เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 465-466
บทที่ 465 กำเนิดสงคราม
ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นน่ากลัวมากจนทำให้ทหารขอบเขตเสินโหยวหลายพันนายที่อยู่นอกเมืองเซี่ยยวี่ก็แข็งทื่อทันทีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่มีระดับต่ำจำนวนมากถูกตรึงไว้ทั้งหมด
เจียงอี้กำลังจะลงมือหรอ?
ผู้เชี่ยวชาญมากมายจากทั้งห้าอาณาจักรต่างจับจ้องไปยังเมืองเซี่ยยวี่สัตว์อสูรหยาจื้อเป็นเหมือนดั่งตัวแทนของเจียงอี้ และตอนนี้สัตว์อสูรหยาจื้อก็ได้ปรากฏตัวแล้ว เจียงอี้ก็คงจะออกมาเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญมากมายต่างนับถือและเกลียดชังเจียงอี้แน่นอนว่าพวกเขาส่วนใหญ่ต่างหวั่นเกรงเขา เด็กน้อยผู้นี้ได้สร้างปาฏิหาริย์มากมาย และในตอนนี้ ความไม่มั่นใจในใจของพวกเขาก็ได้ก่อขึ้นเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนี้
“สัตว์อสูรหยาจื้อหยุดการกระทำอันป่าเถื่อนของเจ้าซะ! กองทหาร โจมตี! องค์ราชาผู้นี้ก็เพียงพอที่จะสังหารราชันสัตว์อสูรกระจ้อยร่อยตนนี้ได้แล้ว!”
เสียงคำรามที่เหมือนสิงโตดังสะท้อนออกมาขณะที่ร่างร่างหนึ่งบินมาจากระยะไกลคนผู้นั้นสวมชุดหลากสีพร้อมง้าวสีทองในมือ เขาสวมมงกุฎหยกม่วงและปกคลุมไปด้วยพลังของมังกร ก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ๆ กลิ่นอายของเขาก็ได้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างพากันรู้สึกอึดอัด
เซียวหลงหวาง!
ซูรั่วเสวี่ยหรี่ตาของนางห้าอาณาจักรนั้นเตรียมการณ์มาแล้ว ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังคนแรกปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว แล้วอีกนานขนาดไหนกันที่คนต่อไปจะปรากฏออกมาอีก?
“ฆ่า!”
ไท่สื่ออู๋ตี๋คำรามออกมาก่อนที่จะเริ่มการโจมตีดาบในมือของเขากวัดแกว่งไปมาและฟาดมาที่ด้านหน้า จากนั้นก็ตามมาด้วยลำแสงสีเขียวที่เปล่งประกายออกมาขณะที่มันพุ่งผ่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่มาด้านหน้า
ฟึ่บฟั่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งแปดพันนายปลดปล่อยแก่นแท้พลังของพวกเขาออกมา
“เปิดใช้งานค่ายกลป้องกัน!”
ซูรั่วเสวี่ยโบกมือเบาๆและไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมาจู่ๆอิฐสีดำบนผนังก็สว่างขึ้นและก่อนตัวเป็นเหมือนกระโจมสีน้ำเงินเหนือเมืองเซี่ยยวี่
ปึงปัง ปั้ง!
แก่นแท้พลังนับไม่ถ้วนสาดลงมายังค่ายกลป้องกันทำให้เกิดแสงสีฟ้าแผ่ออกมามันสกัดการโจมตีจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับพัน การโจมตีด้วยแก่นแท้พลังนั้นกระจายไปทั่ว เมื่อมันพุ่งกระทบสู่แนวค่ายกลทำให้มันดูงดงามราวกับดอกไม้ไฟที่น่าหลงใหล
“นี่…”
แม่ทัพเฒ่าจากอาณาจักรเซิ่งหลิง,ไท่สื่ออู๋ตี๋, แม่ทัพหลงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาและคนอื่นๆอ้าปากค้าง มันยังมีกำแพงป้องกันเช่นนี้อยู่ในเมืองเทียนชิงอีก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ถูกก่อขึ้นโดยราชันสวรรค์เมื่อนานมาแล้ว ในอดีต เมืองเซี่ยยวี่ไม่มีกำแพงป้องกันใดๆเลย แล้วในช่วงเวลาสั้นๆใครกันที่จะสามารถจัดสร้างแนวป้องกันขนาดใหญ่เช่นนี้ได้?
