เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 415-416
บทที่ 415 การกระทำของสัตว์เดรัจฉาน
“อื้อ! อื้อ!”
หลิงเยว่อยากที่จะกรีดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เนื่องจากคอถูกบีบเอาไว้ นางจะเปล่งเสียงออกมาได้อย่างไร?
ในครั้งนี้ เจียงอี้ไม่ได้ปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมา แต่เพียงแค่ปลดปล่อยจิตสังหารตามธรรมชาติมากดดันอีกฝ่ายไว้
เขาบังเกิดโทสะขึ้นมาอย่างแท้จริง เริ่มแรกหลิงเยว่ผู้นี้ต้องการที่จะชักชวนเจียงอี้ให้มาเป็นพวก แต่เมื่อถูกปฏิเสธ นางก็ยังต้องการที่จะล่อลวงเขาซึ่งเขาก็ไม่เล่นด้วยอีกเช่นเคย
เดิมทีเจียงอี้ไม่ต้องการที่จะรุกรานนาง แต่ในช่วงสุดท้าย หลิงเยว่ได้ตระบัดสัตย์และต้องการที่จะเรียกคนมาสังหารเขา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
เจียงอี้ไม่กลัวที่จะต้องเปิดเผยตน อย่างไรก็ตามมันก็จะทำให้การล่าสมบัติต้องหยุดชะงัก ไม่ต้องเอ่ยถึงเหล่าเด็กน้อย เพราะแม้แต่ชนชั้นเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยังไม่กล้าที่จะแข่งขันกับเขาซึ่งๆหน้า
ไม่ใช่แค่นั้น ต้องอย่าลืมว่าพวกเขาทุกคนต่างก็มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา หากว่าคนใดคนหนึ่งแอบเชิญยอดฝีมือขอบเขตเสินโหยวอย่างลับๆ เมื่อถึงตอนนั้นปัญหาที่แท้จริงก็จะมาถึง
นับตั้งแต่ที่เรื่องมาถึงขั้นนี้ เจียงอี้ก็เหลือเพียงแค่สองทางเลือกเท่านั้น ประการที่หนึ่งคือการสังหารหลิงเยว่และโยนศพของนางลงไปในทะเลเพื่อให้ปีศาจกัดกิน อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้างเนื่องจากคนของตระกูลหลิงย่อมต้องรู้แน่ว่านางมาหาเขา
ประการที่สองคือต้องปิดปากนางให้สนิทโดยที่ต้องทำให้ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดจนถึงขั้นที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกไป
เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ในที่สุดเจียงอี้ก็เลือกทางที่สอง จิตสังหารของเขายังคงกดทับร่างของหลิงเยว่ไว้ซึ่งทำให้นางคิดว่าเขาจะลงมือสังหารหรือไม่ก็ย่ำยีนางจริงๆ
แพรบ! เปรี๊ยะ!
เจียงอี้เลียริมฝีปากและใช้มือตบไปที่บั้นท้ายของหลิงเยว่ซึ่งทำให้ร่างของนางสั่นสะท้าน
มือข้างหนึ่งของเขายังคงกำอยู่ที่ลำคอของนางในขณะที่มืออีกข้างค่อยๆลูบไล้ไปตามร่างกาย ขณะเดียวกันเขาก็แสร้งปั้นหน้าเป็นหื่นกระหายเพื่อที่จะทำให้นางหวาดกลัวยิ่งขึ้น
“ฮิฮิ!”
เจียงอี้อยู่ที่ด้านหลังของหลิงเยว่ เขากดคอของนางลงเพื่อที่จะทำให้นางงอตัวไปข้างหน้า จากนั้นดวงตาของเขาก็ค่อยๆเลื่อนลงจากแผ่นหลังไปสู่บั้นท้ายและก้น
“อ๊า…”
หลิงเยว่อาจจะถูกตรึงเอาไว้และไม่สามารถมองเห็นด้านหลังได้ แต่นางก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องบางสิ่งจากด้านหลังของนาง
เมื่อนางนึกถึงเรื่องที่ ‘บริเวณตรงนั้น’ ของนางถูกคนอื่นมองดูอยู่ นางก็รู้สึกอับอายจนอยากจะเอาหัวพุ่งใส่กำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภายในใจของหลิงเยว่ตอนนี้ เจียงอี้ได้กลายเป็นปีศาจตัณหาที่น่ารังเกียจที่สุดไปแล้ว
“…”
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์อันเลวร้ายที่นางจินตนาการไว้ก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อผ่านไปสิบห้านาที ร่างของหลิงเยว่ก็อ่อนยวบพร้อมกับจิตใจที่แทบจะพังทลาย แต่ไม่นานนักเจียงอี้ก็ปล่อยนางลงกับพื้นและจ้องมองนางด้วยความเย้ยหยัน
“องค์หญิง เจ้ายังอยากที่จะส่งเสียงร้องเพื่อเรียกให้คนอื่นมาสังหารข้าหรือไม่?”
