เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 469-470
บทที่ 469 ข่มเหงด้วยความอาวุโส
อันที่จริงแล้ว…!
ทุกคนเห็นเจียงเสี่ยวนู๋ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ซูรั่วเสวี่ยเพียงน่าหลงใหลเกินไปและเมื่อมองไปก็จะเห็นเสื้อคลุมฟีนิกส์และมงกุฏที่งดงามของนางอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากราชินีแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถแต่งกายเช่นนี้ได้ ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋นางก็งดงามมากเช่นกันและคนนอกจะเห็นนางหลังจากที่มองซูรั่วเสวี่ยแล้ว
ก่อนจะเกิดการเปลี่ยนร่าง พลังงานของเจียงเสี่ยวนู๋ทั้งหมดนั้นจะซ่อนอยู่ภายใต้เลือดเนื้อของนาง มันไม่สามารถตรวจจับได้ ดังนั้นกองทัพพันธมิตรและแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรต้าเซี่ยเองก็ไม่รู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋นั้นมีพลังที่น่าเกรงขามจริงๆ
สังหารเซี่ยถิงเวยไปในทันที!
เซี่ยถิงเวยอาจพิการและเขาอาจจะไม่ได้สนใจเจียงเสี่ยวนู๋ด้วย แต่อย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังแต่เขากลับถูกสังหารทันที? นอกจากนี้ทุกคนยังเห็นที่เซี่ยถิงเวยถูกสังหารอย่างชัดเจน เจียงเสี่ยวนู๋ฉีกร่างของเขาออกจากกันราวกับเสือกระชากเหยื่อ จะไม่ให้คนอื่นตกใจได้อย่างไร?
ฟึ่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋ไม่ได้กังวลว่าคนอื่นๆจะประหลาดใจหรือตกใจอะไร ในเมื่อนางเคลื่อนไหวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่นางต้องเกรงกลัวอีกต่อไป นางกลายเป็นสายลมขณะที่รีบพุ่งไปยังจอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิง
ในตอนแรก เจียงเสี่ยวนู๋คิดว่าความพ่ายแพ้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้แล้ว แต่หลังจากที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินและราชันสัตว์อสูรทั้งสองปรากฏตัว นางก็รู้สึกว่ายังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้อีกหนึ่งหรือสองคน พวกเขาก็จะสามารถพลิกสถานการณ์ได้
ความเร็วของนางรวดเร็วเกินไปและใช้เวลาเพียงไม่กี่พริบตา นางก็มาถึงที่ที่จอมพลเฒ่าอยู่ ในตอนแรกจอมพลเฒ่ากำลังคิดจะใช้โอกาสสังหารราชันสัตว์อสูรแดงโลหิต แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันมาต่อสู้กับเจียงเสี่ยวนู๋
จอมพลผู้นี้เป็นหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญของทวีปแต่เขาอยู่ในอันดับเก้าและมีความแข็งแกร่งพอๆกับเซี่ยถิงเวย ในตอนนั้นเอง ร่างของเขาก็เปล่งประกายแสงสีเหลืองหม่นออกมาซึ่งแท้จริงแล้วมันคือม่านพลังป้องกันบางๆ ในขณะเดียวกันคทาในมือของเขาก็ปลดปล่อยมังกรวารีออกมาซึ่งอากาศที่มังกรนั้นผ่านมาก็สั่นสะเทือนไปทั่ว แม้แต่ซูรั่วเสวี่ยที่อยู่ห่างออกไปก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้
“เกราะปฐพี จอมพลเฒ่าเข้าถึงรูปแบบเต๋าที่ยากเช่นนี้ได้จริงๆ!”
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดที่อยู่ข้างๆซูรั่วเสวี่ยพูดออกมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้นไม่สามารถที่จะสร้างโล่หรือเกราะป้องกันได้ มีเพียงขอบเขตเทียนจุนเท่านั้นที่สามารถทำได้ ตราบใดที่แก่นพลังยังไม่หมดไป เกราะป้องกันนั้นๆก็จะไม่สลายไป มันเป็นความสามารถในการป้องกันตัวที่น่าทึ่ง แต่ก็ยังมีความจริงที่ว่ารูปแบบเต๋าธรณีนั้นเน้นไปที่ความแข็งแกร่งด้านการป้องกันได้
เกราะปฐพีอาจไม่แข็งแกร่งเท่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตเทียนจุนแต่มันก็ยังยากที่จะทำลายเกราะนั้นได้ นั่นคือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดถึงได้อุทานออกมา เขากังวลว่าเจียงเสี่ยวนู๋อาจจะไม่สามารถทำลายเกราะปฐพีได้ และหากเป็นเช่นนั้นนางก็จะจบลงด้วยการบาดเจ็บ
ฟึ่บ ฟั่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋ไม่รู้เรื่องพวกนี้และเมื่อนางเห็นคทาของจอมพลเฒ่านางก็ไม่ได้พยายามหลบและใช้กรงเล็บของนางตวัดใส่คทา ใจของซูรั่วเสวี่ยเต้นรัวขณะที่นางมองอย่างเคร่งเครียด
ฉากต่อไปคือสิ่งที่น่าตกตะลึง….!
