เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 381 ดวงจิตวิญญาณแปรเปลี่ยน
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 381 ดวงจิตวิญญาณแปรเปลี่ยน
บทที่ 381 ดวงจิตวิญญาณแปรเปลี่ยน
เมื่อเจียงเสี่ยวนู๋ร้องไห้เจียงอี้ก็เป็นกังวล เขาก้มตัวลงและนั่งพร้อมเช็ดน้ำตาเสี่ยวนู๋แล้วพูดว่า “เสี่ยวนู๋ เจ้าพูดอะไรน่ะ? ทำไมนายน้อยจะไม่ต้องการเจ้ากัน? เสี่ยวนู๋ฟังนะ ในใจของข้า เจ้าไม่ใช่สาวใช้แต่เป็นน้องสาวน้อยๆที่น่ารัก! น้องสาวร่วมสายเลือด! เข้าใจไหม?”
“น้องสาว?”
ดวงตาของเสี่ยวนู๋หมองลงจากนั้นนางก็กอดเจียงอี้ทันทีและพูดว่า “ไม่ ไม่! นายน้อย ข้าไม่ได้ต้องการเป็นน้องสาวนของท่าน ข้าอยากที่จะเป็นสาวใช้ของท่าน! เมื่อตอนที่นายหญิงมารับตัวเสี่ยวนู๋ นางต้องการให้ข้าเป็นสาวใช้ของท่าน ชั่วชีวิตนี้ ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นน้องสาวของท่าน”
“เอ่อ….”
เจียงอี้พูดไม่ออกการเป็นสาวใช้นั้นดีกว่าน้องสาวหรือ? นี่มันความคิดอะไรกัน?
เมื่อเขาเห็นว่าเสี่ยวนู๋ร้องไห้อย่างน่าเวทนาเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เขาตบหลังและปลอบใจนาง “ก็ได้ ก็ได้ ไม่เป็นน้องสาวแต่เป็นสาวใช้ก็ได้ ดีไหม? คืนนี้นายน้อยอนุญาตให้เจ้านอนด้วยก็ได้ หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ เข้าใจไหม?”
“ข้ารู้อยู่แล้ว!นายน้อยของข้านั้นเยี่ยมที่สุด!” เจียงเสี่ยวนู๋เปลี่ยนจากความเศร้าหมองกลายเป็นความสุขจากนั้นนางก็กอดเจียงอี้แล้วนอนหลับไป
ส่วนเจียงอี้นั้นก็ไม่ได้นอนอีกต่อไปเจียงเสี่ยวนู๋อาจจะยังเล็กมาก แต่นางก็อายุน้อยกว่าเจียงอี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้นางกำลังอยู่ในวัยกำลังสาวและหน้าอกของนางก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา นางกอดเจียงอี้อย่างแน่นหนาและหน้าอกที่ยื่นออกมาก็ได้แนบกับร่างกายของเขา เรียวขาของนางข้างหนึ่งก็เลื้อยมาอยู่บนต้นขาของเขาราวกับหนวดปลาหมึก ลมหายใจของนางที่รดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้ แต่เขาก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนเลย
หลังจากทรมานตลอดทั้งคืนในที่สุดเจียงอี้ก็ผล็อยหลับลึกไป ในเช้าวันถัดมา เจียงเสี่ยวนู๋ตื่นแต่เช้าและลุกขึ้นเงียบๆ ซึ่งก็ทำให้เจียงอี้ตื่นขึ้นมาแต่เขาก็แสร้งทำเป็นหลับต่อไป
ใครจะคาดคิดว่านางจะกลับมาหลังจากอยู่หน้าทางเข้ากระโจมนางนั่งข้างๆเจียงอี้ครู่หนึ่งแล้วโน้มร่างของนางไปจูบริมฝีปากของเจียงอี้ก่อนที่นางจะถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พึมพำว่า “เสี่ยวนู๋ไม่ต้องการเป็นน้องสาวของนายน้อย เสี่ยวนู๋อยากจะเป็นสาวใช้ของท่านและปรนนิบัติท่านไปชั่วชีวิตต่างหาก…”
เสี่ยวนู๋เคอะเขินและเดินออกไปอย่างรวดเร็วร่างของเจียงอี้สั่นเล็กน้อยและในที่สุดเขาก็เข้าใจความคิดของเจียงเสี่ยวนู๋ หัวใจของเขานั้นรู้สึกเหนื่อยล้าเพราะเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้และไม่สามารถยอมรับมันได้ในตอนนี้
…กับเจียงเสี่ยวนู๋?
