เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 369 ตกอยู่ในความทรมาน
บทที่ 369 ตกอยู่ในความทรมาน
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
การเจรจาต่อรองเป็นอันเสร็จสิ้น ปัญหาต่อไปก็คือการลงมือปฏิบัติ…
ราชาแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนใช้เวลาทั้งคืนอยู่ในวังลี่เฟยและอาจจะไม่ได้มายังที่พำนักของราชินีแม่มด เช้าวันรุ่งขึ้นเขาจะต้องนำเหล่าชนชั้นสูงไปยังภูเขาจอมเวทย์เพื่อทำการถวายเครื่องราชบรรณาการ
ราชินีแม่มดวางแผนที่กำจัดหยุนเฟยและหยุนเสียนในวันนั้นเช่นกัน ในขณะเดียวกันนางแสร้งบอกราชาว่าป่วยและต้องการพักผ่อนอยู่ในวัง ด้วยเหตุนี้ราชาถึงเดินทางมาเยี่ยมนางด้วยตนเอง
ในวันรุ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเกือบทั้งหมดจะเดินทางออกจากเมืองเซวี่ยนเทียน ด้วยความช่วยเหลือของราชินีแม่มด แผนการของพวกเขาอาจจะบรรลุผลโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่นิดเดียว
เจียงอี้ปล่อยผู้อาวุโสเฮ่อออกมาจากแจกันเขียวพิสุทธิ์ หลังจากที่ทำการไต่สวนอย่างเข้มงวด สีหน้าของทั้งคู่ก็ดูดีขึ้นมากและไม่คาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเช่นนี้
“ฮึ่ม!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มอันหน้าหมั่นไส้ของเจียงอี้กับเฮ่อเถี่ยซู่ ราชินีแม่มดก็เค้นเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะกล่าวต่อ
“เหล่าองครักษ์ของข้ารวมไปถึงเหล่าขันทีและสาวใช้กำลังรออยู่ด้านนอก หากว่าข้าอยู่ที่นี่นานเกินไป พวกนั้นอาจจะสงสัยได้ พวกเจ้าควรที่หาวิธีส่งข้ากลับไปยังตำหนักของข้าจะดีกว่า”
“…”
รอยยิ้มของเจียงอี้กับผู้อาวุโสเฮ่อจางหายไปในพริบตาเมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว พวกเขาเผลอดีใจมากเกินไปจนหลงลืมสถานการณ์ตรงหน้า หากมีคนในคนหนึ่งที่อยู่ด้านนอกออกไปรายงานต่อองค์ราชา เหตุการณ์จะกลับไปเลวร้ายอีกครั้ง
ปัญหาคือราชินีแม่มดจะกลับไปยังที่พักของนางได้อย่างไร พวกเราจะปล่อยให้นางออกไปทั้งสภาพอย่างนี้น่ะหรือ? ถ้าเกิดหนึ่งในขันทีที่อยู่ด้านนอกเป็นหนึ่งในสายลับของราชา แผนการของพวกเขาจะล้มไม่เป็นท่าทันที
ในขณะเดียวกัน หากไม่ได้คุมตัวนางและปล่อยให้นางมีโอกาสได้ขอความช่วยเหลืออย่างลับๆ ผลลัพธ์ของมันก็คงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็นเช่นกัน
ถ้าลองใช้ศาสตร์ลับค้นหาวิญญาณกับราชินีแม่มดและเปลี่ยนให้นางกลายเป็นหุ่นเชิดล่ะ? ไม่สิ… ไม่ได้!
นางไม่เหมือนกับแม่นางหลิ่ว ผู้หญิงคนนี้เป็นชนชั้นสูงและถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา หากว่าพฤติกรรมและการแสดงออกของนางเปลี่ยนไป ผู้คนจะตระหนักได้ถึงความผิดปกติทันที
“คิดออกแล้ว!”
ความคิดสายหนึ่งแล่นผ่านเข้ามาในหัวของผู้อาวุโสเฮ่อ จากนั้นเขาก็หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาและส่งให้กับเจียงอี้
“นายน้อย นี่คือยาพิเศษที่ถูกปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษของตระกูลจ้าน หากผู้ใดกลืนมันลงไปและไม่ได้รับยาแก้พิษทันเวลา พวกเขาจะตายในสามวัน”
“ด้วยผลของเม็ดยานี้ แม้กระทั่งชนชั้นจินกังก็ไม่สามารถรักษาได้ นายน้อยอี้ ท่านรีบให้นางกลืนมันเถิด หากว่านางกล้าไม่เชื่อฟังพวกเรา นางก็จะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน”
เจียงอี้รับมาและหันไปมองราชินีแม่มด “ท่านจะกลืนมันลงไปเองหรือให้ข้าช่วย?”