“ข้อจำกัดของจอมเวทย์นั้นแข็งแกร่งจริงๆ!”
หยุนเฟยกำหมัดแน่นอย่างตื่นเต้นพวกเขาประสบความสำเร็จจริงๆ และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูรั่วเสวี่ยมีศิลาสวรรค์จำนวนมาก หากพวกเขาใช้หินวิญญาณอื่นมาทดแทน พวกมันคงจะไม่สามารถต้านการโจมตีเมื่อครู่ได้
“โจมตีต่อไป!ข้าอยากจะรู้นักว่ากำแพงนี่จะอยู่ได้นานแค่ไหนกันเชียว…”
ไท่สื่ออู๋ตี๋ตะโกนออกมาแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ แสงสีขาวก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า มันพุ่งลงมาโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางของรัศมีสามสิบสามเมตร
ฟึ่บฟั่บ!
ผู้คนรอบๆเขาไม่ได้ระเบิดแต่ผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนได้กลายเป็นผุยผงไปพร้อมกับหลุมลึกที่ปรากฏอยู่บนพื้นความลึกของหลุมนั้นไม่สามารถวัดได้และเมื่อพวกเขาเหลือบมองก็ทำให้ใจของพวกเขาสั่น
“ไอเจ้าสัตว์ร้ายเจ้ากล้าทำร้ายคนของข้าหรอ?”
เซียวหลงหวางโกรธมากทันใดนั้นเขาก็ตวัดง้าวสีทองในมือของเขา ทำให้เกิดลำแสงสีทองพุ่งออกมา ลำแสงสีทองนั้นกลายเป็นสัตว์แปลกประหลาดกลางอากาศและตวัดกรงเล็บของมันไปยังสัตว์อสูรหยาจื้อทันที
ฟึ่บ!
เขาบนหน้าผากของสัตว์อสูรหยาจื้อสว่างขึ้นและแสงสีขาวก็ถูกยิงออกไปด้านหน้าหลังจากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดอันน่าตกใจ แสงสีขาวเป็นประกายทำให้ผู้คนด้านล่างมองอะไรไม่เห็นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่ซูรั่วเสวี่ยและคนของนางก็ยังไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย
“หนี!”
แม่ทัพหลงและคนของเขามีสีหน้าที่เปลี่ยนไปพร้อมกับสาปแช่งในใจเซียวหลงหวางไปต่อสู้กันไกลๆไม่ได้หรือ? พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์อสูรจะตกลงมาหลังจากได้ปะทะกับเขาหรือไม่ แต่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างอาจจะตายจากการโดนลูกหลงจากการต่อสู้ของพวกเขาได้
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างหวาดกลัวและเริ่มหนีไปคนละทิศละทางอย่างลุกลี้ลุกลนเซียวหลงหวางอยู่ระดับใดกัน? เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังขั้นที่เจ็ดในขณะที่สัตว์อสูรหยาจื้อเป็นราชันสัตว์อสูรระดับสูงสุด แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่ได้ทะลวงขั้นจักรพรรดิ ซึ่งมันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของความแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า แต่ไม่ว่าในกรณีใด วิชาอสูรของมันก็ยังคงน่ากลัวมากอยู่ดี
ฟึ่บฟั่บ!
คลื่นพลังที่น่ากลัวกระแทกออกมาเหมือนพายุผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวราวสองร้อยคนที่อยู่ข้างล่างพวกเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ใกล้ๆทั้งหมดก็กระเด็นไปไกลเช่นกัน ทุกคนกระอักเลือดออกมากลางอากาศก่อนที่จะหมดสติไป!
“เจ้าสัตว์ร้าย!หากเจ้ากล้าก็ขึ้นไปสู้กับข้าข้างบน!”