ซูรั่วเสวี่ยอาจจะไม่มีความเห็นใดๆในเรื่องนี้แต่เจียงอี้นั้นปฏิบัติต่อนางอย่างน้องสาวเสมอ เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ปัญหาก็คือเจียงเสี่ยวนู๋นั้นดื้อรั้นกว่าเขานักและนายน้อยคนนี้ก็อยู่ในใจของนาง หากเขาปฏิเสธนาง เจียงเสี่ยวนู๋อาจฆ่าตัวตายก็ได้
หลังจากปล่อยให้ตัวเองจินตนาการไปครู่หนึ่งเจียงอี้ก็นึกไม่ออกเลยว่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้อย่างไรดี ส่วนผู้อาวุโสเฮ่อก็ได้เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วและเขาก็คงจะไม่สามารถพักผ่อนต่อได้
เจียงเสี่ยวนู๋มาทานอาหารด้วยและเจียงอี้ก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นนางมองหน้าเจียงอี้เป็นครั้งคราวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำซึ่งมองแล้วน่ารักเป็นอย่างมาก
หลังจากทานอาหารจนอิ่มเจียงอี้ก็เก็บทั้งสองเข้าไปในแจกันเขียวพิสุทธิ์ เขาส่งแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณให้ผู้อาวุโสเฮ่อซึ่งมีของที่เตรียมไว้ตอนที่อยู่เมืองเซี่ยยวี่ มีอาหารมากมาย, น้ำสะอาด, กระโจมและสิ่งจำเป็นมากมายที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะอดตายเลย
โฮกโฮก!
สัตว์อสูรหยาจื้อบินไปและทะยานสู่นภาอีกครั้งคราวนี้พวกเขาไม่ได้บินไปทางเหนือแต่ไปทางตระวันออกเฉียงเหนือแทน เกาะดาวตกนั้นอยู่ไกลจากทวีปและแทบจะอยู่ในส่วนทะเลลึกซึ่งจอมยุทธทั่วไปนั้นไม่มีความสามารถมากพอที่จะไปยังเกาะดาวตกได้เลย
ขณะที่สัตว์อสูรหยาจื้อกำลังเร่งกำลังเจียงอี้ก็เริ่มฝึกฝนต่อไป เวลานั้นผ่านไปเหมือนน้ำที่ไหลรินและช่วงเวลาสองวันก็ผ่านไปเร็วมาก
ระยะทางไปยังเกาะดาวตกเริ่มอยู่ไม่ไกลและอาจจะเป็นอีกเพียงไม่กี่วันก่อนจะถึงที่นั่นเจียงอี้จึงตัดสินใจพักอีกคืนหนึ่งเพราะเขาไม่สามารถเก็บเจียงเสี่ยวนู๋ไว้แต่ในแจกันเมื่อเขาได้พานางออกมาสนุกสนานข้างนอกใช่ไหม?
หลังจากบินไปส่วนลึกของทะเลระยะหนึ่งการปรากฏตัวของปีศาจทะเลบริเวณแถบนั้นก็รุนแรงขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้ท่วมท้นจนเกินไป
หลังจากที่เจียงอี้เลือกเกาะแล้วสัตว์อสูรหยาจื้อก็ไม่แม้แต่จะรอคำสั่งของเจียงอี้ มันออกไปล่าปีศาจทะเลทันที ด้วยความแข็งแกร่งของมันนั้น จริงๆแล้วแทบจะไม่ต้องให้อาหารและสามารถดูดซับพลังงานฟ้าดินได้โดยตรงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของมันเลยก็ได้ แต่หลังจากถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามของจอมเวทย์มานานหลายปี มันก็ต้องการอาหารที่เลิศรสเมื่อมีโอกาสบ้าง
เจียงอี้นั้นไปเล่นรอบเกาะพร้อมกับเสี่ยวนู๋เมื่อเขากลับมาที่กระโจม เจียงเสี่ยวนู๋ก็ไม่จำเป็นต้องขอเพราะเจียงอี้อนุญาตให้นางเข้าไปในกระโจมของเขาทันที ไข่มุกวิญญาณเพลิงนั้นเปล่งประกายด้วยแสงระเรื่อขณะที่เสื้อกันฝนที่สวยงามปรากฏออกมาในมือของเขา เขายิ้มและพูดว่า “เสี่ยวนู๋ ข้าลืมไปเลยว่าได้สิ่งประดิษฐ์นี้มา ข้าให้เจ้า รีบสวมมันดูสิ”
“โอ้มันงดงามมากเลยเจ้าค่ะ!”
ดวงตาของนางส่องสว่างและรับเสื้อกันฝนมานางสวมมันอย่างรวดเร็วและนางก็ดูเหมือนองค์หญิงที่พราวเสน่ห์
เสื้อกันฝนนี้ปักร้อยไปด้วยขนที่งดงามและเปล่งประกายใบหน้าของเจียงสี่ยวนู๋นั้นงดงามอยู่แล้ว แต่เมื่อตอนที่อยู่เมืองเทียนอวี่นั้นนางขาดสารอาหารจึงดูอ่อนแอและผอมแห้ง ในช่วงสองปีที่ผ่านมา นางไม่ขาดสารอาหารเลยและร่างกายของนางก็ค่อยๆพัฒนาขึ้น ในตอนนี้ที่นางสวมเสื้อกันฝนนี้และเคลื่อนไหว มันทำให้นางดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
“งดงามจริงๆ!”
