เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 455-456
บทที่ 455 เจ้ายังจำทิงยวี่ได้ไหม
เจียงอี้ออกไปในกลางดึกคืนนั้นนอกเหนือจากซูรั่วเสวี่ย, เจียงเสี่ยวนู๋, เฉียนว่านก้วนและคนอื่นๆ ก็ไม่มีขันทีหรือนางกำนัลคนใดรู้เรื่องนี้ มันเป็นเวลาหลายเดือนที่ค่อนข้างสงบและทุกคนก็อุ่นใจได้ ทุกคนรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีสัตว์อสูรหยาจื้ออยู่ใกล้ๆ…และถ้าหากพวกเขารู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ปิดบังตัวตนด้วยแล้ว พวกเขาคงจะสบายใจขึ้นเยอะ
เจียงอี้กลายเป็นที่เลื่องลือในการต่อสู้เดี่ยวที่เมืองหวังก่อนเส้นตายสามปีจะหมดลงและจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่คอยหนุนหลังจากหุบเขาเทพธิดา ใครจะกล้าโจมตีเมืองเซี่ยยวี่? พวกเขาจะไม่กลัวถูกจักรพรรดินีสัตว์อสูรสังหารได้อย่างไร? หากศัตรูไม่โจมตีเต็มกำลัง เจียงอี้และกลุ่มของเขาก็จะยังอยู่ในเมืองเซี่ยยวี่ แม้ว่าศัตรูจะมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่พวกเขาจะสามารถเคลื่อนไหวในความมืดได้หรือ?
ดังนั้นเจียงอี้จึงออกไปได้อย่างสบายใจเขาขุดลงไปใต้พื้นดินสามสิบกิโลเมตรและขี่สัตว์เถาอู้ไปยังอาณาจักรเซิ่งหลิง เมื่อมองไปที่อุโมงค์ที่มืดสนิท เจียงอี้ก็นึกถึงโลกใต้พิภพที่น่ากลัวขึ้นมา หากเขายังคงขุดลงไปใต้ดินเรื่อยๆ เขาจะไปถึงโลกใต้ดินนั้นได้หรือไม่?
“มีความลับอะไรที่ซ่อนอยู่ใต้พิภพผืนนี้บ้างนะ?ทำไมโถงวรยุทธต้องไล่ล่าทุกคนที่รู้เกี่ยวกับโลกใต้พิภพ? โถงวรยุทธกับโลกใต้พิภพนั้นเกี่ยวพันกันยังไง? ทำไมผีดิบที่น่ากลัวที่อยู่ในโลกใต้พิภพไม่พุ่งออกมาทำลายล้างทุกชีวิตในทวีปกัน?”
เขาจินตนาการไปเรื่อยๆและเขารู้ว่าหากทุกอย่างราบรื่นเขาจะสามารถปรับแต่งเปลวเพลิงที่น่ากลัวได้ หากเขามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้แล้ว เขาก็จะไปยังโถงวรยุทธใหญ่และกำจัดผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดในโถงวรยุทธ หลักจากนั้นเขาจะซักถามเรื่องโลกใต้พิภพ
“ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด!”
เมื่อเจียงอี้นึกถึงเรื่องนี้หัวใจของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น หากเขาสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญที่มีตัวตนอยู่ระดับสูงสุดของทวีปได้ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าคุกคามชีวิตของเขาและคนใกล้ชิดเขา เขาจะสังหารศัตรูทั้งหมด จากนั้นเขาก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลร่วมกับซูรั่วเสวี่ยได้ นั่นเป็นข้อสรุปที่น่าพึงพอใจ
“อีกเพียงนิดเดียวอีกไม่นานข้าก็จะได้มีชีวิตที่สงบสุข”
ดวงตาของเจียงอี้เต็มไปด้วยความสดใสอนาคตของเขาพังทลายลงไปและเขาทำให้จอมเวทย์, จักรพรรดินีสัตว์อสูรและคนอื่นๆผิดหวัง บางทีเขาอาจจะเสียใจภายหลัง แต่ไม่ใช่ว่าที่เขาพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วนั่นก็เป็นเพราะเขาต้องการสังหารศัตรูทั้งหมดของเขาหรอกหรือ?
