เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 437 -438
บทที่ 437 ปีศาจกระหายเลือด
การต่อสู้ด้านล่างชะงักลงทันทีแต่มันไม่ใช่เพราะว่าเสียงคำรามของเจียงอี้หรือคำพูดข่มขู่ของเขา แต่เป็นเพราะกลิ่นอายของสัตว์อสูรนั้นน่ากลัวเกินไป แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็ยังไม่สามารถทนกับกลิ่นอายของราชันอสูรได้
ทุกคนมองไปบนท้องฟ้าขณะที่สัตว์อสูรขนาดมหึมาค่อยๆบินลงมาทำให้วิญญาณของพวกเขาหนาวสั่นเป็นไปได้ด้วยหรือที่มนุษย์จะสามารถต่อกรกับสัตว์อสูรที่มหึมาเช่นนี้?
“เจียงอี้?”
โชคดีที่ผู้บัญชาการบางคนที่พอมีประสบการณ์และแข็งแกร่งพอพวกเขารู้ว่านั่นคือสัตว์อสูรหยาจื้ออย่างรวดเร็วและยังมีเจียงอี้ที่ยืนอยู่บนนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุมราชันสัตว์อสูรได้และเจียงอี้ก็เป็นหนุ่มน้อยเพียงผู้เดียวที่ทำเช่นนั้นได้
“เจียงอี้!”
เมื่อผู้บัญชาการผู้นั้นพูดขึ้นมาทุกคนก็อยู่ในความโกลาหล ชื่อเสียงของเจียงอี้นั้นเลื่องลือในอาณาจักรเสินหวู่ เขาเป็นทั้งความภาคภูมิใจและความอัปยศของอาณาจักรเสินหวู่ เขายังเกี่ยวข้องกับกับอาณาจักรเสินหวู่ในหลายๆอย่างด้วย
ในบรรดากองทัพนี้ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือใต้เท้าของเหล่าทหารเมืองเสินปิง เซี่ยเทียนจวิ้น เขากลับมาสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะถูกกลิ่นอายราชันอสูรกดไว้อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังยกหอกขึ้นแล้วชี้ไป “เจียงอี้ เจ้ากำลังจะทำอะไร? นี่เจ้ากำลังคิดจะเปิดศึกกับอาณาจักรเสินหวู่รึ?”
ตั้งแต่ที่เจียงอี้ละทิ้งอาณาจักรเสินหวู่ไปเขาไม่เคยคิดจะเผยตัวตนอย่างเปิดเผยในอาณาจักรเลย นอกจากนี้ เซี่ยถิงเวยยังเคยกล่าวอีกว่าหากเจียงอี้กล้ามาเหยียบอาณาจักรเสินหวู่ เขาจะไม่ปล่อยให้เจียงอี้หนีรอดไปได้
ไม่ว่าในพิภพเขาจะเป็นบุคคลสำคัญหรือประสบความสำเร็จเพียงใดแต่ในสายตาของอาณาจักรเสินหวู่ เขาก็ยังเป็นสุนัขที่ทรยศอาณาจักรอยู่ดี กองทัพของอาณาจักรเสินหวู่นั้นแข็งแกร่งและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสองคน หนึ่งในนั้นคือบิดาของเขา ด้วยเหตุนี้ เซี่ยเทียนจวิ้นจึงมั่นใจว่าเจียงอี้จะไม่กล้าทำอะไรบ้าบิ่น
เจียงอี้มองลงไปด้านล่างหลังจากที่เขาแน่ใจว่ารองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆไม่ได้เป็นอันตรายใดๆเขาก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเขาก็กวาดสายตาเย็นชาไปที่ทุกคนและตะโกนออกมา “ไสหัวไปซะ! ข้าไม่ต้องการสังหารผู้ใด!”
“ฮือฮา!”
เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้งขณะที่เซี่ยเทียนจวิ้นและคนอื่นๆเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมาเขาไม่อยากฆ่าหรือเขาไม่กล้า? เจียงอี้นั้นยังถูกขนานนามว่าเป็นปีศาจกระหายเลือดไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้เขาเกิดมีเมตตาขึ้นมา?