เซียวหลงหวางเพิ่งตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาจึงตะโกนออกมา อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรหยาจื้อได้กลายเป็นลำแสงพุ่งไปทางผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่อยู่ด้านล่าง ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่มันผ่านไปนั้นถูกฉีกร่างด้วยกรงเล็บของมัน ในพริบตาเดียวผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับพันก็ตกตายไป
“เจ้าสัตว์ร้ายตายซะ!”
เซียวหลงหวางโกรธมากเขากลายเป็นเพียงภาพติดตาขณะที่ไล่ตามสัตว์อสูรหยาจื้อมา ความเร็วของเขารวดเร็วกว่าสัตว์อสูรหยาจื้อ แต่ปัญหาก็คือมีลูกน้องของเขาอยู่ทุกหนแห่ง เขาไม่สามารถใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งเกินไปได้และการป้องกันของสัตว์อสูรหยาจื้อนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ในเมื่อมันไม่ต้องการที่จะสู้กับเขา เซียวหลงหวางจึงไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เพียงชั่วครู่หนึ่ง เว้นแต่ว่าเขาจะเลือกที่จะเพิกเฉยต่อเหล่ากองกำลังที่กำลังหนีทั้งหมด
“ฮึ่ม!”
ในตอนนั้นเองเสียงฮึ่มที่เยือกเย็นราวน้ำแข็งดังก้องขึ้นและมีร่างสีทองปรากฏขึ้นทางทิศเหนือ ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีทองขณะที่ถือหอกสีทองอยู่ในมือ ร่างของเขาเจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ มันทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นดั่งองค์เทพที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้
ชาตี้แห่งอาณาจักรเป่ยเหลียง!
“เซียวหลงหวางทำไมเจ้าช่างโง่เขลานัก? ทำไมเจ้าถึงได้ตามตูดเจ้าสัตว์อสูรนั่น? ทั้งที่เจ้าก็สามารถบุกเข้าไปในเมืองได้!”
ร่างของชาตี้ถูกหุ้มไปด้วยชุดเกราะและมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เผยออกมาให้เห็น ทันใดนั้นหอกบนมือของเขาก็พุ่งไปข้างหน้าจะทำให้พื้นที่ข้างหน้าบิดเบี้ยว สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งกว่าคือหอกนั้นหายไปจริงๆ!
ฟึ่บฟั่บ!
สิ่งนี้ทำให้ซูรั่วเสวี่ยและคนอื่นๆตะลึงมากจากนั้นไม่นาน หอกสีทองก็ปรากฏขึ้นนอกกำแพงขณะที่มันพุ่งตรงเข้ามา
บึฟ!
กำแพงสีน้ำเงินสว่างขึ้นแต่หอกสีทองไม่ได้ถูกต่อต้านใดๆและแทงทะลุกำแพงป้องกันไปหลังจากนั้นกำแพงทั้งหมดก็แตกสลายออกมาเหมือนฟองสบู่
“ใช่แล้วเราควรจะถล่มเมืองเซี่ยยวี่ให้ย่อยยับไปเสียก่อน!”
เซียวหลงหวางตาสว่างขึ้นมาแทนที่เขาจะไล่ตามสัตว์อสูรหยาจื้อ มันคงจะเป็นการณ์ดีกว่าที่เขาจะโจมตีเมืองเซี่ยยวี่ เขาก็อยากจะรู้นักว่าสัตว์อสูรหยาจื้อจะกลับมาช่วยเหลือเมืองหรือไม่
แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่เขาก็ไม่ได้พุ่งไปในเมืองทันทีแต่จ้องไปที่ชาตี้ อย่างไรก็ตาม ชาตี้ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน ทั้งคู่มองไปยังเมืองที่เงียบสงบและรู้สึกใจสั่น
เจียงอี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมาและทั้งคู่ไม่ได้โง่เขลาจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาพุ่งเข้าไปและตกหลุมพรางของเจียงอี้? ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงอี้ได้สังหารขันทีหลินไป
เซียวหลงหวางมองไปทางด้านเหนือด้วยความโกรธอยู่หลายครั้งเมื่อเขาเห็นสหายเก่ายังไม่เคลื่อนไหวเขาก็สาปแช่งอยู่ในใจ เขาหันไปมองและตะโกนว่า “กองกำลังทั้งหลาย จงฟังข้า จงมุ่งเข้าสู่เมืองเซี่ยยวี่! ตราบใดที่พวกเจ้าเข้าไปในเมือง สัตว์ร้ายนั่นจะไม่ตามไปสังหารพวกเจ้า”
“ความคิดดี!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทุกคนที่หวาดกลัวกับการไล่ล่าของสัตว์อสูรหยาจื้อก็ตาสว่างขึ้นตราบใดที่พวกเขาเข้าไปในเมืองและต่อสู้กับทหารของเมืองเซี่ยยวี่ แล้วสัตว์อสูรหยาจื้อจะยังไล่ตามพวกเขาต่อไปได้อย่างไร?