“ไม่! มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ ข้าผิดไปแล้ว! ผิดไปแล้วจริงๆ!”
หลิงเยว่ขดตัวอยู่บนพื้นอย่างน่าเวทนาและกล่าวอ้อนวอนอย่างบ้าคลั่ง
“ปล่อยข้าไปเถอะนะ ขอร้องแหละ… ข้าจะไม่ล้างแค้นหรือเล่นไม่ซื่อกับเจ้าอีกแล้ว”
“นั่นแหละเด็กดี!”
เจียงอี้เอื้อมมือไปลูบที่ใบหน้าอันซีดขาวของนาง เขาแสยะยิ้มและเอ่ยต่อ “เอาล่ะ รีบใส่เสื้อผ้าซะ ข้าเป็นคนมีเหตุผล ตราบเท่าที่เจ้าไม่ยั่วยุข้า ข้าก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้า แต่หากเจ้าคิดที่จะทำอะไรตุกติกอีกล่ะก็… ข้ารับรองได้เลยว่าข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”
หงึกๆๆๆ
หลิงเยว่พยักหน้าไม่หยุด นางรู้สึกหวาดกลัวเจียงอี้จากก้นบึ้งของหัวใจ นางเปลี่ยนชุดอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ได้วิ่งหนีไปทันที นางหันกลับมามองเขาด้วยความกลัวราวกับกำลังขออนุญาต
“ไปซะ แล้วจงจำไว้… อย่าได้ใช้สถานะองค์หญิงของเจ้าเพื่อบีบบังคับใครอีก เพราะเจ้าไม่มีทางรู้เลยว่าในโลกนี้มีคนบ้าแบบข้าอยู่อีกมากมายเท่าไหร่!”
เจียงอี้ยิ้มและโบกมือราวกับกำลังร่ำลาสหาย แต่พริบตาต่อมา เขาก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้และเอ่ยต่อ
“องค์หญิงหลิงเยว่ หวังว่าเรื่องในคืนนี้จะมีเพียงเจ้า, ข้าและฟ้าดินเท่านั้นที่รับรู้ ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่ปากโป้ง ดังนั้นข้าก็หวังว่าเจ้าจะทำแบบเดียวกัน”
“แต่ถ้าหากในอนาคตเจ้าต้องการที่จะแก้แค้น เช่นนั้นเจ้าก็ควรมั่นใจว่าแผนการของเจ้าจะต้องสำเร็จ มิฉะนั้น ข้าจะทำให้แน่ใจว่าทุกคนในโลกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ำคืนนี้… อ่อ ไฝทั้งสามเม็ดบนแก้มก้นด้านซ้ายของเจ้าดูเป็นเอกลักษณ์ดีนะ”
ตึง!
หลิงเยว่ที่วิ่งออกไปได้สักพักแล้วถึงกับขาอ่อนและล้มลงกับพื้น แต่ไม่นานนางก็รีบลุกขึ้นและปาดคราบน้ำตา สภาพของนางในตอนนี้ดูน่าสงสารอยู่บ้าง
นางมีไฝสามเม็ดอยู่ที่แก้มก้นจริง หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นต้องฆ่าตัวตาย แต่นางก็อาจจะไม่สามารถแต่งงานได้ชั่วชีวิต
หรือต่อให้มีบุรุษที่ยอมแต่งงานด้วย แต่ในคืนส่งตัวเข้าห้องหอ มีหรือที่เขาจะไม่ขอดูไฝทั้งสามเม็ดของนางและเมื่ออีกฝ่ายพิสูจน์ได้ว่าข่าวลือเป็นความจริง มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะยอมแต่งงานกับนางต่อ?
