เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 441 -442
บทที่ 441 เหตุการณ์พลิกผัน
“อา….”
ทุกๆคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองไปที่ตัวตนผู้มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามด้วยความตกตะลึงเซี่ยถิงเวยผู้ที่แข็งแกร่งกว่าขันทีหลิน พวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคยแปลกๆและคิดว่า….นั่นยังเป็นองค์ราชาของพวกเขาอยู่หรือเปล่า?
เซี่ยถิงเวยแต่เดิมมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขอบเขตเสินโหยวขั้นที่สี่ถึงขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยวอยู่แล้วความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้นั้นเป็นขอบเขตจินกังจริงๆหรือ? ยิ่งกว่านั้น หากสำรวจมองดูแล้วเขาอาจจะอยู่เหนือขั้นที่ห้าของขอบเขตจินกังด้วยซ้ำ!
นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักประเด็นสำคัญคือ….เซี่ยถิงเวยซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ หากไม่ใช่เพราะเจียงอี้โจมตีเมืองหวัง เขาก็คงจะไม่เปิดเผยตัวตนใช่ไหม?
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนดูเหมือนว่าจะมีจอมยุทธผู้หนึ่งที่บุกทะลวงขอบเขตจินกังได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่พอใจกับความสำเร็จของเขาและไม่ได้ป่าวประกาศให้โลกรับรู้เพื่อยินดีและสรรเสริญเขา แต่เขาเลือกที่จะปกปิดมันแม้กระทั่งจากผู้เป็นภรรยาและลูกชาย แม้กระทั่งขุนนางที่เขาไว้ใจมากที่สุด มิฉะนั้นความลับนี้จะถูกเปิดเผยไปทั่วพิภพ
เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเซี่ยถิงเวยยังไม่ได้สืบทอดบัลลังก์และยังคงเป็นเพียงองค์รัชทายาท เขายังอายุไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ
เมื่อนึกย้อนกลับไปองค์รัชทายาทผู้ที่กำลังจะสืบทอดบัลลังก์ได้บุกทะลวงขอบเขตจินกังได้ หากข่าวนี้แพร่ออกไป เซี่ยถิงเวยจะต้องทำให้ทั่วทั้งทวีปตกตะลึงแน่นอน! หากเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะป่าวประกาศให้โลกรู้ไปแล้ว และตำแหน่งของเขาจะมั่นคงดั่งหินผา อำนาจของอาณาจักรเสินหวู่จะได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมาก แต่เขากลับเลือกที่จะปกปิดมันมากว่าสิบถึงยี่สิบปี
เมื่อทุกคนนึกถึงเรื่องนี้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน!
เซี่ยถิงเวยเป็นคนที่มีความอดทนนักแต่ทำไมเขาถึงได้ปกปิดมัน? หรือเขาต้องการที่จะยึดครองทวีป? นั่นคือเหตุผลที่เขาปกปิดมัน…..เขาเตรียมที่จะเคลื่อนไหวในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด? เขาต้องการที่จะสร้างปาฏิหาริย์? แต่ตอนนี้ เพราะเขาถูกเจียงอี้บีบบังคับจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจำใจเปิดเผยมันออกมา?
ช่างหัวเหตุผลไปก่อน!
เซี่ยถิงเวยในตอนนี้ได้สร้างความกลัวในใจประชาชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเขาเหมือนอสูรพันปีที่สวมหนังมนุษย์อยู่ พวกเขาทั้งหมดมองมาด้วยสายตาที่ไม่คุ้นชินซึ่งดูหวาดกลัวมากๆ
มีหลายคนที่ตื่นเต้นขณะที่ดวงตาของพวกเขาเผยความปรารถนาอันแรงกล้าตอนนี้พวกเขามีผู้ปกครองที่ทรงพลังเช่นนี้ ในตอนนี้จำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังในอาณาจักรเสินหวู่มีถึงสามคนแล้ว
ในเมื่อเซี่ยถิงเวยสามารถปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้แล้วเขามีไพ่ตายอีกเท่าไหร่กัน? ไม่มีใครรู้ได้เลย! หากพวกเขาติดตามผู้ปกครองผู้นี้ อนาคตของอาณาจักรเสินหวู่จะรุ่งโรจน์ตลอดไป บางที….อาณาจักรเสินหวู่อาจจะกลายเป็นจักรวรรดิเสินหวู่เลยก็ได้!