เมื่อกรงเล็บสีเขียวของเจียงเสี่ยวนู๋กระทบกับคทาของจอมพลเฒ่า ทุกคนคิดว่ามือของนางอาจจะแหลกหรือไม่นางก็จะถูกผลักออกมา
แต่ไม่เพียงแต่มือของนางจะยังเป็นปกติดีอยู่แล้ว แต่นางกลับยังทำลายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแยกภูเขาได้ นางบดขยี้มันจนแหลกเป็นผุยผงได้อย่างง่ายดายราวกับว่ามันเป็นเพียงไม้ธรรมดา มือที่สวยงามของเจียงเสี่ยวนู๋เหมือนกับดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยังคงบินตรงไปยังโล่สีเหลืองต่อหลังจากที่บดขยี้คทาของจอมพลเฒ่าไปแล้ว
ปัง!
โล่ถูกทำลายไปอย่างง่ายดายราวกับฟองสบู่แตกซึ่งทำให้จอมพลเฒ่าตกใจกลัว เขารีบปลดปล่อยฝ่ามือออกไปและถอยกลับไปอย่างร้อนรน ขณะเดียวกันเขาก็ตะโกนออกมาว่า “ปรมาจารย์หลิง หากเจ้ายังไม่ลงมือ พวกเราทั้งหมดจะถึงคาดกันหมดแน่!”
ตูมม!
จู่ๆยอดเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปก็แตกเป็นเสี่ยงๆในที่สุดปรมาจารย์ตระกูลหลิงก็ปรากฏตัวออกมา เดิมทีเขาต้องการรอให้เจียงอี้ออกมาก่อนที่จะลอบโจมตีและสังหารเจียงอี้ในคราเดียว แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว หากเขายังไม่ออกมาช่วย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งหมดอาจถูกเจียงเสี่ยวนู๋กำจัดไปหมด
“ยัยหนูไสหัวไปซะ! ไม่เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าข่มเหงเจ้าด้วยความอาวุโสแล้วกัน!”
ปรมาจารย์หลิงสวมเสื้อคลุมกษัตริย์และเปล่งประกายด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามร่างกายของเขาเปี่ยมไปด้วยแสงที่ทำให้ทุกคนมองเขาโดยตรงไม่ได้ เพียงแวบเดียวก็ทำให้ทุกคนรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นจักรพรรดิแห่งทวีปนี้ซึ่งไม่สามารถต้านทานได้
“เจตจำนงจักรพรรดิ!”
ผู้เชี่ยวชาญข้างซูรั่วเสวี่ยอุทานออกมาอีกครั้งเจตจำนงจักรพรรดินี้มีความสามารถคล้ายกับเจตจำนงแห่งผู้พิชิต แต่มันมีพลังเหนือกว่าเมื่อเจตจำนงนี้กำลังปรามศัตรูมันจะทำให้ศัตรูรู้สึกราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เฝ้ามองจักรพรรดิลงมือโจมตี มันบังคับให้ศัตรูต้องคุกเข่าเคารพเขา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อต้านเขาเลย
เจตจำนงจักรพรรดิได้ปกคลุมทางเหนือของเมืองอย่างรวดเร็วความเร็วของเจียงเสี่ยวนู๋นั้นเร็วมากและกำลังจะไปถึงตัวจอมพลเฒ่าแล้ว แต่ความเร็วของนางก็ลดลงอย่างรวดเร็วหลับจากถูกระงับไว้โดยเจตจำนงนี้ ดวงตาที่เย็นชาของนางจับจ้องไปยังปรมาจารย์ตระกูลหลิงก่อนที่นางจะกัดฟันแน่นขณะที่ร่างกายเรืองรองไปด้วยแสงสีเขียว ทันใดนั้นปีกของนางก็สยายออกเพื่อเพิ่มความเร็วในขณะที่กรงเล็บของนางก็ตวัดลงไปที่แขนขวาของจอมพลเฒ่า
“เจ้านี่มันไม่รู้จักที่ตายนักนะ!”
