เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 439-440
บทที่ 439 ล้างเมืองหวังด้วยเลือด
เจียงอี้กลับมาแล้ว!
ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองหวังแม้ว่าถนนในเมืองจะเต็มไปด้วยทหารแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งชาวเมืองที่อยากรู้อยากเห็นและความตกใจได้
ผู้ที่สามารถอาศัยอยู่ในเมืองหวังได้นั้นเป็นตระกูลผู้มีอิทธิพลทั้งหมดซึ่งเกี่ยวข้องกับกองทัพทหารหลวงด้วย ดังนั้นมันจึงง่ายดายที่พวกเขาจะสามารถล้วงข้อมูลได้ นอกจากนี้… เจียงอี้กำลังบินอยู่เหนือประตูทางใต้ของเมืองหวัง กลิ่นอายของสัตว์อสูรหยาจื้อก็ได้ครอบคลุมเมืองหวังไปครึ่งหนึ่งแล้ว
เจียงอี้กำลังยืนอยู่บนสัตว์อสูรหยาจื้อและมองเมืองหวังทั้งเมืองด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
เขาเกิดในอาณาจักรเสินหวู่และคิดว่าตนเป็นคนของเมืองเสินหวู่ในอดีตเขาคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม ความฝันในวัยเด็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการได้มาเที่ยวชมเมืองหวังสักครั้งและได้พบกับผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรเสินหวู่ เจียงเปี๋ยหลี!
เมื่อเขาย้อนกลับไปนึกถึงมันมันก็น่าขันจริงๆ เจียงเปี๋ยหลีเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดเขาและเมืองหวังแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจอย่างที่สุด และในนั้นก็มีศัตรูคู่อาฆาตของเขา เซี่ยถิงเวย!
กลับไปตอนนั้นอาณาจักรเสินหวู่ต้องการตัวเขาในฐานะสุนัขทรยศและถูกตัดสินให้มีความผิดฐานทรยศ ส่วนเจียงเปี๋ยหลีก็ขับไล่เขาออกจากตระกูลเจียงและทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงไปตลอดชีวิต ในตอนนั้นเขาได้เตรียมที่จะหนีไปยังที่ที่ห่างไกลและปลีกตัวบำเพ็ญแล้ว!
ในวันนี้เขากลับมาอย่างมีเกียรติ เขายังคงเป็นอาชญากรที่ก่อกบฏในขณะที่เมืองหวังนั้นเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสองคนที่คอยปกป้องที่นี่ แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวหรือขี้ขลาดเลย เพราะหลิ่วอวี้ต้องตาย!
เจียงอี้ต้องทวงความยุติธรรมมาให้ชายชราที่น่าเคารพรักให้ได้!
เขาไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดมองด้านล่างเงียบๆเขากวาดมองไปรอบกองทัพนับหมื่นที่แข็งแกร่งและอัดแน่นอยู่บนกำแพงเมือง เขากวาดไปทั่วบ้านพักและลานด้านในเมือง และกวาดตามองไปยังเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลต่างๆ
และเขาก็ได้คำตอบที่เขาต้องการ!
จากเสียงจอแจอละบทสนทนาต่างๆเขาก็ได้รู้ว่าหลิ่วอวี้เข้าไปในเมืองแล้ว ผู้ที่ปล่อยให้เขาเข้าไปได้ฆ่าตัวตายและผู้บัญชาการคนนั้นเป็นสมาชิกตระกูลจ่างซุน!
ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าจูเก๋อชิงหยุนถูกวางแผนโดยอาณาจักรเสินหวู่อย่างน้อยพวกเขาก็มีส่วน เซี่ยเทียนจวิ้นและเขยจากตระกูลจ่างซุนนั้นคือหลักฐานที่ดีที่สุด
จากนั้น…เขาก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังทันทีและตะโกนออกมา“เซี่ยถิงเวย ออกมาพบข้า!”