สีหน้าของนางมืดมนลงทันที จากนั้นนางก็กัดฟันแน่นและกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยว
“หากข้าปล่อยให้พวกเจ้าจากไป พวกเจ้าจะมอบยาแก้พิษมาหรือไม่? พวกเจ้าต้องสาบานมาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะไม่ร่วมมือกับพวกเจ้า!”
“ตกลง!”
แม้ว่าเจียงอี้จะต้องการให้ผู้หญิงอำมหิตคนนี้ตาย แต่ชีวิตของหยุนเฟยและหยุนเสียนนั้นสำคัญกว่า ดังนั้นเขาจึงยอมเอ่ยคำสาบานแต่โดยดี
“เจียงอี้ หากว่าเจ้าตระบัดสัตย์ ต่อให้ต้องเป็นผี ข้าก็จะตามจองล้างจองผลาญเจ้า”
เมื่อกล่าวจบ ราชินีแม่มดก็กลืนยาพิษลงไปด้วยความขมขื่น จากนั้นนางก็ใช้เวลาปรับอารมณ์ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยวาจาออกมาอย่างไร้อารมณ์
“เอาล่ะ ส่งแหวนของข้าคืนมาและปล่อยข้าไปได้แล้ว”
“เจ้าตั้งใจจะทำอะไร?” เมื่อได้ยินคำพูดของนาง สีหน้าของเจียงอี้ก็เปลี่ยนไปและเปลี่ยนวิธีการพูดทันที
เขาตื่นตัวโดยสัญชาตญาณเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ เป็นไปได้ไหมว่ามีตัวช่วยที่จะทำให้นางพลิกสถานการณ์อยู่ภายในนั้นและต้องการที่จะแว้งกัดพวกเขา
ราวกับว่านางอ่านความคิดของเจียงอี้ออก นางจึงเอ่ยออกมา
“เจ้าจะปล่อยให้ข้าออกไปด้วยสภาพเช่นนี้? ราชินีผู้นี้เพียงแค่ต้องการเปลี่ยนเสื้อผ้า ตัวเจ้าเองก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเช่นกัน มิฉะนั้น เหล่าคนรับใช้ของข้าจะสงสัยเอา”
“อ่อ”
เจียงอี้ถูจมูกด้วยความอับอาย หลังจากที่ไตร่ตรองชั่วครู่ เขาก็หันไปกล่าวกับเฮ่อเถี่ยซู่ “ข้าว่าท่านควรกลับมาอยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์ก่อน หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะลงมือได้สะดวกกว่า”
ผู้อาวุโสเฮ่อพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก ด้วยพลังของเจียงอี้ในตอนนี้ หากว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เขาจะสามารถรับมือมันได้ง่ายกว่าการที่ชายชราอยู่ข้างกายเขา
เจียงอี้เก็บผู้อาวุโสเฮ่อลงไปในแจกัน จากนั้นก็ตัดเชือกที่มัดราชินีแม่มดไว้และส่งแหวนคืนให้กับนาง ในเวลาเดียวกันเขาก็นำดาบมังกรเพลิงออกมาและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับเหตุไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ
วิ้งงง!
แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณส่องประกาย จากนั้นราชินีแม่มดก็นำชุดที่เหมือนกับที่ใส่อยู่ออกมา อย่างไรก็ตาม มือและชุดของนางก็เปียกโชกไปด้วยเลือด นางไปหาเจียงอี้และเอ่ยถาม
“เจ้ามีน้ำบ้างหรือไม่? กลิ่นเลือดที่อยู่บนตัวข้าอาจจะทำให้คนอื่นตระหนักถึงความผิดปกติ”
“อืม”
เจียงอี้นำน้ำออกมาจากไข่มุกวิญญาณเพลิงและโยนไปด้านหน้า “เร็วเข้า! แล้วอย่าคิดตุกติก!”
