เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 473 -474
บทที่ 473 ชัยชนะโดยไม่ทันได้คาดคิด
“อ๊ากอ๊ากกกก!”
โฮก!โฮกกกก!
สตรีร้อยบุปผากรีดร้องออกมาขณะที่เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ยังดังกึกก้องอยู่ตลอดเวลาเสียงเหล่านั้นดูทรงพลังมากราวกับว่าการกลับมาของเจียงอี้ทำให้มันรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก
เซียวหลงหวางและเจ้าสำนักหยูต่างมองหน้ากันและกันด้วยการแลกกระบวนท่าไปคนละหนึ่งกระบวนท่า แม่ทัพเฒ่าก็ตกตายไปขณะที่สตรีร้อยบุปผาถูกไฟคลอก พวกเขาทั้งสองคนจะยังสามารถสังหารเจียงอี้ได้หรือไม่?
“ฆ่า!”
สงครามมาถึงจุดนี้แล้วเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะล่าถอย
เซียวหลงหวางมั่นใจว่าเปลวเพลิงของเจียงอี้นั้นจะไม่มีวันสังหารเขาได้เนื่องจากเขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญมานานหลายปีแล้วเขาจึงค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง เมื่อหันมาสบตากัน เขาก็ส่งสัญญาณให้เจ้าสำนักหยูเพื่อบอกใบ้ให้เจ้าสำนักหยูประสานการโจมตีกับเขา เขาพุ่งเข้าหาร่างของเจียงอี้ซึ่งเพิ่งจะปรากฏขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออก
เจียงอี้สามารถย้ายร่างฉับพลันได้แต่มันก็ต้องใช้เวลา เนื่องจากความเร็วของเซียวหลงหวางเร็วกว่าเขามาก เขาจึงมั่นใจว่าเขาจะสามารถตามเจียงอี้ทัน หากเขาต้องปลดปล่อยพลังทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี เขาก็คงจะสามารถทำให้เจียงอี้ตายได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าสำนักหยูคอยสนับสนุนเขาจากด้านหลังอีก
ฟึ่บ!
ร่างของเจ้าสำนักหยูเปล่งประกายและเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเขาอันทรงพลังขณะที่ยิงพลังไปที่เจียงอี้พร้อมกับเซียวหลงหวางเขาสะบัดพัดของเขาจากระยะไกลขณะที่การโจมตีพุ่งออกไปหลายระลอก พวกมันกลายเป็นคลื่นทะเลนับพันคลื่นที่พุ่งเข้าหาเจียงอี้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น เขาไม่ได้มุ่งเน้นที่จะโจมตีเจียงอี้ ส่วนผู้ที่มุ่งโจมตีเจียงอี้ยังคงเป็นเซียวหลงหวาง
เซียวหลงหวางไม่ได้เคลื่อนไหวและเพียงใช้เจตจำนงเพื่อเพ่งเล็งไปที่เจียงอี้เขาแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเอาไว้เพื่อที่เมื่อเจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันแล้วเขาจะสามารถกำหนดจุดหมายของเจียงอี้ได้ตามอากาศที่บิดเบี้ยว จากนั้นเขาก็จะโจมตีด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดของเขา
เจียงอี้ไม่ได้หลบหนีแต่ค่อยๆลงมาช้าๆ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เซียวหลงหวางและเจ้าสำนักหยูขณะที่คำนวณระยะห่างระหว่างพวกเขาอย่างเงียบๆ
สามพันเมตร,สองพันเมตร, พันเมตร….แปดร้อยเมตร!
เซียวหลงหวางไม่สามารถอัดอั้นได้อีกต่อไปเจียงอี้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขาจะไม่โจมตีได้อย่างไร? เขาต้องการรอให้เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันเพื่อที่จะได้ระบุตำแหน่งที่เจียงอี้จะปรากฏและปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกมา แต่เจียงอี้ไม่ได้ทำตามที่เขาคาดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงจู่โจมเท่านั้น
“ตาย!”