ฟึ่บ!
เจียงเปี๋ยหลีบินไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าในขณะที่ดวงตาของเขาเผยถึงความสูญเสียฝ่ายหนึ่งก็เป็นผู้ปกครองของเขาในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นบุตรที่เขาให้กำเนิดมา เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาสับสนมากและรีบตรงไปที่นั่นโดยไม่ได้คิดสิ่งใด เขาจะทำอะไรต่อหลังจากที่มาถึง? เขาก็ยังไม่ได้คิดถึงสิ่งนั้นเลย
“เปี๋ยหลีอย่าทำให้องค์ราชาผู้นี้ผิดหวัง ข้าต้องการให้เจ้าเป็นขุนนางอันดับหนึ่งของประวัติศาสตร์และให้ตระกูลของเจ้ารุ่งโรจน์ชั่วนิรันดร์!”
ทันทีที่เสียงนี้ดังก้องมาร่างของเจียงเปี๋ยหลีก็สั่นสะท้าน เขาหยุดนิ่งในขณะที่ดวงตาของเขาเจ็บปวด เซี่ยถึงเวยใช้จุดอ่อนของเขา มันเป็นเรื่องจริงที่เขาต้องการเป็นอันดับหนึ่งอย่างแท้จริงตลอดชีวิตของเขา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ….เซี่ยถิงเวยพูดถึงตระกูลเจียงด้วย
ตระกูลเจียงได้ก่อร่างสร้างตัวบนดินแดนแห่งนี้มานับหมื่นปีตระกูลเจียงมีผู้สืบทอดสายเลือดหลายหมื่นคน หากเขากล้าขัดขวางเซี่ยถิงเวยไม่ให้สังหารเจียงอี้ สมาชิกตระกูลเจียงนับหมื่นก็จะต้องตายเพื่อเจียงอี้!
เขาเป็นพ่อของเจียงอี้ก็จริงแต่เขาก็เป็นประมุขตระกูลเจียงเช่นกัน!
เซี่ยถิงเวยกระแทกฝ่ามือลงไปซึ่งทำให้อากาศสั่นสะเทือนมากขึ้นซึ่งเจียงอี้เหมือนเป็นพืชน้ำในคลื่นยักษ์ดังที่เขาลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ต้องพูดถึงย้ายร่างฉับพลันเลย แม้แต่จะปล่อยการโจมตีไปยังเซี่ยถิงเวยยังยากเพราะเขาไม่สามารถเพ่งเล็งไปยังเซี่ยถิงเวยได้เลย
แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรและมองไปที่เจียงเปี๋ยหลีที่อยู่ไกลๆ เขาเห็นเจียงเปี๋ยหลีกำลังรีบตรงมาอย่างบ้าคลั่งแต่จู่ๆก็หยุดชะงักและมองไปที่เจียงอี้ด้วยความเจ็บปวด ในตอนนี้เจียงอี้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจเขาเล็กน้อย เลือดย่อมข้นกว่าน้ำและเจียงเปี๋ยหลีไม่ใช่คนฟั่นเฟือน เขายังคงเห็นว่าเจียงอี้เป็นลูกชายของเขา
ดังนั้นเจียงอี้จึงยิ้มออกมาอย่างจริงใจจากนั้นเขาก็หลับตาลงและดูเหมือนพร้อมที่จะตายไป
“ตายย!”
ฝ่ามือยักษ์ของเซี่ยถิงเวยกระแทกลงไปอย่างรวดเร็วขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเขาปกปิดความแข็งแกร่งของเขามานานนับยี่สิบปี เพียงเพื่อเฝ้ารอเวลานี้ เวลาที่จะทำให้ทั่วทั้งพิภพต้องตะลึง!
ความแข็งแกร่งของเจียงอี้ก้าวกระโดดเกินไปและเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของตระกูลเซี่ยหากปล่อยให้เจียงอี้พัฒนาต่อไป เป้าหมายทุกสิ่งของเขาก็จะต้องพังพินาศลงไปด้วยน้ำมือของเจียงอี้ เหตุผลที่ทำไมเขาถึงไม่ออกคำสั่งให้ไปจับกุมตัวหลิ่วอวี้อย่างรวดเร็วนั้นก็เป็นเพราะเขาเฝ้ารอเวลานี้
เมื่อเห็นว่าเจียงอี้กำลังหลับตารอรับความตาย,เมื่อเห็นว่าเจียงเปี๋ยหลีไม่กล้าเข้ามายุ่งและเมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรหยาจื้อกำลังสู้กับขันทีหลินอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบเพียงใด รอยยิ้มของเขาก็สดใสขึ้นเรื่อยๆ!