“ฮือฮา!”
เมืองทั้งเมืองเดือดพล่านทุกคนรู้จักชื่อเซี่ยถิงเวยแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาอย่างเปิดเผย มันเป็นสิ่งที่จะทำให้พวกเขาถูกตัดหัวได้ เซี่ยถิงเวยเป็นผู้ปกครองที่เลื่องชื่อ เขาคือเทพแห่งอาณาจักรเสินหวู่
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่อยู่เหนือท้องฟ้าเมืองหวังเอ่ยชื่อเซี่ยถิงเวยออกมาตรงๆ?
เจียงอี้ไม่เคารพเซี่ยถิงเวยซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาไม่เคารพอาณาจักรเสินหวู่และทุกคนที่อาศัยอยู่ในนั้นผู้เชี่ยวชาญหลายคนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินหวู่นับไม่ถ้วนเหาะออกมาจากลานด้านล่างไปยังประตูเมืองทางใต้ มีคนมากมายเริ่มตะโกนออกมาแต่ไกล
“เจียงอี้เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ทะนงตัวและเอ่ยนามขององค์ราชา! เจ้ากำลังก่อเรื่องชั่วร้ายและสมควรได้รับโทษ!”
“ใช่แล้วเจียงอี้! เจ้าอาจจะเป็นอุปราชแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย แต่นี่ไม่ใช่อาณาจักรต้าเซี่ยของเจ้า หากเจ้ากล้าพูดจาเช่นนั้นออกมา เจ้าก็จะจบลงด้วยการนองเลือด!”
“คุกเข่าลงและขอโทษซะไม่อย่างนั้น เราจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!”
“เจียงอี้ยอมจำนนเดี๋ยวนี้และรอให้องค์ราชาตัดสินเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าจะตายไปโดยไม่มีหลุมไว้เคารพศพเจ้า!”
“…”
มีคนโวยวายอยู่ด้านล่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่าร้อยคนรีบพุ่งออกมาและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดพร้อมประณามเจียงอี้ เสียงที่โกรธเกรี้ยวของพวกเขาดังก้องไปทั่วทางใต้ของเมืองราวกับว่าพวกเขากลัวว่าจะไม่มีใครได้ยิน อย่างไรก็ตาม…ก็ไม่มีผู้ใดกล้าโจมตีเจียงอี้
เจียงอี้ไม่ได้สนใจที่จะคุยกับคนพวกนี้ก่อนหน้านี้เขาสุภาพมากแล้วจริงๆ มิฉะนั้นเขาจะไม่พูดเช่นนั้น เขาคงจะตะโกนออกมาว่า ‘เขยิบก้นของเจ้าออกมาที่นี่ซะ!’ ไปแล้ว
เขากวาดสายตาเย็นชาไปยังคนด้านล่างและตะโกนว่า“จะหุบปาก..หรือตาย!”
ในทันใดนั้นเอง…
ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความเงียบเจียงอี้เป็นใคร? ศพของเซี่ยเทียนจวิ้นยังคงนอนอยู่นอกเมืองเสินปิง หากพวกเขาทำให้เขาโกรธขึ้นมาจริงๆ เขาสามารถปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาได้ เมื่อดาบมังกรเพลิงของเขาออกมา แม้แต่เจียงเปี๋ยหลีและขันทีหลินก็คงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
เจียงอี้ถอนสายตาและมองไปทางทิศเหนือของเมืองและตะโกนออกมาอีกครั้ง“เซี่ยถิงเวย ข้าไว้หน้าเจ้ามามากพอแล้ว เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะถล่มวังหลวงที่น่าสมเพชของเจ้าให้ลงไปกองกับพื้น?”
“ฮือฮา!”
ทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้งและผู้คนก็ก่นด่าสาปแช่งเขาอีกครั้งแต่หลังจากที่ถูกตรึงโดยจิตสังหารของเจียงอี้ คำพูดทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกกลืนกลับเข้าท้องไป
โฮก!