เจียงอี้ชมออกมาอย่างจริงใจและเป็นห่วงอย่างรวดเร็วเสื้อกันฝนนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ป้องกันระดับสวรรค์ซึ่งสามารถช่วยชีวิตนางในช่วงเวลาคับขันได้ แต่ปัญหาก็คือนางไม่มีแก่นแท้พลังเลย นางจะขัดเกลามันได้อย่างไร หากนางไม่ขัดเกลามัน พลังของสิ่งประดิษฐ์นี้ก็จะลดลงเป็นอย่างมาก!
เจียงเสี่ยวนู๋นั้นไม่ได้เป็นกังวลและไม่อยากถอดมันออกหลังจากได้สวมใส่เพราะนี่เป็นของขวัญล้ำค่าที่เจียงอี้มอบให้นางเจียงอี้จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเขาก็ปล่อยมันไปเช่นกัน ตราบใดที่เขาอยู่ใกล้นาง เขาจะไม่ปล่อยให้เจียงเสี่ยวนู๋ต้องบาดเจ็บ
บุฟ!
ในตอนนั้นเองเจียงอี้รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่สั่นสะเทือน เขานั่งขัดสมาธิและใช้วิสัยทัศน์ดูภายในของเขาทันที เขาสังเกตเห็นว่ามีการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดอยู่ในดวงจิตวิญญาณ ดวงจิตวิญญาณนั้นเป็นรากฐานของมนุษย์และต้องไม่มีปัญหาใดๆ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เจียงอี้รีบตรวจสอบมันในทันที
อ๊ะ?ทำไมจิตวิญญาณของข้าเปลี่ยนไป?
เมื่อมองด้านในเจียงอี้ก็แทบหวาดกลัว จิตวิญญาณของเขาขยายไปด้วยแสงสีทองและค่อยๆเปลี่ยนไปจริงๆ!
“เอ๊ะ…พลังงานของใบว่านน้ำหายไปหมดแล้วจะเป็นไปได้ไหมว่าดวงจิตวิญญาณสามารถดูดซับพลังงานทั้งหมดได้และไปถึงขีดจำกัดและเปลี่ยนแปลงไป? เหมือนการควบแน่นของตำหนักม่วงเหมือนแก่นแท้พลัง?”
เขาสังเกตเห็นบางสิ่งพลังงานสีเขียวที่อยู่นอกจิตวิญญาณของเขาได้หายไปอย่างสมบูรณ์ เขาได้กลั่นใบว่านน้ำมาระยะหนึ่งแล้วและคงจะดูดซับมันเสร็จสมบูรณ์
เป็นไปได้ไหมที่ดวงจิตวิญญาณจะเปลี่ยนไปหลังจากมันเติบโตไปถึงขีดจำกัด?
เจียงอี้รู้สึกสับสนแต่เขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกถึงอันตรายใดๆไม่มีอาการปวดหรือไม่สบายใดๆ เขาทำได้เพียงผ่อนลมหายใจและรอให้ดวงจิตวิญญาณแปรเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ
แต่เดิมนั้นดวงจิตวิญญาณเป็นสีขาวและเป็นก้อนแต่ตอนนี้ จิตวิญญาณนั้นหดตัวและแปรเปลี่ยนเป็นรูปดาบ
บุฟ!
ในขณะนั้นไข่มุกวิญญาณเพลิงก็ส่องสว่างขึ้นและพลังงานก็เข้าสู่ร่างกายของเจียงอี้เองและพรั่งพรูเข้าสู่ดวงจิตวิญญาณของเขา!
เมื่อพลังงานนี้เข้าสู่จิตวิญญาณของเขาดวงจิตวิญญาณทั้งดวงเป็นแสงสีทองอีกครั้งและก่อเป็นรูปดาบอย่างแน่นหนา เจียงอี้มองมันและตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ดวงจิตวิญญาณของเขาควบแน่นเป็นดาบสีแดงเพลิงซึ่งเหมือนกับดาบมังกรเพลิงแต่เพียงแค่มันมีขนาดที่เล็กลง
จิตวิญญาณรูปดาบนี้ลอยอยู่ในใจของเขาแสงสีทองค่อยๆหรี่ลงแต่ความสว่างยังคงไหลเวียนเหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ดาบที่หาที่ใดเปรียบไม่ได้
“เอ่อ…”
จู่ๆเจียงอี้ก็รู้สึกว่าโลกนี้ได้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
เขาไม่จำเป็นต้องเปิดตาก็รู้สึกถึงทุกสิ่งรอบตัวเขาเขามองเห็นเจียงเสียวนู๋ที่มองเขาอย่างใจจดใจจ่อ, ลมทะเลอ่อนๆที่ด้านนอก, ผู้อาวุโสเฮ่อที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในกระโจมที่กำลังบ่มเพาะอยู่และสัตว์อสูรหยาจื้อที่นอนอยู่บนพื้นและพักผ่อน