ฟึ่บ!ฟั่บ! ฟึ่บ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับไม่ถ้วนพากันมุ่งตรงไปยังเมืองเซี่ยยวี่พวกเขารู้ดีว่าในเมืองอาจจะอันตรายกว่ามากแต่อย่างน้อยก็มีโอกาสรอด หากพวกเขาไม่ได้มาและบังคับให้เจียงอี้เผยตัวตนออกมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่เหลือก็จะไม่เผยตัวเองและจะรอเพียงเพื่อมองสัตว์อสูรหยาจื้อสังหารพวกเขาทีละคน
“เตรียมการรบ!เราจะพินาศและรอดไปกับเมืองเซี่ยยวี่!”
ซูรั่วเสวี่ยตะโกนออกมานางโบกมือของนาง จากนั้นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวในเมืองนับไม่ถ้วนก็ชักอาวุธของพวกเขาออกมาและอาวุธก็สว่างขึ้นด้วยแสงหลากสีพร้อมใบหน้าที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ มันทำให้กลิ่นอายในเมืองทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า
บทที่ 466 ไร้ยางอายและต่ำช้า
เมืองเซี่ยยวี่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากนักเดิมทีพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ประมาณหนึ่งพันคน แต่หลังจากที่เจียงอี้ขุดพบสายแร่ศักดิ์สิทธิ์ ซูรั่วเสวี่ยก็ได้ใช้ศิลาสวรรค์จำนวนมากเพื่อคอยบ่มเพาะกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอย่างลับๆประมาณสองพันคน แต่ก็น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ยังไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและอยู่ขั้นที่ห้าของขอบเขตเสินโหยว
ในเมื่อซูรั่วเสวี่ยตั้งใจแล้วว่าจะเสี่ยงชีวิตของนางนางจึงไม่ยั้งมือใดๆทั้งสิ้น นางจะทำทุกอย่างที่จะสามารถจัดการกับพวกที่บุกรุกอาณาจักรต้าเซี่ยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางต้องการบอกให้โลกได้รู้ว่าชาวเมืองอาณาจักรเซี่ยไม่ได้มีความหวั่นเกรงและหากพวกเขาต้องการล้มล้างอาณาจักรต้าเซี่ย พวกเขาก็ต้องแลกมันด้วยการนองเลือด
“ฆ่ามัน!”
นอกเมืองมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวราวกับฝูงตั๊กแตนแม่ทัพเฒ่าหลูตะโกนออกมาและนำทัพตรงไปยังเมือง
เนื่องจากศัตรูของพวกเขาไม่ได้ใช้แก่นแท้พลังโจมตีมาพวกเขาที่เสียเปรียบในด้านจำนวนก็จะไม่ปล่อยแก่นแท้พลังออกมาก่อน ในตอนนี้ไม่มีกำแพงกั้นภายในเมืองแล้วและองค์ราชินีของพวกเขาก็อยู่เหนือกำแพงเมืองและด้านหลังกำแพงก็เป็นพลเมืองเซี่ยยวี่ เมื่อพวกเขาเริ่มปะทะกันด้วยแก่นแท้พลัง จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมายและเมืองเซี่ยยวี่ก็จะถูกทำลายลง
ฟึ่บฟั่บ!