ฟื้ดดด!
หลิงเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันกลับไปมองเจียงอี้ก่อนที่จะกัดฟันและวิ่งต่อ ครั้งนี้นางไม่ได้ตะโกนหรือเล่นตุกติก อันที่จริงนางเพียงแค่อยากจะออกห่างจากปีศาจตนนี้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางไม่ต้องการเห็นเขาอีกชั่วชีวิต ถึงอย่างนั้นเรื่องที่เกิดในวันนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำอันเลวร้ายของนางไปตลอดกาล
“ข้าทำเกินไปหรือเปล่านะ?”
เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของหลิงเยว่หายลับไปแล้ว เจียงอี้ก็ถูจมูกขณะครุ่นคิด นางอาจจะเป็นศัตรูและมีนิสัยที่ค่อนข้างน่ารังเกียจ แต่ถึงอย่างนั้นการเอาเปรียบผู้หญิงก็ยังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
โชคดีที่เขาควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี หากว่าเป็นผู้อื่น องค์หญิงหลิงเยว่คงเหลือเพียงแค่ชื่อไปแล้ว ด้วยใบหน้าอันงดงามเช่นนั้น มีหรือที่บุรุษทั่วไปจะไม่ต้องการครอบครองนาง?
เจียงอี้ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่เขาก็ยังคงมีหลักการภายในใจ มันก็คล้ายกับการสังหารคนธรรมดาแต่เลือกที่จะละเว้นคนชรากับเด็ก
เจียงหยุนไฮ่เคยสอนเขาไว้ว่ามนุษย์นั้นชั่วดียากที่จะแบ่งแยก แต่อย่างน้อยก็จะต้องยึดถือหลักการสักข้อ มิฉะนั้นจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นสัตว์เดรัจฉาน
“สิ่งที่ข้าเพิ่งกระทำไปจะเรียกว่าการกระทำของเดรัจฉานได้ไหมนะ?”
หลังจากที่ถอนหายใจ เขาก็ขจัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดและมุ่งหน้ากลับกองเรือของตระกูลเฉียนอย่างเงียบๆ
เมื่อมาถึงเขาก็ตระหนักได้ว่าจ้านหลินเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ดูเหมือนว่านางคงจะกลับไปพักผ่อน ส่วนที่ด้านนอก บนชายหาดยังคงเต็มไปด้วยกองไฟและเสียงหัวเราะของเหล่าทายาทจากตระกูลชั้นสูง ดูท่างานเลี้ยงคืนนี้คงจะอยู่ต่อไปอีกนาน
“ไปนอนดีกว่า”
แต่ในขณะที่เจียงอี้ตัดสินใจจะกลับไปนอนนั้น จู่ๆร่างของเขาก็หยุดชะงักพร้อมกับหัวใจที่กระหน่ำเต้น เขารีบใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ และทันใดนั้นเองสีหน้าของเขาก็ซีดขาวลงทันที
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวบางคนก็เริ่มมีปฏิกิริยา ดวงตาของพวกเขาหันไปมองทางทิศเหนือพร้อมกับตะโกนอย่างเร่งรีบ
“ปกป้องเหล่าคุณหนูและคุณชายเอาไว้! มีฝูงผึ้งทมิฬขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาจากทิศเหนือ พวกเจ้าทุกคนจงเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”
บทที่ 416 ใครก็ตามที่กล้าขัดขวางข้า มันผู้นั้นจะต้องตาย!
ดวงจันทร์ทอแสง แม้ว่าจะไม่ใช่คืนจันทร์เต็มดวง แต่แสงที่ส่องลงมาเฉิดฉายอยู่บนพื้นพิภพ
อย่างไรก็ตาม ไม่กี่ลมหายใจต่อมา หมู่เมฆสีดำอึมครึมที่ลอยตัวต่ำก็เคลื่อนตัวเข้ามาบดบังแสงจันทร์ทั้งหมด แต่ถ้าหากสังเกตดีๆแล้วล่ะก็ มันหาใช่หมู่เมฆไม่ แต่มันคือฝูงผึ้งทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนที่บินอยู่กลางอากาศและยิงเหล็กในลงมาราวกับห่าฝน!
“กรี๊ดดดดด!”
พื้นดินเบื้องล่างบังเกิดความโกลาหล บรรดาทายาทรุ่นเยาว์จากตระกูลใหญ่ต่างก็ตื่นตระหนกและกรีดร้องออกมาเมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน
ฝูงผึ้งทมิฬนั้นปรากฏตัวอย่างอุกอาจเกินไป พวกเขาจึงไม่มีเวลามากพอที่จะอพยพไปยังที่ปลอดภัยซึ่งถูกจัดเตรียมไว้
ฟิ้ววว! ตู้มมม!
แก่นแท้พลังนับร้อยสายถูกยิงขึ้นไปบนฟ้าซึ่งทำให้เกิดแสงสุกสกาวและเผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของเหล่าผึ้งทมิฬ
ปัง! ปัง! ปัง!
คลื่นระเบิดหลายระลอกทำให้เหล็กในพิษถูกระเบิดจนเป็นฝุ่นผง ไม่ใช่แค่นั้น แก่นแท้พลังบางสายที่มีพลังบุกทะลวงแข็งแกร่งเป็นพิเศษยังได้พุ่งทะยานขึ้นไปและโจมตีผึ้งทมิฬเป็นกลุ่มจนทำให้พวกมันร่วงหล่นลงมา
“องค์หญิง หมอบลงพะยะค่ะ!”
“คุณหนู อย่าวิ่งไปทางนั้น!”
“นายน้อย กลับไปที่ห้องโดยสารเร็วเข้า!”
เสียงอึกทึกดังออกมาไม่ขาดสาย ฝูงชนแตกตื่นและวิ่งกันจ้าละหวั่น
อีกด้านหนึ่ง เจียงอี้ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือและถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลใหญ่เหล่านั้นถึงส่งทายาทมาขัดเกลาจิตใจ ด้วยสภาพจิตใจที่อ่อนแอราวกับทารกเช่นนี้ พวกเขาจะปกครองขั้วอำนาจของตนในอนาคตได้อย่างไร?
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เฉียนว่านก้วนถูกผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดแบกกลับมา ในขณะที่จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยต่างก็ถูกปกป้องจากเหล่าผู้คุ้มกันของพวกเขา
แต่เมื่อจ้านอู๋ซวงกลับไปยังเรือของตน เขาก็ตื่นตระหนกเมื่อพบว่าจ้านหลินเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาจึงเรียกหาผู้คุ้มกันชราทันที
“ผู้อาวุโสเฟิง รีบไปพาคุณหนูกลับมาที่นี่เร็วเข้า ผึ้งทมิฬเหล่านั้นมีจำนวนมากเกินไป พวกเราจะต้องหนีจากที่นี่แล้ว!”
ตึง! ตึง!
ในขณะที่กำลังพูดกันอยู่นั่น เหล็กในอันแหลมคมก็เริ่มถูกยิงมาบนเรือ แต่โชคดีที่หลังคาห้องโดยสารถูกสร้างจากเหล็กดำชนิดพิเศษที่แข็งแกร่งทนทาน มิฉะนั้นพวกมันคงจะถูกเจาะทะลวงเข้ามาตั้งแต่การโจมตีระลอกแรกแล้ว
“นายน้อย ท่านรีบหนีไปก่อน ข้าจะไปหาคุณหนูหลินเอ๋อร์เอง!”
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ถูกชุบเลี้ยงโดยตระกูลจ้าน เขาจึงไม่มีความลังเลที่จะออกตามหาจ้านหลินเอ๋อร์แม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตตัวเองก็ตาม อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้เคลื่อนไหวนั้น เจียงอี้ก็ได้ตะโกนขึ้นมา
“ผู้อาวุโสเฟิง ท่านมุ่งสมาธิอยู่กับการปกป้องอู๋ซวงเถอะ ข้าจะตามหาน้องสาวหลินเอ๋อร์เอง!”
“เอ่อ… ฝากด้วยนะขอรับ!”
ชายชราหยุดชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อประเมินสถานการณ์อย่างดีแล้ว เขาก็ตอบรับคำพูดของอีกฝ่ายทันที แม้ว่าฝูงผึ้งทมิฬน่าจะหวาดกลัว แต่เมื่อเทียบกับชายหนุ่มผู้นี้แล้ว พวกมันกลับดูน่ารักขึ้นมาทันตา
หากชายหนุ่มผู้นี้ลงมือด้วยตัวเอง เขาย่อมต้องลงมือช่วยเหลือจ้านหลินเอ๋อร์ได้รวดเร็วกว่าชายชราเช่นเขาอยู่แล้ว
ฟึ่บ!