แต่ทว่า!
ในตอนนั้นเองเจียงอี้ก็ยิ้มออกมาอีกครั้งในขณะที่ดวงตาของเขาเบิกโพรงขึ้นและจ้องมองไปที่เซี่ยถิงเวย จนฝ่ายตรงข้ามสามารถเห็นร่องรอยการเยอะเย้ยในดวงตาของเจียงอี้
“ไม่ได้การณ์ล่ะ!”
หัวใจของเซี่ยถิงเวยหยุดเต้นไปชั่วขณะขณะที่เขารับรู้ได้ถึงอันตรายถึงตายแต่เขาก็ตอบสนองช้าเกินไป ฝ่ามือของเจียงอี้ส่องสว่างขึ้นขณะที่เขาปล่อยฝ่ามือออกมามากกว่าสิบฝ่ามือ เปลวเพลิงได้ก่อตัวขึ้นบนฝ่ามือของเจียงอี้และกลับกลายเป็นทะเลเพลิงที่พุ่งเข้าหาเซี่ยถิงเวย
เปลวเพลิงได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวจางและเปลวเพลิงทุกลูกนั้นดูราวกับว่ามีราชันมังกรแหวกว่ายอยู่ในนั้น มันร้อนมากจนเซี่ยถิงเวยรู้สึกว่าร่างกายของเขาแทบลุกเป็นไฟทันทีที่เปลวเพลิงนั้นปรากฏขึ้น
เจียงอี้ไม่สามารถเพ่งเล็งไปที่เซี่ยถิงเวยได้แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น!
นี่ไม่ใช่การโจมตีด้วยแก่นแท้พลังหากแต่เป็นเปลวเพลิงจริงๆ เปลวเพลิงที่น่าสยดสยอง!
เซ่ยถิงเวยรู้สึกถึงความหวาดกลัวหากเป็นการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังหรือการโจมตีรูปแบบเต๋า เขาอาจจะปัดมันออกไปได้ แต่นี่เป็นเปลวเพลิงลึกลับแห่งฟ้าดิน และมันเป็นเปลวเพลิงลึกลับที่น่ากลัวมาก การโจมตีของเขาน่าจะไร้ผล หากเปลวเพลิงนี้เข้าใกล้เขา ไม่ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดเขาก็ยังคงถูกเผาเป็นเถ้าถ่านอยู่ดี
ฝ่ามือของเขาสั่นอยู่กลางอากาศในขณะที่อากาศรอบๆเขาสั่นสะเทือนระลอกคลื่นอากาศกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เซี่ยถิงเวยพยายามใช้รูปแบบเต๋ามิติลึกลับเพื่อหยุดยั้งเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ไม่ให้เข้ามา
เมื่อเขาปลดปล่อยฝ่ามือแล้วเซี่ยถิงเวยก็รีบพุ่งไปยังรอยแตกของชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะเข้าไปยังรอยแตกนั้นเพื่อหลบหนีออกไป
“อ๊ากกกก!”
แต่เขาคงประเมินพลังรูปแบบเต๋าของเขาสูงเกินไปและประเมินพลังเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ต่ำเกินไป!
เมื่อร่างของเขาเข้าสู่รอยแยกนั้นเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ก็พุ่งขึ้นไปและแผดเผาขาของเขาในทันที เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ยังคงลามขึ้นไปเรื่อยๆและทั่วทั้งร่างของเซี่ยถิงเวยนั้นกำลังจะถูกไฟคลอก
บุฟ!