เมื่อเขานึกถึงการมีชีวิตอย่างสงบสุขกับซูรั่วเสวี่ยเขาก็คิดถึงการพาทุกคนไปท่องพิภพเมื่อเขาว่าง เมื่อเจียงอี้นึกถึงการมีลูกและเฝ้ามองพวกเขาเติบโตอย่างช้าๆ เขาก็จะเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาตะโกนออกมาว่า “เหลืองใหญ่ ไปเร็ว!”
“มอมออ!”
เหลืองใหญ่คำรามออกมาและเพิ่มความเร็วขณะที่มันตรงไปทางทิศเหนืออย่างรวดเร็ว
…
ความเร็วของเหลืองใหญ่เร็วมากแต่มันช้าเหมือนหอยทากเมื่อเทียบกับสัตว์อสูรหยาจื้อ ดังนั้นสำหรับเหลืองใหญ่แล้วก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเกือบครึ่งเดือน
เจียงอี้เดินทางมาได้หลายวันแล้วและทวีปก็ยังค่อนข้างสงบและมีความวุ่นวายเพียงอย่างเดียวคือในเมืองหวังของอาณาจักรเสินหวู่
เซี่ยถิงเวยกลับมาแล้ว!
ท้องฟ้าของเมืองหวังปรากฏรอยแยกขึ้นและมีร่างร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากรอยแยกนั้นและรีบเข้าไปในวังหลวง
แม้ว่าเซี่ยถิงเวยจะปรากฏตัวบนท้องฟ้าเพียงชั่วครู่แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนในอาณาจักรก็สังเกตเห็นเขา พวกเขาส่วนใหญ่มีสีหน้าประหลาดใจขณะที่เซี่ยถิงเวยเหลือร่างเพียงครึ่งตัว ขาทั้งสองข้างของเขาหายไปและที่สำคัญคือ….ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตและความโกรธเกรี้ยวซึ่งทำให้พวกเขาสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว
เซี่ยถิงเวยไม่ได้ตายแต่เขาจะพิการไปตลอดชีวิต เขาจะต้องนั่งบนรถเข็นเช่นเดียวกับจูเก๋อชิงหยุน นอกจากนี้ เขาจะไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อีกต่อไป ร่างกายมนุษย์นั้นเป็นเหมือนรากฐานสำคัญ หากร่างกายไม่สมบูรณ์ การก่อพลังก็จะไม่สมบูรณ์ แล้วเราจะพัฒนาร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร?
หลังจากที่เซี่ยถิงเวยกลับมาเขาก็ไม่ได้เรียกขุนนางคนใดเข้ามา และก็แปลกที่เจียงเปี๋ยหลีเข้าไปในพระราชวังเพื่อพบเซี่ยถิงเวย แต่เขาก็จากไปในวันรุ่งขึ้นและกลับไปยังเมืองเจียงอี
เซี่ยถิงเวยประกาศราชโองการลงมาให้จ่างซุนเหยียนที่รอดชีวิตจากบททดสอบให้กลับมาปกครองเมืองต่อหลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
จ้านอีหมิงและเฉียนกุ้ยต่างรู้สึกไม่สบายใจเพราะพวกเขากังวลว่าเซี่ยถิงเวยจะลงมาจัดการกับพวกเขาเนื่องจากพวกเขาเกี่ยวข้องกับเจียงอี้พวกเขาคิดว่าเซี่ยถิงเวยตายไปแล้วและไม่ได้คาดว่าเขาจะกลับมาอีก ในตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่พวกเขาจะย้ายตระกูลพวกเขาและพวกเขาก็ได้แต่ต้องสละตำแหน่งพวกเขาให้เป็นไปตามชะตากรรม
ส่วนพลเมืองของอาณาจักรเสินหวู่ต่างก็รู้สึกกังวลเห็นได้ชัดว่าเซี่ยถิงเวยขัดแย้งกับเจียงเปี๋ยหลี มิเช่นนั้นเจียงเปี๋ยหลีก็คงจะไม่จากไปในทันที อาณาจักรเสินหวู่ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในหกอาณาจักรได้สูญเสียผู้เชี่ยวชาญไปคนหนึ่งเพราะเจียงอี้และขวัญกำลังใจของอาณาจักรก็ได้สูญเสียไปอย่างมาก
ในวันที่สิบสองเจียงอี้มาถึงใจกลางอาณาจักรเซิ่งหลิงขณะที่เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นทางตะวันออกของทวีป
อันดับแรกคืออาณาจักรเป่ยเหลียงและอาณาจักรเสินหวู่ซึ่งพวกเขาส่งกองเรือออกไปตามล่าปีศาจทะเลที่ทะเลตะวันออก และพวกเขาก็ได้จุดพลุสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินในทันใด กองเรือเหล่านี้เป็นของตระกูลที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทั้งสองอาณาจักร พวกเขาอาศัยการล่าปีศาจทะเลขั้นต่ำเพื่อเลี้ยงชีพและเมื่อตระกูลเหล่านี้ได้รับสัญญาณไฟ พวกเขาก็ส่งผู้เชี่ยวชาญออกไปเป็นกำลังเสริมทันที และผลก็คือ….การส่งกำลังเสริมออกไปนั้นเป็นสัญญาณแห่งความทุกข์ที่กำลังจะกลับมาอีกครั้ง!
กำลังเสริมที่ถูกส่งไปนั้นมีผู้นำเป็นขอบเขตเสินโหยวและตามสถานการณ์ปกตินั้น พวกเขาไม่ควรเผชิญหน้ากับปีศาจทะเลที่น่ากลัวในบริเวณน้ำตื้นได้ แต่เมื่อตระกูลต่างๆพยายามสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญกองกำลังเสริมก็ไม่มีการตอบกลับใดๆ
ทำให้ตระกูลต่างๆพากันแตกตื่นและรายงานไปยังอาณาจักรทั้งสองเพื่อขอกองหนุนทันที
ทั้งสองอาณาจักรได้มองเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจังและได้ส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวกว่าร้อยคนออกมาช่วยเหลือทางทะเลตะวันออกมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดอยู่ในกองหนุนเหล่านี้ด้วย ที่พวกเขาต้องทำก็คือการไปช่วยเหลือคนอื่นและสอดแนมสถานการณ์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว…หลังจากที่ออกเดินทางสู่ทะเลได้ไม่นาน กองทัพทั้งสองก็กลับมาพร้อมกับผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน
ซึ่งข่าวที่มากับผู้ที่รอดชีวิตกลับมานั้นเป็นข่าวที่น่าตะลึง!
มีปีศาจทะเลที่ทะเลตะวันออกและเกิดวิกฤติกาลอสูรขึ้นคราวนี้ วิกฤติกาลนี้หนักหนากว่าที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาหลายเท่านัก มีราชันปีศาจมากกว่าสิบสองตนที่เข่นฆ่ากันเองในพื้นที่น้ำตื้น
ทวีปทั้งทวีปสั่นคลอนขณะที่ชาตี้แห่งอาณาจักรเป่ยเหลียงได้ส่งข้อความไปยังหอดาราสุ่ยเยว่เพื่อสอบถามสถานการณ์ทันทีหอดาราสุ่ยเยว่ก็ตอบกลับมาว่าสุ่ยโย่วหลานได้เปิดใช้งานค่ายกลนทีลวงตาแล้ว และขอให้ประชาชนคอยคุ้มกันพวกเขาเองด้วย
ชาตี้สาปแช่งทันทีเกาะดาวตกมีค่ายกลนทีลวงตาซึ่งทำให้เกาะดาวตกปลดปล่อยภาพลวงตาที่มีหมอกซึ่งมีรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตร ปีศาจทะเลทั้งหมดที่เข้ามาในหมอกจะไม่สามารถเข้าใกล้เกาะดาวตกได้ แต่ทวีปนี้ไม่มีค่ายกลเช่นนี้
อาณาจักรเสินหวู่และอาณาจักรเป่ยเหลียงกำลังจะได้รับผลกระทบเป็นด่านแรกแน่นอนทางตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรต้าเซี่ยก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน หากราชันปีศาจเกิดบ้าคลั่งและขึ้นฝั่งมา มันอาจจะกลายเป็นหายนะแก่เผ่าพันธุ์มนุษย์
อาณาจักรเป่ยเหลียงรวบรวมกองทัพของพวกเขาอย่างรวดเร็วและไปยังทะเลซึ่งมีผู้นำทัพโดยชาตี้อาณาจักรเสินหวู่ก็ส่งกองกำลังไปและนำทัพด้วยเจียงเปี๋ยหลีเช่นกัน ทั้งสองอาณาจักรนี้จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้อย่างสาหัส
อาณาจักรต้าเซี่ยเองก็ตื่นตระหนกเช่นกัน
ซูรั่วเสวี่ยจะกล้าลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามโดยไม่มีเจียงอี้อยู่รอบๆได้อย่างไร?การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วอาจทำให้ศัตรูมีโอกาสโจมตีพวกเขาก็ได้
แต่ท้ายที่สุดแล้วซูรั่วเสวี่ยก็เกิดความคิดที่ดีขึ้นเพราะอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นมีเพียงดินแดนเล็กๆที่อยู่ใกล้ทะเลตะวันออก นางจะอพยพพลเมืองทั้งหมดจากที่นั่นมาไม่ได้หรือ? ท้ายที่สุดแล้วปีศาจทะเลก็เป็นสัตว์อสูรทะเล หากไม่มีผู้ใดให้สังหารหลังจากขึ้นมาบนฝั่งแล้ว พวกมันก็จะกลับลงทะเลไปเองตามธรรมชาติ
ทั้งสามอาณาจักรกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่รุนแรงและอาณาจักรอื่นๆก็วิตกเช่นกันหากวิกฤติกาลอสูรนี้หนักกว่าอดีตหลายเท่าและหากราชันปีศาจปรากฏตัวขึ้น พวกมันก็อาจจะกวาดล้างทวีปทั้งทวีปได้และคงไม่มีใครรอด
อาณาจักรต่างๆรวมตัวผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาและพร้อมเป็นกองกำลังเสริมตลอดเวลาอารามเซนและสำนักทั้งสามก็เตรียมกำลังเสริมเช่นกัน ทั้งทวีปนี้อยู่ในช่วงที่โหดร้ายและหดหู่มาก
แน่นอนว่ายกเว้นหุบเหวอเวจี!
เมื่อจีทิงยวี่ได้รับรายงานจากผู้ใต้บัญชาของนางนางก็ยิ้มแผ่วๆและบรรเลงดนตรีต่อ มือสีขาวนวลของนางบรรเลงดนตรีที่เสนาะหู ดวงตาของนางมองไปยังท้องฟ้าขณะถอนใจเบาๆ “ในที่สุดมันก็เริ่มแล้ว? เจียงอี้ เราจะได้เจอกันอีกครั้งในไม่ช้า เจ้ายังจำทิงยวี่ได้ไหมนะ?”
บทที่ 456 วิกฤติกาลอสูร
ตูม!ตูม! ตูม!
โฮ๊ววว!บรู๋ววว! กู่! กู่!
มีกองทัพขนาดใหญ่มากมายที่ประจำการอยู่ที่พื้นที่ทะเลตะวันออกหลายคนมองไปยังทะเลตะวันออกอันกว้างใหญ่ด้วยความหวาดกลัวและกังวลใจ พวกเขาจะได้ยินเสียงคำรามจากปีศาจทะเลตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีคลื่นยักษ์จากทะเลมาเป็นครั้งคราวพร้อมกับการปรากฏตัวของตัวตนที่ดุร้ายซึ่งมาจากปีศาจทะเล ทำให้กองทัพที่อยู่ริมทะเลรู้สึกหายใจแทบไม่ออก
ทะเลบริเวณนี้อยู่ใกล้กับทวีปและเป็นพื้นที่ตื้นที่สุดของภูมิภาคทะเลในวันปกติจะไม่มีปีศาจทะเลขันต่ำเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ตอนนี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของปีศาจระดับสองและระดับสาม มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าทะเลที่ลึกกว่านี้จะเป็นอย่างไร
“ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ปีศาจทะเลกลุ่มใหญ่กำลังจะจู่โจม!”
เสียงคำสั่งที่ดังและสะท้อนออกมาทำให้ทุกคนตึงเครียดขึ้นหากชาตี้ส่งข้อความ นั่นก็หมายความว่าปีศาจทะเลกำลังใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายคนหมุนเวียนแก่นแท้พลังและเตรียมต่อสู้แล้ว
ปึง!ปึง! ปึง!