เซี่ยเทียนจวิ้นเย้ยหยัน“เจ้าคือคนที่ควรจะไสหัวไปซะ คนกลุ่มนี้ได้สังหารคนและก่อความวุ่นวายในอาณาจักรเสินหวู่และพวกเขายังกล้าโจมตีทหารของเมืองข้า หากเราไม่สังหารพวกมัน อาณาจักรเสินหวู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ตระกูลเซี่ยของข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“ข้าไว้หน้าพวกเจ้ามามากพอแล้ว!”
เจียงอี้โกรธมากเขามองไปยังรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆขณะที่ตะโกนว่า “รองเจ้าสำนักฉี พาคนของท่านไปก่อน ข้าจะคอยดูว่าไอหน้าไหนมันกล้าเข้ามายุ่ง”
“ได้!”
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆเหินขึ้นไปแต่หอกของเซี่ยเทียนจวิ้นก็พุ่งออกมาด้วยแก่นแท้พลังราวกับมังกรท่วมท้น “ฆ่าพวกมัน! หากเจียงอี้กล้าแตะต้องพวกเรา เขาจะต้องตายแน่นอน!”
ฟึ่บฟั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากมายปล่อยแก่นแท้พลังออกมาทันทีด้านรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆก็ถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่รวดเร็วของพวกเขา พวกเขาอาจถูกสังหารไปแล้ว
บ้าเอ้ย!
เจียงอี้รู้สึกโกรธมากดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตขณะที่เจตจำนงสังหารหลั่งไหลออกมาจากร่าง เขาย้ายร่างฉับพลันขณะที่ไข่มุกมังกรเพลิงสว่างขึ้นพร้อมปรากฏดาบยาวในมือของเขาและเขาใช้มันฟาดฟันไปที่เซี่ยเทียนจวิ้น
ฟึ่บฟั่บ!
มังกรเพลงิขนาดเล็กนับหมื่นตัวระเบิดออกมาขณะที่เซี่ยเทียนจวิ้นและคนอื่นๆถูกตรึงไว้พวกเขาทำได้แค่มองไปยังมังกรเพลิงเล็กๆบินมาด้วยดวงตาที่หวาดกลัวและไม่เชื่อ เจียงอี้กล้าสังหารพวกเขาจริงๆ
ปึง!ปึง! ปึง!
เซี่ยเทียนจวิ้นเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกที่ถูกระเบิดและไม่เหลือซากหลังจากมังกรเพลิงบินออกไป ผู้เชี่ยวชาญที่เหลือของฝั่งเซี่ยเทียนจวิ้นก็ถูกกำจัดไปทั้งหมด กระบวนท่าเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารคนนับร้อยได้ในพริบตา
หลังจากขัดเกลาศิลาสวรรค์กว่าร้อยก้อนแก่นแท้พลังของเจียงอี้ก็แข็งแกร่งขึ้นมากดังนั้นการโจมตีรูปแบบเต๋าระดับกลางนี้จึงทรงพลังขึ้นมากเช่นกัน การโจมตีในครั้งนี้อาจเทียบได้กับขอบเขตจินกังขั้นแรกเลยก็ว่าได้
ฟึ่บฟั่บ!
จากนั้นเขาก็เหาะไปและกวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงจนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาดาบและกวาดล้างศัตรูที่เหลือราวกับว่าพวกเขาเป็นฟางข้าวที่กำลังถูกเก็บเกี่ยวในเวลาเพียงสิบห้านาทีก็ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย
ตึกตึกตึก!
มีทหารมากมายอยู่ที่กำแพงเมืองแต่พวกเขาทำได้เพียงมองดูเจียงอี้สังหารเจ้าเมืองของพวกเขาและผู้มีอำนาจคนอื่นๆ พวกเขาไม่กล้าออกจากตำแหน่งและยิ่งไม่กล้าลงมาเช่นกัน พวกเขาไม่ได้โง่เขลา ชื่อเสียงเรียงนามปีศาจกระหายเลือดนั้นไม่ได้มีไว้เพียงประดับเท่านั้น
“หลิ่วอวี้อยู่ที่ไหน?”
