เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 427-428
บทที่ 427 รูปแบบเต๋ามิติ
การโจมตีของแม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั้นเป็นการโจมตีแรกที่จู่โจมไปยังเถาวัลย์ดารามารแต่มันตอบสนองเพียงแค่ทำให้มันสั่นเพียงเล็กน้อยราวกับว่าการโจมตีนั้นเป็นเพียงแค่แรงเบาๆที่ไม่มีพลังงานใดๆและไม่สะเทือนขนมันเลย
ตูม!
การโจมตีของจูเก๋อชิงหยุนปะทะเข้ากับมันเมื่อเงาหมัดที่ดูเหมือนเหล็กกล้าและไม่สามารถหยุดยั้งได้ปะทะเข้ากับเถาวัลย์ดารามาร มันก็ทำให้เถาวัลย์สั่นกว่าเดิมเล็กน้อย….แต่ก็เพียงแค่สั่นสะเทือนมากขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น แต่ผิวของเถาวัลย์ดารามารแทบจะไม่มีรอยใดๆเลย
ฟึ่บฟั่บ!
มังกรวารีของสุ่ยโย่วหลานพุ่งเข้าใส่ด้วยพลังอันมหาศาลและกระแทกเข้ากับเถาวัลย์ดารามารอย่างรุนแรงคราวนี้เถาวัลย์ดารามารสะท้านกว่าเดิมและคว่ำลงไปบนเกาะ ทั่วทั้งเกาะสะเทือนขณะที่มังกรวารีก็ได้กลายเป็นน้ำทะเลเทสาดลงมา
ฟั่บฟึ่บ!
หลังจากนั้นก็เหมือนว่ามันไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเถาวัลย์ดารามารเลยมันพุ่งกลับขึ้นมาและพุ่งใส่จูเก๋อชิงหยุนด้วยความเร็วที่รวดเร็วกว่าเดิม
“เจ้าเป๋จูเก๋อรีบหลบไป!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรตะโกนออกมาและชี้ไปที่อากาศอีกครั้งนิ้วของนางสว่างขึ้นซึ่งทำให้พื้นที่ทั้งหมดแข็งทื่อในทันที เหล่าผึ้งทมิฬที่กำลังบินหนีทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งอยู่กลางอากาศและถูกตรึงไว้
“รูปแบบเต๋าฟ้าดินรูปแบบเต๋ามิติ!”
เฉียนซวีและคนบนดาดฟ้าเรือที่เหลือมีสีหน้าที่สดใสขึ้นหากพวกเขาสามารถตรึงเถาวัลย์ดารามารได้ ทุกอย่างก็จะสงบลง แต่น่าเสียดายที่ก่อนจะได้พูดอะไรออกไป พื้นที่บริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนและเถาวัลย์ดารามารก็ยังคงพุ่งเข้าหาจูเก๋อชิงหยุนด้วยกลิ่นอายที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
จูเก๋อชิงหยุนมีใบหน้าที่มืดหม่นในขณะที่เขารีบถอยออกมาเส้นทางการล่าถอยของเขาไม่ได้เป็นทางตรง มันคดเคี้ยวไปมาขณะที่เขาพยายามหลบเถาวัลย์ดารามาร อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่น่ากลัวว่าไม่ว่าเขาจะหนีอย่างไร ดูเหมือนว่าเถาวัลย์ดารามารนี้จะยังคงจู่โจมเขา
“พระเจ้า….เถาวัลย์ดารามารนี้สามารถคุมรูปแบบเต๋ามิติได้ด้วยหรือ?”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจเพราะนางก็รู้สึกได้เช่นกันเถาวัลย์ดารามารเหมือนจะจู่โจมเป็นทางตรง แต่มันก็พุ่งเป้าหมายไปที่จูเก๋อชิงหยุนตลอด มันน่าอึดอัดมากจนทำให้กระอักเลือดออกมา นางรู้สึกหวาดกลัวกับมันและไม่กล้าโจมตีอีกต่อไปพร้อมกับถอยกลับไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว
“ย๊าห์!”
