เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 449-450
บทที่ 449 ครึ่งปี
แผนของเจียงอี้ดำเนินไปได้ด้วยดีผู้เชี่ยวชาญที่มีขอบเขตเสินโหยวทั้งหมดถูกไล่ออกจากวังหลวง เหลือเพียงนางกำนัลและขันทีที่อ่อนแออยู่ในวังเท่านั้น ในหมู่พวกเขา เขาเก็บไว้เพียงผู้ที่อายุมากเอาไว้และรับใช้ตระกูลซูมาอย่างน้อยก็หลายสิบปีแล้ว สิ่งนี้ช่วยลดสายลับในวังหลวงไปได้
เมื่อตอนที่ซูรั่วเสวี่ยเพิ่งก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ทุกคนในเมืองเซี่ยยวี่ต่างวิตก ขุนนางหลายคนติดสินบนและพยายามปลูกสายลับไว้ในวังหลวง แต่ตามคำสั่งของเจียงอี้ บรรดานางกำนัลและขันทีที่ซูรั่วเสวี่ยคัดเลือกเข้ามาก็ถูกไล่ออกไป พระราชวังก็ไม่มีทหารหลวงคุ้มกันอีกต่อไป เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวร้อยคนที่น่าเชื่อถือที่สุดที่คอยผลัดกันเฝ้าประตูวัง
ทหารร้อยนายเหล่านี้มีหน้าที่เพียงป้องกันพวกที่แอบลักลอบเข้าวังหลวงสำหรับเรื่องความปลอดภัย พวกเขามีสัตว์อสูรหยาจื้ออยู่แล้ว แม้จะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหมื่นคนก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรหยาจื้อ
หลังจากที่เจียงอี้เริ่มเข้าสันโดษซูรั่วเสวี่ยก็ตรวจสอบทุกสิ่งอีกครั้งและกำจัดคนที่น่าสงสัยออกไป จนเหลือคนในวังไม่ถึงสามร้อยคน
ตระกูลซูเกือบทั้งหมดตายไปแล้วซูรั่วเสวี่ยเป็นผู้หญิงและไม่ต้องการนางบำเรอ ดังนั้นในวังจึงมีอาจารย์เพียงไม่กี่คน และสามร้อยคนมันก็เกินพอแล้วที่จะคอยรับใช้อาจารย์เหล่านี้
ซูรั่วเสวี่ยไม่ได้ออกไปข้างนอกอีกต่อไปนางเรียกขุนนางและแม่ทัพไปยังโถงกลางของราชวังรอบนอกในทุกๆวัน หลังจากเสร็จงานแล้ว นางก็แยกตัวออกจากฝูงชนทันที หากใครกล้าบุกเข้าไปในวังโดยไม่ได้รับอนุญาต พวกเขาจะถูกประหารทันทีตามคำสั่งของเจียงอี้!
ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋,จ้านอู๋ซวงและจ้านหลินเอ๋อร์ต่างก็เข้าสู่สันโดษกันหมด ส่วนเฉียนว่านก้วนก็มีงานล้นมือและเริ่มจัดการงานตระกูลเฉียน และมีสมาชิกตระกูลเฉียนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้ามาในวังหลวง เขาคนนั้นจะเป็นผู้ส่งข่าวของโลกภายนอกและส่งคำสั่งของเฉียนว่านก้วนออกไป
จ้านอีหมิงและเฉียนกุ้ยไม่ได้เลือกที่จะมายังอาณาจักรต้าเซี่ยเฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงก็อยู่ที่นี่แล้ว ตระกูลใหญ่ๆอย่างพวกเขาไม่สามารถใส่ไข่ทั้งหมดลงในตะกร้าเดียวได้ แน่นอนว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจะต้องมีแผนสำรอง และมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขามีแผนสำรองมานานแล้วและเริ่มโยกย้ายตระกูลของพวกเขา
ทั้งทวีปกลับสู่ความสงบอีกครั้งและมันสงบเสียจนน่ากลัว
เซี่ยถิงเวยไม่ปรากฏตัวเลยหลังจากเหตุการณ์นั้นเขาอาจจะตายไปแล้วหรือซ่อนตัวพักฟื้นอยู่ ส่วนอาณาจักรเสินหวู่ก็จะไม่วุ่นวายเมื่อมีเจียงเปี๋ยหลีอยู่รอบๆ น่าแปลกที่จักรวรรดิมังกรเวหาและเซียวหลงหวางไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ของเจียงอี้ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลย
อย่างไรก็ตาม…
มันยากที่จะโทษใครสักคนได้ท้ายที่สุดแล้วหลิ่วอวี้ก็เป็นผู้ร้ายตัวจริง เป็นเรื่องปกติที่เจียงอี้จะล้างแค้นให้แก่จูเก๋อชิงหยุนในเมืองหวัง หลิ่วอวี้เยื้องย่างเข้ามายังอาณาจักรเสินหวู่เอง แต่อาณาจักรเสินหวู่ก็ไม่ได้กระทำการใดๆและปล่อยให้เขาเข้าเมืองหวังมา แล้วใครจะตำหนิเจียงอี้ได้?
หอดาราสุ่ยเยว่และอารามเซนก็เงียบเช่นกันตามที่ประชุม พวกเขาจะสนับสนุนเจียงอี้ แต่อย่างไร เซียวหลงหวางและกลุ่มของเขายังคงเงียบ พวกเขาจึงไม่คิดจะสร้างปัญหาอยู่แล้ว
ส่วนจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็เข้าสู่สันโดษที่หุบเขาสามหมื่นลี้จิ้งจอกน้อยก็ไม่ออกมาเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่รับรู้เหตุการณ์นี้หรือไม่ได้สนใจมันก็ไม่รู้
ทุกสิ่งกลับคือสู่ปกติผู้คนก็ยังคงดำเนินชีวิตต่อไป ผู้เชี่ยวชาญก็ยังคงฝึกฝนต่อไป
ส่วนเจียงอี้ก็เข้าสู่สันโดษในห้องนอนของวังหิมะเลื่อนลอยแม้แต่ซูรั่วเสวี่ยก็ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าหากเขาไม่ออกมา
สายแร่ศักดิ์สิทธิ์ถูกขุดไปมากกว่าครึ่งและได้ศิลาสวรรค์จำนวนมากมามีศิลาสวรรค์มากกว่าพันก้อนซึ่งมันก็เพียงพอสำหรับเจียงอี้ไปอีกนานแล้ว เขาอยู่ครึ่งทางของดาวดวงที่สามแล้ว และเขาจำเป็นที่จะต้องปรับแต่งศิลาสวรรค์ประมาณร้อยก้อนก่อนที่ดาวดวงที่สามจะเปลี่ยนสภาพ หลังจากนั้นพลังของเขาจะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกัง เขาเข้าถึงรูปแบบเต๋าขั้นกลางได้แล้ว และเมื่อแก่นแท้พลังของเขามากขึ้น เขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่แท้จริง
เจียงอี้ยังคงขัดเกลาศิลาสวรรค์เมื่อเขาหิวเขาก็จะให้คนนำอาหารเข้ามา เมื่อเขาเหนื่อยเขาก็จะลงไปนอนบนพื้น เมื่อเขารู้สึกเบื่อ เขาก็จะฝึกฝนศาสตร์เวทย์ เขาจะต้องใช้เวลาทุกช่วงเวลาพัฒนาความแข็งแกร่งของเขา
เขารู้สึกตะหงิดใจว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามาสตรีศักดิ์สิทธิ์จีน่าจะไม่มีวันให้เวลาเขามากนัก เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้น โอกาสรอดชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ครึ่งเดือนต่อมาแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็มาถึง
นางพาหยุนเฟยมาด้วยเจียงได้ออกไปต้อนรับหยุนเฟยหนึ่งวัน แม่เฒ่าบุปผาสีเงินได้รับข้อความและคำเตือนจากเจียงอี้และได้ทำการเตรียมแผนบางอย่างไว้ นางปล่อยข้อมูลเท็จเกี่ยวกับขบวนคุ้มกันเจ้าสาวของตระกูลจ้านจะมาถึงในอีกไม่กี่วันออกไป แต่จริงๆแล้วนางพาหยุนเฟยออกมาตอนเที่ยงคืนโดยไม่ได้บอกใคร มีเพียงหยุนชิงเทียนและหยุนเสียนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
พวกเขาเดินทางใต้ดินกว่าห้าพันกิโลเมตรตลอดทางไม่มีทางที่จะมีใครติดตามพวกเขาได้ ดังนั้นการเดินทางจึงค่อนข้างปลอดภัย
เพราะงานแต่งของเจียงอี้และซูรั่วเสวี่ยถูกเลื่อนออกไปทั้งสองจึงไม่สามารถจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ได้ พวกเขาจัดเพียงพิธีเรียบง่ายต่อหน้าแม่เฒ่าบุปผาสีเงิน, เจียงหยุนไฮ่และคนอื่นๆ