คลื่นยักษ์ซัดเข้ามาจากทะเลอันไกลโพ้นและคลื่นแต่ละระลอกนั้นสูงและรุนแรงก็ครั้งล่าสุดมากหลังคลื่นยักษ์นั้นเป็นปีศาจทะเลซึ่งพวกมันทุกตนมีดวงตาสีแดงเลือด คลื่นที่ซัดเข้ามามีสีแดงจางๆและคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือดจางๆซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกคลื่นไส้
“นักสู้ขอบเขตเสินโหยวทั้งหลาย!ปลดปล่อยแก่นแท้พลังโจมตี!”
แม่ทัพคนหนึ่งจากจากอาณาจักรเป่ยเหลียงคำรามออกมาซึ่งตามมาด้วยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังมากมายที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า มันสะเทือนจนอากาศสั่นไหว ปีศาจทะเลที่อยู่ห่างออกไปต่างส่งเสียงคำรามออกมาขณะที่พวกมันใช้คลื่นทะเลด้านหน้าพวกมันเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ปะทะกับการโจมตีของแก่นแท้พลัง
ตูม!ตูม! ตูม!
การโจมตีด้วยแก่นแท้พลังระเบิดในขณะที่เกราะป้องกันน้ำได้กระจายเป็นหยดน้ำซึ่งกระจายไปทั่วท้องฟ้าละอองน้ำปรากฏขึ้นบนผิวทะเลทำให้เกิดทิวทัศน์ที่มีหมอกสวยงามมาก ปีศาจทะเลจำนวนมากได้รับบาดเจ็บขณะที่พวกมันส่งเสียงคำรามอย่างโหยหวนซึ่งกังวานมาพร้อมคลื่นที่ซัดเข้ามาและทำให้เกิดเสียงดังก้องในหูของทหารปกติ
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ปีศาจทะเลจำนวนมากโจมตีและพุ่งออกมาจากทะเลราวกับดาบอันแหลมคมและแทงไปที่ทหารที่อยู่บนชายฝั่งปีศาจทะเลเหล่านี้ไม่ได้มีระดับสูงและส่วนใหญ่พวกมันก็เป็นตัวนาก พวกมันมีร่างราวกับดาบและเมื่อพวกมันพุ่งออกจากทะเลจึงดูเหมือนคมดาบนับแสนที่กำลังบินลอยมาและได้สร้างภาพที่น่าตื่นตาออกมา
“ถอยกลับมาสามกิโลและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”
แม่ทัพจากอาณาจักรเป่ยเหลียงออกคำสั่งด้วยท่าทีสงบการโจมตีจากนากไม่รุนแรงนักและพวกมันได้ถูกจำกัดการโจมตีทางบกเพราะพวกมันไม่มีแขนขาเลยซึ่งนั่นหมายความว่าสิ่งที่รอพวกมันอยู่หลังจากนี้มีเพียงความตายเท่านั้น ปกติแล้วพวกมันจะไม่ขึ้นมาบนบกแต่พวกมันได้รับผลจากวิกฤติกาลอสูรและสูญเสียปัญญาไปทั้งหมด เป้าหมายเดียวของพวกมันคือการฆ่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ
ฟึ่บ!ฟั่บ!
กองทัพอาณาจักรเป่ยเหลียงปฏิบัติตามคำสั่งและถอยกลับมาสามกิโลเมตรอย่างเป็นระเบียบเมื่อพวกมันขึ้นมาบนชายฝั่ง พวกมันก็ได้แต่กระดิกไปมาทำให้ความเร็วของพวกมันช้าราวกับหอยทาก แต่อย่างไรเสียพวกมันก็ยังยิงศรน้ำออกจากปากได้ซึ่งมันยังคงความดุร้ายเอาไว้
แน่นอนว่าไม่ว่าพวกมันจะดุร้ายเพียงใดปีศาจทะเลบนบกก็เหมือนกับปลาบนดาดฟ้าเรือ นอกจากนี้ปีศาจทะเลเหล่านี้ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤติกาลอสูรและไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับลงทะเล พวกมันทั้งหมดกำลังรอความตายอยู่
วิกฤติกาลอสูรเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดและเป็นเรื่องลึกลับในทะเลตะวันออกซึ่งสร้างความสับสนให้แก่พลเมืองของทวีปมาเป็นเวลาหลายแสนปีตั้งแต่เริ่มต้นทวีป ทะเลตะวันออกก็มีวิกฤติกาลอสูรมาหลายรอบแล้ว แต่ไม่มีในทะเลทางเหนือ, ตระวันตกหรือทางใต้เลย ในช่วงเกิดวิกฤติกาลอสูร ปีศาจทะเลทั้งหมดในตะวันออกจะคุ้มคลั่งขึ้นซึ่งรวมถึงราชันปีศาจด้วย พวกมันจะฆ่าทุกสิ่งที่ไม่ใช่ปีศาจทะเลชนิดเดียวกันและทุกๆครั้งจะมีปีศาจทะเลกลุ่มใหญ่บุกเข้ามาในทวีปโดยไม่หยุดพักเว้นแต่ว่าพวกมันถูกสังหารไป
สิ่งที่อยู่ในทะเลตะวันออกคืออะไร?ทำไมปีศาจทะเลถึงเกิดจลาจล? ทำไมพวกมันถึงสูญเสียปัญญาของพวกมัน?