ปรมาจารย์หลิงระเบิดเสียงออกมาและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากแต่อย่างไรเสียเขาก็อยู่ไกลเกินไปและไม่มีเวลาที่จะเข้าไปใกล้ๆได้
“นังหนูข้าจะสู้กับเจ้าจนสุดความสามารถ!”
จอมพลเฒ่าเผยจิตสังหารออกมามือขวาของเขาสว่างไสวไปด้วยแสงสีเหลืองขณะที่ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเกราะสีเหลืองหม่นอีกครั้ง หมัดของเขานั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายพันกิโลกรัมและทุบมันลงไปที่กรงเล็บของเจียงเสี่ยวนู๋
ฟึ่บฟั่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋ไม่มีความกังวลใดๆขณะที่กรงเล็บของนางจับไปที่กำปั้นของจอมพลเฒ่าและทำให้มือของจอมพลเฒ่ากลายเป็นผุยผงไปในทันทีขณะที่กรงเล็บของนางยังคงพุ่งไปยังเกราะปฐพีต่อ
บึ้มมม!
“อ๊ากกกก!”
เกราะนั้นสลายไปและเสียงกรีดร้องของจอมพลเฒ่าก็ดังขึ้นมาเจียงเสี่ยวนู๋ต้องการที่จะกำจัดจอมพลเฒ่าในทันทีแต่ปรมาจารย์หลิงก็เดือดดาลขึ้นมา เขายกมือขึ้นและปล่อยพลังดัชนีสีทองออกมา มันไม่มีเสียงหรือการปรากฏแรงกดดันใดๆ แต่พลังของมันได้ทำให้ดวงตาของราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตหดลีบลง
“นังหนูระวัง!”
มันร้องออกมาขณะที่เจียงเสี่ยวนู๋ก็สัมผัสได้ถึงอันตรายของพลังดัชนีนี้เช่นกันนางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล้มเลิกการสังหารจอมพลเฒ่าและหลบไปด้านข้าง
“อ๊ากกก!”
แขนทั้งสองข้างของจอมพลเฒ่าถูกเจียงเสี่ยวนู๋ทำลายไปแล้วเขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้อีกต่อไปและทำได้เพียงกรีดร้องขณะที่พยายามจะหนี
ฟึ่บ!
เจียงเสี่ยวนู๋มองไปยังปรมาจารย์ตระกุลหลิงด้วยความหวาดกลัวเพราะนางรู้อย่างชัดเจนว่านางไม่ใช่คู่มือของเขานางกระพือปีกสีเขียวเข้มของนางไปยังเจ้าสำนักหยูและหญิงพราวเสน่ห์ที่กำลังอยู่ในการต่อสู้กับวานรขาว
“ฮึ่ม!”
ปรมาจารย์หลิงไม่ได้ไล่ตามเจียงเสี่ยวนู๋ไปและพุ่งไปสังหารราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตที่กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่ในเมื่อเจียงเสี่ยวนู๋ต้องการสังหารคนฝั่งเขา เขาก็จะสังหารกองกำลังทั้งหมดของฝั่งอาณาจักรต้าเซี่ย เขาอยากจะรู้ว่าเจียงเสี่ยวนู๋จะสู้กับพวกเขาด้วยตัวเองได้อย่างไร
ปัง!
ในขณะนั้นเองท้องฟ้าก็เกิดเสียงดังขึ้นขณะที่มีเงาสีดำพุ่งตกลงมาจากบนฟ้า บุคคลนั้นมีผมสีขาว ปากของคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมา นางพยายามจะยืนขึ้นในขณะที่ร่างของนางยังคงสั่นเทา แขนข้างหนึ่งของนางห้อยลงมาโดยไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆขณะที่มีเลือดไหลออกมา เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินพ่ายแพ้และคทาของนางก็หายไปเห็นได้ชัดว่านางแพ้อย่างย่อยยับ
“ฮ่าฮ่ายายเฒ่าฟั่นเฟือน ในเมื่อเจ้าอยากจะช่วยเจียงอี้นัก ในวันนี้กระดูกของเจ้าก็คงจะต้องถูกฝังไว้ที่เมืองเซี่ยยวี่!”