ซูรั่วเสวี่ยตั้งใจจะจัดงานแต่งแบบเรียบง่ายแต่เจียงอี้ไม่เห็นด้วยกับนางเขาคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับนาง เขาต้องการรอจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นและมั่นใจว่าจะปกป้องตัวเองได้ จากนั้นเขาจะจัดงานแต่งกับซูรั่วเสวี่ยอย่างยิ่งใหญ่
ส่วนหยุนเฟยไม่ได้รู้สึกใดๆนางเข้าใจถึงสถานการณ์ร้ายแรงนี้ ตราบใดที่นางได้อยู่กับจ้านอู๋ซวงนางก็มีความสุขแล้ว เฉียนว่านก้วนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากและเย้าแหย่คู่บ่าวสาวในคืนแต่งงานแต่ก็ถูกจ้านอู๋ซวงไล่ออกมา
ในวันรุ่งขึ้นเจียงอี้ก็เข้าสู่สันโดษอีกครั้ง แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็กลับไปอย่างเงียบๆเช่นกัน นอกจากเจ้าสาวหน้าแดงในวังหิมะเลื่อนลอยแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม จ้านอู๋ซวงอยู่กับหยุนเฟยหลายวันก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเข้าสู่สันโดษ
หยุนเฟยได้รับของขวัญแต่งงานสุดพิเศษนั่นก็คือทักษะเวทย์มนตร์ทั้งสิบของจอมเวทย์พร้อมกับตำราหลายร้อยเล่มเกี่ยวกับอาคมยับยั้ง เดิมทีของพวกนี้เป็นของตระกูลหยุนและจอมเวทย์กล่าวไว้ว่ามันคงดีที่จะส่งต่อให้ลูกหลานตระกูลหยุน และแน่นอนว่าเจียงอี้คงจะไม่เก็บพวกมันไว้
ชีวิตนั้นดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและมีเป้าหมายภายใต้การปกครองของซูรั่วเสวี่ย อาณาจักรต้าเซี่ยก็เจริญขึ้นทุกวัน ดูเหมือนว่าทุกอย่างนั้นจะดีขึ้นเรื่อยๆ หากไม่มีเหตุการณ์ใดๆ บางทีหลังผ่านไปหลายปี อาณาจักรต้าเซี่ยอาจจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนในอดีตอีกครั้งก็เป็นได้
แต่น่าเสียดาย…
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนไม่ต้องการให้ชีวิตของเจียงอี้สงบสุข
“สตรีศักดิ์สิทธิ์จีคนของเราทุกคนถูกเจียงอี้ไล่ออกจากวังหลวง เราจึงไม่มีข้อมูลความคืบหน้าของเจียงอี้เลย”
ณห้องโถงกลางของหุบเหวอเวจี ผู้อาวุโสเจิง หนึ่งในผู้อาวุโสของโถงวรยุทธถอนหายใจพร้อมกับพูด “ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเจียงอี้ได้เข้าไปในวังหลวงรวมทั้งหยุนเฟยด้วย มันสายเกินไปแล้ว เมื่อคนของเราพยายามสังหารเจียงหยุนไฮ่ เจียงอี้ได้เสริมกำลังป้องกันของเขาและไม่สามารถโจมตีได้ นอกจากจะโจมตีเขาด้วยพายุเราก็ไม่สามารถสังหารเขาได้แล้ว”
“เด็กนี่ช่างฉลาดเสียจริง”
ผู้อาวุโสอีกคนถอนหายใจและพูดว่า“เขาได้เปลวเพลิงนั่นมาได้อย่างไร? มันดูเหมือนเปลวเพลิงที่ไม่มีวันหมด?! นอกจากนี้ เด็กนั่นช่างน่าพิศวงนัก เขาสามารถฝึกฝนพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? หากเรารออีกสองปี ข้าเกรงว่าแม้แต่ประมุขใหญ่โถงวรยุทธเองก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้”
“รีบร้อนอะไร?”