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเหินออกมาจากกำแพงเมืองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวได้ปรากฏออกมาประมาณสามพันคนขณะที่ซูรั่วเสวี่ยเหลือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวสองคนไว้ปกป้องนาง ในขณะเดียวกันทหารหลายแสนนายก็กระโดดลงจากกำแพงเมือง แม้ว่ากองทัพนั้นจะเต็มไปด้วยขอบเขตฉูติ่งและขอบเขตจื่อฝู่และพวกเขากำลังจะทิ้งชีวิตของพวกเขาไป แต่อะไรคือสิ่งสำคัญที่พวกเขายังคงอยู่ในเมืองกันล่ะ? ทำไมไม่ตายในสนามรบอย่างมีเกียรติไปเลย?
เคร้งแคร๊ง! ปัง ปัง! ย๊ากกก!
ทั้งสองฝ่ายกำลังเข้าปะทะกันอย่างรวดเร็วการโจมตีรูปแบบเต๋าต่างๆและการต่อสู้ทุกสิ่งถูกงัดออกมาใช้หมด สถานที่ทุกหนแห่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่สะท้อนจากอาวุธอยู่ตลอดเวลา การต่อสู้ที่โหดร้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้วและด้านนอกของเมืองเซี่ยยวี่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
โฮกก!โฮกกกก!
หลังจากที่สัตว์อสูรหยาจื้อสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่กำลังหลบหนีไปมากมายแล้วมันก็รีบพุ่งเข้าไปในเมืองด้วยความโกรธ แต่อย่างไรเสีย ทหารทั้งสองฝ่ายก็ได้เริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือดแล้วและหากมันปล่อยโจมตีออกไปก็อาจทำร้ายกองทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยไปด้วย
ฟึ่บ!ฟั่บ!
สัตว์อสูรหยาจื้อบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างช่วยไม่ได้และมุ่งไปหาชาตี้แห่งอาณาจักรเป่ยเหลียงเซียวหลงหวางและชาตี้กำลังเย้ยหยันอยู่กลางอากาศขณะที่พวกเขากำลังรอสัตว์อสูรหยาจื้ออยู่และเริ่มปะทะกันจนกลายเป็นเพียงแสงกระพริบอยู่บนฟ้า
ปึงปัง ปั้ง!
ส่วนร่างของสัตว์อสูรก็เหมือนลำแสงที่ริบหรี่อยู่กลางอากาศความเร็วของเซียวหลงหวางและชาตี้นั้นก็เร็วราวสายฟ้าเช่นกัน จอมยุทธทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของทั้งสามได้อย่างแน่ชัดและจะมองเห็นเพียงเงาสามดวงที่กระพริบอยู่กลางอากาศ และบางครั้งพวกเขาก็จะได้ยินเสียงอาวุธทั้งสองที่ปะทะกับกรงเล็บของสัตว์อสูรหยาจื้อ
เห็นได้ชัดเลยว่า!
เซียวหลงหวางและชาตี้ยังไม่ได้ออกแรงอย่างเต็มที่ส่วนบรรพบุรุษเฒ่าตระกูลหลิงและคนอื่นๆก็ยังไม่เผยตัวออกมา มันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาทั้งสองจะไม่เสี่ยงตายอย่างโง่เขลา การสร้างบาดแผลให้สัตว์อสูรหยาจื้อนั้นเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเซียวหลงหวางและชาตี้ และการสังหารมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ท้าทายเช่นกัน แต่ก่อนที่เจียงอี้จะเผยตัวออกมา พวกเขาจะต้องเก็บความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้เสียก่อน
กองทัพอาณาจักรทั้งห้าด้านล่างได้กดกองทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยไว้อย่างสมบูรณ์ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาจะสามารถเข้าสู่เมืองเซี่ยยวี่ได้ ตราบใดที่พวกเขาทั้งสองยื้อเวลาแก่สัตว์อสูรหยาจื้อและรอให้กองทัพพันธมิตรเข้าสู่เมืองเซี่ยยวี่ได้แล้ว แล้วเจียงอี้จะซ่อนตัวต่อไปได้อีกหรือ?