สุ่ยโย่วหลานที่อยู่ใกล้ๆจูเก๋อชิงหยุนนั้นไม่ได้หนีไปและสร้างมังกรวารีขึ้นมาแทนและสาดไปที่เถาวัลย์ดารามารแต่ผลของแรงโจมตีก็ได้ทำให้ร่างของนางต้องถอยกลับมา เถาวัลย์ดารามารนี้น่ากลัวเกินไปและหากมันเข้าใกล้นาง นางก็ไม่สามารถรับประกันชีวิตตนเองได้เช่นกัน
ปัง!
มังกรวารีปะทะเข้ากับเถาวัลย์ดารามารอีกคราแต่ครั้งนี้มันทำให้เถาวัลย์ดารามารสั่นไหวเล็กน้อย เถาวัลย์ดารามารนั้นยังคงจดจ่อและพุ่งเข้าหาจูเก๋อชิงหยุนอย่างรุนแรง
“ย๊ากกก!”
ในช่วงสุดท้ายจูเก๋อชิงหยุนก็ปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมา ร่างทั้งร่างของเขาเปล่งแสงสีทองขณะทื่มือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีทองอย่างสมบูรณ์ มันเหมือนกับกำปั้นเหล็กที่หลอมด้วยทองคำ เขาไม่มีที่ให้ถอยและไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องใช้กำปั้นนี้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เขามี
ตูมมม!
มีคลื่นสั่นสะเทือนซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองซึ่งทำให้ดวงตาของเฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆเถาวัลย์ดารามารสั่นสะเทือนอีกครั้ง แต่จูเก๋อชิงหยุนก็พ่นเลือดสดออกมาอย่างรุนแรง ร่างของเขาปลิวลอยไปราวกับลูกปืนใหญ่ก่อนที่จะตกลงสู่ทะเลจนเกิดคลื่นยักษ์กระเซ็นออกมา
“ท่านเจ้าสำนัก!”
จ้านอู๋ซวงร้องอุทานออกมาและดำลงไปในทะเลในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนก็รีบเข้าไปเช่นกันส่วนเฉียนว่านก้วนและหยุนเฟยก็มองหน้ากันด้วยสายตาที่สิ้นหวัง
จูเก๋อชิงหยุนผู้ที่สามารถจัดการขันทีหลินจนบาดเจ็บสาหัสได้,และผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบอันดับผู้เชี่ยวชาญของทวีปนี้กลับได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเถาวัลย์ดารามารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ความแข็งแกร่งของแม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั้นมีพลังด้อยกว่าจูเก๋อชิงหยุนมากและไม่สามารถนับนางได้อีกต่อไปสุ่ยโย่วหลานแข็งแกร่งกว่าจูเก๋อชิงหยุนแต่การโจมตีของนางก็ไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเถาวัลย์ดารามารได้ ส่วนจักรพรรดินีที่มีรูปแบบเต๋ามิติที่ทรงพลังก็สามารถตรึงเถาวัลย์ดารามารไว้ได้เพียงชั่วครู่ แล้วจะมีผู้ใดในโลกนี้อีกที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับเถาวัลย์ดารามารได้? ใครกันที่จะช่วยเจียงอี้ได้?
“ย๊ากกก!”
