เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 491-492
บทที่ 491 ในที่สุดองค์ราชาพวกเขาก็มา
ตูม!ตูม! ตูม!
ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มอยู่แต่นอกเมืองเทียนชิงนั้นกลับสว่างจ้า มีเสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่ว เหล่าสัตว์ป่ามากมายในภูเขาต่างพากันตกใจหนีไป
มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเกือบหมื่นคนอยู่ท่ามกลางกองกำลังนับล้านแม้ว่าจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุด แต่พลังก็ยังคงน่าเกรงขามเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวมากมายโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง
โล่ของเมืองเทียนชิงถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนในจักรวรรดิมังกรเวหาเมื่อหลายปีก่อนมันเป็นเกราะป้องกันสุดท้ายที่สมาชิกตระกูลหลิงเหลืออยู่
ครั้งก่อนที่จักรพรรดินีสัตว์อสูรโจมตีเมืองหลิงเสวี่ยไม่ได้เปิดเกราะป้องกันนี้เพราะนางรู้ว่าแม้นางจะเปิดใช้งานมัน มันก็จะถูกจักรพรรดินีสัตว์อสูรทำลายลงไปด้วยฝ่ามือเดียว
ครั้งนี้นางเปิดใช้งานเกราะป้องกันนี้แต่นางก็ไม่ได้หวังว่ามันจะสามารถยับยั้งกองกำลังนับล้านและเจียงอี้ไว้ได้ แต่นางเพียงต้องการซื้อเวลาให้โถงวรยุทธ
ตูม!ตูม! ตูม!
เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยเขาให้ทหารโจมตีต่อไป เขามีราชวังจักรพรรดิและเข้าใจดีว่าเกราะป้องกันนี้ทำงานเช่นไร มันจะแตกออกเมื่อพลังงานหมด ดังนั้นแม้ว่าเกราะจะยังคงส่องแสงหลังจากที่การโจมตีผ่านไปหนึ่งชั่วโมง แต่เจียงอี้ก็ไม่ได้สนใจมัน
“แม่เฒ่า,ท่านกับสัตว์อสูรผลัดกันคอยโจมตี เจียงเหรินถู, คอยให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวโจมตีเป็นชุดๆไป!”
เจียงอี้ลงไปที่พื้นและสั่งให้แม่ทัพหลูตั้งค่ายและเข้าไปพักผ่อนส่วนด้านสัตว์อสูรหยาจื้อก็ร้องตะโกนออกมา เขาบนหัวของมันสว่างขึ้นและกลายเป็นลำแสงสาดลงสู่เกราะป้องกัน ในขณะนั้น เกราะก็ส่องแสงระเรื่อแต่ก็ไม่มีความสั่นไหว การป้องกันของมันช่างทรงพลังยิ่งนัก
แม่เฒ่าบุปผาสีเงินเข้าไปในกระโจมที่เพิ่งตั้งเช่นเดียวกับเจียงอี้การที่นางและเจียงอี้หลบซ่อนอยู่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกังวลมากขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังทำอะไรและกลัวว่าทั้งสองคนนั้นกำลังวางแผนการบางอย่างอยู่
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเกือบหมื่นคนถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มสัตว์อสูรหยาจื้อและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็คอยผลัดกันโจมตี มีการโจมตีหลายพันสายที่โจมตีใส่เกราะป้องกันรอบเมืองเทียนชิง แม้ว่ามันจะป้องกันอยู่ แต่พลังงานของมันก็ถูกระบายออกไปอย่างต่อเนื่อง เกราะป้องกันนี้อาจแตกสลายไปภายในครึ่งเดือน
เจียงอี้นั้นผ่อนคลายมากและไม่เคยปรากฏตัวเลยหลังจากที่เข้าไปในกระโจมเขาให้เหล่าหทารจุดฟืนหาอาหาร กำลังพลกินอิ่มนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ โชคดีที่เฉียนกุ้ยนั้นคอยดูแลอยู่ ไม่เช่นนั้นกองทัพนับล้านจะอดตายเมื่อศึกนี้ยุติลง
ในฝ่ายตรงกันข้ามขวัญกำลังใจก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทหารในเมืองแทบจะไม่ได้กินหรือนอนหลับเลย
หากใครบางคนมีเกราะป้องกันที่เรืองแสงอยู่เหนือศีรษะที่สามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อและศัตรูที่สามารถเดินเข้ามาได้ทุกเวลาคนผู้นั้นจะสามารถกินอิ่มนอนหลับได้อย่างไรกัน?
กองกำลังของโถงวรยุทธก็ยังไม่ออกมาให้เห็นซึ่งมันทำให้จิตใจของหลิงเสวี่ยค่อยๆจมลงช้าๆเซียวหลงหวางและชาตี้ก็ผลัดกันไปปกป้องเมือง ใจของพวกเขาเย็นชาลงเมื่อเห็นแสงของโล่ลดลง
หนึ่งวัน,ห้าวัน…. สิบวัน!
เกราะเริ่มโปร่งใสขึ้นเซียวหลงหวาง, ชาตี้และหลิงเสวี่ยอยู่บนกำแพงเมือง โล่กำลังจะแตกและการชี้ชะตากำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
ตู้มมม!
สัตว์อสูรหยาจื้อตัดฟางเส้นสุดท้ายลงในที่สุดเกราะป้องกันรอบๆเมืองเทียนชิงก็หมดพลังลงและแตกเป็นเสี่ยงๆ เจียงเหรินถูที่พร้อมมานานแล้วก็ระเบิดเสียงตะโกนออกมา “ฆ่า!”
“อสูรหยาจื้ออย่าทำตัวโอหังหน่อยเลย! หากเจ้ากล้า ก็มาสู้กับข้านี่สิ!”
เซียวหลงหวางตะโกนออกมาและพุ่งขึ้นฟ้าเขามองไปยังสัตว์อสูรหยาจื้ออย่างยั่วยุ ต้องบอกได้ว่าเซียวหลงหวางนั้นฉลาด หากเขาท้าสู้กับสัตว์อสูรหยาจื้อและสัตว์อสูรหยาจื้อตอบตกลง เขาอาจหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจียงอี้ได้ครู่หนึ่ง
โฮกก!โฮกกก!
สัตว์อสูรหยาจื้อนั้นเคยเกือบถูกเซียวหลงหวางสังหารไปแต่เมื่อมีเจียงอี้อยู่ข้างหลังมันก็ไม่กลัวอะไรเลย มันปล่อยเสียงคำรามออกมาและขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ฮึฮึ!”
ชาตี้ก็ไม่ได้โง่เขลาเช่นกันเขาชี้หอกสีทองที่อยู่ในมือไปยังแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและตะโกนออกมาว่า “นังผู้หญิงบ้า เจ้ากล้าขึ้นไปสู้กันเพื่อมาดูว่าใครกันที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริงมั้ยล่ะ?!”
จริงๆแล้วประโยคของชาตี้นั้นไม่ได้สมเหตุสมผลเลยแม้แต่คนตาบอดก็ยังรู้ว่าระหว่างทั้งคู่นั้นใครเป็นผู้ชายใครเป็นผู้หญิง แต่แม่เฒ่าบุปผาสีเงินก็ไม่ได้สนใจนัก นางหัวเราเยาะและพูดว่า “ชาตี้ วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”
ฟึ่บ!
ชาตี้และแม่เฒ่าบุปผาสีเงินบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้าสามสิบสามกิโลเมตรจากพื้นดินการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เจียงเหรินถูโบกมือของเขาและเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเกือบหมื่นคนก็เป็นผู้นำทัพไปที่เมือง กองทหารที่อยู่เบื้องหลังก็คอยติดตามพวกเขาไปราวกับฝูงตั๊กแตน ในไม่ช้า พื้นที่เปล่าข้างนอกเมืองเทียนชิงก็เต็มไปด้วยผู้คนไปหมด
“ฆ่า!”
ดวงตาของหลิงเสวี่ยเย็นชาลงนางโบกมือของนางและทหารบนกำแพงเมืองก็พุ่งไปข้างหน้า ไม่นานโลหะของทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน สนามนอกเมืองเทียนชิงได้กลายเป็นดั่งโรงเชือดไปแล้ว
สงครามครั้งใหญ่ได้บังเกิดขึ้นแล้วแต่เจียงอี้ก็ยังคงอยู่ในกระโจมของเขา มันแปลกจริงๆ
แกร๊ง!แคร๊ง! เคร้ง! “ย๊ากกก!”
“อ๊ากก!”ปัง! ปัง! ปึ้ง!
การปะทะกันของอาวุธ,เสียงตะโกนของเหล่าทหาร, เสียงกรีดร้อง และเสียงระเบิดค่อยๆดังขึ้นมา ในหนึ่งชั่วโมงมีผู้เสียชีวิตใต้กำแพงเมืองไปหลายพันชีวิต สัตว์อสูรหยาจื้อย้ายไปต่อสู้กับเซียวหลงหวางส่วนแม่เฒ่าบุปผาสีเงินและชาตี้ก็ต่อสู้อย่างสูสีกัน
เจียงอี้ยังคงไม่ปรากฏตัวออกมาเจียงเหรินถู, แม่ทัพหลูและจ้านอีหมิงก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และไม่กล้าถามออกไป
ขวัญกำลังใจนั้นเอียงไปฝั่งหนึ่งและอีกฝั่งหนึ่งก็ต่ำลงแต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวฝั่งเจียงอี้นั้นมีจำนวนมากกว่าฝ่ายตรงข้ามและไม่มีฝ่ายใดมีทีท่าจะชนะ ทั้งสองฝั่งนั้นต่างก็ทุกข์ทรมานจากการสูญเสียที่น่าเศร้านี้ ในเวลาเดียวกันเซียวหลงหวางและชาตี้บนท้องฟ้าก็ยังไม่กล้าใช้กำลังทั้งหมดของพวกเขาเพราะเจียงอี้
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปเรื่อยๆตั้งแต่เช้าถึงบ่ายและยืดยาวไปจนค่ำ หากปราศจากคำสั่งให้ถอยจากเจียงอี้ เจียงเหรินถูและกลุ่มก็ต้องกัดฟันสู้ต่อไป
ราตรีกำลังย่างกรายเข้ามาอย่างช้าๆ!
เมืองเทียนชิงอยู่ทางเหนือและยังไม่ถึงฤดูร้อนดังนั้นคืนนี้อากาศค่อนข้างเหน็บหนาวแต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังคงดำเนินการต่อสู้ต่อไป ไม่มีผู้ใดรู้สึกถึงความเหน็บหนาว แต่พวกเขากลับรู้สึกว่าเลือดของพวกเขากำลังเดือดพล่าน
ตึกตึก ตึก!
ในค่ายทหารด้านหลังกองทหาร,ในที่สุดก็มีคนปรากฏขึ้น
ตลอดทั้งวันนี้เจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์สำรวจสถานการณ์ภายในเมืองเทียนชิงตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าไม่มีกับดักใดๆก่อนที่เขาจะออกมาในที่สุด
แม้ว่าเขาจะยืนกรานที่จะมาเมืองเทียนชิงเพื่อสู้ในศึกชี้ชะตานี้แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลา ก่อนที่จะดูสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน เขาจะไม่เปิดเผยตัวเองออกมาอย่างมุทะลุ นอกจากนี้เขายังรู้ว่าเซียวหลงหวางและชาตี้ไม่กล้าสังหารสัตว์อสูรหยาจื้อและแม่เฒ่าบุปผาสีเงินหากเขายังไม่ปรากฏตัวออกมา
เขาแทบไม่กล้าที่จะเสี่ยงชีวิตเพราะเมื่อเขาตาย ทหารนับล้านก็ต้องตายเช่นกัน
ตึกตึก ตึก!
เขาจับดาบมังกรเพลิงซึ่งส่องสว่างไปด้วยแสงสีแดงมังกรเพลิงสองตัวแหวกว่ายอยู่บนดาบอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาบางครั้งก็เผยออกมาอย่างชัดเจน บางครั้งก็มองเห็นหน้าสลัวๆภายใต้แสงสีแดง ผมสีแดงโลหิตของเขาสั่นไหวแม้ว่าจะไม่มีลมพัดผ่านก็ตาม
เขาออกมาจากด้านหลังเหล่ากองทัพทหารเขาไม่ได้เร็วหรือช้าเกินไปราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในชนบท เขาไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆและเดินไปข้างหน้าอย่างสบายๆ ทหารทั้งหมดเปิดทางให้เขาผ่านไปโดยปริยายและเหล่าทหารต่างมีดวงตาที่ส่องสว่างราวกับดวงดาว
แซ่กแซ่ก!
บนกำแพงเมือง,หลิงเสวี่ย, แม่ทัพหลง, และคนอื่นๆหายใจอย่างเย็นเยียบ ทหารหลายคนเห็นกองทัพค่อยๆหลีกทางโดยอัติโนมัติและชายหนุ่มผมสีแดงก็ค่อยๆเดินออกมาอย่างเงียบๆ ทุกคนดูหวาดกลัวราวกับว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่คน หากแต่เป็นอสูรคงกระพัน!
“ฆ่า!”