จีทิงยวี่นั่งอย่างสงบนางถือถ้วยชาและเป่าชาเบาๆ ใบหน้าของนางนั้นสงบนิ่ง หลังจากจิบน้ำชาแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นและพูดเบาๆว่า “รีบไปก็เสียเวลาเปล่า ครึ่งปี เพียงครึ่งปีหลังจากนี้ ข้าสัญญาว่าเจียงอี้จะตาย”
บทที่ 450 อัจฉริยะนอกรีต
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ: แปลได้แล้ว
[มีอะไรต้องการติชมแอดหรือพูดคุยกับแอดสามารถติดต่อมาทางช่องทางเพจเฟสบุ๊คได้เลยนะคะ ขอบคุณที่คอยติดตามผลงานแอดน้า]
“ครึ่งปี?”
ผู้อาวุโสเจิงและผู้อาวุโสหลู่มองหน้ากันและมีความสับสนอยู่ในดวงตาของพวกเขาผู้อาวุโสเจิงถามว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่ท่านกล่าวว่า ครึ่งปี คืออย่างไรกัน?”
ความจริงจังของการเตรียมการอันล้ำค่าของจีทิงยวี่ทำให้ทั้งสองหันมาฟังโดยเฉพาะผู้อาวุโสเจิงที่โจมตีจูเก๋อชิงหยุน ตอนแรกเขาคิดว่าจะต้องสู้กันไปข้าง แต่มันกลับใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการสังหารจูเก๋อชิงหยุนโดยไม่ทิ้งหลักฐานใดๆไว้ข้างหลัง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแผนการของจีทิงยวี่นั้นต่อกัน การตายของจูเก๋อชิงหยุนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการ จุดประสงค์นั้นคือเพื่อล่อให้เจียงอี้ไปที่เมืองหวัง
ในตอนแรกผู้อาวุโสทั้งสองคิดว่าแผนของนางใช้ไม่ได้จริงๆ จีทิงยวี่คิดไว้ว่าเซี่ยถิงเวยจะไม่ส่งคนไปจับตัวหลิ่วอวี้ ซึ่งจะล่อให้เจียงอี้เข้าไปยังเมืองหวังได้สำเร็จ ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเจียงอี้จะต้องตายแน่ๆ แต่สุดท้ายเขาก็ชนะ ถึงกระนั้น เจียงอี้ก็ทำให้อาณาจักรเสินหวู่อ่อนแอลงมากซึ่งมันถือเป็นเรื่องน่ายินดีต่อโถงวรยุทธ
เมื่อเรื่องของอาณาจักรเสินหวู่จบลงแล้วทั้งสองคิดว่าแผนการของมันจะต้องจบลงแล้ว พวกเขาไม่คาดคิดว่าจีทิงยวี่จะมีแผนการต่อ ดูเหมือนว่านางจะมองทุกสิ่งทะลุปรุโปร่ง ตามที่จีทิงยวี่คาด เฉียนซวีและกลุ่มของเขากลับไปยังอาณาจักรเสินหวู่ นางได้ให้คนไปซุ่มโจมตีอยู่ที่อาณาจักรเสินหวู่เพื่อรอสังหารเฉียนซวีและกลุ่มของเขา
รายละเอียดและแผนการทุกสิ่งสมบูรณ์แบบมาก!