หลังจากที่เจียงอี้ทะยานออกจากห้องโดยสาร ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวจำนวนหนึ่งก็เร่งโคจรแก่นแท้พลังเพื่อทำการขับเคลื่อนเรือให้แล่นออกไป
ขณะเดียวกันก็ปรากฏม่านพลังแสงบนหลังคาเรือ เห็นได้ชัดว่ามันคืออาคมยับยั้งที่ถูกสร้างขึ้นซึ่งสามารถต้านทานการโจมตีจากฝูงผึ้งทมิฬได้ในเวลาสั้นๆ
ซูมม!
ในไม่ช้า เรือหลายลำก็ปลดปล่อยอาคมยับยั้งในลักษณะเดียวกัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าคุณหนูและคุณชายที่เป็นเจ้าของเรือลำนั้นๆได้ถูกช่วยเหลือสำเร็จแล้ว
ที่ด้านนอกนั้นอันตรายเกินไป ผึ้งทมิฬจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะล้อเล่นด้วยได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ การหลบหนีนับว่าเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแล้ว
“ม่ายยย”
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่รอดจากเงื้อมมือมัจจุราช มีผู้คุ้มกันหลายคนที่พลาดท่าและถูกเหล็กในทิ่มแทงใส่ร่างจากนั้นก็เสียชีวิตทันที
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาว่าถ้าถูกต่อยโดยผึ้งทมิฬ คนเหล่านั้นจะต้องตายแน่นอนและนี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าข่าวลือดังกล่าวนั้นเป็นความจริง
ฟึ่บ!
ตลอดทางเจียงอี้กวาดตามองทุกซอกทุกมุมอย่างไม่ลดละ ประสาทการมองเห็นและการได้ยินของเขาถูกใช้ควบคู่กับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ฝูงผึ้งทมิฬเหล่านี้อาจจะดูน่าสยดสยองสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับเขาพวกมันกลับเชื่องช้าราวกับหอยทากและไม่มีทางที่จะโจมตีเขาได้เลยแม้แต่น้อย
เจียงอี้นำดาบยาวระดับสวรรค์ออกมาและกวัดแกว่งมันเพื่อป้องกันเหล็กในที่ถูกยิงมาจากผึ้งทมิฬ จากนั้นเขาก็ทะยานเข้าไปในเรือลำใหญ่ด้านหน้า
“ไม่มี!”
หลังจากที่ค้นหาทั่วทั้งลำเรือแล้ว แต่ก็ยังคงพบจ้านหลินเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็มุ่งไปข้างหน้าและค้นหาเรือลำต่อไป
“นี่ก็ยังไม่มี?”
แม้กระทั่งเรือลำที่สามที่เป็นของตระกูลจ้านและตระกูลหยุน เจียงอี้ก็ยังไม่พบตัวสาวน้อยคนนั้น ตอนนี้เขาเริ่มกังวลใจขึ้นมา เขากวาดตามองไปทั่วจนในที่สุดก็สะดุดตากับเรือลำหนึ่งซึ่งมีธงของตระกูลเตาเสียบไว้อยู่ มันสมควรเป็นเรือของเตาจ้าน
ฟึ่บ!
โดยไม่ลังเล เจียงอี้รีบพุ่งไปยังดาดฟ้าเรือของตระกูลเตาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า ในเวลานั้นผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ของตระกูลเตาต่างก็กำลังง่วนอยู่กับการโจมตีผึ้งทมิฬ
แต่เมื่อพวกเขาเห็นเจียงอี้ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ดวงตาของพวกเขาบางคนก็เผยให้เห็นความดุร้ายก่อนที่จะตะโกนออกมา
“เจ้าเป็นใคร? รีบไสหัวกลับไปซะ มิฉะนั้นก็อย่าได้หาว่าพวกเราไร้ปรานี!”
“ข้าเฉียนต้าเหยี่ย! คุณหนูหลินเอ๋อร์อยู่บนเรือลำนี้หรือไม่?”