หลังจากสังหารคนสุดท้ายเสร็จแล้วดวงตาสีแดงโลหิตของเจียงอี้ก็จางหายไป ก่อนที่เขาจะหันไปมองรองเจ้าสำนักฉีที่หน้าตาดูซีดเซียว เจตจำนงสังหารของเขาน่ากลัวเกินไปและแม้แต่รองเจ้าสำนักฉีก็ไม่สามารถต้านทานมันได้
รองเจ้าสำนักฉีกลืนน้ำลายและหายใจเข้าลึกๆก่อนที่นางจะมองไปยังประตูเมือง“อยู่ในเมือง! เราต้องไล่ตามเข้าไปในเมือง แต่เราถูกคนพวกนี้ขัดขวางไว้”
“ไปกันเถอะ!”
เจียงอี้นำทางและเดินไปที่ประตูเมืองในขณะที่สัตว์อสูรหยาจื้อบินอยู่เหนือเมืองทหารบนกำแพงเมืองเริ่มตึงเครียดขึ้นมา แม่ทัพผู้ที่มีอำนาจสูงสุดสั่นสะท้านและพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “จะ เจอะ… เจียง อี้ เจ้าต้องการอะไร? ข้าขอเตือนเจ้า…หากเจ้ากล้าจู่โจมเมือง, องค์ราชาจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า…”
เจียงอี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาเย้ยหยันรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆก็มองว่าเขาช่างโง่เขลานัก ในขณะที่ทหารหลายนายก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน หากเจียงอี้กล้าที่จะสังหารใต้เท้าของเมืองเสินปิง, เซี่ยเทียนจวิ้นของตระกูลเซี่ยแล้ว เขาจะเกรงกลัวเซี่ยถิงเวยหรือ?
ฟึ่บฟั่บ!
เจียงอี้ใช้การกระทำถ่ายทอดความคิดของเขาเขาตวัดดาบมังกรเพลิงไปข้างหน้าขณะที่มังกรเพลิงสองตัวออกมาและระเบิดประตูเมืองออกเป็นเสี่ยงๆ
เจียงอี้นำหน้าเข้าไปในเมืองตามด้วยรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆถนนเต็มไปด้วยทหารและทุกคนถืออาวุธที่ส่องแสงอยู่ในมือ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้ ในขณะที่เจียงอี้และคนอื่นๆก็เดินไปข้างหน้าต่อ พวกเขาก็ค่อยๆถอยอย่างรวดเร็วโดยรักษาระยะห่างเอาไว้ประมาณไม่กี่สิบเมตร
เมื่อจำนวนทหารเพิ่มขึ้นกลุ่มของเจียงอี้ก็ถูกล้อมไว้ด้วยทหาร แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้และทำได้เพียงตามเขาไปเท่านั้น ทุกคนมีสีหน้าหวาดกลัวและตื่นตระหนก พวกเขามองไปที่เจียงอี้ด้วยสายตาที่เหมือนเห็นวิญญาณร้าย
“ทุกคนในเมืองจงฟังข้าข้าไม่ต้องการสังหารผู้บริสุทธิ์ อย่าให้ข้าต้องทำเช่นนั้น! ส่งตัวหลิ่วอวี้มา….ผู้ที่เป็นรองเจ้าสำนักหลิ่วแห่งสำนักจิตอสูร เมื่อพวกเจ้าทำเช่นนั้น ข้า เจียงอี้ จะออกไปจากที่นี่ทันที”
เจียงอี้เดินเข้าไปยังใจกลางเมืองและใช้แก่นแท้พลังเพิ่มเสียงตะโกนออกไปในขณะที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ค้นหาหลิ่วอวี้
“ใต้เท้าเจียง!”