ป้ายหยกสีทองปรากฏขึ้นในมือของเซี่ยถิงเวยและเขาก็โยนมันออกมาป้ายหยกพองตัวขึ้นและเปล่งแสงสีทองออกมาทันทีและเปลี่ยนเป็นโล่ทองคำขนาดยักษ์ซึ่งหยุดยั้งเปลวเพลิงที่เหลือ
เซี่ยถิงเวยดึงดาบยาวของเขาออกมาและตัดขาตัวเองอย่างไร้ปรานีเพื่อห้ามเปลวเพลิงไม่ให้ลามขึ้นมาและร่างส่วนที่เหลือของเขาก็พุ่งเข้าไปในรอยแยกนั้นขณะที่เขาทิ้งคำพูดที่โกรธแค้นเอาไว้ “เจียงอี้ ราชาผู้นี้สาบานว่าในชาตินี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้!”
ฟึ่บฟึ่บ!
ป้ายหยกสีทองนั้นถูกเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์แผดเผาไปอย่างรวดเร็วขณะที่มีเถ้าถ่านสีดำลอยคลุ้งอยู่กลางอากาศขาท่อนล่างของเซี่ยถิงเวยถูกเผาไปหมดแล้วในขณะที่ขาท่อนบนทั้งสองของเขากลายเป็นขี้เถ้าสีดำลอยไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงสีเขียวจางนั้นยังคงลุกโชนอยู่กลางอากาศและเปลี่ยนเมืองหวังทั้งเมืองให้กลายเป็นเตาอบ
พื้นที่ทั้งหมดตรงนั้นตกอยู่ในความเงียบสงัด!
มีรอยยิ้มมากมายที่ยิ้มออกมาไม่ทันไรขณะที่ความหลงใหลและความตื่นเต้นยังคงอยู่แต่จู่ๆ ความรู้สึกของทุกคนก็กลับกลายเป็นความตะลึงงัน, ความสับสน และความกลัวอย่างรวดเร็ว!
ก่อนหน้านี้เซี่ยถิงเวยได้แปรเปลี่ยนจากผู้ปกครองอาณาจักรเป็นผู้เชี่ยวชาญและกำลังจะสังหารเจียงอี้!
แต่ในวินาทีถัดมาเจียงอี้ก็ได้ปลดปล่อยทะเลเพลิงออกมาและเกิดเหตุการณ์พลิกผันทันที ขาของเซี่ยถิงเวยพิการไปและไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หลายๆคนยังคงไม่สามารถตามการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งนี้ได้ทัน
แต่ทุกคนก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งหากเจียงเปี๋ยหลีไม่หยุดลงมือในวันนี้หรือถ้าหากว่าเขาลงมือแล้วไม่ใช่คู่มือของเจียงอี้แล้วล่ะก็….เมืองหวังนั้นคงจะถูกล้างเมืองด้วยเลือดอย่างแท้จริง
บทที่ 442 ขันทีหลิน ตายซะ!
เจียงเปี๋ยหลีจะเคลื่อนไหวไหม?
แน่นอนว่าไม่ทำไมเขาจะต้องลงมือกับลูกตัวเอง? เว้นแต่ว่าเจียงเปี๋ยหลีจะเป็นคนบ้าเขาถึงจะทำเช่นนั้น แต่เมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาเตือนให้เจียงให้ระวัง มันก็เป็นการกระทำที่ชัดเจนแล้วว่าเขาจะไม่มีวันทำเช่นนั้น
ในเมื่อเจียงเปี๋ยหลีไม่ได้เคลื่อนไหวเจียงอี้ก็จะไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน เขากวาดตามองเจียงเปี๋ยหลีและผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรเสินหวู่ด้านล่างก่อนที่จะหายไปจากตรงนั้น
“อ๊ะ?เจียงอี้กำลังจะไปสังหารขันทีหลิน!”
หนึ่งในนั้นตะโกนออกมาทุกคนที่เห็นเจียงอี้กำลังมุ่งหน้าขึ้นไปยังท้องฟ้าต่างมีสีหน้าที่รับไม่ได้ ความแข็งแกร่งของขันทีหลินในตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งอีกต่อไป มันเหลือทนสำหรับเขาแล้วที่จะต่อกรกับสัตว์อสูรหยาจื้อ และในตอนนี้เจียงอี้กำลังจะเข้าไปร่วมสู้นั่นไม่ได้หมายความว่าเขากำลังจะตายหรือ?
“จอมพลกองทัพทหารตะวันตก!รีบหยุดเจียงอี้เร็วเข้า!”
“ใช่แล้ว!ท่านจอมพล หากท่านไม่ลงมือ อาณาจักรเสินหวู่ของเราคงจบเห่แล้ว!”