มีเสียงคำรามของมังกรดังมาจากทิศเหนือของเมืองมังกรปีกสีดำกว่าสิบตัวทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกรดำแต่ละตัวมีผู้เชี่ยวชาญมาด้วยมากกว่าสิบสองคน มีเพียงมังกรดำที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่บรรทุกคนมาเพียงสองคน
หนึ่งในนั้นสวมเสื้อคลุมมังกรและเปล่งไปด้วยพลังงานมากมายและมันเปล่างประกายจนผู้คนไม่สามารถมองเขาได้ตรงๆ ข้างๆเขาคือขันทีชราที่มีหลังคดงอและผมหงอก เขามีรอยยิ้มที่ขี้ประจบสอพลอซึ่งดูเหมือนหมาแก่นัก
มังกรดำทั้งหมดมีกลิ่นอายไม่แพ้สัตว์อสูรหยาจื้อเมื่อพวกมันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเมื่อประชาชนชาวเมืองและทหารตามท้องถนนเห็นบุคคลนี้ ทุกคนก็ตะโกนออกมา “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
ในที่สุดเซี่ยถิงเวยก็ออกมา
ดวงตาของเจียงอี้สว่างขึ้นเขาไม่ต้องการเข่นฆ่าใครจริงๆ เมืองนี้มีคนธรรมดามากเกินไปและหากเกิดการสู้รบที่นี่ พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน เขาไม่จำเป็นต้องมองก็เข่นฆ่าทหารได้ แต่ประชาชนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์
เจียงเปี๋ยหลีไม่ได้มา?เขาไม่ได้อยู่แถวนี้หรือจงใจหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้?
หัวใจของเจียงอี้เกิดความสับสนแต่เมื่อมังกรดำเข้ามาใกล้ ดวงตาของเขาก็กลับมาเย็นชาขณะที่มองไปยังเซี่ยถิงเวยอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเขาเหลือบมองไปที่ขันทีหลิน ดวงตาของเขาก็มีความจงชัง เขาเกือบถูกขันทีเฒ่าผู้นี้สังหารในศึกเมืองเซี่ยยวี่แล้ว และคนผู้นี้ก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ที่ทะเลมรณะที่สุดเช่นกัน
เซี่ยถิงเวยและคนของเขาหยุดอยู่กับที่เมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากเจียงอี้มากกว่าสามกิโลเมตรพวกเขาจำได้ว่าศาสตร์แปรผันดวงจิตของเจียงอี้นั้นอยู่ที่ประมาณสามกิโลเมตร และด้วยการมีขันทีหลินอยู่ใกล้ๆ ระยะเท่านี้ก็ค่อนข้างปลอดภัย
“เจียงอี้!”
เมื่อเซี่ยถิงเวยออกมาก็ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะ เขามองเจียงอี้ด้วยสายตาเย็นชาขณะที่พูดว่า “ยังไม่ครบกำหนดสัญญาสามปี เจ้ามาที่อาณาจักรเสินหวู่ของข้าทำไม? หรือเจ้าจะทำลายสัญญาและก่อสงครามกับอาณาจักรเสินหวู่?”
หลักแหลม!
เจียงอี้ยกนิ้วให้เขาในใจเซี่ยถิงเวยผู้นี้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุด เขาพูดและทำให้ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบออกมาทันที หากเจียงอี้กล้าก่อสงครามโดยไม่พูดอะไร พวกเขาก็จะสามารถสังหารเจียงอี้ได้ในขณะที่จักรพรรดินี สุ่ยโย่วหลานและคนอื่นๆจะไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เจียงอี้เป็นคนเริ่มก่อน
เจียงอี้ไม่ใช่คนโง่เขาจึงไม่ได้เริ่มสงครามอย่างบ้าบิ่น เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิมและรอให้เซี่ยถิงเวยออกมา เขาหัวเราะและพูดว่า “เซี่ยถิงเวย ข้าไม่ได้คาดว่าเจ้าจะไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้ากำลังกล่าวหาในตอนที่เจ้าเป็นผู้มีมลทิน? เจ้ากล้าทำแต่ไม่กล้ารับ? เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับหลิ่วอวี้เพื่อสังหารจูเก๋อชิงหยุน อาจารย์ผู้ใจบุญของข้า หากเจ้าไม่ส่งผู้ร้ายมา เช่นนั้นก็อย่ามาโทษข้า เจียงอี้ ที่จะล้างเมืองหวังนี้ด้วยเลือดก็แล้วกัน!”