หนึ่งในผู้บัญชาการทหารเดินออกมาและโค้งคำนับเขา“หลิ่วอวี้ออกไปทางประตูเมืองทิศเหนือแล้วและกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหวัง ผู้ใต้บัญชาผู้นี้ขอรับรองข้อมูลนี้ด้วยชีวิตของตระกูลข้าทั้งตระกูล ข้าพูดสัตย์จริง ได้โปรดไว้ชีวิตผู้คนเมืองนี้ด้วยเถอะ! เอ่อ….ข้ามีนามว่าอิงลู่ ข้าเป็นคนตระกูลอิง”
“คนตระกูลอิง?”
เจียงอี้เลิกคิ้วเขาปล่อยเฉียนว่านก้วนออกมาจากวังสีขาวในมือของเขา “เจ้ารู้จักคนผู้นี้ไหม?”
เฉียนว่านก้วนกำลังสบายอยู่ในราชวังจักรวาลและรู้สึกประหลาดเมื่อเขาถูกย้ายออกมาอย่างกระทันหันเขาขยี้ตาและมองอยู่หลายครั้งก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลอิงหรอกหรอ? ข้าจำได้ว่าข้าเคยพบเจ้ามาก่อน…เจ้ามีนามว่าอะไรนะ?”
“เอาล่ะเจ้ากลับไปได้แล้ว!”
ก่อนที่เฉียนว่านก้วนจะพูดจบเจียงอี้ก็โยนเขากลับเข้าไปในราชวังจักรวาลเสียแล้ว เขาย้ายร่างฉับพลันไปบนสัตว์อสูรหยาจื้อทันทีและบินไปทางเหนือด้วยความเร็วสูงสุด เขาส่งข้อความถึงรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆ “ข้าจะไปยังเมืองหวัง ลองค้นหาในเมืองนี้ดู และหากว่าพวกท่านไม่พบสิ่งใดก็จงกลับไปยังหุบเขาจิตอสูรซะ”
“ไปที่เมืองหวัง?”
หัวใจของรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆพากันวิ่งเต้นเจียงอี้กำลังจะไปยังเมืองหวัง? เขากำลังจะปะทะกับอาณาจักรเสินหวู่ หากเจียงเปี๋ยหลีอยู่ในเมืองหวัง พ่อและลูกชายอาจได้พบหน้ากันในสนามรบ…..
บทที่ 438 บุตรชายเขากลับมา
เหตุการณ์ที่จูเก๋อชิงหยุนถูกสังหารได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลอย่างมากหนึ่งในสิบอันดับผู้เชี่ยวชาญของทวีปนั้นล้วนส่งผลต่อทวีปมาก ย้อนไปเมื่อตอนที่ซูผิงผิงสิ้นลม ทั้งทวีปก็เกิดความปั่นป่วนมากแล้ว จึงจินตนาการได้เลยว่าทวีปนี้จะเป็นเช่นไรเมื่อจูเก๋อชิงหยุนผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขาสิ้นลมไป
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยังไม่เจอตัวผู้ทรยศที่สมคบคิดกับคนนอกนอกจากนี้ยังเป็นเรื่องปกติที่หลิ่วอวี้จะแฝงตัวอยู่ในสำนักจิตอสูรกว่าสามสิบปี อาณาจักรเสินหวู่, อาณาจักรต้าเซี่ย, อาณาจักรเทียนเซวี่ยน, และแม้แต่อาณาจักรเซิ่งหลิงเองยังมีคนของพวกเขาแฝงอยู่ในสำนักจิตอสูรเลย แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตและเป็นเพียงอาจารย์ เป็นเรื่องยากที่จะกล่าวได้ว่า จะไม่มีคนเช่นรองเจ้าสำนักหลิ่วในหมู่อาจารย์เหล่านั้นอีก
สิ่งที่แปลกคือ….ตัวตนของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั่น!