แม้ว่าหยุนเฟยจะหนีไปได้และเซี่ยถิงเวยไม่สามารถสังหารเจียงอี้ได้แต่ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ประทับใจจีทิงยวี่มากนัก นางฉลาดมาก หากเจียงอี้เป็นอัจฉริยะนักสู้ที่ปรากฏตัวทุกๆหมื่นปี นางคงเป็นอัจฉริยะนอกรีตที่ปรากฏทุกหมื่นปีเช่นกัน
“เห็นได้ชัดว่าต้องมีผู้ที่คอยผลักดันเรื่องนี้”
จีทิงยวี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานนางลุกขึ้นและหยิบแผนที่จากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณออกมาและวางมันบนโต๊ะ ผู้อาวุโสทั้งสองเข้ามามองใกล้ๆอย่างรวดเร็ว นางชี้ไปที่จุดๆหนึ่งและพูดอย่างสบายๆ “ใครคือผู้ที่หนุนหลังที่ใหญ่ที่สุดของเจียงอี้? หากเราจู่โจมเป้าหมายที่ต้นตอและกำจัดบุคคลผู้นี้ จักรวรรดิมังกรเวหาจะโจมตีและสังหารเจียงอี้ทันทีหรือไม่?”
“จักรพรรดินีสัตว์อสูร?”
ยิ่งเห็นนิ้วจีทิงยวี่ที่ชี้ไปยังหุบเขาสามหมื่นลี้ผู้อาวุโสทั้งสองยิ่งสับสน ผู้อาวุโสเจิงถามว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์จี ผู้หนุนหลังเจียงอี้ยังมีสุ่ยโย่วหลาน ตาเฒ่าอารามเซนและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอีกนะ”
“ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเขา”
จีทิงยวี่สั่นศีรษะและกล่าวต่อว่า“สุ่ยโย่วหลานและนักบวชเฒ่านั่นน่าจะรู้เรื่องโถงวรยุทธอยู่บ้าง พวกเขาจะช่วยเจียงอี้แต่พวกเขาจะไม่เสี่ยงชีวิตช่วยเขา พวกเขายังมีสิ่งที่ต้องกังวลอยู่คือหอดาราสุ่ยเยว่และอารามเซนที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาต้องพิจารณาว่าสิ่งใดจะดีที่สุดสำหรับคนอื่นที่เหลือ ส่วนแม่เฒ่าบุปผาสีเงินนั้นอ่อนแอเกินกว่าที่จะต้องไปจริงจังกับนาง ตราบใดที่เรากำจัดจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้ เจียงอี้ก็จะเป็นเพียงเสือไร้เขี้ยวและเราสามารถทำทุกสิ่งที่เราอยากจะจัดการกับเขาได้…”
“สตรีศักดิ์สิทธิ์จีมองได้ดี”
ผู้อาวุโสหลู่เปิดปากของเขาและพยักหน้าเห็นด้วยแต่เขาก็พูดอย่างกังวลอย่างรวดเร็ว “ปัญหาคือ…นางมีพลังล้นหลามมาก แม้แต่ประมุขโถงวรยุทธก็ยังไม่อาจสามารถสังหารนางได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่าเราไม่จำเป็นต้องสังหารนางหรอก เราแค่ทำให้นางออกไปจากทวีป”
นิ้วของจีทิงยวี่กวาดไปทางตะวันออกและชี้ไปที่ทะเลตะวันออก“ข้าได้ค้นคว้าตำรามามากมาย หลังจากนี้อีกครึ่งปีจะมีวิกฤติกาลอสูรในทะเลตะวันออก พวกท่านเคยได้ยินมันมาก่อนไหม? หากเราเข้าไปทำให้วิกฤติกาลอสูรบานปลายขึ้น พวกท่านคิดว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะถูกล่อลวงให้ออกไปหรือไม่?”
“วิกฤติกาลอสูร?”
