เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 409-410
บทที่ 409 เขาเคยขี้ขลาดเมื่อไหร่กัน
“ข้าหรือ?”
เมื่อผู้คนทั้งหมดมองมาที่เขาเจียงอี้ก็เลิกคิ้วขึ้นและไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ในไม่ช้า เขาก็เงยหน้าขึ้นสูงแล้วพูดว่า “อยากจะท้าข้าหรือ? เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอหรอก พี่ชาย ท่านไปเล่นกับเขาหน่อย”
“อุฟ!”
คุณหนูหลายคนเผยรอยยิ้มที่เย้ยหยันออกมาบางคนถึงกับไม่สนใจที่จะมองเจียงอี้อีก ตอนนี้เขานั้นดูหยิ่งยโสแต่ไม่ยอมรับคำท้าทายเมื่อมีคนมาขอท้าสู้กับเขาต่อสาธารณะ ในขณะนี้ทุกคนก็เลยดูถูกเขาไปโดยปริยาย
ไม่มีคุณสมบัติพอหรอ?ในฐานะที่เป็นลูกน้องตระกูลเฉียน เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? พฤติกรรมของเขาจึงทำให้ทุกคนพากันดูถูกเขามากขึ้น
ในไม่ช้าสุ่ยเชียนโหรว, ตู๋กูเยี่ยน, เซี่ยเฟยหยูและเจียงนี่หลิวก็เผยสีหน้าดูถูกออกมาเช่นกัน ความสงสัยในดวงตาของพวกเขาหายไป รองเจ้าสำนักหลิ่วแห่งสำนักจิตอสูรก็เบือนหน้าละสายตาจากชายหนุ่มผู้นี้ เขาคงไม่น่าจะใช่เจียงอี้และคงเพียงมีสรีระคล้ายเจียงอี้เฉยๆ เจียงอี้นั้นอุกอาจและไม่เคยกลัวการต่อสู้ เรื่องนี้ทั่วทั้งทวีปนั้นรู้ดี เขาไม่สามารถทำทีท่าขี้ขลาดในสถานการณ์เช่นนี้
“เอาล่ะเฉียนเถี่ยจะประลองกับเจ้าเอง!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดยืนขึ้นและพูดออกมาส่วนเจียงอี้ก็กลับไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเฉียนว่านก้วน เขารู้สึกว่าผู้คนให้ความสนใจในตัวเขาน้อยลงและพยักหน้าอย่างลับๆ
นี่เป็นสิ่งที่เขาเจตนาทำลงไปคนหลายคนสงสัยเขาซึ่งหากเขายอมรับคำท้าในตอนนี้ เขาอาจจะเสี่ยงที่จะถูกเปิดเผยตัวตน ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำเป็นขวัญหนีในตอนนี้เพื่อที่จะลดความสงสัยของผู้อื่นลง
นอกจากนี้เขายังค่อนข้างใหม่กับเรื่องการสู่แบบเหวินและแบบหวู่หากเขาเข้าร่วมประลองแบบหวู่ เขาก็กลัวว่าทันทีที่เขาปล่อยการโจมตีครั้งใหญ่ออกมา ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยทันที ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะสังเกตผู้อื่นก่อนและหากลอุบายของการต่อสู้แบบเหวิน
จ้านอู๋ซวงและอีกสองคนไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนักเจียงอี้สามารถทำได้ทุกอย่างที่เขาต้องการและพวกเขาเป็นได้เพียงผู้ชม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยไม่เคยมองว่าเจียงอี้ขี้ขลาด สำหรับเจียงอี้แล้ว เหตุการณ์เช่นนี้เป็นเหมือนการเล่นกันเฉยๆ มีอะไรที่เขาไม่เคยประสบมาก่อนบ้าง?
เขาเคยเป็นคนขี้ขลาดตอนไหนกัน?
เฉียนเถี่ยอยู่ในวัยสี่สิบและเขาอยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวเขาใช้ดาบอ่อนและมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม สมาชิกตระกูลเฉียนทั้งหมดนั้นได้รับความมั่นใจจากการปรากฏตัวของเจียงอี้ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถออกไปต่อสู้ได้อย่างเต็มที่
หลังจากนั้นเฉียนเถี่ยก็ก้าวออกไป เขาหันไปหาเซียวหมิงและพูดว่า “หากข้าจะประลองกับเจ้าล่ะ?”