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรและสุ่ยโย่วหลานนั้นยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในขณะที่พวกนางยังคงโจมตีเถาวัลย์ดารามารอย่างรวดเร็วต่อไปมีฉากมากมายที่ทำให้เฉียนซวีตื่นตาโดยที่มองเห็นไม่ชัดเท่าไรนัก และเถาวัลย์ดารามารนั้นก็เป็นเพียงภาพติดตาที่โต้กลับตลอดเวลาเท่านั้น
ที่ท้องฟ้านั้นมีการประทะกันตลอดเวลาส่วนผึ้งทมิฬทั้งหลายที่อยู่ด้านล่างได้พากันหนีไปนานแล้วและรังยักษ์นั่นก็สั่นคลอนจนแตกกระจาย น้ำผึ้งสีเหลืองอร่ามสาดกระจายไปทั่วจนคลุ้งไปด้วยกลิ่นที่ชวนหลงใหล
ต้นไม้ยักษ์ด้านล่างทั้งหมดได้แหลกเป็นฝุ่นและเกาะที่เคยสวยงามก็ได้กลับแปรเปลี่ยนเป็นหลุมลึกแผ่นดินหลายส่วนของเกาะถูกแยกออกจากกันและน้ำทะเลก็ไหลทะลักเข้ามา นี่เป็นผลพวงของภัยพิบัติและปีศาจทะเลทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณร้อยกิโลเมตรก็หนีไปด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากพวกมันไม่สามารถทนอยู่ที่นั่นต่อไปได้แม้เพียงอึดใจเดียว
ด้านจูเก๋อชิงหยุนก็ได้รับความช่วยเหลือมาแล้วแต่เขาก็หมดสติไป กระดูกมือข้างขวาของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆและร่างกายของเขาก็อิดโรยราวกับว่าจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
โชคดีที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินไม่กล้าสู้ต่อไปและนางก็ได้กลับมาแล้วนางอาจจะมีเรื่องบาดหมางกับจูเก๋อชิงหยุนอยู่บ้างแต่นางจะไม่ปล่อยให้เขาต้องตายไป เมื่อมีนางอยู่ใกล้ๆ จูเก๋อชิงหยุนก็จะไม่ตาย
ตูม!ตูม! ตูม!
ทั่วทั้งเกาะสั่นสะท้านและในที่สุดก็เริ่มจมลงไปการต่อสู้ระหว่างสองสุดยอดผู้เชี่ยวชาญและวิญญาณพฤกษาที่แข็งแกร่งที่สุด, เถาวัลย์ดารามารนั้นได้จมเกาะยักษ์ไปจนสิ้น
หนึ่งชั่วโมงต่อมาการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ก็รุนแรงยิ่งขึ้น
สองชั่วโมงผ่านไปการต่อสู้ยังคงไม่สิ้นสุด
สี่ชั่วโมงให้หลังร่างของสุ่ยโย่วหลานหายลับไปจากท้องฟ้าขณะที่นางกลายเป็นกระสุนปืนใหญ่ที่ตกลงไปในทะเล อาการบาดเจ็บของนางไม่ได้ร้ายแรงเท่าจูเก๋อชิงหยุน ก่อนที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินจะยื่นมือเข้าไปช่วย นางก็พุ่งออกมาจากทะเล เลือดสดๆไหลลงมาจากมุมปากของนางในขณะที่ดวงตาที่งดงามของนางแทบจะไม่เหลือประกายอีกต่อไป นางบินกลับไปที่เรือเงียบๆและเข้าไปในห้องพักเพื่อแยกตัวเองและพักฟื้น
มีเพียงจักรพรรดินีสัตว์อสูรเท่านั้นที่ยังคงต่อสู้กับเถาวัลย์ดารามารอยู่นางค่อนข้างมีพลังที่น่าเกรงขามและด้วยความที่นางเข้าถึงรูปแบบเต๋ามิติ นางจึงสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของเถาวัลย์ดารามารได้
ในที่สุดเถาวัลย์ดารามารก็ได้รับบาดเจ็บมันมีรูมากมายซึ่งเห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรเป็นผู้ที่เจาะมัน การโจมตีของจูเก๋อชิงหยุนและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของมันได้ มีเพียงสุ่ยโย่วหลานที่เกือบจะทำลายมันได้สำเร็จ ตอนนี้รูเล็กๆเหล่านั้นเต็มไปด้วยของเหลวสีดำ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเลือดหรือเป็นเพียงของเหลวในร่างกายของมัน
การต่อสู้นั้นยังคงดำเนินต่อไปจักรพรรดินีก็ดูเหมือนว่าจะถูกเถาวัลย์ดารามารเล็งเป้าเอาไว้แล้วและพวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าจะสามารถตัดสินผู้ชนะได้ เถาวัลย์ดารามารนั้นดูเหมือนจะไม่ได้มีเชาว์ปัญญามากนักเนื่องจากมันยังคงโจมตีจักรพรรดินีสัตว์อสูรอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าของเหลวสีดำจะยังคงไหลออกมาจากร่างของมันอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
ฝนก็ยังคงตกอยู่และหยุนเฟยก็ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนเป็นเวลาครึ่งคืนแล้วแม้ว่านางจะตัวสั่นเพราะความหนาวเย็นแต่นางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะกลับเข้ามาพักผ่อนเลย นางมองไปยังแม่เฒ่าบุปผาสีเงินด้วยความกังวลและถามว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จักรพรรดินีสัตว์อสูรจะมีโอกาสหรือไม่?”