ไม่มีผู้ใดรู้….เพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดกล้าผจญภัยในส่วนลึกของทะเลตะวันออกหรือบางที….ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นที่เข้าไปในส่วนลึกของทะเลตะวันออกก็ไม่เคยได้กลับมา
“อุ๋งอุ๋ง!”
ก่อนที่นากทั้งหมดจะถูกสังหารปีศาจทะเลระลอกที่สองก็กำลังเข้ามา คราวนี้เป็นสิงโตทะเล พวกมันเป็นปีศาจทะเลระดับสองขั้นสูงสุดที่ยังไม่ได้ยากเย็นเกินไปที่จะรับมือ ปัญหาเดียวคือมันมากันเยอะมาก
การต่อสู้ที่โหดร้ายได้เริ่มขึ้นอาณาจักรเป่ยเหลียงได้รวบรวมกองทัพซึ่งมีทหารเพียงไม่กี่แสนนาย แต่จะเหลือกี่คนหลังจบวิกฤติการอสูรนี้? มีเพียงเบื้องบนเท่านั้นที่รู้
ในขณะเดียวกันก็มีการสู้รบในพื้นที่ทะเลตะวันออกของอาณาจักรเสินหวู่อาณาจักรเสินหวู่ได้ตกอยู่ในความวุ่นวายแล้ว และโชคดีที่เจียงเปี๋ยหลีเป็นผู้นำกองทัพด้วยตัวเองซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลต่างๆในกองทัพรู้สึกโล่งใจ
เจียงเปี๋ยหลีผ่านการสู้รบมาหลายร้อยครั้งแต่เขาไม่เคยพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวของเขาคือการต่อสู้กับเจียงอี้ในเมืองหวัง
อาณาจักรต้าเซี่ยนั้นมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นเนื่องจากแผนการของซูรั่วเสวี่ยเป็นไปได้ด้วยดีปีศาจทะเลจำนวนมากขึ้นมาบนบกและเตร็ดเตร่อยู่บนบกอย่างอิสระ แต่อย่างไรเสียมันก็ยังคงเป็นปีศาจทะเล ด้วยเหตุนั้น การขึ้นจากน้ำเป็นเวลานานก็จะทำให้กำลังพวกมันลดลงเป็นอย่างมาก
ย้อนไปในตอนนั้นเมืองต่างๆของอาณาจักรต้าเซี่ยถูกล้างและได้รับบาดเจ็บมากมาย ทางตะวันออกจึงไม่ค่อยมีประชากรมากเท่าไหร่นัก พวกเขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการอพยพพลเมืองทั้งหมด ทิ้งเมืองและหมู่บ้านจนรกร้างไว้ให้ปีศาจทะเลขึ้นมาทำลาย หลังจากที่ปีศาจทะเลขึ้นมาบนบกหลายวันและความแข็งแกร่งลดลงมากแล้ว อาณาจักรต้าเซี่ยก็จะค่อยส่งกองกำลังชั้นยอดออกไปกำจัดปีศาจทะเลทีหลัง
เพียงห้าวันปีศาจทะเลขึ้นมาบนบกอย่างน้อยหลายล้านตนซึ่งรวมถึงราชันปีศาจสามตนที่ถูกชาตี้และเจียงเปี๋ยหลีสังหารไป ทั้งสองอาณาจักรได้รับความเสียหายอย่างหนักและเสียทหารไปกว่าแสนคน
ทั้งสองอาณาจักรได้ร้องขอความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่องเนื่องจากวิกฤติกาลอสูรครั้งนี้หนักกว่าวิกฤติกาลครั้งก่อนๆหลายเท่า พวกเขาคิดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือนกว่ามันจะสงบลง หากในช่วงเวลานี้ไม่มีอาณาจักรใดส่งกองหนุนมาช่วย กองทัพทั้งสองก็จะถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง
จักรวรรดิมังกรเวหาได้ส่งราชโองการลงมาว่าให้คนของพวกเขาไปช่วยเหลือกองทัพทั้งสองอาณาจักรแต่ก็เป็นเช่นเคย….พวกเขาไม่ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญหรือทหารแม้แต่เพียงคนเดียวออกมาช่วยเลย
อาณาจักรที่เหลือก็ยังคงอยู่เช่นเดิมมีเพียงสำนักทั้งสามและอารามเซนเท่านั้นที่ส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวและเหล่าอัจฉริยะมาเป็นกองหนุน ส่วนหอดาราสุ่ยเยว่ไม่ได้ส่งกองกำลังมา แม้ว่าพวกเขาจะมีค่ายกลแต่ก็ยังมีปีศาจบางส่วนที่สามารถไปยังเกาะดาวตกได้โดยบังเอิญ พื้นที่ตรงนั้นเป็นบริเวณทะเลลึกซึ่งเป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง
…
ปัง!
ณพรมแดนของพงไพรแห่งบาปซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรเซิ่งหลิง ผืนดินได้ระเบิดออกมาทันที มีร่างร่างหนึ่งโผล่ขึ้นมา เขาสวมเสื้อผ้าสีดำและผ้าคลุมหัวสีดำ มีเพียงใบหน้าที่ไร้อารมณ์ซึ่งมาพร้อมดวงตาที่ดูสงสัยเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้
เขามองไปรอบๆและพยายามระบุภูมิประเทศจากนั้นเขาก็หยิบแผนที่มาดูใกล้ๆก่อนจะพยักหน้า “ที่นี่ไม่น่าไกลจากหุบเขาชิงวิญญาณเท่าไหร่ ข้าจะค้างที่นี่และพักผ่อนเพื่อการต่อสู้ในหุบเขา”
เขาเดินไปรอบๆและพบแม่น้ำสายเล็กสายหนึ่งที่เขาจับปลาเล็กได้ไม่กี่ตัวจากนั้นเขาก็ย่างปลากินก่อนที่จะขุดถ้าในภูเขาเพื่อพักผ่อน
บุฟ!
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนทำให้ดวงตาของเจียงอี้เปลี่ยนไปทันทีดาบยาวสีแดงปรากฏขึ้นในมือของเขาขณะที่ฝ่ามือของเขาปรากฏเปลวเพลิงสีเขียวจาง…เขาพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
“เจียงอี้นี่ข้าเอง!”
เสียงที่มีเสน่ห์ดังขึ้นมาก่อนที่หญิงสาวที่สวยงามและน่าหลงใหลจะปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศนางกอดจิ้งจอกน้อยที่น่ารักไว้ในอ้อมแขน
“จี๊จี๊!”
เมื่อจิ้งจอกน้อยเห็นชายชุดดำมันก็กระโดดออกจากอ้อมแขนหญิงผู้นั้นและโผเข้าสู่อ้อมแขนของชายคนนั้นทันที เขาลูบจิ้งจอกน้อยด้วยความเสน่หาและยิ้มจางๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นเพื่อพูดกับหญิงผู้นั้นว่า “จักรพรรดินีสัตว์อสูร ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่? หากท่านพาเสี่ยวเฟยมาที่นี่….หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรพยักหน้าและกล่าวว่า“มีบางอย่างเกิดขึ้น ข้าอาจจะต้องออกจากทวีปนี้ในอีกไม่กี่วัน ข้าต้องการถามเจ้าว่าเจ้ามั่นใจไหมว่าจะปกป้องเสี่ยวเฟยได้หากข้าไปแล้ว หากเจ้าไม่มั่นใจเช่นนั้นข้าก็จะเสี่ยงพานางไปกับข้า”