“เปี๋ยหลีรีบไปหยุดเจียงอี้เร็วเข้า หากอาณาจักรเสินหวู่จบเห่ ตระกูลของเจ้าก็จบเห่เช่นกัน พวกเราทุกคนก็จะจบเห่! นึกถึงสมาชิกตระกูลเจียงนับหมื่นของเจ้าสิ…”
ผู้มีอิทธิพลในอาณาจักรเสินหวู่เริ่มตะโกนออกมาเซี่ยถิงเวยได้หายไปแล้วและไม่รู้ว่าเขานั้นเป็นตายร้ายดียังไง และในตอนนี้เจียงเปี๋ยหลีก็เป็นเพียงผู้เดียวที่จะสามารถหยุดเจียงอี้ได้ เจียงเปี๋ยหลีนั้นน่าเกรงขามแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเจียงเปี๋ยหลีแข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรเสีย เขาก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับนักสู้ของทวีปและเขาแข็งแกร่งกว่าขันทีหลินหลายเท่านัก
“สมาชิกตระกูลเจียงนับหมื่น?”
เจียงเปี๋ยหลีพุ่งออกไปหลังจากตะโกนออกมาเขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างไม่คิดแต่เขาก็ยังมีสีหน้าสับสน
บางที….คนที่ทรมานที่สุดจริงๆแล้วจะเป็น…เขา?
ด้านหนึ่งก็เป็นลูกชายของเขาในขณะที่อีกด้านก็เป็นอาณาจักรเสินหวู่ที่ตระกูลเจียงให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีมาตลอดหมื่นปีแล้วไหนจะเหล่าสมาชิกตระกูลเจียงอีก ทุกๆอย่างทำให้เขาเริ่มเสียสติ
เขาพุ่งขึ้นไปบนฟ้าหลายพันกิโลเขาเห็นเจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันไปแถวๆขันทีหลิน แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรจึงได้แต่ตะโกนออกไป “เจียงอี้ หยุดเถอะ! อย่าบังคับข้าเลย!”
“บังคับเจ้า?”
เจียงอี้หัวเราะอย่างเย็นชาเขาหันกลับไปมองเจียงเปี๋ยหลีก่อนจะพูดว่า “ข้าไปบังคับเจ้าเมื่อไหร่กัน? หากเจ้าต้องการจะเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อไป เจ้าก็เป็นไปสิ และหากเจ้าต้องการจะลงมือ ข้าเพียงอยากจะบอกว่า ผู้ใดก็ตามที่มันกล้าเป็นศัตรูกับข้า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเทพเจ้า ข้าก็จะฆ่ามันอย่างไม่ลังเล!”
ใบหน้าของขันทีหลินชุ่มไปด้วยเลือดผมสีเทาที่หวีอย่างเรียบร้อยก็กระเซอะกระเซิงและความเร็วของเขาก็ช้าลงมาก เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรหยาจื้อทำเขาบาดเจ็บ เจียงอี้ไม่ให้โอกาสใดๆแก่เขาทั้งนั้น เขายังคงย้ายร่างฉับพลันไปยังขันทีหลินในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“เจียงอี้ข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง….หยุดซะ!”
ร่างของเจียงเปี๋ยหลีสั่นสะท้านและจิตใจของเขาก็ยากที่จะตัดสินใจเขากัดฟันพูดประโยคนั้นออกมา กลิ่นอายที่ปรากฏบนตัวเขาเริ่มทะลักออกมา แก่นแท้พลังของเขาก็เริ่มไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งของเขาเหมือนดั่งภูผาซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนสั่นไหวเมื่อเหลือบมองเพียงครั้งเดียว
“ไอหมาแก่หลินตายซะ!”
ดวงตาของเจียงอี้เย็นชาและเขาก็ไม่ได้มองเจียงเปี๋ยหลีอีกเขาย้ายร่างฉับพลันไปปรากฏอยู่ด้านหลังขันทีหลิน
ฟึ่บฟั่บ!