“มันก็เป็นไปได้!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนออกมาซึ่งทำให้ทุกคนมีกำลังใจเถาวัลย์ดารามารไม่สามารถโจมตีจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่นางสามารถสร้างความเสียหายแก่เถาวัลย์ได้ตลอด หากการต่อสู้ยังดำเนินไปเช่นนี้ สุดท้ายแล้วผู้ชนะอาจจะเป็นจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ได้
แต่น่าเสียดาย….!
ในเวลาที่ทุกคนกำลังรู้สึกเหมือนได้รับความหวังพวกเขาก็ต้องสิ้นหวังอีกครั้ง
ปัง!
ทันใดนั้นน้ำทะเลก็ปะทุขึ้นมาพร้อมกับคลื่นที่สาดกระเซ็นขณะที่เถาวัลย์ดารามารอีกเส้นพุ่งออกมาและโจมตีจักรพรรดินีสัตว์อสูรจากอีกด้านหนึ่ง
ในที่สุดการแสดงออกที่สงบของจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็เปลี่ยนไปนางชี้ไปที่อากาศซึ่งทำให้ห้วงอากาศถูกแช่แข็งก่อนที่นางจะถอยออกมาทันที นางไร้เรี่ยวแรงไปมากหลังจากที่อยู่กับการต่อสู้อย่างเข้มข้นมาเป็นเวลาครึ่งคืน นางแทบจะไม่สามารถจัดการกับเถาวัลย์ดารามารเส้นเดียวได้ แล้วถ้าหากว่านางจะต้องต่อสู้กับเถาวัลย์ดารามารสองเส้น นางคงจะต้องตายเป็นแน่แท้…
บทที่ 428 ฝังตัวเองไปพร้อมกับความตาย
จักรพรรดินีสัตว์อสูรถอยออกมาอย่างรวดเร็วและบินกลับไปหลายสิบกิโลเมตรก่อนที่เถาวัลย์ดารามารจะหยุดไล่ตามและรีบกลับลงไปซ่อนตัวใต้ทะเลผิวน้ำทะเลกลับมาสู่ความสงบอีกครั้งและเกาะขนาดใหญ่ก็ได้หายไป มีเพียงแนวปะการังขนาดยักษ์ที่เหลืออยู่ แต่ก็มีรอยจากการต่อสู้ครั้งใหญ่จนทำให้มันดูไม่ได้
ฟึ่บ!
จักรพรรดินีสัตว์อสูรบินเข้าไปที่เรือและหาห้องเพื่อพักฟื้นอย่างสงบเห็นได้ชัดว่านางสูญเสียพลังไปมากในระหว่างการต่อสู้และมันทำให้นางเหนื่อยมาก
“ทุกคนกลับไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินโบกมือและทุกคนก็เดินกลับไปยังที่พักของตนเองอย่างไม่สบอารมณ์นักนอกจากหยุนเฟยที่เข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คนอื่นๆก็ใช้แก่นแท้พลังในการระเหยน้ำที่อยู่บนเสื้อผ้าของพวกเขาก่อนที่จะนั่งลงบนพื้น พวกเขามีใบหน้าที่เคร่งเครียดและแววตาที่หม่นหมอง เฉียนว่านก้วนกับจ้านอู๋ซวงนั้นนั่งแน่นิ่งอยู่ที่มุมห้องและสายตาของพวกเขาไม่เหลือจิตวิญญาณอยู่เลย ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่
หลังจากที่ตื่นตัวอยู่ตลอดทั้งคืนและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทุกๆคนก็ยังไม่มีกะจิตกะใจที่จะนอนหลับได้ลง ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้นแต่ฝนก็ยังคงรินลงมา เสียงฝนที่กระทบกับดาดฟ้าเรือทำให้บรรยากาศหดหู่และหนักหน่วงยิ่งขึ้น
“ซู่ซู่!”