เซียวหลงหวางค่อยๆลงมาจากท้องฟ้าขณะที่ง้าวของเขาเปล่งกลิ่นอายออกมาง้าวสีทองผ่าทะลุท้องฟ้าราวกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เก้าสวรรค์และกระแทกลงไปที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงิน
สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง!
[บรรพบุรุษตระกูลหลิงคือปรมาจารย์หลิง]
บทที่ 470 ท่านอุปราช ท่านอยู่ที่ใดกัน
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะถูกสังหารราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตเองก็เช่นกัน อาณาจักรต้าเซี่ยกำลังจะสูญเสียนักสู้มือดีสองคนไป ปรมาจารย์หลิงนั้นมีพลังมากเกินไปและเจียงเสี่ยวนู๋ก็ไม่กล้าปะทะกับเขา หากเจียงอี้ไม่ปรากฏตัวในตอนนี้ การต่อสู้ก็จะเปลี่ยนทิศไปโดยง่าย
เจียงอี้จะปรากฏตัวออกมาไหม?
เจียงเสี่ยวนู๋ไม่แน่ใจก่อนที่เจียงอี้จะจากไป เขาบอกว่าเขาจะกลับมาภายในหนึ่งถึงสามเดือน เจียงเสี่ยวนู๋ไม่กล้าจะปลดปล่อยความสามารถของนางออกมาจนสุด แต่นางก็ไม่สามารถเห็นแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและคนอื่นๆตายได้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้กับการสังหารเจ้าสำนักหยูและหญิงพราวเสน่ห์ไปและบินขึ้นไปทางเซียวหลงหวาง
“หืม?”
เมื่อเซียวหลงหวางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ออกมาจากเจียงเสี่ยวนู๋เขาก็อ้าปากค้าง ง้าวของเขาสั่นเทาและไม่ได้พุ่งไปทางแม่เฒ่าบุปผาสีเงินอีกต่อไป แต่มันพุ่งไปทางหัวของเจียงเสี่ยวนู๋แทน
“หลงหวางอย่าปะทะกับนางเด็ดขาด กรงเล็บของนางน่ากลัวมากและมันสามารถทำลายสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ยื้อเวลานางเอาไว้ก่อน!”
เสียงดังก้องอยู่ในหัวของเซียวหลงหวางสายตาของเขาหันกลับมามองปรมาจารย์หลิงด้วยความสับสน เขาถอยกลับไปอย่างรวดเร็วและปล่อยแก่นแท้พลังโจมตีออกมาขณะที่แล่นไปมาบนอากาศ
“ตาย!”
แผนการที่ปรมาจารย์หลิงคิดไว้นั้นไม่เลวตราบใดที่เขาสามารถถ่วงเวลาเจียงเสี่ยวนู๋ได้ เขาก็จะสามารถกำจัดกำลังเสริมทั้งหมดของอาณาจักรต้าเซี่ยได้ และในตอนนั้นก็ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกลัวแม้ว่าเจียงอี้จะปรากฏตัวขึ้น เขายกมือขึ้นมาและยิงพลังดัชนี้ออกไปยังราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตแปดสาย
โฮกก!โฮกกกก!
ราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตคำรามออกมาด้วยความเดือดดาลขณะที่มันพยายามหนีไปข้างๆอย่างร้อนรนมันได้รับบาดเจ็บสาหัสและความเร็วของมันก็ลดลงมาก มันจะหลบได้อย่างไรเมื่อปรมาจารย์หลิงผู้นี้ทรงพลังมากและมีความแข็งแกร่งในขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด?
“แค่ก!อั๊กกกก!”
ราชันสัตว์อสูรหลบจนสุดความสามารถแล้วและหลบได้เพียงหกสายแต่พลังดัชนีอีกสองสายยังคงฟาดไปที่ตัวมัน เดิมทีมันคิดว่ามันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เมื่อดัชนี้พุ่งเข้ามาในร่างกายของมัน มันก้รู้สึกแล้วว่ามันเลวร้ายมาก พลังดัชนี้นั้นมีพลังรุนแรงซึ่งมันจะระเบิดเมื่อเข้าสู่ร่างกายและจะทำลายกระดูกและอวัยวะภายในซึ่งทำให้ร่างกายของมันที่กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วกลายเป็นไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างสมบูรณ์
ฟึ่บฟั่บ!