ทวีปนี้มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเพียงไม่กี่สิบคนตามข้อมูลจากอาณาจักรต่างๆ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังคนใดเคลื่อนไหวเลย แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะใช้บางสิ่งปิดบังเหมือนเจียงอี้
จักรวรรดิมังกรเวหาและทั้งห้าอาณาจักรได้ส่งหน่วยสอดแนมออกไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมและค้นหาว่าผู้ใดเป็นคนลงมือลอบสังหารจูเก๋อชิงหยุนแต่พวกเขาทั้งหมดก็ได้คำตอบที่ว่างเปล่าราวกับว่าจู่ๆผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังก็โผล่มาจากหนใดก็ไม่รู้และไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย ไม่มีแม้แต่ผู้ต้องสงสัยเลยด้วยซ้ำ
หลิ่วอวี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหวังนอกจากนี้ยังมีบุคคลลึกลับที่คอยขัดขวางรองเจ้าสำนักฉีและคนของนาง สิ่งนี้ทำให้หน่วยสอดแนมหลายคนสงสัยว่าหลิ่วอวี้นั้นทำงานใต้บัญชาของเซี่ยถิงเวยหรือเปล่า? บุคคลลึกลับนั่นใช่ขันทีหลินหรือไม่?
ข้อมูลถูกส่งกลับไปยังเมืองหวังหลังจากการต่อสู้ที่เมืองเสินปิงจบลงตอนนี้แม้แต่ตระกูลจ้าน, ตระกูลเฉียน และตระกูลหลงเองต่างก็ยังสงสัยว่าทำไมหลิ่วอวี้ถึงสามารถเข้าสู่เมืองเสินปิงได้อย่างง่ายดาย? เหตุใดเซี่ยเทียนจวิ้นจึงออกมาขัดขวางรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆด้วยตัวเอง?
เป็นไปได้ไหมว่าเซี่ยถิงเวยเป็นผู้ที่ส่งคนไปสังหารจูเก๋อชิงหยุน?
อันที่จริงแล้วเซี่ยถิงเวยรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเมื่อเขาได้ยินว่าเจียงอี้เข่นฆ่าคนที่เมืองเสินปิง เขาก็โกรธทันที เขาเรียกขุนนางทั้งหมดมาหารือเกี่ยวกับการรับมือในทันที ขุนนางทุกคนโกรธแค้นและพวกเขาทั้งหมดก็พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อขอให้เซี่ยถิงเวยส่งผู้เชี่ยวชาญไปกำจัดเจียงอี้และกอบกู้ศักดิ์ศรีของอาณาจักรพวกเขาคืนมา
เซี่ยถิงเวยพยักหน้าเบาๆและหันไปมองเจียงเปี๋ยหลีที่ยืนอยู่ซ้ายมือเขาพูดอย่างเฉยเมย “เปี๋ยหลี เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”
พ่อของจ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนมองไปที่เจียงเปี๋ยหลีทุกคนรู้ดีว่าเซี่ยถิงเวยเรียกหารือเพราะเขาต้องการฟังความเห็นของเจียงเปี๋ยหลี อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เจียงอี้มีพละกำลังมากเกินไป หากเจียงเปี๋ยหลีไม่ยื่นมือเข้ามา พวกเขาจะไม่สามารถโค่นเจียงอี้ได้
เจียงเปี๋ยหลียังคงนิ่งงันอยู่อย่างนั้นสักพักเขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดอย่างไร้ปรานี “ข้าคิดว่าในตอนนี้ เจียงอี้ไม่ใช่จุดสำคัญ สิ่งที่สำคัญคือการกำจัดหลิ่วอวี้ มิฉะนั้น ไม่เพียงแต่เจียงอี้จะสร้างหายนะให้กับเมืองหวัง แต่ชื่อเสียงของอาณาจักรเราอาจย่ำแย่ด้วย ทั่วพิภพจะคิดว่าเราเป็นผู้บงการและเมื่อมันเป็นเช่นนั้น ทุกคนก็จะชี้เป้ามาที่เรา”