มีเสียงนกสะท้อนมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันออกและเกิดความกระปรี้กระเปร่าขึ้นในดวงตาของจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วน หลังจากที่เขาปีนขึ้นไปเพื่อมองผ่านหน้าต่างเรือ ใบหน้าของพวกเขาก็ดูหดหู่มากกว่าเดิมทันที มุมปากของเฉียนว่านก้วนกระตุกออกมาและดูเหมือนจะร้องไห้
แม้ว่าจะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนผู้นี้แต่ทั้งสองก็ยังคงลากสังขารอันหนักอึ้งออกมาจากห้องโดยสาร หลังจากที่คนหลายคนกระโดดลงมาจากนกกระเรียนขาวเฉียนว่านก้วนก็เห็นซูรั่วเสวี่ยที่สวมเสื้อคลุมที่มีดวงตาที่แดงก่ำและมีสีหน้ากังวล เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนี
“เจียงอี้อยู่ที่ไหน?”
ซูรั่วเสวี่ยแสร้งทำเป็นสงบแต่เสียงของนางสั่นเล็กน้อย บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่านางเดินทางมาตลอดโดยไม่ได้หยุดพักเลยจึงทำให้ร่างกายของนางเหนื่อยล้าเกินไป เมื่อนางเห็นแววตาที่มืดมนของจ้านอู๋ซวง ร่างกายของนางก็อ่อนยวบลง หากไม่ใช่เพราะแม่เฒ่าที่อยู่ข้างๆนางคอยพยุงเอาไว้ ซูรั่วเสวี่ยก็คงจะลงไปกองกับพื้นแล้ว
“เจียงอี้ยังอยู่ใต้ทะเลเขาถูกเถาวัลย์ดารามารฉุดลงไปและพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขานั้นได้ตายไปแล้วหรือว่ายังมีชีวิตอยู่ จักรพรรดินีสัตว์อสูร, แม่หญิงสุ่ย, ท่านเจ้าสำนักและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั้นได้ต่อสู้กับเถาวัลย์ดารามารตลอดทั้งคืน ตะ แต่….”
จ้านอู๋ซวงกัดฟันและกระซิบกับนางร่างกายของซูรั่วเสวี่ยสั่นไหวก่อนที่ดวงตาของนางจะกลอกเป็นสีขาวและนางก็เป็นลมล้มไปทันที
“องค์ราชินี!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากอาณาจักรต้าเซี่ยเข้าล้อมตัวนางทันทีขณะที่แม่เฒ่าชราอุ้มซูรั่วเสวี่ยเข้าไปข้างในและมองหาที่ให้นางได้พักผ่อน
เจียงเสี่ยวนู๋ยังคงไว้ซึ่งความสงบนางรอให้แม่เฒ่านำซูรั่วเสวี่ยเข้าไปก่อนที่จะพูดกับผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรต้าเซี่ยว่า “ไปดูที่นั่นกันเถอะ”
“ขอรับ!”
เจียงเสี่ยวนู๋นั้นมีสถานะที่ได้รับการยกย่องและระหว่างทางมาที่นี่ซูรั่วเสวี่ยแจ้งผู้เชี่ยวชาญเอาไว้ให้เชื่อฟังคำสั่งของเจียงเสี่ยวนู๋ เขาอุ้มเจียงเสี่ยวนู๋และบินขึ้นไปยังกระเรียนขาวทันที และนางกำลังจะบินไปยังพื้นที่ที่เถาวัลย์ดารามารอยู่
“น้องสาวเสี่ยวนู๋กลับมาเถอะ!”
จ้านอู๋ซวงตะโกนออกมาอย่างรวดเร็วขนาดแม่เฒ่าบุปผาสีเงินยังไม่กล้าเข้าไปใกล้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะไปที่นั่น? ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะเข้าไปหาที่ตายหรอกหรือ?