ปรมาจารย์หลิงยิงพลังดัชนีออกมาอีกสองสามสายราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไปและส่งเสียงคำรามอย่างโศกเศร้าออกมา
ปั้งปั้ง!
พลังดัชนีสองสายเจาะเกราะป้องกันวิญญาณของราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตและระเบิดหัวมันออกเป็นชิ้นๆทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่ก็ทรุดลงไปกับพื้นและสิ้นลมในทันใด
โฮกก!โฮกกกกกกกก!
เมื่อราชันสัตว์อสูรวานรขาวเห็นราชันสัตว์อสูรแดงโลหิตสิ้นใจแล้วมันก็ส่งเสียงคำรามอย่างโศกเศร้า ดวงตาของเจ้าสำนักหยูและหญิงพราวเสน่ห์ก็สว่างขึ้นทันใด พวกเขาปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกมา พวกเขาสบโอกาสในตอนที่ราชันสัตว์อสูรวานรขาวเสียสมาธิและทำลายมันทิ้ง หนังสีขาวราวหิมะของมันเต็มไปด้วยเลือดและเห็นไปถึงกระดูกสีขาวที่ขาของมัน
โฮกกก!โฮกกกกกกก!
มันได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่มันก็เปิดใช้งานธรรมชาติของสัตว์ป่าภายในตัวเองออกมา มันไม่ได้หนีไปไหนและพุ่งเข้าหาศัตรูแทน มันจู่โจมไปที่เจ้าสำนักหยูอย่างสิ้นหวังราวกับว่ามันพยายามจะสังหารเจ้าสำนักหยูแม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยชีวิตของมันก็ตาม
“ฮึ่มเจ้าสัตว์ร้าย เจ้ากล้าทะนงตัว?”
ดวงตาของปรมาจารย์หลิงกระพริบครั้งหนึ่งขณะที่บินไปยังวานรขาวในเวลาเดียวกันก็ส่งข้อความไปหาหญิงพราวเสน่ห์ “สตรีร้อยบุปผา ไปสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินซะ!”
“ทำไมต้องเป็นข้า?”
นางพึมพำด้วยความไม่พอใจแม้ว่าอาณาจักรเทียนเซวี่ยนจะเนรเทศแม่เฒ่าบุปผาสีเงินออกมาแล้ว แต่ใครก็ตามที่สังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินจะทำให้อาณาจักรเทียนเซวี่ยนขุ่นเคืองอย่างแน่นอน ปรมาจารย์หลิงค่อนข้างหลักแหลมและจะปล่อยให้นางเป็นแพะรับบาปไป
ตอนนี้นางไม่กล้าที่จะสู้กับปรมาจารย์หลิงและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงิน
ฟึ่บฟั่บ!
ณกลางอากาศ เจียงเสี่ยวนู๋กำลังไล่ตามเซียวหลงหวางอย่างไม่ลดละ แต่เซียวหลงหวางก็ไม่ได้เชื่องช้าเพราะเขาอยู่ในขั้นที่เจ็ดของขอบเขตจินกัง เขาปลดปล่อยแก่นแท้พลังสำคัญออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขัดขวางเจียงเสี่ยวนู๋ พวกเขาสองคนแล่นอยู่กลางอากาศ เจียงเสี่ยวนู๋ไม่มีทางสังหารเซียวหลงหวางได้
“ฮู่ฮู่วว….”
เจียงเสี่ยวนู๋มองดูสถานการณ์รอบด้านและเห็นว่าวานรขาวกำลังจะถูกสังหารในขณะที่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินกำลังดิ้นรนเพื่อรอดชีวิตคงอีกไม่นานนักที่สตรีร้อยบุปผาจะสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินได้ สถานการณ์แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและนางไม่สามารถต้านทานการต่อสู้ทั้งหมดนี้ได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญที่สุดคือ….เวลาการเปลี่ยนร่างของนางกำลังจะหมดลงแล้ว หากนางยังไม่หนีไปตอนนี้ก็จะไม่มีผู้ใดหนีไปได้
นางมองไปทางเหนือและหลังจากยืนยันแล้วว่าเจียงอี้จะไม่กลับมานางก็ถอนหายใจอย่างหมดหนทางก่อนที่นางจะหันหลังกลับและบินไปหาซูรั่วเสวี่ย
“หืม?”