“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายข้าก็จะมอบมันให้กับเจ้า มาเลย!”
เซียวหมิงยิ้มอีกครั้งและรอยแผลเป็นบนปากของเขาก็บิดเบี้ยวซึ่งทำให้เหล่าสตรีทั้งหลายสั่นไปด้วยความหวาดกลัวเขายืนนิ่งอย่างภูมิใจและไม่โจมตี เขากำลังรอให้เฉียนเถี่ยเริ่มก่อน
“เอาล่ะ!”
เฉียนเถี่ยตบพื้นด้วยขาข้างหนึ่งแล้วพุ่งไปด้านหน้าเขาเหินไปข้างหน้าราวกับสายลมอ่อนและยังเร็วกว่าเฉียนซวีมากนัก การเคลื่อนไหวของเขาไม่สามารถคาดเดาได้และร่างกายของเขาก็ดูพร่าไปหมด มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำหนดทิศทางที่เขาจะมุ่งไปได้ ทักษะการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกมาก
“มันเป็นรูปแบบเต๋าวายุของพี่เถี่ยเงาแห่งสายลมขอรับ”
ในตอนนี้เป็นคราวของเฉียนซวีที่จะคอยอธิบายให้เจียงอี้ฟังเจียงอี้พยักหน้า เขาได้เห็นคำแนะนำสั้นๆของรูปแบบเต๋าในหอตำราที่เกาะดาวตก มีเต๋าวายุระดับต่ำเก้ารูปแบบ และหนึ่งในนั้นถูกเรียกว่า เงาแห่งสายลม
ดูเหมือนว่าเฉียนเถี่ยจะยังไปไม่ถึงขั้นบรรลุตามตำราที่เขาอ่านมา เมื่อจอมยุทธไปถึงขั้นบรรลุแล้ว ผู้ใช้นั้นจะเป็นเหมือนดั่งเงาแห่งสายลม มันเป็นไปไม่ได้ที่จอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันกับผู้ใช้จะหาผู้ใช้พบ
“ฮึฮึ!”
เซียวหมิงไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆเขายืนนิ่งเฉยและไม่แม้แต่จะหันไปหาเฉียนเถี่ย แต่ใบหูของเขาขยับเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรับฟังสายลมเพื่อที่จะได้รับรู้การเคลื่อนไหว
เจียงอี้เห็นด้วยอย่างลับๆมันเป็นการตอบสนองที่ดีต่อสถานการณ์เช่นนี้ หากเซียวหมิงพึ่งพาดวงตาของเขาเพื่อกำหนดทิศทาง เขาจะฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการกระทำของเฉียนเถี่ยจะเป็นเช่นไร สุดท้ายเขาก็ต้องส่งเสียงออกมาอยู่ดี ตราบใดที่เสี่ยวหมิงคอยจับทางเสียง เขาจะพบเฉียนเถี่ยตัวจริงได้
ฟึ่บฟั่บ!
เฉียนเถี่ยเริ่มจู่โจมและแทงเซียวหมิงด้วยดาบอ่อนของเขามันกวัดแกว่งราวกับงูพิษซึ่งไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าดาบนี้จะไปในทิศทางใดกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเสียงของดาบอ่อนนี้สั่นไหวมันก็ส่งเสียงต่ำที่ทำให้รำคาญเป็นอย่างยิ่งออกมา เหล่าสตรีที่มีความแข็งแกร่งธรรมดามากมายต่างพากันปิดหูอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม …. ถึงอย่างนั้น เสียงก็ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของทุกๆคน บางคนก็แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้ว!
“นี่เป็นบทสวดกล่อมสายลมพี่เถี่ยสำเร็จขั้นบรรลุในรูปแบบเต๋านี้แล้ว มันช่างทรงพลังยิ่งนัก”
เจียงอี้ก็รู้สึกแย่มากเช่นกันหลังจากได้ยินคำอธิบายของเฉียนซวี ไพ่ตายการสอดรู้สอดเห็นของเขาก็ทำให้เขารู้สึกหูชาเช่นกัน
วันนี้ช่างเป็นวันที่ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆนี่คือพลังที่แท้จริงของรูปแบบเต๋าสินะ บางที เซียวหมิงคงจะทุกข์ทรมานกว่าพวกเขาเป็นร้อยเท่า บางทีตอนนี้เขาอาจจะไม่สามารถแม้แต่จะสู้กลับได้แล้ว
แต่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจ!
เมื่อดาบอ่อนกำลังจะสัมผัสกับเซียวหมิงทันใดนั้นร่างของเขาก็เคลื่อนไหว ตะขอเหล็กในมือของเขาเริ่มหมุนอย่างรุนแรง การเคลื่อนไหวของตะขอเหล็กนั้นไม่ได้พิเศษอะไร มันดูเหมือนเพียงแค่ห่อหุ้มเซียวหมิงไว้ข้างใน ดูเหมือนว่า …. มันกำลังพยายามที่เหวี่ยงดาบของเฉียนเถี่ยออกไป
เฉียนเถี่ยยังคงแทงด้วยดาบอ่อนของเขาต่อดวงตาของเขาเผยความน่ากลัวออกมา ดูเหมือนเขามั่นใจว่าจะชนะการประลองนี้ มันดูเหมือนว่าจะไม่มีทางแกว่งดาบอ่อนของเขาไปได้เพราะดาบนั้นอ่อนตามชื่อของมัน
แกร๊งแกร๊ง!
มีเสียงโลหะกระทบกันตามที่คาดไว้ ดาบอ่อนนั้นไม่ได้ถูกเหวี่ยงออกไป หลังจากนั้นมันก็สวนไปทางไหล่ด้านซ้านของเซียวหมิงแทน ดาบอ่อนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเซียวหมิงไม่มีเวลาได้ตอบโต้ เขากำลังจะสูญเสียแขนของเขาไป!
และในขณะนั้นเองก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น!
แสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากตะขอเหล็กมันตวัดไปที่ดาบอ่อนของเฉียนเถี่ยราวกับงูขาวแล้วเข้าสู่ร่างกายของเขา
“อ๊ากกกก!”
ดาบอ่อนของเฉียนเถี่ยนั้นอยู่ห่างจากแขนของเซียวหมิงเพียงนิ้วเดียวและกำลังจะตัดแขนของเขาออกไปได้แล้วแต่อย่างไรก็ตาม เฉียนเถี่ยไม่สามารถโจมตีต่อได้เลย งูขาวได้เข้าสู่ร่างกายของเฉียนเถี่ยไปแล้ว และเขาก็เริ่มสั่นไม่หยุด ผมสีดำของเขาก็ตั้งขึ้นและดวงตาของเขาก็เกลือกกลิ้งไปมา และควันก็ออกมาจากจมูกและปากและเสื้อคลุมของเขาเช่นกัน และกลิ่นไหม้ก็ได้ออกมาจากตัวเขา
“รูปแบบเต๋าฟ้าดิน,รูปแบบเต๋าอัสนี! ไม่นะ เฉียนเถี่ยจบสิ้นแล้ว”
ดวงตาของเจียงอี้หดลงขณะที่เขาอุทานออกมามันชัดเจนแล้วว่าเฉียนเถี่ยถูกสายฟ้าฟาด ซึ่งอันที่จริงแล้วงูขาวตัวนั้นเป็นสายฟ้า ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดของตระกูลเซียวผู้นี้นั้นยังสามารถหยั่งถึงรูปแบบเต๋าฟ้าดินและรูปแบบเต๋าอัสนีอีก
อย่างที่คาดไว้!
หลังจากที่สายฟ้าฟาดลงมาเฉียนเถี่ยก็ยังคงสั่นเทาอยู่อย่างนั้นแล้วเซียวหมิงจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขาถือตะขอเหล็กไว้เหมือนเคียว และตะขอที่คมนั้นก็สามารถผ่าช่องท้องส่วนล่างของเฉียนเถี่ยได้อย่างง่ายดาย แล้วเซียวหมิงก็ดึงตะขอนั้นกลับมาอย่างแรง
“อ๊า!”
หญิงสาวหลายคนร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมานพวกนางรู้สึกผะอืดผะอม ส่วนนายน้อยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเบือนหน้าหนี คนตระกูลเฉียน, ตระกูลจ้านและตระกูลหยุนทั้งหมดดูเศร้าหมองและอาฆาตเพราะว่า…..อวัยวะภายในเกือบทุกอย่างของเฉียนเถี่ยถูกดึงออกมาโดยเซียวหมิง ลำไส้ของเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้น มันช่างน่าสยดสยองนัก
“นั่งลง!เฉียนซวี พาเฉียนเถี่ยกลับมาฟื้นตัว”
เฉียนว่านก้วนเป็นคนที่ค่อนข้างมีเกียรติเขากระแทกลงไปที่โต๊ะและตะโกนเพื่อหยุดสมาชิกตระกูลเฉียนเอาไว้ ส่วนเฉียนซวีก็เหาะไปอุ้มเฉียนเถี่ยที่กำลังจะตาย และทั้งคู่ก็บินออกจากโถงโดยสารเรือไป
“ฮึฮึ!”
เซียวหมิงเยาะเย้ยและรอยแผลเป็นของเขาก็บิดเบี้ยวอีกครั้งซึ่งมันดูน่ากลัว เขายกตะขอเหล็กขึ้นมาและกวาดไปยังสมาชิกตระกูลเฉียนทั้งหมดและพูดว่า “ผู้ใดอยากจะแก้แค้นแทนเขขา ก็เข้ามาและเจ้าจะได้เป็นรายต่อไป!”
จากนั้นเหล่าคนตระกูลเฉียนต่างพากันหวาดกลัวรอยยิ้มที่โหดร้ายของเขาทุกคนดูลังเลและไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะเอาชนะเซียวหมิงได้ รูปแบบเต๋าฟ้าดินนั้นทรงพลังเกินไป เมื่อถูกฟ้าผ่าครั้งเดียว พวกเขาก็คงจะตายเหมือนเฉียนเถี่ยเป็นแน่
“ฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็ลุกขึ้นยืนทันทีเขาเดินออกไปและพูดอย่างเมินเฉยว่า “ข้าจะประลองกับเจ้า”
“โอ้!”
หลังจากเกิดความเงียบสงัดอยู่ชั่วครู่ห้องโถงเรือก็เกิดความโกลาหลขึ้น รูปแบบเต๋าอัสนีของเซียวหมิงนั้นรับมือยากเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดในโถงเรือนี้ที่จะมั่นใจว่าจะชนะได้เต็มสิบส่วน แต่ทำไมคนขี้ขลาดผู้นี้ถึงได้เป็นผู้อาสาประลองในทันที?
บทที่ 410 เรียกคนที่เหลือมา
เฉียนว่านก้วน, จ้านอู๋ซวง, หยุนเฟยและบรรดาคนตระกูลเฉียนต่างลอบมองหน้ากันและแสยะยิ้มในใจ
หากว่าเป็นคนอื่นพวกเขาอาจจะไม่มั่นใจนัก แต่ถ้าเป็นเจียงอี้ พวกเขาก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าอีกฝ่ายจะต้องถูกเอาคืนอย่างสาสม!
พวกเขาไร้ซึ่งความกังวลขณะที่กำลังรอรับชมการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ ในเมื่อชายผู้นี้ลงมือด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะต้องห่วงอีกต่อไป
เซียวหมิงประหลาดใจเล็กน้อยและไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามารนหาที่ตายด้วยตัวเอง เขายิ้มออกมาด้วยความเบิกบานใจพร้อมกับกล่าว
“ข้าจะไม่สังหารคนมั่วซั่ว จงรีบเอ่ยนามของเจ้าออกมาเสีย!”
เจียงอี้หัวเราะขบขันภายในใจ แต่ภายนอกยังคงเรียบเฉย มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยขณะเอ่ยตอบ
“ข้ามีนามว่า เฉียนต้าเหยี่ย[1] — หัวหน้าโรงเชือดแห่งตระกูลเฉียน!”
เซียวหมิงกลายเป็นโง่งม ตระกูลเฉียนมีธุรกิจโรงเชือดด้วยหรือ? เรื่องนั้นช่างมันก่อน… ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดซึ่งนับว่าเป็นตัวตนชั้นสูงในยุทธภพ ทำไมถึงได้เป็นเพียงแค่หัวหน้าโรงเชือดเสียล่ะ?