ผู้อาวุโสทั้งสองสับสนพวกเขารู้เรื่องวิกฤติกาลอสูร ในประวัติศาสตร์ มีวิกฤติกาลอสูรมากมายในทะเลตะวันออก ในช่วงเวลานั้น ปีศาจทะเลที่อยู่ใต้ทะเลจะออกอาละวาดและสู้กันเอง
เมื่อหลายร้อยปีก่อนมีวิกฤติกาลอสูรในทะเลตะวันออกซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายในทวีปเทียนชิง ปีศาจทะเลมากมายสังหารกันเองราวกับพวกมันเกิดคุ้มคลั่ง ในช่วงหลายวันนั้น น้ำทะเลตะวันออกกลายเป็นสีแดงเพราะเลือด พร้อมศพของปีศาจทะเลนับล้านลอยอยู่เหนือน้ำจนน่าตกใจ
วิกฤติกาลอสูรนั้นเกี่ยวข้องกับราชันปีศาจทะเลในพื้นที่ทะเลน้ำตื้นของอาณาจักรเป่ยเหลียง ผู้เชี่ยวชาญในทวีปนี้เป็นพยานของการต่อสู้ระหว่างราชันปีศาจนับร้อย ย้อนไปตอนนั้น ผู้เชี่ยวชาญในทวีปทั้งหมดมารวมตัวกันเพราะพวกเขากลัวว่าราชันปีศาจเหล่านั้นจะทำให้ทวีปนองเลือด ตระกูลหลายตระกูลน่าจะบันทึกเหตุการณ์นี้ไว้
จะมีเหตุการณ์วิกฤติกาลอสูรในทะเลตะวันออกอีกครึ่งปี?จีทิงยวี่ทำนายได้อย่างไร? แล้วอะไรถึงทำให้มันสามารถโยงเรื่องของวิกฤติกาลอสูรกับจักรพรรดินีสัตว์อสูรได้? ทำไมจักรพรรดินีสัตว์อสูรถึงต้องออกไปแน่นอนหลังจากมีวิกฤติกาลอสูร?
หลังจากได้ยินคำถามของผู้อาวุโสทั้งสองแล้วจีทิงยวี่ก็ยิ้มจางๆ นางยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบและพูดเบาๆว่า “ข้าได้พิจารณาในหลายๆองค์ประกอบแล้ว จักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่ใช่จิ้งจอกวิญญาณธรรมดา แต่มาจากเชื้อสายของจิ้งจอกสวรรค์ ตามประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนชิงจากหลายพันปีก่อน ข้าไม่พบสิ่งใดเกี่ยวกับจิ้งจอกสวรรค์เลย ดังนั้นข้าจึงสรุปได้ว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรมาจากภายนอกทวีป และก็บังเอิญว่ามีทวีปที่เลื่องชื่อทางตะวันออกซึ่งเรียกว่าทวีปจิ้งจอกสวรรค์”
“ทวีปจิ้งจอกสวรรค์?”
ผู้อาวุโสเจิงหรี่ตาและพยักหน้า“มีทวีปจิ้งจอกสวรรค์อยู่แน่นอน แต่ทำไมถึงได้คิดว่านางมาจากทวีปจิ้งจอกสวรรค์?”
จีทิงยวี่ยิ้มออกมาดวงตาที่น่ารักของนางเปล่งประกายด้วยสติปัญญา นางตอบอย่างหนักแน่นว่า “ผู้ปกครองของทวีปจิ้งจอกสวรรค์คือเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งที่นั่นเป็นทาสของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ด้วย ดังนั้น…ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่นอกทวีปนั้นจึงไม่ได้ชอบพอเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เท่าไหร่นัก”
“สมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์แทบไม่ได้ออกจากทวีปของพวกเขาเช่นกันไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของมนุษย์ตามล่าหรือไม่ก็ถูกจับเป็นสัตว์วิญญาณ เมื่อตอนที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรเริ่มมีชื่อเสียงในทวีปเทียนชิง นางยังคงอยู่ในระดับราชันสัตว์อสูรและไม่ได้แสดงตัวตนออกมา งั้นข้าขอถามหน่อย ว่าจิ้งจอกสวรรค์ที่ยังไม่สำแดงฤทธิ์จะออกมาจากทวีปจิ้งจอกสวรรค์ไหม..หากว่าไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่พิเศษ?”