ราชันสัตว์อสูรเข้าขากับเจียงอี้อย่างสมบูรณ์เขาบนหัวของมันแผ่ลำแสงสีขาวออกมาและยิงตรงไปยังขันทีหลิน ในขณะเดียวกัน ร่างของมันก็กลายเป็นเพียงภาพติดตาซึ่งทำให้ขันทีหลินไม่ทันได้สนใจเจียงอี้ที่อยู่ข้างหลังเขา
“จอมพลกองทัพทหารตะวันตกเจ้ามัวรออะไรอยู่?”
ขันทีหลินรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาขณะที่เขาร้องโหยหวนออกมาด้วยความสิ้นหวังเจียงเปี๋ยหลีเคลื่อนไหวแล้ว…กลิ่นอายที่ตัวเขาระเบิดออกมา กลิ่นอายของเขานั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งและสามารถยับยั้งกำลังของศัตรูได้ มือทั้งสองของเขามีแสงสีดำสว่างขึ้นขณะที่เขายกฝ่ามือขึ้นและปลดปล่อยฝ่ามือไปบนท้องฟ้า
ฝ่ามือนั้นดูแปลกมากมันหายไปทันทีที่เขาปลดปล่อยฝ่ามือออกมา ในวินาทีต่อมามันก็ไปปรากฏอยู่เหนือเจียงอี้ขณะที่มันกระแทกออกมาดัง ปึง! กลิ่นอายนั้นได้ปกคลุมเจียงอี้เอาไว้ ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่นั่นแผ่ความรู้สึกเหมือนมันสามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้
“เจียงอี้หยุดเสีย, ข้ายังพอไว้ชีวิตเจ้าได้!”
เสียงคำรามของเจียงเปี๋ยหลีดังขึ้นแต่เจียงอี้หัวเราะเยาะขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเขาหาได้สนใจฝ่ามือเหนือร่างเขาไม่และปลดปล่อยฝ่ามือออกมาหลายฝ่ามือไปข้างหน้า เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าแผ่กลิ่นอายแห่งการทำลายล้างออกมา เพียงพริบตาเดียวเปลวเพลิงก็ลุกท่วมตัวขันทีหลิน
“อ๊ากกก!”
ขันทีหลินบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วและสัตว์อสูรหยาจื้อก็ยังใช้วิชาอสูรของมันอีกครั้งทำให้ขันทีหลินไม่สามารถป้องกันเจียงอี้ได้ เมื่อขันทีหลินเห็นว่าเจียงเปี๋ยหลีโจมตีเจียงอี้ เขาก็คิดว่าเจียงอี้จะหลบหรือหนีไป เขาไม่ทันได้คาดคิดว่าเจียงอี้จะเมินเฉยต่อการเอาตัวรอดเพื่อจะเผาเขาให้ตายจริงๆ ทันใดนั้นร่างของขันทีหลินก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์และกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าขอบเขตเสินโหยวหลายเท่านักและการโจมตีรูปแบบเต๋าของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้นโหดร้ายกว่ามาก
แต่….ไม่ว่าร่างกายของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังจะแข็งแกร่งเพียงใดมันก็ยังคงเป็นกายหยาบ มันจะยังคงได้รับความเสียหาย อย่างเช่นจูเก๋อชิงหยุนที่ยังถูกคนอื่นทำให้ขาของเขาพิการได้
ในเมื่อมันเป็นเนื้อหนังมังสามันจะต่อกรกับเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่าเพลิงโลกานับร้อยเท่าได้อย่างไร?
หากเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนพวกเขาจะไม่ถูกเจียงอี้เผาจนตาย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนนั้นสามารถใช้แก่นแท้พลังสร้างโล่ป้องกันศักดิ์สิทธิ์ได้ ตราบใดที่แก่นแท้พลังยังไม่หมดลง โล่ป้องกันศักดิ์สิทธิ์นั้นก็จะไม่มีวันถูกทำลาย และตราบใดที่มันยังไม่ถูกทำลายเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของพวกเขาได้ไม่ว่ามันจะร้อนเพียงใดก็ตาม
ขันทีหลินตายแล้ว!
เจียงอี้ก็ผ่อนคลายลงเช่นกันเขาไม่ย้ายร่างฉับพลันอีกต่อไปและทำแค่เพียงมองไปยังฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างสงบ ฝ่ามือสีดำนั้นเร็วเกินไป แม้ว่าเขาอยากย้ายร่างฉับพลัน เขาก็ไม่สามารถทำได้ หากเจียงเปี๋ยหลีต้องการสังหารเขา เขาก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมนั้น
“เจ้าลูกอกตัญญู!”