เจียงอี้ไม่ได้ลดความเร็วลงและกำลังมุ่งหน้าไปยังห้องโดยสารอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจผู้คุ้มกันของตระกูลเตาเลยแม้แต่น้อย
ความเร็วของเขาในตอนนี้บรรลุระดับที่น่าตกตะลึง แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ไม่อาจตอบสนองเขาได้ทัน
สมาชิกตระกูลเตาไม่มีเวลามาพอในการปัดป้องเหล็กในพิษได้ทัน อันที่จริงพวกเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะเปิดใช้งานอาคมยับยั้งด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เจียงอี้เข้าไปข้างในได้โดยง่าย หากว่าแท้จริงแล้วเป้าหมายของชายผู้นี้คือเตาจ้านล่ะ? ถ้านายน้อยของพวกเขาเป็นอะไรขึ้นมา ต่อให้มีสิบหัวมันก็ไม่เพียงพอที่จะชดใช้ความผิด!
“คุณหนูหลินเอ๋อร์อะไรของเจ้า! รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นก็จงมารับความตาย!”
“กรี๊ดดด!”
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องสายหนึ่งก็ดังมาจากห้องโดยสาร ในวินาทีนั้น ดวงตาของเจียงอี้ก็เผยให้เห็นจิตสังหารอย่างท้วมท้น เพราะเขาจำได้ดีว่ามันคือเสียงของจ้านหลินเอ๋อร์
ทันใดนั้นเขาก็อนุมานได้ว่าเตาจ้านคงจะจับตัวจ้านหลินเอ๋อร์ไว้ในช่วงชุลมุน เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาก็ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวออกมาและคำราม
“คุณหนูหลินเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว! ต้าเหยี่ยมาช่วยท่านแล้ว!”
“สำหรับพวกเจ้าตระกูลเตา… ใครก็ตามที่กล้าขัดขวางข้า มันผู้นั้นจะต้องตาย!”
กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาจากร่างของเจียงอี้ได้ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยรูปแบบเต๋าวายุคณานับด้วยดาบยาวในมือ แม้ว่ามันจะยังไม่ถูกขัดเกลา แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใดๆสำหรับการจัดการผู้ฝึกยุทธสามคนที่รับหน้าที่เฝ้าประตูห้องโดยสาร
“รนหาที่ตาย!”
ทั้งสามคนโกรธเกรี้ยว ในช่วงโกลาหล พวกเขานั้นไม่เห็นจ้านหลินเอ๋อร์จริงๆแต่เจียงอี้ผู้นี้ก็ยังดึงดันที่จะบุกเข้ามา นอกจากนี้ นายน้อยของพวกเขายังอยู่ภายใน ดังนั้นในฐานะผู้คุ้มกันของตระกูลเตา พวกเขาจะปล่อยให้คนนอกเข้าไปได้เยี่ยงไร?
ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งสามคนนั้น มีหนึ่งคนที่บรรลุจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยว เมื่อคนผู้นั้นเห็นว่าเจียงอี้ได้เข้ามาในระยะที่เหมาะสมแล้ว เขาก็ฟาดกระบองยาวไปด้านหน้าพร้อมกับปลดปล่อยรูปแบบเต๋าบางอย่าง
แม้ว่าเจียงอี้จะไม่รู้ว่ามันคือรูปแบบเต๋าประเภทใด แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะเอาชีวิตเขา ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมา
ครื้นนน!
กลิ่นอายของเจตจำนงสังหารปรากฏออกมาเพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะซื้อโอกาสให้กับเจียงอี้ได้แล้ว เมื่อร่างของอีกฝ่ายถูกบังคับให้หยุดชะงักไปชั่วครู่ ดาบยาวในมือก็ถูกวาดออกไปและตัดผ่านลำคอของพวกเขาในทันที
“อ๊ากก—!”
พวกเขาทั้งสามกรีดร้องออกมาพร้อมกับใช้มือกุมลำคอด้วยความตื่นกลัว จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ล้มลงบนพื้น แต่ก่อนที่จะสิ้นใจไปนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยกแขนที่สั่นเทาและชี้ไปยังร่างของเจียงอี้พร้อมกับพยายามที่จะเอ่ยบางอย่าง
“เจ้า เจ้าคือ…”
……