“สตรีศักดิ์สิทธิ์จีกล่าวถูกแล้ว”
ผู้อาวุโสเจิงพยักหน้ากล่าวว่า“สตรีศักดิ์สิทธิ์กำลังจะกล่าวว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรถูกศัตรูตามล่าที่ทวีปจิ้งจอกสวรรค์และถูกบีบบังคับให้ออกจากบ้านเกิดของนางมายังทวีปเทียนชิง นางจึงฝึกฝนอยู่ที่นี่และกำลังรอวันที่จะอยู่ยงคงกระพันแล้วนางจะกลับไปแก้แค้นอย่างยุติธรรมด้วยตัวเอง”
ผู้อาวุโสหลู่ยังคงมึนงงอยู่เล็กน้อยเขาถามว่า “แม้ว่าข้อสันนิษฐานทั้งหมดนี้จะถูกต้อง แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์จะรับประกันได้อย่างไรว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะออกเดินทางไปยังทวีปจิ้งจอกสวรรค์หลังจากเกิดวิกฤติกาลอสูรขึ้น?”
“นั่นคือเหตุผลที่เราจะทำให้วิกฤติกาลอสูรบานปลายขึ้น”
จีทิงยวี่หัวเราะราวกับจิ้งจอกและชี้ไปที่ทะเลตะวันออก“ทะเลตะวันออกนั้นอันตรายมาก แม้แต่ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็ไม่สามารถฝ่าทะเลไปได้อย่างปลอดภัยหากวิกฤติกาลอสูรนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์และถูกปีศาจทะเลสังหารหรือทำให้บาดเจ็บได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากท่านเป็นจักรพรรดินีสัตว์อสูร ท่านจะยอมทิ้งโอกาสนี้ไปไหม? จักรพรรดินีสัตว์อสูรเหลือเวลาอีกไม่กี่ปี หากนางรอวิกฤติกาลอสูรครั้งหน้า นางอาจจะต้องตายอยู่ในทวีปเทียนชิงก็ได้”
“ปราดเปรื่อง!”
ผู้อาวุโสเจิงและผู้อาวุโสหลู่มองหน้ากันทั้งคู่แอบทึ่งเล็กน้อย แผนการทั้งหมดของจีทิงยวี่สมเหตุสมผลมาก แม้ว่าจะฟังดูไร้ประโยชน์แต่ทั้งสองพบว่าหลายสิ่งที่ไร้สาระนั้นใช้งานได้ หากจักรพรรดินีสัตว์อสูรจากไปในครานี้ ทั้งสองจะต้องตะลึงและชื่นชมนาง
จริงๆแล้ว!
หากจักรพรรดินีสัตว์อสูรอยู่ที่นี่และได้ยินคำพูดของจีทิงยวี่นางก็คงจะทึ่งเช่นกัน
ผู้อาวุโสทั้งสองเงียบไปนานและศึกษาแผนการของจีทิงยวี่อย่างรอบคอบในที่สุดทั้งสองก็กัดฟันและพยักหน้า ผู้อาวุโสเจิงมองไปที่จีทิงยวี่และกล่าวว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์โปรดออกคำสั่งของท่าน ตราบใดที่จะทำให้จักรพรรดินีสัตว์อสูรจากไปได้ ไม่ว่าต้องสละสิ่งใดก็คุ้มค่า เจียงอี้จะต้องตาย”
“มันไม่ได้เคร่งเครียดขนาดนั้น”
จีทิงยวี่วางแผนที่ลงและนั่งยิ้มอย่างงดงาม“ผู้อาวุโสทั้งสองพักผ่อนและรออีกครึ่งปีเถอะ เมื่อวิกฤติกาลอสูรมาถึง ทิงยวี่เพียงแค่ต้องใช้อุบายง่ายๆและวิกฤติกาลอสูรนี้จะขยายวงกว้างขึ้นสิบเท่าหรือร้อยเท่า! ทะเลจะเปลี่ยนเป็นสีเลือด ภาพที่น่าตื่นตาจะเป็นเช่นไรบ้างนะ….”
“เอ่อ…”
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่งดงามของจีทิงยวี่ก็ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกขนลุกนางเป็นดั่งกุหลาบพิษ การได้กลิ่นของมันยิ่งจะนำไปสู่ความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้