“ฮ่าฮ่า!”
หญิงสาวหลายคนทนไม่ไหวอีกต่อไปและเผลอหลุดหัวเราะออกมา เซี่ยเฟยหยูเป็นคนแรกที่เข้าใจมุกตลกนี้ นางหัวเราะจนหน้าแดงขณะที่หน้าอกของนางกระเพื่อมไปมาจนทำให้คุณชายหลายๆคนถึงกับอ้าปากค้าง
“เฉียนต้าเหยี่ย? ใต้เท้าเฉียน? นี่เจ้ารนหาที่ตายรึ?!”
เมื่อเซียวหมิงตระหนักได้ว่าถูกอีกฝ่ายเล่นตลกและกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน เขาก็โกรธเกรี้ยวมาก
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้ยังไม่เคลื่อนไหว เขาก็ทะยานไปข้างหน้าและเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมก่อน ในขณะเดียวกันก็ขว้างตะขอเหล็กใส่อีกฝ่ายอย่างไร้ปรานี
แม้ว่าการต่อสู้แบบเหวินจะไม่อนุญาตให้เข้าใช้แก่นแท้พลัง แต่ใบหน้าของเจียงอี้ยังคงเรียบเฉยและดูไร้กังวล ตามกติกาเขาไม่สามารถใช้แก่นแท้พลังโจมตีคู่ต่อสู้ได้ก็จริง แต่มันไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเขาห้ามโคจรแก่นแท้พลังจากภายใน?
เขาโคจรแก่นแท้พลังในร่างกายและเริ่มใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธชนชั้นจินกังหรือผู้ที่มีสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ผู้ใดเล่าจะตรวจพบการกระทำของเขา?
เจียงอี้สามารถปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อย่างลับๆ และนี่ก็คือเหตุผลที่เขาไม่เกรงกลัวต่อการต่อสู้ในครั้งนี้!
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้เขาสำรวจและคาดคะเนการกระทำของเซียวหมิงได้ แม้แต่ตอนนี้เขาก็รับรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าอีกฝ่ายกำลังรวบรวมพลังอัสนีจากฟ้าดิน
เซียวหมิงค่อยๆลำเลียงพลังอัสนีไปยังฝ่ามือและส่งต่อไปยังตะขอ ตราบเท่าที่ตะขอเหล็กของเขาและศาสตราวุธของเจียงอี้เข้าปะทะกัน อีกฝ่ายก็จะโดนสายฟ้าจู่โจมทันที
อันที่จริง ด้วยความแข็งแกร่งของเจียงอี้ในตอนนี้ เขาสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในเสี้ยววิ แต่เนื่องจากไม่ต้องการเปิดเผยตัวเร็วเกินไป เขาจึงไม่อาจใช้เจตจำนงสังหาร, เพลิงโลกา, ไข่มุกวิญญาณเพลิง, ดาบมังกรเพลิง, ศาสตร์แปรผันดวงจิตหรือแม้กระทั่งพันธนาการสายลมได้
สิ่งเดียวที่เขาสามารถใช้ได้มีเพียงรูปแบบเต๋าวายุคณานับ!
“ตาย!”
เซียวหมิงลงมือแล้ว! ตะขอเหล็กในมือของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันชั่วร้ายออกมา เมื่อใดก็ตามที่มันสัมผัสโดนตัวเจียงอี้ อีกฝ่ายก็จะถูกทรมานด้วยพลังของสายฟ้า!
ขณะเดียวกันผู้ชมโดยรอบต่างก็กำลังคาดเดาว่าชายหนุ่มผู้นี้จะหลบเลี่ยงด้วยวิธีใด
ไม่น่าเชื่อว่าเจียงอี้ยังคงยืนเฉย แต่อย่างไรก็ตามไม่กี่ลมหายใจต่อมา กระแสลมรอบตัวก็เริ่มหมุนวน พร้อมกับร่างกายของเขาที่ดูพร่ามัวเล็กน้อยก่อนที่จะแยกออกมาเป็นสองร่าง!
ร่างจำแลงคณานับ!
เจียงอี้ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับวิชานี้ได้ดีพอ ดังนั้นเขาจึงสร้างร่างมายาออกมาได้เพียงแค่หนึ่งร่างเท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมให้มันเคลื่อนไหวได้
ถึงอย่างนั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้เซียวหมิงหยุดชะงักและพุ่งกลับหลังอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งเหล่าคนดูเองก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
นี่เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ อะไรที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันย่อมทำให้ผู้คนเกิดปฏิกิริยา ไม่มีใครรู้ว่านักสู้คนหนึ่งเก็บซ่อนไพ่ตายไว้มากเท่าไหร่ ต่อให้สิ่งที่เจียงอี้สร้างจะเป็นเพียงภาพมายา แต่อีกฝ่ายก็ไม่อาจประมาทได้เพราะมันอาจนำพาความตายมาสู่ตัวเขาได้ทุกเมื่อ
ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่มีมาอย่างโชกโชน ต่อให้เซียวหมิงจะถอยร่นกลับมาแล้ว แต่ตะขอเหล็กของเขาก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้า เมื่อผสานกับพลังอัสนี มันก็กลายร่างเป็นงูสายฟ้าและพุ่งเข้าหาร่างมายาของเจียงอี้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจียงอี้ตัวจริงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ในจังหวะที่ร่างมายาถูกทำลาย เขาก็อาศัยโอกาสนั้นพุ่งไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นกรงเล็บอันแหลมคมและตะปบเข้าหาเซียวหมิงทันที
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
กรงเล็บของเจียงอี้ส่องสว่าง ในขณะเดียวกันกรงเล็บมายานับร้อยที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการก็ปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทุกคนเบิกกว้าง ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ากรงเล็บอันไหนคือของจริง กระทั่งเซียวเทียนหูก็ลอบกัดฟันด้วยความแค้น เพราะเขารู้แล้วว่า… เซียวหมิงจบเห่แล้ว!
เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เซียวหมิงจึงไม่มีเวลามากพอที่จะดึงตะขอเหล็กกลับมา ใบหน้าของเขาซีดขาวขณะที่ถอนร่นอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่เจียงอี้เข้ามาใกล้มากเกินไป ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสกัดกลั่นสมุนไพรมังกรทินกร ต่อให้ไม่ใช้แก่นแท้พลัง แต่เขาก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วจนทิ้งไว้เพียงภาพติดตาเท่านั้น
ชึก!
กรงเล็บมายานับร้อยจางหายไปในความว่างเปล่าในขณะที่กรงเล็บของจริงตะปบใส่ช่องท้องของเซียวหมิงและทำลายตันเทียนของเขาอย่างโหดเหี้ยม
ปุ!
คล้ายกับเสียงลูกบอกที่ถูกเจาะ แก่นแท้พลังที่เซียวหมิงเก็บสะสมมาตลอดชีวิตค่อยๆรั่วไหลออกจากช่องท้อง
เขารู้สึกเจ็บปวดและคั่งแค้นในเวลาเดียวกัน ในวินาทีนี้ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปและทุ่มเททุกสิ่งเพื่อที่จะสังหารอีกฝ่ายให้จงได้ อย่างไรก็ตาม มีหรือที่เจียงอี้จะปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น?
ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถทำนายได้ว่าเซียวหมิงจะโจมตีเช่นไร ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาเลยที่เขาจะรับมืออีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเจียงอี้จะยังไม่อาจเทียบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดระดับแนวหน้าได้ แต่การที่จะหยุดยั้งเซียวหมิงในสภาพนี้ มันไม่ใช่เรื่องลำบากเลยแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่ความเข้าใจในวิชาร่างจำแลงคณานับของเจียงอี้มีอย่างจำกัด แต่เขาก็พึงพอใจกับผลลัพธ์ในวันนี้เป็นอย่างมาก ต้องไม่ลืมว่ามันคือทักษะวิชาที่ต่อยอดมาจากรูปแบบเต๋าวายุคณานับซึ่งเป็นรูปแบบเต๋าระดับกลาง ดังนั้นเพียงแค่ผลลัพธ์เบื้องต้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั่วไปจะรับมือได้แล้ว
ปัง!
เซียวเทียนหูกระแทกใส่โต๊ะตรงหน้าด้วยความโกรธแค้น เขาจ้องมองเจียงอี้ราวกับต้องการจะฉีกร่างอีกฝ่ายให้เป็นชิ้นๆและตะโกนออกมา
“ไอ้สารเลว! เจ้ากล้าดียังไงถึงทำให้เซียวหมิงกลายเป็นคนพิการ? หากว่าข้าไม่ได้สังหารเจ้าภายในวันนี้ ข้าจะไม่ขอเป็นบุรุษอีกต่อไป! เฉียนว่านก้วน เจ้าจะเป็นผู้ลงโทษคนของเจ้าด้วยตัวเองหรือจะให้พวกเราทำ!?”
ชิ้ง! ชิ้ง!
กลุ่มคนนับสิบที่อยู่ด้านหลังเทียนหูลุกขึ้นและชักอาวุธออกมา กระทั่งเตาจ้านแห่งอาณาจักรเป่ยหมางและคนของเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกัน
ตระกูลเฉียนพ่ายแพ้ถึงสองครั้ง แต่ตระกูลเซียวก็ยังคงแสดงความเมตตา พวกเขาไม่ได้สังหารหรือทำให้อีกฝ่ายพิการ
แม้ว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อวัยวะภายในของตัวแทนตระกูลเฉียนจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เซียวหมิงก็ไม่ได้ฉวยโอกาสทำลายตันเทียนของอีกฝ่าย อันที่จริงหลังจากที่พักรักษาตัวหนึ่งหรือสองปี อาการบาดเจ็บทั้งหมดจะฟื้นตัวกลับมาเอง
แต่ในตอนนี้ เจียงอี้กลับลงมือข้ามเส้นและทำลายตันเทียนของเซียวหมิงซึ่งเทียบได้กับการเอามีดกรีดแทงหัวใจของตระกูลเซียว ต้องทราบก่อนว่าปริมาณทรัพยากรที่ใช้ในการสร้างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้หนึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่หรือตระกูลราชวงศ์ก็ตาม การสูญเสียผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ไปย่อมต้องทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดและคั่งแค้นในเวลาเดียวกัน
“ใช่แล้ว เฉียนว่านก้วน พวกเจ้าเป็นฝ่ายผิดกฎก่อน…”
“ฮึ่ม! แม้ว่าท่านจะเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเฉียน แต่การกระทำของท่านก็ควรจะมีขอบเขตบ้าง หากท่านยังคงปล่อยให้คนของท่านกระทำตัวเช่นนี้ ผู้ใดจะกล้าร่วมธุรกิจกับท่านในอนาคต?”
“พี่เทียนหู อย่าได้เปลืองวาจาเลย รีบสังหารมันเถอะ!”
เหล่าคุณชายและคุณหนูจากตระกูลใหญ่ รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดบางคนยังคงร่วมวิพากษ์วิจารณ์อย่างออกรส
พวกเขาต่างก็เห็นพ้องกันว่าเจียงอี้ลงมือหนักเกินไปและไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา พริบตาเดียวบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนแปลงไป มันเต็มไปด้วยความกดดันราวกับพร้อมที่จะเกิดการวิวาทได้ทุกเมื่อ
“ฮ่าฮ่า”
อย่างไรก็ตาม เฉียนว่านก้วนยังคงยิ้มแย้มและไร้ซึ่งความตื่นตระหนก เขาเพียงแค่หยักไหล่เล็กน้อยขณะที่กล่าว
“พวกเจ้าคือฝ่ายที่ต้องการจะต้อสู้กับพวกเราเองไม่ใช่รึ? แต่เมื่อเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นแล้วพวกเจ้าจะมาโทษพวกเราได้เยี่ยงไร?”
“พวกเจ้าคิดจริงๆหรือว่าจะสามารถรังแกตระกูลเฉียนของข้าได้ง่ายๆ? ตาเฒ่าหลิว ส่งสัญญาณเรียกพวกเราที่เหลือมา หากพวกมันต้องการที่จะเล่นแบบนี้ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสู้ตายกับพวกมัน ใครก็ตามที่คิดจะแตะต้องเฉียนต้าเหยี่ย ข้าก็พร้อมเสี่ยงชีวิตสู้กับมัน!”
[1] ต้าเหยี่ย – ใต้เท้า