การต่อสู้บนพื้นดินนั้นสิ้นหวังมากกองทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยมีกำลังคนมากกว่าหลายเท่า แต่กองทัพฝ่ายศัตรูนั้นมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดมากกว่าพันคนอีก
ฟึ่บฟั่บ!
ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็มีแม่ทัพผู้เกรียงไกรจากอาณาจักรเป่ยเหลียงที่น่ากลัวมากเขาสวมชุดเกราะสีดำและมีขนาดตัวที่สูงกว่าสองเมตร เขากวัดแกว่งขวานยักษ์ซึ่งมันส่องแสงสีดำและมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแผ่ออกมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์
เขาเป็นเหมือนสัตว์อสูรยักษ์ที่นำทัพกลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเข้ามาและแทบจะไม่มีผู้ใดมีฝีมือทัดเทียมเขาได้เลยไม่ว่าจะเป็นขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าหรือขั้นสูงสุด ทุกๆคนถูกสังหารไปในทันที
แม่ทัพเฒ่าจากอาณาจักรเซิ่งหลิง,แม่ทัพหลงจากจักรวรรดิมังกรเวหา, แม่ทัพตระกูลเตาจากอาณาจักรเป่ยหมาง, แม่ทัพไท่สื่อจากอาณาจักรเสินหวู่ คนเหล่านี้ได้นำทัพผู้เชี่ยวชาญสังหารด้านล่างกำแพงเมืองและทำลายล้างอาณาจักรต้าเซี่ยราวกับเก็บเกี่ยวข้าว ในเวลาเพียงสามสิบนาที พวกเขาก็ได้กำจัดสมาชิกอาณาจักรต้าเซี่ยไปแล้วเกือบหมื่นคน และในหมู่คนเหล่านั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวอยู่นับร้อย
แน่นอนว่า!
กองทัพพันธมิตรก็บาดเจ็บล้มตายไปเช่นกันทหารและผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในเมืองเซี่ยยวี่ต่างก็พร้อมที่จะตายไปพร้อมกับเมือง ดังนั้นพวกเขาจึงต่อสู้โดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆ
…
“องค์หญิงหยุนเฟย,นายน้อยอู๋ซวงขอให้ท่านกลับไปหารือเรื่องสำคัญพะยะค่ะ!”
ณบนกำแพงเมือง, ทหารตระกูลจ้านรีบวิ่งไปด้านบนสุดของกำแพงเมืองและแจ้งเรื่องแก่นาง นางคุ้นเคยกับคนจากตระกูลจ้านเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยอยู่บ้างแต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรมาก และนางเพียงแค่แจ้งซูรั่วเสวี่ยและรีบไปทันที
จ้านอู๋ซวงและเฉียนว่านก้วนนั้นไม่ได้มาที่กำแพงเมืองแต่ซูรั่วเสวี่ยก็ไม่ได้สนใจ นางไม่ได้คิดว่าพวกเขาเกรงกลัวความตายอยู่แล้ว มิฉะนั้นพวกเขาก็คงจะอพยพไปแล้วในตอนที่นางบอกให้ไป
หยุนเฟยรีบเข้าไปในวังหิมะเลื่อนลอยแต่ไม่เห็นจ้านอู๋ซวงหรือเฉียนว่านก้วนเลยนางเห็นเพียงสาวใช้ที่ดูอ่อนแอยืนอยู่ที่ทางเข้าวังหิมะเลื่อนลอย
“น้องสาวเสี่ยวนู๋อู๋ซวงล่ะ?” หยุนเฟยถามด้วยความสงสัย การสู้รบกันนอกเมืองกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดและศัตรูอาจบุกเข้ามาในเมืองได้ทุกเมื่อ ซึ่งหยุนเฟยกำลังเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่สนามรบและใช้ศาสตร์เวทย์มนตร์ของนางสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว มันไม่เป็นอะไรเลยหากว่าจ้านอู๋ซวงไม่ได้ร่วมต่อสู้ แต่เขาเรียกหานางและเขากลับไม่อยู่ตรงนั้น?
