็นไร ข้าจะทน นายน้อยอี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว! หาก…มีอะไรผิดปกติ ท่านหาทางหนีเลย”
แจกันสีเขียวสาดแสงและผู้อาวุโสเฮ่อก็เข้ามาอยู่ในแจกันหลังจากนิ่งไปครู่หนึ่ง เจียงอี้ก็เริ่มตั้งกลไกห้องลับนี้
ห้องนี้ไม่ได้เล็กหรือใหญ่มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้ เจียงอี้หยิบดาบจากเอวของใต้เท้าเฉาแทงเขาและแม่นางหลิ่วด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกัน เจียงอี้ก็ฉีกเสื้อผ้าของแม่นางหลิ่วและจัดแจงพวกเขาอยู่ที่พื้นแล้ววางดาบไว้ในมือของใต้เท้าเฉา
“ทำให้ดีที่สุดแล้วปล่อยให้ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับเบื้องบน!มันขึ้นอยู่กับประสงค์ของเบื้องบนแล้วว่าราชินีแม่มดจะเข้ามาในห้องลับแห่งนี้หรือไม่”
หลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้วเขาก็ป้ายเลือดของทั้งสองกับตัวเองพร้อมนอนลงบนพื้นแสร้งทำเป็นตาย จากนั้นเขาก็รอการมาของราชินีแม่มดอย่างเงียบๆ