ราชินีแม่มดมองมาที่เจียงอี้ด้วยความเย้ยหยันและเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งทำให้เขาผงะไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้เขาถูกแม่นางหลิ่วยั่วยวนจนเกือบตกหลุมพราง แต่คราวนี้ราชินีผู้เลอโฉมกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาและชำระร่างกายอย่างช้าๆ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาสูญเสียการควบคุมได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ยังคงเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา เขารู้ดีว่าหญิงสาวผู้นี้เจ้าเล่ห์มาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถประมาทได้
ราชินีแม่มดนับว่าเป็นสาวงามล่มเมือง แม้ว่าจะไม่ยั่วยวนเหมือนกับแม่นางหลิ่ว ถึงกระนั้นนางก็มีร่างกายที่สมบูรณ์แบบมาก ด้วยผิวพรรณอันขาวเนียนและหน้าอกที่ได้รูป หากให้คนอื่นมาอยู่แทนที่เจียงอี้ พวกเขาจะต้องบ้าคลั่งและกระโจนใส่นางด้วยความหื่นกระหายอย่างแน่นอน
‘ใจเย็น ควบคุมตัวเองไว้ กายหยาบเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่นานมันก็ต้องสูญสลายไป…’
เจียงอี้บังคับความคิดของตัวเองไม่ให้ตกสู่ห้วงราคะ เขาต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าใส่ราชินีแม่มด ในขณะเดียวกัน สัญชาตญาณของเขาก็ได้บอกว่าห้ามเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด
แม้ว่าราชินีแม่มดจะใช้เวลาไม่นานในการจัดการธุระของนาง แต่สำหรับเจียงอี้นั้น เขากลับรู้สึกเหมือนว่าเวลาได้ผ่านไปหลายปี แผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเยียบ
ราชินีแม่มดยังคงอยู่ในท่าทีสงบเสงี่ยม แต่ภายในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยต่อเจียงอี้
“นี่คือเสื้อผ้าของเจ้า”
นางนำชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนและโยนไปทางเจียงอี้ อย่างไรก็ตามท่าทีของนางกลับดูสงบจนน่าขนลุกและดูไม่เหมือนกับเชลยที่ถูกคุมขัง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะนางต้องต่อสู้กับเหล่าชนชั้นสูงมานาน ดังนั้นบุคลิกของนางจึงเปลี่ยนเป็นซับซ้อนและไม่เผยสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาโดยง่าย
เจียงอี้เองก็รีบชำระร่างกายและเปลี่ยนชุด จากนั้นเขาก็เดินไปและเปิดใช้กลไกประตู แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ไม่ลืมที่จะหันมาข่มขู่อีกครั้ง “อย่าได้ทำอะไรโง่ๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเสียใจ”
“เหอะ!”
ราชินีแม่มดเค้นเสียงด้วยความเย็นชาและเดินออกไปพร้อมด้วยเจียงอี้ที่ตามประกบอยู่ด้านหลัง ด้วยพลังของหน้ากากร้อยหน้า เขาได้เปลี่ยนให้ใบหน้าของตัวเองกลายเป็นใต้เท้าเฉาเรียบร้อยแล้ว
“กลับตำหนัก ขุนนางเฉา เจ้ามานี่ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า!”
ราชินีแม่มดเรียกเจียงอี้ขึ้นไปนั่งในรถม้าคันเดียวกัน เหล่าสาวใช้ในวังกับขันทีต่างก็คุกเข่าลงและไม่ได้เอะใจอะไร
รถม้ามุ่งหน้าไปยังที่พำนักของนาง จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็มาถึงและขึ้นไปยังห้องบรรทมทันที เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ เจียงอี้จึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะกลัวตายจริงๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่กลัวว่าหยุนฉีจะถูกรังแกหลังจากที่นางตาย ดังนั้นนางจึงยอมให้ความร่วมมือกับเจียงอี้แต่โดยดี
“ข้าจะเข้านอนแล้ว!”
ราชินีแม่มดเข้าไปในห้องบรรทมของนางและไล่คนรับใช้ออกไป จากนั้นก็หันไปทางเจียงอี้และกล่าวเหน็บแนม “ท่านอุปราช โปรดปลุกข้าหลังจากที่องค์ราชาเสด็จออกไปแล้ว ข้าจะช่วยท่านให้พาหยุนเฟยและหยุนเสียนออกจากเมือง”
“แต่ข้าขอเตือนท่านอุปราช ท่านอย่าได้คิดอกุศลกับราชินีผู้นี้เป็นอันขาด แม้ว่าท่านจะเป็นเด็กหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา แต่อย่าหวังจะได้ครอบครองร่างกายของข้า…”
บัดซบ!
เจียงอี้สบถในใจ เขาอยากที่จะเดินไปตบกระบาลราชินีผู้นี้สักที เห็นได้ชัดจากคำพูดของนาง นางต้องการให้เขาตกอยู่ในความทรมานทั้งคืน…