ทหารหลายคนที่ต่อสู้ในแนวหน้าหมดแรงจากการต่อสู้มาตลอดทั้งวันหลายคนเกิดแผลบนร่างของพวกเขา แต่ทุกคนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาในขณะนี้ พวกเขาเหมือนเสือดุร้ายที่กำลังออกมาจากภูเขา จิตวิญญาณในการต่อสู้ของพวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งได้และเสียงคำรามของพวกเขาก็กึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ในที่สุดองค์ราชาของพวกเขาก็มาแล้ว!
…
บทที่ 492 พลาดเพียงหนึ่งครั้งตามมาด้วยความผิดพลาดมากมาย
“เจียงอี้!”
เมื่อมองไปยังชายหนุ่มผมแดงที่กำลังค่อยๆเดินมาที่นี่อย่างช้าๆหลิงเสวี่ยก็ปากกระตุกเล็กน้อยและร่องรอยของความเจ็บปวดและความสูญเสียก็เผยออกมาผ่านดวงตาของนาง
ครั้งหนึ่งนางเคยใฝ่ฝันเอาไว้
ว่าจะหาเด็กผู้ชายที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมในโลกนี้นางจะอยู่เคียงข้างเขา พวกเขาจะเดินทางไปทั่วยุทธภพ
นางเริ่มสังเกตเห็นเจียงอี้เมื่อเขากลายเป็นผู้กุมชัยในศึกราชอาณาจักรแต่นางเพียงพยายามโน้มน้าวให้เขามาอยู่ฝั่งเดียวกับนาง ต่อมา เมื่อเจียงอี้ทรยศต่ออาณาจักรเสินหวู่ นางก็เริ่มชื่นชมเขา เขากล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่มีผู้ใดกล้าทำ เขาคือวีรบุรุษอย่างแท้จริง
หญิงสาวคนใดไม่มีความฝันบ้าง?
แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะคอยเป็นผู้ฟื้นฟูจักวรรดิมังกรเวหาและเบื่อหน่ายกับความคาดหวังของปรมาจารย์หลิงและบิดาของนางแต่นางก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิง
เด็กผู้หญิงทุกคนมีความเพ้อฝันกับวีรบุรุษและเจียงอี้นั้นก็เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องราวของเจียงอี้นั้นมีมากมายเกินไป
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกันแต่หลิงเสวี่ยก็ต้องยอมรับว่าชายผู้นี้ดึงดูดใจหญิงสาวคนใดในโลกนี้ก็ได้ เหล่านายน้อยในยุคนี้ล้วนแต่ไร้ความสำคัญเมื่อเทียบกับเจียงอี้ พวกเขาเหมือนหิ่งห้อยที่พยายามแข่งขันกับจันทราที่สุกสกาว
ที่สำคัญที่สุดคือเจียงอี้นั้นมีจิตวิญญาณที่จริงใจอย่างแท้จริงเขาไม่ลังเลที่จะทำสงครามกับพิภพนี้เพื่อคนที่เขารักซึ่งมันทำให้เขาได้ใจของหญิงสาวมากมาย
และในตอนนี้หลิงเสวี่ยก็พบว่าตนเองหลงรักชายผู้นี้อย่างลึกซึเงแม้ว่าที่ผ่านมานางจะพยายามสังหารเขาทุกวิถีทาง
“มันสายไปแล้วทุกอย่างมันสายไปแล้ว ความผิดพลาดเพียงหนึ่งครั้งตามมาด้วยความผิดพลาดอีกมากมาย เราอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด กรรมย่อมตามสนองเสมอ….”
หลิงเสวี่ยหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัวนางรู้ว่านางจะห่างเหินกับเจียงอี้มากขึ้นเมื่อทั้งหกอาณาจักรล้อมอาณาจักรต้าเซี่ย แต่เพื่อผลประโยชน์ของจักรวรรดิมังกรเวหา นางจึงต้องละทิ้งความรู้สึกที่มีต่อเจียงอี้ และด้วยเหตุนี้นางจึงตระหนักได้ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
บรึฟ!
ดาบมังกรเพลิงของเจียงอี้สว่างขึ้นและดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงโลหิตจิตสังหารหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขา ดาบมังกรเพลิงก็เริ่มวาดไปทั่ว มีแสงเจิดจ้าเปล่งประกายออกมาและมังกรเพลิงจิ๋วนับหมื่นตัวก็พุ่งไปยังกองทัพพันธมิตรหลายพันคนที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับกลิ่นอายทำลายล้าง
และถูกปกคลุมไปด้วยเจตจำนงสังหารเหล่าทหารที่อยู่ข้างหน้านั้นไม่สามารถขยับได้เลย พวกเขาต้องเฝ้ามองมังกรจิ๋วที่กำลังพุ่งมาหาพวกเขาและจมกองเพลิงตาย
ปึ้ง!ปัง! ปัง!
การระเบิดได้ปะทุออกมาร่างกายของทหารเหล่านั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆซึ่งกลายเป็นฝนเพลิงที่สาดไปทั่วทุกสารทิศ มังกรเพลิงของเจียงอี้น่ากลัวเกินไป มันอาจต้องใช้มังกรเพลิงหลายสิบตัวเพื่อที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยว…แต่ใช้เพียงสองสามตัวเพื่อสังหารขอบเขตจื่อฝู่ มังกรเพลิงเพียงสองสามตัวก็สามารถบดขยี้ร่างของพวกเขาได้แล้ว ส่วนเหล่าขอบเขตฉูติ่งนั้นอ่อนแอกว่ามาก มังกรเพลิงเพียงตัวเดียวก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้แล้ว
ดังนั้น…
การโจมตีรูปแบบเต๋าแบบสุ่มๆของเจียงอี้นั้นกวาดล้างทหารแนวหน้าไปทั้งหมดจากการคาดคะเนก็มีผู้คนอย่างน้อยสองพันคนที่ตกตายไปแล้ว
“ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังนั้นแข็งแกร่งมากคนเพียงคนเดียวที่กวาดล้างกองทัพทั้งกองทัพไม่ใช่แค่เพียงลมปาก เจียงอี้เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่ง เขาอาจกวาดล้างกองทัพได้นับล้าน….”
เมื่อเห็นทหารด้านล่างถูกเจียงอี้สังหารไปอย่างง่ายดายหลิงเสวี่ยก็ถอนใจเบาๆ นางโบกมือและกระซิบกับแม่ทัพ “ไปบอกประมุขหยี่… หากโถงวรยุทธไม่มาในตอนนี้ กองทัพพันธมิตรจะถูกสังหารไปจนสิ้น”
น่าเสียดายที่ข้อมูลที่ส่งไปนั้นเป็นเหมือนกับโคลนที่จมลงสู่ทะเลโถงวรยุทธไม่มีการตอบสนองใดๆ
เจียงอี้เข่นฆ่ากองทหารด้วยตัวเองอย่างง่ายดายขวัญกำลังใจของทหารอาณาจักรต้าเซี่ยนั้นเพิ่มพูนขึ้นอย่างมากเพราะเจียงอี้ แต่ในทางตรงข้าม ขวัญกำลังใจของกองทัพพันธมิตรก็ลดลงจนเหลือเพียงน้อยนิด หากไม่ใช่เพราะหลิงเสวี่ยและแม่ทัพบนกำแพงเมือง ทหารหลายคนอาจจะพากันหนีไปแล้ว
เจียงอี้หกระเหินอยู่นอกเมืองอย่างง่ายดายเขาไปที่ที่กองทัพพันธมิตรอยู่และปลดปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาพร้อมแกว่งดาบมังกรเพลิง เขากุดหัวนับพันหัวได้ทุกครั้ง การสังหารนั้นง่ายราวกับเขาเกี่ยวฟาง
สองชั่วโมง!
ในเวลาเพียงสองชั่วโมงมีทหารตกตายไปหลายแสนนายนี่มันเกิดขึ้นก่อนที่เจียงอี้จะเริ่มโจมตีเมืองเสียอีก หากเขาทำลายกำแพงให้เหล่ากองทัพทหารของเขาเข้ามา แนวรบจะขยายออกไปและอาจจะมีผู้คนตกตายไปมากกว่านี้
ไม่ใช่ว่าเจียงอี้ไม่ต้องการโจมตีเมืองเขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาและเขาสัมผัสได้ว่าหลิงเสวี่ยส่งแม่ทัพไปยังโถงวรยุทธภายในเมือง เขายังคงรอให้โถงวรยุทธเริ่มเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากที่ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว!
“ฆ่าต่อไป!”
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องเซียวหลงหวางและชาตี้ต่างรู้สึกหวาดกลัว พวกเขาไม่กล้าที่จะใช้ไพ่ตายทั้งหมดและต้องคอยระวังเขาอยู่ตลอดเวลา เจียงอี้เผยรอยยิ้มออกมาและยังคงสังหารหมู่ต่อไป โถงวรยุทธจะรอจนกว่าทหารหนึ่งล้านคนถูกสังหารไปหรือเปล่า?
ศัตรูที่ไม่รู้จักเป็นศัตรูที่อันตรายที่สุด!
เจียงอี้สร้างความวุ่นวายอย่างเงียบๆและรอให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีเขาก่อนเขาสามารถรอต่อไปได้ แต่กองทัพพันธมิตรทำไม่ได้
“แม่ทัพเซียวส่งกำลังไปเพิ่ม ดำเนินการโจมตีต่อไป!”
หลิงเสวี่ยก็ทำอะไรไม่ถูกพวกเขาฝากความหวังไว้ที่โถงวรยุทธและไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยหากไม่มีโถงวรยุทธ พวกเขาต้องดำเนินการต่อสู้อย่างยากลำบากต่อไปแม้ว่าจะต้องทุ่มทุกสิ่งที่มีก็ตาม ไม่เช่นนั้น จักรวรรดิมังกรเวหาจะล่มสลายเมื่อกองทัพบุกโจมตีเมือง
โถงวรยุทธกำลังคิดอะไรอยู่?
ในหัวของหลิงเสวี่ยเต็มไปด้วยคำถามโถงวรยุทธจะสละทหารนับล้านไปจนหมดแล้วพวกเขาค่อยลงมือหรอ? หรือว่า….โถงวรยุทธกำลังรอให้ทั้งนางและเจียงอี้ต่างสูญเสียมากกว่านี้ก่อนและพวกมันก็จะเข้ามาโจมตีและสังหารพวกเขาทั้งหมดและครองพิภพ?
“นั่นมันเป็นไปไม่ได้หากโถงวรยุทธต้องการที่จะรวมทวีป พวกเขาก็สามารถทำได้หลายครั้งแล้ว เช่นเมื่อหมื่นปีก่อน ประมุขโถงวรยุทธได้ทะลวงสู่ขอบเขตเทียนจุนแล้ว ข้าเกรงว่าเขาจะสามารถกวาดล้างทวีปทั้งทวีปได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยซ้ำ”
คิ้วของหลิงเสวี่ยขมวดไขว้กันนางรู้ความลับมากมายในอดีตแต่ถึงกระนั้นนางก็ยังมีข้อสงสัยมากขึ้น โถงวรยุทธนั้นลึกลับมากจนไม่มีผู้ใดล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของมัน
แต่มันก็เท่านั้น….
กองทัพทหารพุ่งออกมาจากเมืองเทียนชิงอย่างต่อเนื่องและยังคงถูกเจียงอี้และทหารอาณาจักรต้าเซี่ยสังหารไปอย่างต่อเนื่องเช่นกันตอนนี้พื้นที่เหล่านั้นกำลังจะถูกปกคลุมไปด้วยศพ มีทหารจากกองทัพพันธมิตรกว่าสามแสนนายตกตายไปและของกองทัพอาณาจักรต้าเซ่ยเกือบแสนก็ตกตายไปเช่นกัน
เลือดได้สั่งสมกลายเป็นแม่น้ำและทำให้พื้นดินเป็นสีแดงฉานแม้แต่อากาศก็ยังอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
กลิ่นคาวเลือดเช่นนี้อาจทำให้จิตใจของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองฝ่ายเริ่มเกิดความชั่วร้ายมากขึ้นและต้องการเข่นฆ่ามากขึ้นค่ำคืนนี้มืดลงเรื่อยๆแต่การต่อสู้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าจนถึงเช้าวันต่อไปเจียงอี้ต่อสู้ตลอดทั้งคืนและได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เขาสังหารคนไปอย่างน้อยแสนคนแล้ว นอกจากนี้จิตวิญญาณของเหล่าทหารก็ยิ่งพุ่งพล่านและการบาดเจ็บล้มตายของกองทัพพันธมิตรก็ยิ่งทวีคูณ
รุ่งสางวันที่สอง….
กองทัพพันธมิตรมากกว่าครึ่งตกตายไปหรือไม่ก็บาดเจ็บ
เมื่อมองไปยังทหารที่ต่างเหนื่อยล้าที่อยู่ข้างหลังเขาและกองทัพพันธมิตรที่จิตใจนั้นลดต่ำลงจนสุดขีดเจียงอี้ก็หายตัวไปในทันใด
โถงวรยุทธไม่ได้ดำเนินการใดๆและไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติในเมืองดังนั้น ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะโจมตีและสังหารเซียวหลงหวางและชาตี ทันทีที่ทั้งสองตกตายไป เมืองเทียนชิงก็จะถูกยึดครองในทันที!