“ฮือฮา!”
ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความอลหม่านเรื่องที่จูเก๋อชิงหยุนถูกสังหารนั้นได้แพร่ไปทั่วเมืองแล้ว แต่คนธรรมดานั้นไม่รู้ว่าหลิ่วอวี้ได้เข้ามาในเมืองแล้ว
“เจียงอี้ระวังคำพูดด้วย!”
เซี่ยถิงเวยระเบิดความโกรธออกมา“ข้าผู้นี้นับถือเจ้าสำนักจูเก๋อมาโดยตลอด ทำไมข้าจะต้องทำร้ายเขา? ขันทีหลินและเปี๋ยหลีตลอดเวลาที่ผ่านมา พลเมืองและทหารของเมืองนี้เป็นพยานได้ และนอกจากพวกเขาแล้ว ใครกันที่จะสามารถสังหารเจ้าสำนักจูเก๋อได้?เจ้าพูดจาพล่อยๆและยังกล้าสังหารผู้คนในอาณาจักรของราชาผู้นี้ ตอนนี้เจ้ายังกล้าใส่ร้ายข้าอีกหรอ? หากวันนี้เจ้าไม่อธิบายมา องค์ราชาผู้นี้จะประหารเจ้าแม้ว่าเจ้าจะได้รับการปกป้องจากจักรพรรดินีสัตว์อสูรและแม่หญิงสุ่ยก็ตาม!”
“ฮ่ะฮ่ะฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะออกมาในขณะที่ผมสีแดงสะบัดอยู่กลางอากาศร่างของเขาเต็มไปด้วยเจตจำนงสังหารขณะที่ชี้ดาบมังกรเพลิงและตะโกนออกมาว่า “ขันทีหลินและเจียงเปี๋ยหลีอยู่ในเมืองนี้หรือไม่ ก็มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ เจ้าต้องการใช้คนของเจ้ามาเป็นพยาน? เจ้ามีหน้ามาพูดเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าเพียงอยากจะถามเจ้า…ทำไมรองเจ้าสำนักฉีและคนของนางถูกขัดขวางระหว่างทางที่พวกเขาไล่ตามหลิ่วอวี้?”
“ทำไมอาณาจักรเสินหวู่ถึงไม่จับกุมหลิ่วอวี้เมื่อเขาก่อความเสียหายในอาณาจักรเสินหวู่ทำไมหลิ่อวี้ผ่านเข้าไปในเมืองเสินปิงได้ง่ายดายนัก? ไม่เพียงแค่ใต้เท้าเมืองเสินปิงจะปล่อยเขา แต่คนผู้นั้นยังพยายามขัดขวางรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆ? ตอนนี้ ทำไมหลิ่วอวี้จึงได้เข้ามายังเมืองหวังได้โดยไม่มีการถูกขัดขวางใดๆ? ทำไมแม่ทัพที่ประตูเมืองจึงได้ฆ่าตัวตาย? เซี่ยถิงเวย หยุดพูดเรื่องไร้สาระทั้งหมด แค่บอกมาว่าเจ้าจะส่งตัวผู้กระทำผิดมาหรือไม่ หากเจ้าไม่ทำ ข้าจะเริ่มลงมือสังหาร!”
บทที่ 440 เจียงอี้ จงรับความตายของเจ้าซะ
เซี่ยถึงเวยนั้นยังไม่สามารถจับตัวหลิ่วอวี้ได้และแม้ว่าเขาจะเจอหลิ่วอวี้แล้วแต่เซี่ยถิงเวยก็จะไม่ส่งตัวให้เขาเช่นกัน
เจียงอี้เป็นใครกัน?เหตุใดเซี่ยถิงเวยจึงต้องส่งตัวผู้ร้ายให้เพียงเพราะเจียงอี้ต้องการตัวมัน? ไม่เช่นนั้นก็แปลว่าอาณาจักรเสินหวู่กลัวเจียงอี้? ในฐานะอาณาจักรอันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนชิง หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป อาณาจักรเสินหวู่จะกลายเป็นตัวตลกของผู้อื่น อำนาจบารมีที่เขาสั่งสมมาหลายปีก็จะหล่นฮวบลงไปสู่จุดต่ำสุด
เจียงอี้มีความแค้นเคืองใจเขาจึงพูดด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ส่วนเซี่ยถิงเวยก็ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เขาไม่มีคำอธิบายใดๆ เช่นกัน เขาหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “ใครๆก็สามารถป้ายความผิดให้คนอื่นได้และสังหารพวกเขา ใช่ไหม? เจียงอี้ เจ้ากล้าทำตัวหยาบคายและไร้เหตุผลได้อย่างไร? เช่นนั้นก็มาเถอะ หากเจ้าต้องการที่จะสู้ เราก็จะให้ตามคำขอของเจ้า ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าลูกหลานอาณาจักรเสินหวู่ของข้าคนใดที่จะเกรงกลัวต่อเด็กที่ไม่ภักดี, ไร้หัวใจ, ผิดสัตย์และไม่มีคุณธรรม”
“ไม่ภักดี,ไร้หัวใจ, ผิดสัตย์และไร้คุณธรรม? ฮ่าฮ่าฮ่า”
เจียงอี้โกรธมากและไม่ต้องการจะทำสิ่งที่ไร้สาระอีกต่อไปหากเซี่ยถิงเวยไม่เอาสมุนไพรสยบวิญญาณที่มันควรเป็นของเขาไป เขาจะไม่ภักดีหรอ? หากเขาไม่มีพ่อเช่นเจียงเปี๋ยหลี เขาจะไร้คุณธรรมไหม? ‘ไร้หัวใจ’ และ ‘ผิดสัตย์’ ยิ่งไร้สาระ เขาออกคำสั่งทันที “ราชันสัตว์อสูร! ลงมือซะ! ตราบใดที่ไม่ใช่สามัญชน ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าโจมตีเจ้าก็จงสังหารมันอย่าลังเล!”
หลังจากพูดจบเขาก็ย้ายร่างฉับพลันไปยังพื้นที่กว้างที่อยู่นอกเมืองประมาณสามกิโลเมตรทันที สัตว์อสูรหยาจื้อคำรามเหนือท้องฟ้าขณะที่กลิ่นอายอันรุนแรงของมันถูกปล่อยออกมาจากร่างกาย เขาที่คล้ายเปลวไฟบนหัวของมันส่องประกายขณะที่มันยิงลำแสงออกมา เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของมันคือเซี่ยถิงเวย
สัตว์อสูรหยาจื้อไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกันจอมเวทย์ได้ทิ้งมันไว้ให้กับเจียงอี้และก่อนที่วิญญาณของเขาจะหายไปเขาก็ได้บอกกับมันไว้ว่าหากมันต้องการจะทะลวงไปสู่จักรพรรดิสัตว์อสูรในชีวิตนี้ มันจะต้องอุทิศตัวเองให้เจียงอี้และรับฟังคำสั่งของเขา
ราชันสัตว์อสูรไม่มีข้อกังขาใดๆต่อจอมเวทย์เดิมทีมันดูหมิ่นเจียงอี้ แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว มันก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องตัวตนลึกลับของเจียงเสี่ยวนู๋ เพียงการกระทำของเจียงอี้ในพิภพใต้ดินนั้นก็เพียงพอสำหรับมันแล้วที่เขาจะได้ความภักดีของมันไป
“องค์ราชาถอยไปเร็วเข้าพะยะค่ะ!”