เจียงเปี๋ยหลีทำได้เพียงมองขันทีหลินตายไปเขาโกรธจนร่างกายของเขาสั่นเทา และในที่สุดเขาก็ร่ายผนึกฝ่ามือแปลกๆและฝ่ามือขนาดใหญ่ที่กำลังจะฟาดใส่เจียงอี้ก็หายไปในอากาศ
“พุฟฟ…”
ถึงกระนั้นอวัยวะภายในของเจียงอี้ก็ได้รับบาดเจ็บจากกลิ่นอายนั้นจนกระอักเลือดออกมา เขาหัวเราะอย่างเย็นชาขณะที่หันกลับไปมองเจียงเปี๋ยหลีก่อนที่จะพูด “ฮ่าๆๆๆ ทำไมไม่ฆ่าข้าซะล่ะ? ปล่อยมันมาอีกสิหากเจ้ากล้า!”
เจียงเปี๋ยหลีมีสีหน้าเศร้าหมองเขาโบกมือด้วยความโกรธและพูดว่า “ไสหัวไป ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! อย่าให้ข้าพบเจ้าอีก!”
“ส่งหลิ่วอวี้มาซะเช่นนั้นข้าก็จะไม่มีวันไป หากเจ้าต้องการสังหารข้าก็ลงมือซะ!” หลังจากทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหล่านั้นไว้ เจียงอี้ก็ย้ายร่างฉับพลันไปหาสัตว์อสูรหยาจื้อโดยไม่สนใจเจียงเปี๋ยหลี เขาควบคุมสัตว์อสูรหยาจื้อให้บินลงไปข้างล่าง
สัตว์อสูรหยาจื้อพุ่งลงมาจากระยะทางหลายพันกิโลเมตรสายตาเย็นชาของเจียงอี้กวาดผ่านผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรเสินหวู่ทั้งหมดขณะที่เขาตะโกนออกมาอย่างเย็นชาว่า “ขันทีหลินตายแล้ว! ในอีกสามสิบนาที หากพวกเจ้าไม่ส่งตัวหลิ่วอวี้มาให้ข้า พวกเจ้าก็จงรับผลของพวกเจ้าซะ!”
ฟึ่บ!
เจียงเปี๋ยหลีก็เหาะลงมาเช่นกันสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือหน้าอกที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเจียงเปี๋ยหลี ผิวของเขาซีดมาก จนดูเหมือนว่าเจียงอี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หาตัวหลิ่วอวี้เร็วเข้าแล้วส่งเขาให้เจียงอี้!”
เจียงเปี๋ยหลีจ้องไปที่เจียงอี้ก่อนจะออกคำสั่งจากนั้นเขาก็บินกลับไปในวังหลวง เจียงอี้นั้นตระหนักได้อย่างรวดเร็วและต้องลอบยกนิ้วให้เจียงเปี๋ยหลีอย่างเงียบๆ
เจียงเปี๋ยหลีหลักแหลมมากแผนการทำร้ายตัวเองนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่พียงแต่เขาจะสามารถปกป้องตระกูลเจียงได้ แต่เขายังสามารถป้องกันสถานการณ์ที่น่าอึดอัดและจากการที่ต้องปะทะกับเจียงอี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คนข้างล่างก็ยังได้ยินเสียงคำรามที่ก้องกังวานของเขา และฝ่ามือสีดำขนาดยักษ์ของเขานั้นก็น่ากลัวและน่ากดดันมาก ทุกคนยังคงเห็นว่าเจียงเปี๋ยหลีได้เคลื่อนไหวแล้วและพวกเขาจะไม่มีข้อกังขาใดๆ
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดจากอาณาจักรเสินหวู่ต่างหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
ทำให้เซี่ยถิงเวยไม่รู้ว่าอยู่หรือตายพร้อมทั้งสังหารขันทีหลินและตอนนี้ แม้แต่เจียงเปี๋ยหลีก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน?
ความแข็งแกร่งของเจียงอี้น่ากลัวเพียงใด?ปีก่อนเขาเป็นผู้ไร้เทียมทานของขอบเขตเสินโหยว แล้วจะเป็นไปได้ไหมว่าปีต่อไปเขาจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง?