เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 378 เมามายในความรัก
บทที่ 378 เมามายในความรัก
งานอภิเษกสมรสระหว่างเจียงอี้กับซูรั่วเสวี่ยเป็นเรื่องสำคัญ มันไม่อาจถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย
หลังจากที่ปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนาง พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะจัดพิธีในอีกสี่เดือนข้างหน้า ไม่ว่ายังไงก็ตาม อาณาจักรต้าเซี่ยก็ยังคงอยู่ในสภาวะล่อแหลม
มันไม่มีความแตกต่างสำหรับการจัดพิธีอภิเษกในสี่เดือนหรือครึ่งปีข้างหน้า เพราะหลังจากนี้เจียงอี้จะต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีในการฝึกฝนอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์
เขาใช้เวลาสองอาทิตย์ในการจัดการความวุ่นวายในอาณาจักรเทียนเซวี่ยนซึ่งทำให้ตอนนี้เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่ห้าเดือนกว่าๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะปล่อยให้ซูรั่วเสวี่ยอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เสร็จสิ้นการแต่งงาน?
หลังจากที่ถกเถียงกันอย่างยาวนาน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะรอให้เจียงอี้ออกมาจากการเก็บตัวภายในพื้นที่จอมเวทย์ก่อน หลังจากนั้นหนึ่งเดือนพิธีอภิเษกจึงจะเริ่มขึ้น
แม้ว่าซูรั่วเสวี่ยจะปรารถนาที่จะเข้าพิธีอภิเษกในทันที แต่มันก็ยังมีปัจจัยอีกมากมายที่เป็นอุปสรรค ต้องอย่าลืมว่านางคือราชินีแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยในขณะที่เจียงอี้คือบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทวีป
โดยตรรกะทั่วไปแล้ว งานอภิเษกระหว่างพวกเขาไม่อาจจัดขึ้นแบบเงียบๆได้เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ยังเกี่ยวโยงไปถึงชื่อเสียงของอาณาจักรต้าเซี่ย ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับมัน
ที่สำคัญที่สุดคือเจียงอี้สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังได้รับสืบทอดมรดกจากยอดคนในตำนานอย่างจอมเวทย์แห่งตระกูลหยุน อีกทั้งยังมีราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุดเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาและยังได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยน
การกระทำของเขาได้สร้างขวัญกำลังใจให้กับเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และบุ๋นของอาณาจักรต้าเซี่ยอย่างไม่อาจประมาณได้
ซูรั่วเสวี่ยได้ออกคำสั่งให้จัดงานเลี้ยงในวังหลวงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ในเวลาเดียวกัน นางก็ยังเชื้อเชิญผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยนที่มาส่งเจียงอี้ให้เข้าร่วมด้วย
บ่อยครั้งที่อนาคตไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนหน้านี้ทั้งสองอาณาจักรยังตั้งตัวเป็นศัตรูกันและเฝ้าคอยที่จะโค่นล้มอีกฝ่าย อย่างไรก็ตามเพราะการกลับมาของเจียงอี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรต้าเซี่ยและอาณาจักรเทียนเซวี่ยนกลายมาเป็นมิตรกันในที่สุด
ภายในงานเลี้ยง พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างก็ดื่มกินกันด้วยความสนุกสนานและเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น มีแม้กระทั่งบางคนที่โอบกอดกันราวกับพี่น้องเสมือนหลงลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาเกือบจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง
อีกด้านหนึ่ง จ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนได้เมามายไปนานแล้ว สำหรับพวกเขา ช่วงเวลานี้แทบจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจ้านอู๋ซวง
ก่อนหน้านี้เขาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ หากว่าเจียงอี้ไม่ได้กลับออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามจอมเวทย์ เขาคงจะใช้ชีวิตที่เหลือด้วยความรู้สึกผิดไปตลอด
แท้จริงแล้วด้วยสถานะของพวกเขาทั้งสองคน พวกเขาไม่ควรที่จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เพราะอาณาจักรเสินหวู่คือศัตรูคู่แค้นของอาณาจักรต้าเซี่ย
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงมางานเลี้ยงต้อนรับเจียงอี้เพราะเรื่องวุ่นวายภายในอาณาจักรเทียนเซวี่ยนได้รับการแก้ไขแล้ว อย่างแย่ที่สุด พวกเขาก็อาจจะต้องเล่นละครและแสร้งให้ตระกูลขับไล่พวกเขาออกมา แต่เรื่องนั้นเองก็จะทำให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกับเจียงอี้ได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่าวันนี้เองก็เป็นวันที่ซูรั่วเสวี่ยมีความสุขมากที่สุด นางอยู่ในงานเลี้ยงและร่วมดื่มกินกับทุกคนโดยแทบจะลืมไปแล้วว่าตัวเองนั้นอยู่ในสถานะของราชินี แต่เมื่อเจียงอี้สังเกตว่านางกำลังเมาได้ที่แล้ว เขาจึงสั่งให้คนส่งตัวนางกลับที่พำนักทันที
หลังจากที่ดื่มไปสองสามแก้ว เจียงอี้ก็ให้แม่ทัพหลูคอยดูแลแขกในงานต่อ จากนั้นเขาก็ไปพูดคุยกับจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนเล็กน้อยก่อนที่จะขอตัวกลับวังหิมะเลื่อนลอย
“นายน้อย!”
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวเข้าวัง จู่ๆร่างอันบอบบางของหญิงสาวผู้หนึ่งก็กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของเขาด้วยความคนึงหา
“เสี่ยวนู๋ เจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ นายน้อยของเจ้ากลับมาแล้ว ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรที่จะทำร้ายนายน้อยของเจ้าได้!”
เจียงเสี่ยวนู๋พยักหน้าซ้ำไปซ้ำมาขณะที่ยังคงสะอึกสะอื้น
“อึก อึก นายน้อยเก่งที่สุด! ข้าคิดไว้แล้วว่าท่านจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“ฮ่าฮ่า”
เจียงอี้ใช้มือจับไปที่ไหล่ของเจียงเสี่ยวนู๋ จากนั้นก็หัวเราะออกมา
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว! หลังจากนี้ ข้าจะพาเจ้ากลับสำนักจิตอสูรและไปเยี่ยมเยียนท่านปู่… จากนั้นข้าจะเดินทางไปยังยอดเขาเทพธิดาและเกาะดาวตก ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”
“จริงหรือเจ้าคะ?”
ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาของเจียงเสี่ยวนู๋เบิกกว้างและยิ้มออกมาด้วยความสุข
“เสี่ยวนู๋จะไม่ร้องแล้ว! นายน้อยยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”
“ฮ่าฮ่า”
เจียงอี้ใช้นิ้วบีบจมูกของนางเบาๆเพื่อให้ผ่อนคลาย
“เจ้ากลับไปพักก่อน ข้ากำลังจะไปดูรั่วเสวี่ยสักหน่อย ดูเหมือนว่านางจะเมาไม่น้อย”
“อื้ม!”
เจียงเสี่ยวนู๋พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเฝ้ามองแผ่นหลังของเจียงอี้ที่หายเข้าไปในวังหิมะเลื่อนลอย
เมื่อเจียงอี้เข้ามาถึงห้องบรรทมของซูรั่วเสวี่ย เขาก็มองไปยังร่างของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะอาบน้ำและเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว แต่ใบหน้าของนางก็ยังคงเป็นสีแดงระเรื่อ
ดูเหมือนว่านางจะยังไม่รู้สึกตัวแม้ว่าเจียงอี้จะโอบนางไว้ในอ้อมแขน บางครั้งนางก็หัวเราะคิกคักขณะที่บางครั้งก็ร้องไห้ออกมา
“เจียงอี้! เจียงอี้! เจ้าอยู่ไหน?”
“ข้าอยู่นี่ ข้าอยู่นี่แล้ว!”
ใบหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความรักเมื่อมองดูซูรั่วเสวี่ยที่ยังคงนอนอยู่ในอ้อมแขน เขาคอยอยู่เป็นเพื่อนขณะที่นางยังคงละเมออย่างไม่ได้สติ
“เจียงอี้ เจ้าอย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวได้ไหม? ปราศจากเจ้าแล้ว มันยากมากที่จะก้าวผ่านไปได้ในแต่ละวัน รั่วเสวี่ยทรมานเหลือเกิน…”
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์สุราและการกลับมาของเจียงอี้ที่ทำให้นางปลดปล่อยความในใจทั้งหมดออกมา เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็ยิ่งโอบกอดนางแน่นขึ้นและรู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน
“ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนอีกแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงนะ!” แม้ว่าเจียงอี้จะปลอบไปเช่นนั้น แต่อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาก็จะต้องเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
เขาจะต้องเดินทางกลับไปยังสำนักจิตอสูร จากนั้นก็จะไปเยี่ยมเยียนจักรพรรดินีสัตว์อสูรก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะดาวตกเพื่อพูดคุยกับสุ่ยโย่วหลานและค้นหาความจริงเกี่ยวกับอีเพียวเพียว มิฉะนั้นหัวใจของเขาจะไม่มีทางสงบได้แน่
น่าเสียดายที่ซูรั่วเสวี่ยมีภาระหน้าที่ในฐานะราชินีผู้ปกครองอาณาจักรต้าเซี่ย เจียงอี้จึงไม่สามารถพานางไปด้วยได้ ผิดกับเจียงเสี่ยวนู๋ เจียงอี้ไม่มีปัญหาที่จะให้นางติดตามไปด้วย
แต่จู่ๆ ซูรั่วเสวี่ยก็ลืมตาขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“เจียงอี้… จูบข้าทีสิ”
“เอ่อ…”
บุคลิกที่ซูรั่วเสวี่ยแสดงออกมาในยามปกติจะค่อนข้างเย็นชาและเด็ดขาด แต่นางจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงอี้ และเมื่อรวมกับเรื่องที่เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย นางจึงเผยตัวตนอีกด้านหนึ่งออกมา
ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขากระทำเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกราวกับถูกไฟช็อต
ร่างของทั้งคู่สั่นเทา ขณะที่จังหวะหายใจของซูรั่วเสวี่ยกำลังถี่ขึ้น ร่างของนางแนบชิดกับหน้าอกของเจียงอี้และขยับไปมาด้วยท่าทีอันเย้ายวน
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน…
ในที่สุดพวกเขาก็ผละออกจากกัน ตอนนี้ใบหน้าของซูรั่วเสวี่ยกำลังร้อนผ่าวและทำให้นางดูทรงเสน่ห์ยิ่งขึ้น
พวกเขาใช้เวลาที่เหลือนอนกอดกันอยู่บนเตียงอันอบอุ่น แน่นอนว่าเจียงอี้ที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มย่อมมีความต้องการทางเพศ แต่สุดท้ายเขาก็บังคับตัวเองและระงับความต้องการนั้นไว้
เขารู้ดีว่าหากเขาต้องการจริงๆ ซูรั่วเสวี่ยย่อมไม่ขัดขืน นางจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาอย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องการที่จะทำมันในคืนวันแต่งงาน เพราะเขาต้องการที่จะให้เกียรติซูรั่วเสวี่ย
ยามราตรีมาถึง…
ทั้งคู่ยังคงนอนกอดกัน เจียงอี้เฝ้าดูซูรั่วเสวี่ยที่ผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขาด้วยความรักใคร่ ในขณะเดียวกัน เขาก็กำลังครุ่นคิดถึงหลายๆสิ่งและหวนรำลึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
นับตั้งแต่ที่ออกจากเมืองเทียนอวี่ ชีวิตของเขาก็ไม่เคยพบกับช่วงเวลาที่สงบสุขอีกเลย เขาจำเป็นต้องต่อสู้และผจญภัยเพื่อเอาชีวิตรอด
เวลานี้เขามีหลายสิ่งที่ต้องทำและมีคนมากมายให้ต้องปกป้อง ความรับผิดชอบของเขาในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะจินตนาการได้
เขามีเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะปกป้องทุกคนที่รักขณะเดียวกันก็ยังมีหนี้แค้นอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องชำระ
“บรรพบุรุษเฒ่าแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา, เซี่ยถิงเวย, หลินกงกง, เจ้าสำนักแห่งสำนักมังกรเวหา, จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิง, เซียวหลงหวาง… พวกเจ้าทุกคนจงระวังตัวไว้ให้ดี อีกไม่นาน ข้าจะเอาคืนในสิ่งที่พวกเจ้าทำไว้อย่างสาสม!”
รอยยิ้มของเจียงอี้เริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาอัดแน่นไปด้วยจิตสังหาร หากเขาต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดศัตรูทั้งหมดให้พ้นจากเส้นทาง…
…