ขุนนางทุกคนมองไปยังเซี่ยถิงเวยอย่างสงสัยไม่มีใครรู้ว่าเซี่ยถิงเวยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเป็นคนทำเรื่องนี้หรือ? แม้แต่จอมพลจ่างซุนก็ยังไม่รู้
จอมพลจ่างซุนกระพริบตาเบาๆเขารู้สึกว่าที่เจียงเปี๋ยหลีพูดมาก็มีเหตุผล ไม่สำคัญว่าเซี่ยถิงเวยจะเป็นคนทำหรือเปล่า แต่เรื่องนี้จะต้องไม่ทำให้อาณาจักรถูกหมายหัวไปด้วย มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องถูกด่าทอซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนของพวกเขาเสียความเชื่อมั่นไป ในยุคนี้เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
เขาโค้งคำนับและกล่าวว่า“ฝ่าบาท ที่จอมพลกองทหารตะวันตกกล่าวถูกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร….เราต้องกำจัดหลิ่วอวี้และเราไม่สามารถปล่อยให้เขาเข้ามาในเมืองได้ มิฉะนั้นมันจะส่งผลต่ออาณาจักรเราเป็นอย่างมากและผลที่ตามมานั้นจะเป็นหายนะพะยะค่ะ”
จอมพลจ่างซุนพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบแหลมไม่สำคัญว่าเซี่ยถิงเวยจะเป็นคนทำหรือไม่ ยังไงหลิ่วอวี้ก็ต้องตาย!
ดวงตาที่เย็นชาของเซี่ยถิงเวยกระพริบอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักได้อย่างรวดเร็วเช่นกันเขาพยักหน้าและกล่าวว่า “แม่ทัพไท่สื่อ ตอนนี้หลิ่วอวี้อยู่ที่ใด? ส่งคนไปจัดการเขาซะ!”
แม่ทัพคนหนึ่งจากตระกูลไท่สื่อรับคำสั่งและออกไปอย่างรวดเร็วและเพียงสิบนาทีต่อมาแม่ทัพไท่สื่อก็รีบกลับเข้ามาอีกครั้งในขณะที่เขาคุกเข่าลงและพูดด้วยสีหน้าที่หนักใจ “ฝ่าบาท ตอนนี้หลิ่วอวี้เข้ามาในเมืองแล้วพะยะค่ะ… เรายังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด!”
“อะไรนะ?”
เซี่ยถิงเวยและขุนนางมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยถิงเวยลุกขึ้นจากที่นั่งและพูดด้วยท่าทีอาฆาต “ใครเป็นแม่ทัพที่คอยดูแลประตูทิศใต้? นำตัวมันมา!”
“ไม่จำเป็นแล้ว…..”
แม่ทัพไท่สื่อถอนหายใจและพูดว่า“ผู้บัญชาการคือ จางหมิงเจียง และเขาเป็นผู้บัญชาการทหารหลวงของเมืองหวังมานานกว่าทศวรรษ เขายังเป็น…เขยตระกูลจ่างซุน เขาเป็นคนออกคำสั่งให้หลิ่วอวี้เข้ามาในเมือง หลังจากที่หลิ่วอวี้เข้าเมืองมาแล้ว ลูกน้องของเขาก็พบว่าเขาได้ฆ่าตัวตายไปแล้วพะยะค่ะ”
“ฆ่าตัวตาย?เขยตระกูลจ่างซุน?”
โถงพระราชวังเดือดพล่านขึ้นและดูเหมือนว่าทุกอย่างจะร้ายแรงและซับซ้อนมากขึ้น
ทุกคนนิ่งเงียบในขณะที่การแสดงออกของจอมพลจ่างซุนมืดมนมากเซี่ยถิงเวยเหลือบมองจอมพลจ่างซุนอย่างเฉยเมยและตะโกนว่า “แม่ทัพไท่สื่อ ส่งคนของเจ้าไปค้นหาในเมืองทันทีและจับกุมหลิ่วอวี้ซะ ขุดหาใต้ดินด้วยหากนั่นจะทำให้หาตัวมันพบ หากเจ้าไม่สามารถจับกุมมันได้ในสองชั่วโมง เช่นนั้นก็นำศีรษะของเจ้ามาที่นี่ซะ!”
“พะยะค่ะ!”
แม่ทัพไท่สื่อรีบนำกองทัพออกไปปิดล้อมเมืองทั้งเมืองค้นหาทุกบ้านเพื่อหาตัวหลิ่วอวี้ หากพวกเขาไม่พบหลิ่วอวี้ อาณาจักรเสินหวู่จะไม่สามารถแก้ตัวได้ และมันจะทำให้ทั้งทวีปเชื่อว่าจูเก๋อชิงหยุนถูกลอบสังหารโดยอาณาจักรเสินหวู่
ขุนนางทุกคนในอาณาจักรเสินหวู่พูดคุยกันทางสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัยเซี่ยถิงเวยเป็นคนสั่งจริงๆหรือ? หรือว่าจอมพลจ่างซุนจะสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก? ไม่งั้นหลิ่วอวี้จะเข้าเมืองหวังมาได้ยังไง? เขายังหายไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆ?
แน่นอน….
ว่ามีบางคนที่สงสัยว่าฝ่ายที่มีอิทธิพลพยายามจะวางกรอบอาณาจักรเสินหวู่หรือเปล่าคำถามก็คือ ฝ่ายใดกันที่มีอิทธิพลเช่นนั้น? ทำได้แม้กระทั่งแฝงเข้ามาในอาณาจักรเสินหวู่? พวกเขายังสามารถแม้แต่จะติดสินบนทายาทตระกูลเซี่ย เซี่ยเทียนจวิ้นได้?
ตอนนี้แม้แต่เจียงเปี๋ยหลีเองก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน!
เขารู้สึกว่าเซี่ยถิงเวยไว้ใจเขาน้อยลงเช่นเดียวกับเหตุการณ์ในวันนี้ จริงๆมันไม่จำเป็นต้องประชุมใหญ่โตก็ได้ เพียงแค่ไปถามเขาก็พอแล้ว และเมื่อตอนที่ขันทีหลินไปยังทะเลมรณะเพื่อสังหารเจียงอี้ เขาก็ไม่รู้เรื่องนี้เลยจนกระทั่งเขารู้ข้อมูลบางอย่างมาและคาดเดาด้วยตัวเอง
เจียงอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเซี่ยเพราะเซี่ยอู๋หุ่ยตายด้วยน้ำมือของเจียงอี้
เจียงเปี๋ยหลีอาจขับไล่เจียงอี้ออกจากตระกูลเจียงก็จริงแต่เซี่ยถิงเวยก็ยังคงมีความเคลือบแคลงใจ ซึ่งเจียงเปี๋ยหลีก็ไม่มีวิธีจัดการกับความเคลือบแคลงใจนี้ได้เช่นกัน
จูเก๋อชิงหยุนถูกลอบสังหารโดยคนที่เซี่ยถิงเวยส่งไปจริงๆหรือ?เจียงเปี๋ยหลีเองก็สงสัยเช่นกัน หลังจากนั้น เซี่ยถิงเวยก็กลับเข้าไปในวังของเขาโดยไม่ได้เรียกตัวเจียงเปี๋ยหลีไป ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยมากขึ้นไปอีก
ขุนนางทั้งหลายต่างพากันกระซิบกระซาบกันและเดินออกไปขณะที่คุยกันเบาๆเจียงเปี๋ยหลีได้แต่ถอนหายใจและเดินออกจากโถงพระราชวัง และในตอนนั้นเอง แม่ทัพนายหนึ่งก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็วและตะโกนก้องไปทั่ววังว่า “รายงาน! เจียงอี้มาถึงประตูเมืองทิศใต้แล้ว!”
เจียงเปี๋ยหลีมองไปทางทิศใต้ทันทีและเผยการแสดงออกที่ซับซ้อนออกมา
ในที่สุดบุตรชายของเขาก็กลับมา แต่เจียงอี้ไม่ได้กลับมาหาเจียงเปี๋ยหลี เขากลับมาเพื่อฆ่า!