หลังงอๆของขันทีหลินยืดตรงขึ้นมาในขณะที่ร่างของเขาระเบิดกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมาและกระโดดออกจากหลังมังกรดำขณะที่ผลักมังกรดำไปข้างหลังเพื่อให้เซี่ยถิงเวยหลบแสงสีขาวที่น่ากลัวนั่นได้
ฟึ่บฟั่บ!
แสงสีขาวทะลุผ่านท้องฟ้าและในที่สุดก็พุ่งเข้าชนห้องโถงห้องหนึ่งในวังหลวงเสียงระเบิดดังขึ้นในขณะที่พระราชวังกำลังพังทลาย เศษหินกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศและมีควันเมฆรูปเห็ดลอยขึ้นไปเหนือท้องฟ้า มันรู้สึกได้ราวกับว่าทั้งวังหลวงกำลังสั่นสะเทือน
“เจ้าอสูรหากเจ้าอยากจะสู้ ก็ขึ้นไปสู้กันข้างบน!”
จิตสังหารที่รุนแรงของขันทีหลินจับจ้องไปที่สัตว์อสูรหยาจื้อในขณะที่เขามีสายตายั่วยุสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นต้องหารพุ่งไปหาเซี่ยถิงเวยแต่มันถูกสายตานั่นยั่วยุมัน และมันก็ไม่ต้องการสังหารผู้บริสุทธิ์คนใดมิฉะนั้นมันอาจจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์โกรธเกรี้ยวมัน หากพวกเขารวมพลังกันไล่ล่ามัน สุดท้ายมันก็จะต้องตายอย่างอนาถ มันหันกลับไปมองเจียงอี้ก่อนที่มันจะคำรามและพุ่งขึ้นไปหาขันทีหลินที่อยู่บนฟ้าทันที
“เฮอะๆเจ้าอสูร เจ้าอาจจะเป็นราชันสัตว์อสูรขั้นสูงสุดแล้ว แต่เจ้าก็ยังแปลงร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้ ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเพียงสัตว์ป่าธรรมดา ขันทีผู้นี้จะทำให้เจ้าไม่สามารถกลับไปหานายของเจ้า!”
ขันทีหลินหัวเราะอย่างชั่วร้ายและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเขาบินขึ้นไปหลายพันกิโลเมตร ร่างของสัตว์อสูรหยาจื้อก็หลายเป็นเหมือนลูกไฟขณะที่มันคำรามด้วยความโกรธและไล่ตามเขาไป
“เอาหัวไอคนทรยศมาให้ข้าซะ!”
เซี่ยถิงเวยตะโกนออกมาขณะที่มังกรดำทั้งหมดที่อยู่ข้างๆเขาพุ่งออกไปมังกรดำทั้งหมดเป็นสัตว์อสูรระดับสามขั้นสูงสุดและผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุด พวกเขาล้อมเจียงอี้ไว้ จากนั้นก็ปล่อยแก่นแท้พลังใส่เขา
เซี่ยถิงเวยทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเขาไม่กลัวว่าข้าจะย้ายร่างทันทีและไปสังหารเขา?
เจียงอี้ไม่ได้เคลื่อนไหวในเดี๋ยวนั้นและกระพริบตาอย่างสงสัยแทนขันทีเฒ่านั่นเทียบราชันสัตว์อสูรในเรื่องของความแข็งแกร่งไม่ได้ แต่เขาก็ยังท้าสู้? ในฐานะขันทีเขาควรจะอยู่ข้างเซี่ยถิงเวยไม่ใช่หรือ?