เซียวหลงหวางและซูรั่วเสวี่ยต่างก็ประหลาดใจปรมาจารย์หลิงก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกันแต่เขาก็ไม่ได้สงสัยสิ่งใดที่เจียงอี้ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
“เสี่ยวนู๋!”
เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวนู๋กำลังตรงมาหานางนางก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดี ความแข็งแกร่งของนางอ่อนแอเกินไปและนางมองเห็นภาพซ้อนและปวดหลังศีรษะเล็กน้อยก่อนที่จะหมดสติไป
บรึฟ!
แจกันเขียวพิสุทธิ์ในมือของเสี่ยวนู๋สว่างขึ้นและทำให้ซูรั่วเสวี่ยหายตัวไปปีกของนางกระพืออย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะพุ่งไปทางใต้ราวกับดาบอันแหลมคมและปล่อยให้แม่ทัพอาณาจักรต้าเซี่ยตกตะลึงกันไป
“หนีหรอ?” หลายคนกระพริบตาด้วยความสับสนแม้แต่ตัวปรมาจารย์หลิงเองก็ไม่รู้จะแสดงท่าทางอย่างไร ยิ่งแม่เฒ่าบุปผาสีเงินยิ่งประหลาดใจกว่า เจียงเสี่ยวนู๋ทิ้งทุกคนและหนีไปกับซูรั่วเสวี่ยจริงๆหรอ?
เจียงเสี่ยวนู๋หนีไปแล้วจริงๆ!
นางมีความคิดที่เรียบง่ายและไม่ได้คิดมากเจียงอี้สั่งให้นางปกป้องซูรั่วเสวี่ยและนางก็คิดเพียงว่าต้องปกป้องซูรั่วเสวี่ย นางไม่ได้กังวลชีวิตคนอื่นๆหรือชะตากรรมของอาณาจักรต้าเซี่ย จริงๆแล้ว นอกจากเจียงหยุนไฮ่และจิ้งจอกน้อยแล้ว นางก็ไม่ได้สนใจใครอีกเลย
เจียงหยุนไฮ่,จ้านอู๋ซวง, เฉียนว่านก้วน, หยุนเฟยและซูรั่วเสวี่ยอยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์เพราะนาง สถานการณ์ในตอนนี้จะไม่พลิกกลับมาได้แล้ว แล้วนางจะทำอะไรได้อีกนอกจากหนีไป? นางไม่สามารถอยู่ที่นั่นและรอความตายใช่ไหม? หากเจียงอี้อยู่ใกล้ๆ นางก็คงไม่หนีไปไหน แต่ปัญหาก็คือเจียงอี้ไม่ได้อยู่ที่นั่น
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินพูดไม่ออกและวานรขาวก็โกรธมากๆตอนนี้พวกเขาไม่มีทางหนีและทำได้เพียงดิ้นรนที่จะรอดชีวิต
“เวรเอ้ย!เราถูกหลอกแล้ว! เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในเมือง!”
ปรมาจารย์หลิงคิดได้อย่างรวดเร็วเขาตระหนักได้ทันทีและพึมพำครู่หนึ่งก่อนที่จะตะโกนว่า “หลงหวาง สังหารทุกคนที่นี่ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ข้าจะไปสังหารนังเด็กนั่น”
ฟึ่บ!
ร่างของเขากลายเป็นแสงและพุ่งไปทางใต้ผ่านเมืองเซี่ยยวี่มันเป้นอย่างที่เขาคาดไว้ เจียงอี้ไม่โล่ออกมา
“เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในเมือง!”
เซียวหลงหวางตระหนักได้อย่างรวดเร็วและคำรามออกมา“กองกำลังทั้งหมด เดินหน้ากวาดล้างเมืองเซี่ยยวี่ ตาเฒ่าหยู พวกเจ้าที่เหลือก็ไปสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและวานรนั่นซะ ข้าจะไปสมทบกับชาตี้และสังหารสัตว์อสูรหยาจื้อนั่น”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวตระหนักได้อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปที่เมืองและต่อสู้กับทหารในเมืองเซี่ยยวี่เซียวหลงหวางก็ไปสมทบกับชาตี้เพื่อโจมตีสัตว์อสูรหยาจื้อ พวกเขาทั้งสองมีพลังมากและหากพวกเขาร่วมมือกัน ในไม่ช้าสัตว์อสูรหยาจื้อก็จะต้องตายแน่นอน
ปั้ง!ปึง ปัง!