เขาตะโกนออกมาอย่างดังง้าวในมือของเขากลายเป็นภาพมายานับไม่ถ้วนขณะที่พุ่งเข้าหาเจียงอี้อย่างกะทันหัน แสงสีทองที่ง้าวแผ่กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมาพร้อมการสั่นไหว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการโจมตีรูปแบบเต๋าโลหะ มันแสดงถึงความแข็งแรงที่ไม่แตกหัก มันเป็นองค์ประกอบที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารูปแบบเต๋าอื่นๆทั้งหมด
บรึฟ!
เมื่อง้าวอยู่ห่างจากเจียงอี้ประมาณร้อยเมตรแสงสีขาวก็ส่องออกมาจากร่างของเจียงอี้ขณะที่เขาหายไป ในขณะเดียวกัน เซียวหลงหวางก็เผยรอยยิ้มที่น่ากลัวออกมาขณะที่เขาเก็บง้าวกลับมาและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปด้วยความรวดเร็ว
“ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถอดกลั้นได้จนต้องใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิตแล้วล่ะสิห๊ะ?”
การโจมตีจากเซียวหลงหวางนั้นเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อแน่นอนว่าหากเจียงอี้ไม่หนี เหยื่อล่อนั้นก็จะกลายเป็นการโจมตีจริงๆ เขาสรุปได้ว่าเจียงอี้จะย้ายร่างฉับพลันดังนั้นเขาจึงคอยระดมความคิดว่าเขาจะทำอย่างไรให้เจียงอี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากที่เขาย้ายร่างฉับพลัน
การย้ายร่างฉับพลันนั้นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรสำหรับคนทั่วไป การย้ายร่างฉับพลันอาจจะเร็วเกินไปและเป็นไปไม่ได้ที่จะเพ่งเล็งคนผู้นั้นพบ แต่เซียวหลงหวางแข็งแกร่งเพียงใด? สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นถึงระดับที่น่ากลัวแล้ว ตราบเท่าที่เขาสามารถตรวจจับความผิดปกติของอากาศได้ เขาก็จะสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้ และความเร็วในการโจมตีของเขาก็รวดเร็วมาก เมื่อเจียงอี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เซียวหลงหวางก็จะไปถึงตัวเจียงอี้แล้ว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
เจ้าสำนักหยูรู้แผนการของเซียวหลงหวางนานแล้วและในขณะนี้ แก่นพลังบนพัดของขาก็แผ่ออกมาขณะที่เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด เมื่อเขายืนยันตำแหน่งการย้ายร่างฉับพลันของเจียงอี้ได้แล้ว เขาจะประสานการโจมตีกับเซียวหลงหวางทันที
“หืม?”
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวหลงหวางและเจ้าสำนักหยูรู้สึกสับสนก็คือไม่มีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศในบริเวณใกล้ๆเลยเจียงอี้สามารถย้ายร่างฉับพลันไปได้ไกลหลายพันกิโลหรือ? หรือเป็นเพราะตำแหน่งของเขาเกินขอบเขตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา?
“ไม่นี่มันไม่ถูกต้อง!”
เซียวหลงหวางนึกบางอย่างขึ้นได้ในทันใดทันใดนั้นสายตาของเขาก็ย้อนกลับไปยังตำแหน่งที่เจียงอี้หายไป และมันได้ปรากฏการบิดเบี้ยวของอากาศในตำแหน่งนั้น เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันกลับไปที่จุดเดิม!
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ขณะที่เจียงอี้ปรากฏตัวมือของเขาก็ส่องสว่างเป็นสีเขียวเข้มและปลดลป่อยฝ่ามือออกไปนับสิบครั้งในทันใด เปลวเพลิงมากมายกลายเป็นทะเลเพลิงขนาดมหึมาขณะที่มันกลืนกินไปที่เซียวหลงหวางและเจ้าสำนักหยู
“เราติดกับแล้ว!”
เซียวหลงหวางอยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงร้อยเมตรขณะที่เจ้าสำนักหยูก็อยู่ใกล้ๆ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากที่เจียงอี้จะย้ายร่างฉับพลันแล้ว เขาจะปรากฏตัวที่เดิมอีกครั้ง!
แต่ก็ไม่สามารถตำหนิพวกเขาได้เช่นกันผู้ใดก็ตามที่สามารถย้ายร่างฉับพลันได้จะยังคงอยู่ในอากาศไปเรื่อยๆ ใครมันจะไปปรากฏตัวอยู่ที่เดิมหลังจากย้ายร่างฉับพลันกัน? เซียวหลงหวางได้ปลดปล่อยการโจมตีก่อนหน้านี้ไปยังที่ที่เจียงอี้อยู่ หากเซียวหลงหวางไม่ได้ถอนการโจมตี เจียงอี้ที่ปรากฏอยู่ที่เดิมก็จะกลายเป็นชิ้นๆทันที
ชัยชนะโดยไม่ทันได้คาดคิด!
ยิ่งไม่ได้คาดหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลมากขึ้นเท่านั้น เจียงอี้นั้นเดิมพันเอาไว้ เขาเดิมพันว่าการโจมตีของเซียวหลงหวางก่อนหน้านี้เป็นเพียงเหยื่อล่อ ดังนั้นมันจึงทำให้เขาสามารถทำให้คู่ต่อสู้สับสนได้
แต่ถึงจะมีความสับสน…
เซียวหลงหวางก็ยังคงมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวและมันก็ยังมีรูปแบบเต๋าวารีของเจ้าสำนักหยูอยู่ดังนั้นแม้ว่าทั้งคู่จะเผชิญกับวิกฤตที่ไม่แน่ไม่นอนอย่างไร แต่พวกเขาก็ยังคงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
เซียวหลงหวางถอยกลับไปอย่างรวดเร็วขณะที่เขาหยิบผืนธงดำออกมาจากแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณมันเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ทันทีที่มันปรากฏขึ้นมันก็ก่อกลุ่มลมขึ้นมาและยาวหลายร้อยเมตรและกลืนทะเลเพลิงเหมือนเมฆดำ
“คลื่นทะเลล้นสวรรค์!”
เจ้าสำนักหยูอยู่ข้างหลังเซียวหลงหวางและอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตรระยะเท่านี้ไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไรแก่เขา ดังนั้นในขณะที่เขาถอยกลับไปเขาก็โจมตีด้วยคลื่นที่คล้ายก่อนหน้านี้แต่แน่นอนว่าครั้งนี้ใหญ่กว่าครั้งที่แล้วมาก
บรึฟ!
ทะเลเพลิงปะทะเข้ากับธงดำทำให้ธงดำนั้นปล่อยแสงสีดำออกมานับไม่ถ้วนเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ที่น่ากลัวนั้นไม่สามารถแผดเผาธงดำได้ ทะเลเพลิงที่ยิ่งใหญ่และรุนแรงได้ถูกขัดขวางโดยธงดำไปแล้ว
ปึ้ง!ปึ้ง! ปั้ง!
คลื่นตระหง่านอีกลูกก็ได้ปะทะเข้ากับทะเลเพลิงในอีกทิศหนึ่งมันเริ่มดับทะเลเพลิงไปทีละหน่อย จนเปลวเพลิงที่เจียงอี้ปลดปล่อยออกมานั้นค่อยๆมอดไป
“ฮึ่มฮึ่ม!”
เจ้าสำนักหยูเริ่มมีความแน่วแน่ขึ้นการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดจากเจียงอี้คือเปลวเพลิง และในตอนนี้มันถูกรูปแบบเต๋าวรีของเขาหยุดได้รวมไปถึงธงดำด้วย นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งสองนั้นจะสามารถอยู่สู้รบต่อหน้าเจียงอี้ได้แล้วหรือ? หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาเพียงแค่ต้องระวังไม่ให้เขาลอบโจมตีได้
“ตาเฒ่าหยูระวัง!”
เซียวหลงหวางไม่ได้มีความตั้งใจที่จะผ่อนการป้องกันขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดออกไปก่อนที่เขาจะตะโกนออกมาเจียงอี้หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้วและเขาก็ได้ปรากฏอยู่ใกล้ๆเจ้าสำนักหยู เขาโจมตีออกไปหลายครั้งและก่อทะเลเพลิงที่ลุกโชนอย่างกะทันหัน
“ฮึ่ม!”
เจ้าสำนักหยูตกใจแต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวเขาโจมตีด้วยพลังวารีของเขาเพื่อป้องกันมันทันที ในเวลาเดียวกันเขาก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปขณะที่พยายามหาว่าเจียงอี้จะไปปรากฏที่ใดต่อ
ฟึ่บ!ฟั่บ!
เจียงอี้ได้ปรากฏอยู่เหนือเซียวหลงหวางหลังจากที่เขาปล่อยการโจมตีไม่กี่ครั้ง เขาก็รีบย้ายร่างฉับพลันทันที เปลวเพลิงได้โหมกระหน่ำเข้ามาแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยนอกจากควบคุมธงดำเพื่อป้องกันเปลวเพลิง
ฟึ่บ!ฟั่บ! ฟั่บ!
เจียงอี้ยังคงย้ายร่างฉับพลันและทุกๆครั้งเขาจะไปปรากฏตัวใกล้ๆทั้งสองคน หลังจากที่ปลดปล่อยฝ่ามือออกมาสองสามฝ่ามือแล้ว เขาก็จะย้ายร่างฉับพลันต่อ สิ่งนี้ทำให้เซียวหลงหวางและเจ้าสำนักหยูไม่สามารถไล่ตามและโจมตีเขาได้ พวกเขาทำได้เพียงแค่จัดการกับทะเลแพลิงที่พุ่งเข้ามาหาพวกเขาเท่านั้น
“ตาเฒ่าหยูอดทนไว้ มาดูกันว่าเขาจะโจมตีต่อไปได้นานแค่ไหนตรายใดที่เรายังสงบและไม่ถูกลอบโจมตี เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
เซียวหลงหวางแสยะยิ้มออกมาและไม่ได้จู่โมอย่างประมาทขณะที่เขาเวียนไปมาอยู่ในอากาศธงดำของเขาทนต่อเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จดจ่ออยู่ที่เจียงอี้ตลอดเวลา ตราบใดที่เจียงอี้เผยความผิดพลาดเล็กน้อย เขาก็จะสังหารเจียงอี้ทันที
“ได้เวลาแล้วใช่ไหม?ข้าจะสังหารเจ้าสำนักมังกรเวหาเสียก่อน!”
หลังจากที่เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งจากการย้ายร่างฉับพลันสายตาของเขาก็จ้องมองไปยังเจ้าสำนักหยูก่อนที่เขาจะหายไปจากอากาศด้วยรอยยิ้มที่เลือนลาง
บทที่ 474 ไร้พ่าย
พรึ่บ!
เจียงอี้เคลื่อนที่อย่างฉับพลันอีกครั้งและปรากฏตัวเหนือเจ้าสำนักหยูคราวนี้มันเหมือนกับว่าเขาทำพลาด เนื่องจากตำแหน่งที่เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งนั้น ค่อนข้างใกล้กับเจ้าสำนักหยู พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงราว 300 เมตรเท่านั้น หากเจ้าสำนักหยูเตรียมตัวรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว เขาอาจโจมตีเจียงอี้อย่างรุนแรงได้ในพริบตา
โชคยังดีที่เจ้าสำนักหยูยังคงง่วนอยู่กับเปลวเพลิงที่เจียงอี้เพิ่งปล่อยออกมานอกจากนั้น ตำแหน่งที่เจียงอี้ย้ายร่างฉับพลันไปนั้นเข้าไปเขาใกล้มากขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก เมื่อเขาเห็นว่าเจียงอี้โจมตีด้วยฝ่ามืออีกสองสามครั้งและด้วยเปลวเพลิงอีกระลอกหนึ่ง เจ้าสำนักหยูจึงแสดงท่าทีเย้ยหยันออกมา ทะเลเพลิงที่ออกมาในรอบนี้นั้นอ่อนแอลงมาก ดูเหมือนว่าเจียงอี้ได้ใช้แก่นแท้พลังของเขาไปมากในการโจมตีหลายชุดนี้ เจ้าสำนักหยูคาดว่าเจี้ยงอี้คงไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อีกต่อไป
“ย๊าห์!”
เขาโบกพัดของเขาอย่างสบายๆ พร้อมส่งคลื่นทะเลออกไปแถวหนึ่ง ในขณะเดียวกัน เขาก็แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้อยู่ที่เจียงอี้และต้องการจะรู้ว่าตำแหน่งที่เจียงอี้จะย้ายร่างฉับพลันต่อไปนั้นเป็นตำแหน่งใด เซียวหลงหวางได้เคยเตือนเขาไว้แล้ว ตราบใดที่เขาทั้งสองจัดการอย่างระมัดระวังและไม่ถูกเจี้ยงอี้ลอบโจมตี เมื่อนั้นเขาทั้งสองจะเล่นงานเจี้ยงอี้ถึงตายได้อย่างง่ายดาย
“เอ๊ะ?”
ทันทีหลังจากนั้นเขาก็ตื่นตระหนกอย่างมาก วิกฤตร้ายแรงคืบคลานเข้ามาแล้วอย่างเงียบๆ และสีหน้าของเขานั้นไม่น่าดูอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าอันตรายนี้มาจากที่ไหน เพราะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ได้จับตำแหน่งของเจียงอี้ไว้แล้ว แต่ตอนนี้เจียงอี้เคลื่อนที่อย่างฉับพลันไปที่เซียวหลงหวางแล้ว
“ผู้เฒ่าหยูระวัง! เปลวเพลิงสีขาวนั่น!”
เซียวหลงหวางรู้ตัวก่อนแล้วเมื่อสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาตรวจพบเนื่องจากความเร็วในการตอบสนองของเขานั้นเร็วกว่าเจ้าสำนักหยูอยู่มาก เขาจึงพบปัญหานั้นในทันที
“เปลวเพลิงสีขาวหรือ?”
เจ้าสำนักหยูเกิดอาการตื่นตระหนกเมื่อสายตาของเขามองไปยังเปลวเพลิงสีขาวซึ่งกำลังพุ่งวาบมาทางเขาในทันใดนั้น เขาจึงปล่อยเต๋าวารีออกไป ซึ่งจากประสบการณ์การต่อสู้ที่ผ่านมาของเขานั้น เต๋าวารีของเขาย่อมดับเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ลงได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเขาหันไปมองอีกครั้งเขาก็ตกใจจนตัวแข็ง!
เต๋าวารีที่เขาปล่อยออกไปนั้นหายไปจนหมดสิ้นในขณะที่เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์นั้นกลับยังเหลืออยู่ส่วนหนึ่ง นอกจากนั้น จู่ ๆ ก็มีเปลวเพลิงสีขาวก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ใจกลางเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ เปลวเพลิงนั้นมีขนาดเล็กมากและมีขนาดเท่ากับสมองเท่านั้น ภายในเปลวเพลิงนั้นมีใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่ เปลวเพลิงสีขาวนี้ถูกพรางไว้อย่างดีภายในเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ ถึงขนาดที่เจ้าสำนักหยูไม่สามารถจับมันได้ในตอนแรก
“มันร้อนอย่างแผดเผามันมีอะไรบางอย่างกับเปลวเพลิงสีขาวนี่! ข้าต้องจัดการมัน! หวูดน้ำมังกรสวรรค์!”
เจ้าสำนักหยูเหวี่ยงพัดของเขาลงในขณะที่เขาปล่อยมังกรน้ำออกมามังกรวารีนี้มีขนาดเล็กมากและมีความหนาพอ ๆ กับร่างกายมนุษย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประกายของมังกรน้ำนั้นแข็งแกร่งกว่าคลื่นทะเลสูงตระหง่านอย่างมาก เห็นได้ชัดว่านี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าสำนักหยู
ก่อนหน้านี้เมื่อเจียงอี้อยู่ห่างจากเขาเพียงสามร้อยเมตร เจ้าสำนักหยูไม่ได้สังเกตเห็นเปลวเพลิงอเวจี เขาเห็นมันเมื่อเปลวเพลิงอเวจีอยู่ห่างจากเขาเพียงสามสิบเมตรเท่านั้น เขาไม่สามารถหลบมันได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือคอยดูว่าการโจมตีวารีของเขานั้นจะสามารถดับเปลวเพลิงอเวจีได้หรือไม่ หากไม่ได้เขาก็เพียงแต่ต้องยอมรับความตายเท่านั้น!
มังกรวารีจะสามารถดับเปลวเพลิงอเวจีได้หรือไม่?
อาจจะเป็นไปได้หากว่ามันเป็นเพียงเปลวเพลิงอเวจีธรรมดาแต่เปลวเพลิงอเวจีนี้ถูกเจียงอี้ปรับแต่งไปแล้วและได้รับการเสริมพลังจากพลังเก้าสวรรค์อีก พลังของมันแข็งแกร่งกว่าเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์อย่างน้อยก็สิบเท่า การโจมตีรูปแบบเต๋าวารีของเจ้าสำนักหยูนั้นเทียบได้กับเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์เท่านั้น เขาจะดับเปลวเพลิงอเวจีนั้นได้อย่างไร?
ฟึ่บ!ฟั่บ!
มังกรวารีระเหยและกลายเป็นกลุ่มควันลอยเมื่อสัมผัสกับเปลวเพลิงอเวจีเปลวเพลิงสีขาวขนาดเท่าศีรษะมนุษย์นั้นไม่ได้หยุดอยู่ตรงนั้นแต่มันยังคงพุ่งต่อไป เมื่อเจ้าสำนักหยูหันกลับมาและกำลังจะหนีไป ร่างกายของเขาก็ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงที่น่ากลัว หากเขายังสามารถหนีไปได้ด้วยระยะห่างเท่านั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจจริงๆ
“อ๊ากกกกกกก!”
เจ้าสำนักหยูโหยหวนออกมาขณะที่มันดังก้องไปทั่วเมืองเซี่ยยวี่มันเต็มไปด้วยความโกรธ ความไม่เต็มใจและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“เจ้าสำนักหยูแห่งสำนักมังกรเวหาสิ้นลมแล้วอุปราชเป็นผู้คงกระพัน! พี่น้องทั้งหลาย! ฆ่ามัน! อย่าปล่อยให้ไอพวกนี้เล็ดรอดหนีไปได้!”
เมื่อแม่ทัพเฒ่าหลูเห็นว่าเจ้าสำนักหยูถูกเผาทั้งเป็นใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ เขาเทแก่นแท้พลังทั้งหมดของเขาออกมาและคำรามออกมาทันที เสียงคำรามนี้ได้ทำให้ขวัญกำลังใจของอาณาจักรต้าเซี่ยได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากขณะที่กองทัพพันธมิตรเริ่มอลหม่าน
เจียงอี้ได้บุกทะลวงขอบเขตเทียนจุนแล้วหรือ?เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้อย่างง่ายดายราวกับว่าเขากำลังสับผักได้อย่างไรกัน?
“ฆ่า!”
กองทัพที่เหลืออยู่ในเมืองคำรามออกมาพร้อมกันเสียงของพวกเขาอึกทึกเป็นอย่างมาก มันได้ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเริ่มพากันตื่นตระหนก พวกเขาหลายคนไม่มีจิตวิญญาณที่จะสู้ต่ออีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเห็นว่าเซียวหลงหวางยังคงลอยอยู่บนฟ้า พวกเขาก็คงจะพากันหนีไปแล้ว
แต่อันที่จริงแล้ว…!
ในตอนนี้เซียวหลงหวางเองก็ยังอยากที่จะหลบหนีเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายของเปลวเพลิงอเวจีนั้น เขารู้ดีว่าถ้าหากเปลวเพลิงนี้อยู่ห่างจากเขาสามสิบเมตรเขาก็คงไม่สามารถหนีไปได้เช่นกัน หากเจียงอี้ปล่อยกำลังทั้งหมดออกมาและปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมาหลังจากที่ย้ายร่างฉับพลันมาอยู่ข้างๆเขา เขาก็ยังคงต้องตกตายไปแม้ว่าเขาจะสังหารเจียงอี้ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเขาพบปัญหาเข้าให้แล้ว!
อาจดูเหมือนว่าเจียงอี้จะโจมตีพวกเขาซี้ซั้วแต่เขาสามารถสังหารพวกเขาสองคนได้ขณะที่ทำให้อีกคนบาดเจ็บสาหัสในช่วงเวลาสั้นๆ
ในตอนแรกเขารู้สึกว่าเจียงอี้นั้นช่างโชคดีแต่ตอนนี้ที่เกิดเรื่องติดต่อกันขนาดนี้ มันไม่ใช่โชคอย่างแน่นอน แต่มันเป็นแผนการของเจียงอี้ต่างหาก!
เช่นตั้งแต่เริ่มแรกเจียงอี้มักจะย้ายร่างฉับพลันไปในเวลาที่เหมาะสม ด้วยเหตุนี้แก่นแท้พลังของพวกเขาจึงปะทะกันทำให้จอมพลเฒ่าตกตายไป หากมันไม่ได้สำเร็จเพราะโชค มันก็คงจะเป็นเพราะเจียงอี้ได้ประเมินความเร็วในการโจมตีของทุกคนตลอดจนถึงช่วงที่เขาย้ายร่างฉับพลันเท่านั้น
ประการที่สองเมื่อตอนที่เขาเริ่มโจมตีสตรีร้อยบุปผา ทำไมเขาไม่ใช้เปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์แล้วยิงมังกรเพลิงหลายพันตัวพวกนั้นออกมาแทนล่ะ? นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาพยายามทำให้สตรีร้อยบุปผาไม่ทันระวังตัวและคิดว่าแก่นพลังของเขานั้นมีอยู่เท่านั้น
และเมื่อครู่นี้ทำไมจู่ๆเขาจึงได้โผล่ออกมาห่างจากเจ้าสำนักหยูสามร้อยเมตร? มันไม่ใกล้และไม่ไกลเกินไป หากเขาอยู่ไกลเกินไป เจ้าสำนักหยูจะสามารถหนีไปได้อย่างแน่นอน และหากเขาเข้าใกล้กว่านั้นมันจะทำให้เจ้าสำนักหยูตื่นตัวขึ้นและทำให้เขาสามารถหลบหนีได้ทันเวลา
“ใช่แล้วเรื่องพวกนี้จะต้องถูกหนุ่มน้อยนี่วางแผนไว้แล้ว ปัญญาของเขาล้ำเลิศและน่ากลัวเกินไป ทุกอย่างนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!”
เซียวหลงหวางรู้สึกขนลุกและเขาแทบอยากจะหันหลังหนีกลับไป
แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะว่าศักดิ์ศรีและความภูมิใจของเขามีผู้คนมากมายเผ้าดูเขาอยู่ หากเขาหนีไป ชื่อเสียงทั้งหมดที่เขาสั่งสมมาตลอดหลายปีจะพังพินาศ เขาทำได้เพียงกัดฟันและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาสอดส่องเจียงอี้ขณะที่หาโอกาสที่จะสังหารเขา
เจียงอี้เริ่มย้ายร่างฉับพลันไปรอบๆขณะที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์ออกมาอย่างไม่หยุดยั้งไม่มีเปลวเพลิงอเวจีอยู่ในเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์อีกต่อไป มันเหมือนราวกับว่าเปลวเพลิงอเวจีของเจียงอี้มีเพียงลูกเดียว แต่เซียวหลงหวางยังคงคอยดูสถานการณ์และไม่กล้าแม้แต่จะลดการป้องกันลงแม้แต่เพียงนิดเดียวและใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์คอยมองหาเจียงอี้
“เอ๊ะ?”
ทันใดนั้นเองเมื่อตอนที่เจียงอี้กำลังจะย้ายร่างฉับพลัน ร่างของเขาก็สั่นเทาราวกับว่าการย้ายร่างฉับพลันของเขานั้นล้มเหลวเพราะว่ามันถูกดูดกลืนแก่นแท้พลังและพลังจิตวิญญาณมากเกินไป ในขณะนี้ ดวงตาของเซียวหลงหวางเปล่งประกายขึ้นมาเหมือนดวงดาว เขามองไปรอบๆและตัดสินใจว่าจะต้องคว้าโอกาสที่หายากนี้เอาไว้และดูว่าเขาจะสามารถสังหารเจียงอี้ได้หรือไม่
ร่างของเขาข้ามตัดผ่านท้องฟ้าขณะที่เขาหลีกเปลวเพลิงมังกรเก้าสวรรค์จากนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้าหาเจียงอี้ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ขณะเดียวกันเขาก็ถือง้าวของเขาไว้ด้านหน้าและพุ่งเข้าหาเจียงอี้ที่กำลังเตรียมจะย้ายร่างฉับพลัน
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้ไม่ได้ย้ายร่างฉับพลันอีกต่อไปและยังคงนิ่งอยู่ที่เดิมเขาหันกลับมาและเผยรอยยิ้มอ่อนๆ เมื่อเซียวหลงหวางเห็นรอยยิ้มนั้น เขาก็รู้ทันทีว่าเขาถูกหลอกอีกแล้ว นี่เป็นอีกแผนการหนึ่งของเจียงอี้!
เป็นไปตามคาด!
มือของเจียงอี้สว่างขึ้นและเปลวเพลิงสีขาวนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาและปกคลุมเซียวหลงหวางทันทีขณะเดียวกันเจียงอี้ก็ฟาดฝ่ามือออกไปสองสามครั้งและปลดปล่อยเปลวเพลิงอเวจีออกมา ความร้อนที่สูงจนผิดปกติปกคลุมไปทั่วร่างของเซียวหลงหวางและแทบจะลุกเป็นไฟ
“หนี!”
เซียวหลงหวางไม่ลังเลอีกต่อไปชื่อเสียงนั้นไม่สามารถเทียบได้กับชีวิตของเขา เด็กหนุ่มคนนี้น่ากลัวเกินไป หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องถูกเจียงอี้เล่นงานจนตายแน่ๆ
เครื่องรางสัตว์อสูรสว่างขึ้นมาในมือของเขาและสัตว์วิญญาณขนาดมหึมาก็ได้ปะทะเข้าสู่เพลิงอเวจีจริงๆแล้วมันเป้นสัตว์วิญญาณชนชั้นราชันสัตว์อสูร
เซียวหลงหวางโหดเหี้ยมเกินไปในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาไม่ลังเลเลยที่จะใช้ไพ่ตายและสังเวยราชันสัตว์อสูรเพียงเพื่อที่จะให้เขาได้มีโอกาสหลบหนี