ฟึ่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋ไม่ได้พูดอะไรและกลายเป็นเพียงภาพติดตาก่อนที่นางจะสับหลังศีรษะของหยุนเฟยเบาๆจนนางสลบไปนางเอื้อมมือไปโอบหยุนเฟยไว้ในขณะที่มืออีกข้างก็หยิบแจกันเขียวพิสุทธิ์ออกมาและนำหยุนเฟยเข้าไปอยู่ข้างในแจกัน
เจียงอี้นั้นมีพระราชวังจักรวาลอยู่แล้วฉะนั้นแจกันเขียวพิสุทธิ์จึงไม่จำเป็นต่อเขาอีกต่อไป ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังหุบเขาชิงวิญญาณ เขาก็ได้มอบแจกันนี้ไว้ให้เจียงเสี่ยวนู๋ ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้บอกให้เจียงเสี่ยวนู๋ปกป้องทุกคน ซึ่งเสี่ยวนู๋มีความคิดที่เรียบง่ายมากคือ หากนางจะปกป้องพวกเขามันคงจะเป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะอยู่เคียงข้างนางฉะนั้นเมื่อนางคิดแล้วว่ายังไงการต่อสู้ก็ไม่มีโอกาสชนะ นางจึงหลอกให้เฉียนว่านก้วนและจ้านอู๋ซวงที่กำลังเตรียมออกรบมาที่นี่ และตอนนี้นางก็หลอกหยุนเฟยมาที่นี่และหลังจากที่ทำให้ทุกคนสลบไป นางก็นำทุกคนไปไว้ในแจกันเขียวพิสุทธิ์
หลังจากที่เก็บแจกันเขียวพิสุทธิ์แล้วเจียงเสี่ยวนู๋ก็ลอยออกจากวังหลวงและไปยังด้านล่างกำแพงเมืองทางเหนืออย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็ขึ้นไปบนกำแพงเมือง
นางสวมชุดสีขาวงดงามนางอาจจะดูบอบบางและดูสงบราวกับเดินอยู่ในสวนหลังบ้าน แต่นางมีดวงตาที่เย็นชาและแม้ว่านางจะไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมา แต่ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองก็รู้สึกสั่นเทา
“เสี่ยวนู๋!”
เมื่อซูรั่วเสวี่ยเห็นเจียงเสี่ยวนู๋เดินมานางก็อยากจะพูดบางอย่างแต่เมื่อนางเห็นแววตาของเจียงเสี่ยวนู๋แล้ว นางก็เงียบไป ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและยืนอยู่ข้างหลังซูรั่วเสวี่ยอยู่เงียบๆขณะที่คอยมองการต่อสู้นอกเมือง
การต่อสู้นอกเมืองนั้นเริ่มตึงเครียดและกองทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยกว่าครึ่งได้ถูกกวาดล้างไปแล้วผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเกือบทั้งหมดก็ถูกกวาดล้างไปในขณะที่กองทัพพันธมิตรได้สูญเสียทหารไปกว่าสามพันนายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่เหลืออีกสี่พันกว่าคนก็เหมือนสัตว์ร้ายสี่พันตนที่แทบจะไม่สามารถโค่นลงได้
ฟึ่บ!
มีเสียงผ่านฟ้าดังมาจากทางทิศใต้แสงสีดำพุ่งผ่านท้องฟ้ามาเหมือนดาวหางและมาถึงตอนเหนือของเมืองในพริบตา
ผู้ที่มาถึงนั้นเป็นหญิงชรานางสวมเสื้อคลุมสีเทาและมีผมสีขาวขณะที่ถือคทาสีขาวอยู่ในมือ นางยิ้มและมองไปที่ซูรั่วเสวี่ยก่อนที่จะมองไปยังการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรหยาจื้อกับเซียวหลงหวางและชาตี้ นางหัวเราะและพูดว่า “เซียวหลวงหวาง ชาตี้ พวกเจ้าทั้งสองก็เป็นนักสู้ที่เลื่องชื่อของทวีปนี้ แต่พวกเจ้ากลับกำลังร่วมมือกันโจมตีสัตว์อสูรหยาจื้อหรอ? พวกเจ้าไม่รู้สึกไร้ยางอายและต่ำช้าบ้างเลย? พวกเจ้าไม่กลัวว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นที่น่าขันของทวีปหรอ?”