กำแพงเมืองเซี่ยยวี่ถูกทำลายลงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายพันคนโจมตีโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆซูรั่วเสวี่ยและเจียงเสี่ยวนู๋หนีไปแล้ว เหล่าทหารและไพร่พลของเมืองเริ่มตื่นตระหนกและไม่มีแรงสู้อีกต่อไป
เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหลขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากมายวิ่งเข้ามาและปลดปล่อยแก่นพลังโจมตีซึ่งทำให้เหล่าพลเมืองตกตายไปอย่างฉับพลันและทำให้เมืองเซี่ยยวี่กลลายเป็นดั่งขุมนรก
แขนข้างหนึ่งของแม่ทัพเฒ่าหลูถูกตัดขาดและเขาก็โชกไปด้วยเลือดเขามองไปยังเมืองเซี่ยยวี่ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาถอนใจอย่างขขื่นและกล่าวว่า “ท่านอุปราช ท่านอยู่ที่ใดกัน? หากท่านไม่รีบกลับมาตอนนี้ คนของท่านทั้งหมดกำลังจะถูกสังหารกันหมด!”
แต่น่าเสียดาย….
คำอธิษฐานของแม่ทัพหลูไม่เป็นจริงและเจียงอี้ก็ไม่ใช่เทพที่สามารถปรากฏตัวออกมาได้ตลอดเวลา
การสังหารหมู่ยังคงดำเนินไปและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ได้ระบายความเกลียดชังและความไม่พอใจที่มีทั้งหมดต่อพลเมืองชาวเซี่ยยวี่ในเวลาเพียงสิบห้านาที เมืองเซี่ยยวี่ครึ่งหนึ่งก็ได้ถูกทำลายลงและทหารส่วนใหญ่ในเมืองก็ หลายคนกระพริบตาด้วยความสับสนแม้แต่ตัวปรมาจารย์หลิงเองก็ไม่รู้จะแสดงท่าทางอย่างไร ยิ่งแม่เฒ่าบุปผาสีเงินยิ่งประหลาดใจกว่า เจียงเสี่ยวนู๋ทิ้งทุกคนและหนีไปกับซูรั่วเสวี่ยจริงๆหรอ?
เจียงเสี่ยวนู๋หนีไปแล้วจริงๆ!
นางมีความคิดที่เรียบง่ายและไม่ได้คิดมากเจียงอี้สั่งให้นางปกป้องซูรั่วเสวี่ยและนางก็คิดเพียงว่าต้องปกป้องซูรั่วเสวี่ย นางไม่ได้กังวลชีวิตคนอื่นๆหรือชะตากรรมของอาณาจักรต้าเซี่ย จริงๆแล้ว นอกจากเจียงหยุนไฮ่และจิ้งจอกน้อยแล้ว นางก็ไม่ได้สนใจใครอีกเลย
เจียงหยุนไฮ่,จ้านอู๋ซวง, เฉียนว่านก้วน, หยุนเฟยและซูรั่วเสวี่ยอยู่ในแจกันเขียวพิสุทธิ์เพราะนาง สถานการณ์ในตอนนี้จะไม่พลิกกลับมาได้แล้ว แล้วนางจะทำอะไรได้อีกนอกจากหนีไป? นางไม่สามารถอยู่ที่นั่นและรอความตายใช่ไหม? หากเจียงอี้อยู่ใกล้ๆ นางก็คงไม่หนีไปไหน แต่ปัญหาก็คือเจียงอี้ไม่ได้อยู่ที่นั่น
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินพูดไม่ออกและวานรขาวก็โกรธมากๆตอนนี้พวกเขาไม่มีทางหนีและทำได้เพียงดิ้นรนที่จะรอดชีวิต
“เวรเอ้ย!เราถูกหลอกแล้ว! เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในเมือง!”
ปรมาจารย์หลิงคิดได้อย่างรวดเร็วเขาตระหนักได้ทันทีและพึมพำครู่หนึ่งก่อนที่จะตะโกนว่า “หลงหวาง สังหารทุกคนที่นี่ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ข้าจะไปสังหารนังเด็กนั่น”
ฟึ่บ!
ร่างของเขากลายเป็นแสงและพุ่งไปทางใต้ผ่านเมืองเซี่ยยวี่มันเป้นอย่างที่เขาคาดไว้ เจียงอี้ไม่โล่ออกมา
“เจียงอี้ไม่ได้อยู่ในเมือง!”