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนั้นกำลังบินไปทางตะวันตกบนนกกระเรียนแล้วเรียบร้อยและไม่มีทางที่จ้านอู๋ซวงจะตามพวกเขาได้ทันอีกต่อไปเขาค่อนข้างกังวลและรีบเดินเข้าไปในห้องของหยุนเฟยและทั้งสองไปหาแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอย่างรวดเร็วและขอร้องให้นางพาเสี่ยวนู๋กลับมา
“เอาแต่ใจอะไรเช่นนี้!”
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินโกรธมากนางรู้แล้วว่าซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆอยู่ที่นี่ แต่นางไม่ได้คิดจะออกมาเช่นกัน นางล่วงรู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนั้นได้บินไปยังพื้นที่ทะเลนั้น แต่เดิมทีนางไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย แต่ตอนนี้หยุนเฟยกำลังขอร้องนาง นางจึงไม่สามารถบอกปัดไปได้ นางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากสาปแช่งและทำได้เพียงบินไป
นกกระเรียนขาวไม่ได้มีความเร็วเท่าไหร่นักแต่มันห่างไปเพียงแค่ไม่กี่สิบพริบตาก่อนที่จะถึงพื้นที่ทะเลที่เถาวัลย์ดารามารปรากฏตัวขึ้นมาซึ่งห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร แม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั้นว่องไวกว่ามากและตามไปหาเสี่ยวนู๋ด้วยความรวดเร็ว
แต่ใครจะไปรู้!
ในขณะนั้นเองเจียงเสี่ยวนู๋กวาดสายตามองไปที่แนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้จึงทำให้นางรู้ว่านี่คือจุดที่เกิดการต่อสู้ขึ้น นางจึงกระโดดลงไปและลงไปยังทะเล
“นังหนูเจ้ากำลังรนหาที่ตายชัดๆ!”
ดวงตาของแม่เฒ่าบุปผาสีเงินหดลงขณะที่นางตะโกนออกมาเจียงเสี่ยวนู๋กำลังตกลงไปอยู่เหนือเกาะและนางอยู่เหนือน้ำทะเลเพียงไม่กี่เมตร นางลังเลเพราะนางรู้ว่าหากเถาวัลย์ดารามารระเบิดออกมา ด้วยความแข็งแกร่งของนาง นางจะต้องตายอย่างแน่นอน
“เสี่ยวนู๋!”
เฉียนว่านก้วน,จ้านอู๋ซวงและหยุนเฟยมองไปยังเสี่ยวนู๋ที่กระโดดลงไป ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปในทันทีและพวกเขาต่างก็กรีดร้องและตะโกนออกมา สุ่ยโย่วหลานและจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่อยู่ในห้องจึงรับรู้ได้ พวกนางทั้งสองออกมาเพียงเพื่อดูเถาวัลย์ดารามารขนาดยักษ์ที่กำลังปะทุขึ้นมาจากทะเลและพุ่งตรงไปยังเจียงเสี่ยวนู๋
“เด็กโง่!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพุ่งตรงไปที่เจียงเสี่ยวนู๋นางอาจจะได้พูดคุยกับเจียงเสี่ยวนู๋เพียงสั้นๆ แต่เมื่อเห็นว่าสาวน้อยบริสุทธิ์ที่ไร้เดียงสาคนนี้เป็นสหายที่ดีต่อเสี่ยวเฟย นางจึงไม่สามารถมองดูเด็กคนนี้ตายได้
ฟึ่บฟั่บ!
ไม่ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะรวดเร็วถึงเพียงไหนแต่นางจะรวดเร็วกว่าเถาวัลย์ดารามารหรือ? เถาวัลย์นั้นได้พันรัดเจียงเสี่ยวนู๋ไปแล้วและกลับลงทะเลไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ปัง!
จักรพรรดินีสัตว์อสูรรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากนางยกมือขึ้นและยิงลำแสงที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ระเบิดออกมาจนทำให้มันกลายเป็นสึนามิ
“จักรพรรดินี!”
สุ่ยโย่วหลานบินไปที่นั่นใบหน้าของนางดูไม่โศกเศร้านัก แต่ค่อนข้างตื่นเต้นแทน นางจับมือจักรพรรดินีและพูดว่า “ท่านไม่ต้องเป็นกังวล เด็กคนนั้นไม่ได้พยายามที่จะฝังตัวเองไปพร้อมกับความตาย นางกำลังพยายามจะช่วยเจียงอี้”
“นางเนี่ยนะ?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรยิ้มเยาะออกมาและพูดออกมาอย่างไม่เชื่อ
“ฮึฮึองค์จักรพรรดินีอย่าได้ดูถูกเด็กนั่นจะดีกว่า”
สุ่ยโย่วหลานยิ้มจางๆและพูดอย่างใจเย็น“ในช่วงที่นังหนูนั่นอาศัยอยู่ในยอดเขาเทพธิดา ท่านไม่ได้ตระหนักเห็นถึงสิ่งที่แตกต่างในตัวนางเลยหรือ? คราหนึ่งที่เจียงอี้เคยเข้าไปในทะเลมรณะและบุกออกมาได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อธิบายมันออกมา แต่ตามการคาดเดาของข้า…..มันคงจะเป็นเพราะว่านังหนูนั่น”
“หืม?”
ดวงตาของจักรพรรดินีสัตว์อสูรเปล่งประกายออกมาขณะที่คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยนางมีสีหน้าที่ดูประหลาดไปขณะที่พึมพำว่า “ย้อนกลับไปตอนนั้นน่ะหรอ….ตอนที่ข้าพบกับนังหนูนั่นครั้งแรก นางมีพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ใส่ใจนัก ข้าคิดว่านางได้ขัดเกลาสมุนไพรหายากไป นังหนูนั่นเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษ? เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลัง?”
“เป็นไปได้สูง”
สุ่ยโย่วหลานยิ้มเล็กน้อยขณะที่นางมองไปยังทะเลลึกด้วยดวงตาที่งดงามของนางภาพของอีเพียวเพียวปรากฏขึ้นในใจขณะที่นางถอนหายใจและครุ่นคิดว่า แม่นางเพียวเพียวตั้งใจกลับไปที่ถิ่นกำเนิดและพาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาด้วยความตั้งใจจะให้เด็กนั่นปกป้องบุตรของนาง แล้วมันจะเป็นไปได้หรือที่เด็กคนนั้นจะเป็นคนธรรมดาเหมือนรูปโฉมของนางได้?
น้ำทะเลสงบลงอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าเถาวัลย์ดารามารจะไม่ปรากฏขึ้นตราบเท่าที่ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้บริเวณทะเลนั้น สุ่ยโย่วหลานและจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่ยืนอยู่กลางอากาศได้กลับไปที่เรือในเวลาต่อมา พวกนางบอกให้ทุกคนสงบสติอารมณ์และรออีกครึ่งเดือน
หากเจียงอี้ไม่กลับมาหลังจากผ่านไปครึ่งเดือนเช่นนั้นทุกคนก็ทำได้แค่กลับไป
“เจียงอี้เสี่ยวนู๋ พวกเจ้าทั้งสองจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”
ซูรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาหลังจากที่สลบไปสองชั่วโมงแต่นางไม่ได้ออกไปข้างนอก นางเพียงแค่นั่งเงียบๆอยู่ในห้องและมองออกไปนอกหน้าต่างและมองไปยังทะเลที่ไร้ขอบเขต แม่เฒ่าที่คอยเฝ้าซูรั่วเสวี่ยก็รู้สึกเป็นกังวลเนื่องจากนางกลัวว่าซูรั่วเสวี่ยจะทำเช่นเดียวกันกับเจียงเสี่ยวนู๋
และฝนก็เริ่มตกลงมาอีกครั้งโดยไม่รู้ตัวซึ่งทำให้ผิวทะเลกระเพื่อมเล็กน้อยและทำให้สภาพแวดล้อมรอบๆดูมืดครึ้มและสงบร่มเย็นเหมือนฤดูใบไม้ร่วง
…