ตอนนี้เจียงเปี๋ยหลีไปอยู่ไหนกัน?
เขาไม่ได้อยู่ในเมืองหวัง?หรือว่าเขากำลังซุ่มโจมตีเพื่อที่จะสังหารเจียงอี้ในฝ่ามือเดียว?
ฟึ่บฟึ่บ!
แก่นแท้พลังหลายสายสาดเข้ามาและเจียงอี้ไม่มีเวลาคิดอีกต่อไปการต่อสู้เริ่มขึ้นแล้วและเขาไม่มีทางถอย ในวันนี้เขาต้องสังหารเซี่ยถิงเวยและขันทีหลิน
และผลลัพธ์ก็อาจจะ….ลงนรกไปกับพวกเขา!
ดวงตาของเจียงอี้เย็นชาในขณะที่หัวใจของเขาเกิดความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแม้ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะมาและกล้าลงมือ เจียงอี้ก็จะสู้กลับอย่างแน่นอน หากเจียงเปี๋ยหลีไม่ยอมรับเขาเป็นบุตรแล้วทำไมเขาจะต้องยอมรับว่าเจียงเปี๋ยหลีคือพ่อของเขาด้วย?
พรึ่บ!
ร่างของเขาหายไปขณะที่ร่างถูกย้ายไปเหนือท้องฟ้าดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตขณะที่เจตจำนงสังหารที่น่าสะพรึงหลั่งไหลออกมาตรึงมังกรดำและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวไว้
“วายุคณานับ!”
เขาใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาทันทีเขาไม่เคยต่อสู้เหมือนคนอื่นที่จะมาแลกกระบวนท่ากันก่อนโดยโจมตีจากการโจมตีที่อ่อนแอที่สุดก่อนที่จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นเป็นวิธีการต่อสู้ที่โง่เง่า เมื่อผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงสู้กัน มันมักจะถูกตัดสินในกระบวนท่าเดียว เมื่อไหร่กันที่พวกเขาจะยอมให้อีกคนมีเวลาและค่อยๆปล่อยการโจมตีทั้งหมดออกมา?
ฟึ่บฟั่บ!
มังกรเพลิงจิ๋วหลายหมื่นตัวส่งเสียงออกมาตอนนี้มังกรดำสองตัวและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวถูกตรึงเอาไว้ และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกตรึงไว้ แต่มันก็คงยากสำหรับพวกเขาที่จะต้านทานการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้ ใช่ไหม? เพราะนี่เป็นการโจมตีรูปแบบเต๋าระดับกลาง!
ปึง!ปึง! ปัง!
เกิดแสงราวกับดอกไม้ไฟลูกใหญ่ขึ้นสองดวงขณะที่มีกลุ่มหมอกเลือดสองก้อนระเบิดออกมามังกรดำสองตัวและผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ขั้นสูงสุดทั้งหมดล้วนแล้วแต่กลายเป็นเนื้อสับ ท้องฟ้าหลั่งฝนเลือด และมีแขน ขา อวัยวะภายในขาดร่วงลงมา มันเป็นภาพที่ตราตรึงใจทุกคนที่ทำให้ทุกคนสามารถอาเจียนได้ในพริบตา
ซื่อซ่า….
ทุกคนตกตะลึงและเซี่ยถิงเวยในตอนนี้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเขานำทางมังกรดำให้บินกลับไปที่วังหลวงทันที และผู้เชี่ยวชาญที่อยู่รอบๆพยายามปลดปล่อยแก่นแท้พลังของพวกเขาใส่เจียงอี้, ใช้การโจมตีรูปแบบเต๋า, พยายามที่จะล้มเขาและหยุดเขาไว้
“คิดหนีรึ?”
เจียงอี้หัวเราะเยาะในเมื่อเขาต้องหลบการโจมตีที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เขาจึงคิดว่าย้ายร่างฉับพลันไปปรากฏต่อหน้าเซี่ยถิงเวยดีกว่า
หลังจากที่ถูกหุ้มด้วยเจตจำนงสังหารมังกรดำก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป มันหยุดอยู่กลางอากาศด้วยสายตาที่หวาดกลัว ดวงตาของเซี่ยถิงเวยเต็มไปด้วยความกลัวและรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก!
“องค์ราชา….”
ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนตะโกนออกมาขณะที่พวกเขาพยายามบินไปที่นั่นอย่างรีบร้อนในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีกลิ่นอายที่ทรงพลังปรากฏขึ้นขณะที่เงาดำพุ่งออกมา หูของเจียงอี้ก้องไปด้วยข้อความที่ถูกส่งมา “ระวัง!”
ในที่สุดเจียงเปี๋ยหลีก็ปรากฏออกมา!
ระวัง?ใครกันที่เขาบอกให้ระวัง?
เจียงอี้สะดุ้งขึ้นมาแต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ปล่อยออกไปอย่างไม่ลังเลดาบมังกรเพลิงของเขายังคงผ่าไปที่ด้านหน้าขณะที่เขาปล่อยมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นไปทางเซี่ยถิงเวย
บุฟ!
บางอย่างที่น่าสับสนเกิดขึ้นตอนนี้เซี่ยถิงเวยยิ้มออกมาขณะที่อากาศข้างๆเขาสะเทือนและดูเหมือนจะบิดเบี้ยว ในวินาทีต่อมาร่างของเซี่ยถิงเวยก็หายไปจากตำแหน่งนั้น
ย้ายร่างทันที?รูปแบบเต๋ามิติ? เป็นไปได้ยังไงกัน เซี่ยถิงเวยสามารถเคลื่อนไหวภายใต้เจตจำนงสังหารของเขาได้อย่างไร? หรือเซี่ยถิงเวยบรรลุไปถึงขอบเขตจินกังแล้ว?
เจียงอี้ตระหนักได้ในตอนนี้ว่าคำว่าระวัง ของเจียงเปี๋ยหลีนั้นไว้เตือนให้เจียงอี้ระวังเซี่ยถิงเวย
เจตจำนงสังหารของเขาสามารถตรึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดายแต่เซี่ยถิงเวยยังสามารถขยับได้? เขาหายตัวไปกลางอากาศด้วยซ้ำ นั่นก็หมายความว่าเขาจะต้องเขาถึงรูปแบบเต๋ามิติถึงแก่นแล้ว หรือให้กล่าวอีกอย่างก็คือ…..เซี่ยถิงเวยทะลวงสู่ขอบเขตจินกังแล้วแน่นอน!
ไป….
ร่างของเจียงอี้สว่างวาบไปด้วยแสงสีขาวขณะที่เขาย้ายร่างฉับพลัน!
ในขณะนั้นเองมีฝ่ามือขนาดยักษ์ที่มาจากหนใดก็ไม่รู้ได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเจียงอี้ ในขณะที่ฝ่ามือนั้นกระแทกลงมา อากาศก็สั่นไหว เจียงอี้ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้ แต่พื้นที่ทั้งหมดยังสั่นสะเทือนจนเจียงอี้ไม่สามารถแม้แต่จะยืนนิ่งได้ราวกับว่าเขายืนอยู่บนเรือลำเล็กท่ามกลางคลื่นยักษ์
“ฮ่าฮ่าฮ่าเจียงอี้ จงรับความตายของเจ้าซะ!”
ร่างของเซี่ยถิงเวยปรากฏขึ้นจากที่หนึ่งขณะที่ฝ่ามือของเขาชี้เป้ามาทางเจียงอี้ฝ่ามือนั้นเปล่งแสงและมีกลิ่นอายที่น่ากลัวราวกับว่าภูเขายักษ์กำลังกดลงมาและกำลังจะบดขยี้เจียงอี้ให้แหลกเป็นผุยผง!
….