เซียวหลงหวางตระหนักได้อย่างรวดเร็วและคำรามออกมา“กองกำลังทั้งหมด เดินหน้ากวาดล้างเมืองเซี่ยยวี่ ตาเฒ่าหยู พวกเจ้าที่เหลือก็ไปสังหารแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและวานรนั่นซะ ข้าจะไปสมทบกับชาตี้และสังหารสัตว์อสูรหยาจื้อนั่น”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวตระหนักได้อย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปที่เมืองและต่อสู้กับทหารในเมืองเซี่ยยวี่เซียวหลงหวางก็ไปสมทบกับชาตี้เพื่อโจมตีสัตว์อสูรหยาจื้อ พวกเขาทั้งสองมีพลังมากและหากพวกเขาร่วมมือกัน ในไม่ช้าสัตว์อสูรหยาจื้อก็จะต้องตายแน่นอน
ปั้ง!ปึง ปัง!
กำแพงเมืองเซี่ยยวี่ถูกทำลายลงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวหลายพันคนโจมตีโดยไม่มีความเกรงกลัวใดๆซูรั่วเสวี่ยและเจียงเสี่ยวนู๋หนีไปแล้ว เหล่าทหารและไพร่พลของเมืองเริ่มตื่นตระหนกและไม่มีแรงสู้อีกต่อไป
เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในความโกลาหลขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากมายวิ่งเข้ามาและปลดปล่อยแก่นพลังโจมตีซึ่งทำให้เหล่าพลเมืองตกตายไปอย่างฉับพลันและทำให้เมืองเซี่ยยวี่กลลายเป็นดั่งขุมนรก
แขนข้างหนึ่งของแม่ทัพเฒ่าหลูถูกตัดขาดและเขาก็โชกไปด้วยเลือดเขามองไปยังเมืองเซี่ยยวี่ก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาถอนใจอย่างขขื่นและกล่าวว่า “ท่านอุปราช ท่านอยู่ที่ใดกัน? หากท่านไม่รีบกลับมาตอนนี้ คนของท่านทั้งหมดกำลังจะถูกสังหารกันหมด!”
แต่น่าเสียดาย….
คำอธิษฐานของแม่ทัพหลูไม่เป็นจริงและเจียงอี้ก็ไม่ใช่เทพที่สามารถปรากฏตัวออกมาได้ตลอดเวลา
การสังหารหมู่ยังคงดำเนินไปและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ได้ระบายความเกลียดชังและความไม่พอใจที่มีทั้งหมดต่อพลเมืองชาวเซี่ยยวี่ในเวลาเพียงสิบห้านาที เมืองเซี่ยยวี่ครึ่งหนึ่งก็ได้ถูกทำลายลงและทหารส่วนใหญ่ในเมืองก็ตายไปหมดแล้ว ชาวบ้านกว่าครึ่งก็ถูกสังหารไป
ด้านนอกเมืองวานรขาวถูกสังหารไปและความเร็วของแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ลดลงมาก ร่างของนางเต็มไปด้วยเลือดและหากไม่ใช่เพราะสตรีร้อยบุปผาที่กลัวการแก้แค้นจากอาณาจักรเทียนเซวี่ยน แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็คงจะตายไปนานแล้ว เสียงคำรามของสัตว์อสูรหยาจื้อก็เผยออกมาอยู่ตลอดเวลาและดูเหมือนว่า….มันจะเป็นเช่นนี้ได้อีกไม่นาน!
“องค์ราชาผู้ล่วงลับของข้าหลูเจี่ยนจะตามไปรับใช้พระองค์เดี๋ยวนี้แล้วนะพะยะค่ะ!”
แม่ทัพหลูได้รับบาดเจ็บสามสี่แผลและไม่สามารถยืนได้อีกต่อไปมุมปากของเขาเผยรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมาขณะที่เขาต้องการที่จะใช้ดาบยาวฟันคอฆ่าตัวตายไป
แต่ในตอนนั้นเอง!
ทันใดนั้นเสียงคำรามดังก้องมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งทำให้ร่างของแม่ทัพหลูสั่นสะท้านอย่างแรง ทันใดนั้นแววตตาแห่งความสิ้นหวังของเขาก็สว่างไสวขึ้นด้วยพลังราวกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาได้เบ่งบานอีกครา
“เจียงอี้อยู่ที่นี่แล้ว!ทุกคนจงหยุดซะ! ไม่เช่นนั้นข้าจะประหารตระกูลพวกเจ้าสิบแปดชั่วโคตร!”
…