เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 515 -516
บทที่ 515 ราชันผู้สังหารปีศาจ
“ข้าไม่รู้หรอกว่าข้าจะตายหรือไม่แต่ตอนนี้ เจ้านั่นแหละที่ต้องตายแน่ๆ!”
เจียงอี้เดือดดาลและเผยไข่มุกวิญญาณเพลิงในมือของเขามีเปลวเพลิงอเวจีอยู่บนไข่มุกวิญญาณเพลิงสองสามลูกและเจียงอี้ก็ได้ปลดปล่อยวิชาที่หลอมรวมมังกรเพลิงสองตัวที่คาบเปลวเพลิงอเวจีออกมา
วิชาการต่อสู้เช่นนี้คือการผสานรูปแบบเต๋าพันธนาการสายลมกับดาบมังกรเพลิงและเปลวเพลิงในอดีตมันไม่ได้ทรงพลังมากนักเพราะเจียงอี้ใช้เพียงเพลิงโลกา แต่ตอนนี้เขาใช้เปลวเพลิงอเวจีที่ปรับแต่งแล้ว
ฟึ่บ!ฟั่บ!
แม้ว่าราชันปีศาจจะมีกลิ่นอายที่ทรงพลังที่แข็งแกร่งกว่าสิงโตทะเลก่อนหน้านี้แต่เปลวเพลิงอเวจีที่ปรับแต่งแล้วก็ยังสามารถแผดเผาราชันปีศาจขั้นสูงสุดจนตายได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องพูดถึงราชันปีศาจตนนี้เลย
ก่อนที่เปลวเพลิงอเวจีจะเข้าใกล้ราชันปีศาจมังกรทะเลเนื้อหนังของมันก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปเสียแล้ว ตามมาด้วยหัวขนาดยักษ์ของมันก็ถูกแผดเผาเป็นผุยผงเมื่อเปลวเพลิงแล่นผ่านไป
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ความร้อนของเปลวเพลิงนั้นสูงเกินไปซึ่งมันทำให้ทะเลค่อยๆระเหยกลายเป็นควันไปทั่ว หมอกหนาสีขาวพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าและทะเลรอบๆ
ฟึ่บ!
เจียงอี้ขึ้นมาบนผิวน้ำทะเลและกลับลงไปอย่างรวดเร็วเขาโยนร่างของมังกรทะเลตนนั้นเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ ในเมื่อการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว เขาก็คงจะไม่ปล่อยร่างของราชันปีศาจตนนี้ที่สามารถนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนสมบัติไปแน่ๆ
“ฆ่า!”
เขาจับจ้องไปยังราชันปีศาจอีกตนที่อยู่ในทะเลซึ่งมันคือสิงโตทะเล การสังหารปีศาจสองตนนี้ไม่ต่างอะไรกัน แต่ราชันปีศาจตนนี้เคลื่อนไหวในทะเลเร็วเกินไป ซึ่งเจียงอี้จะต้องสังหารมันเพื่อที่เขาจะได้หนีไปได้อย่างง่ายดาย
ฟึ่บฟั่บ!
ดาบมังกรเพลิงทะลวงลงไปในน้ำทะเลพร้อมกับเปลวเพลิงอเวจีหลายลูกตลอดทางนั้น น้ำทะเลก็เดือดพล่านซึ่งเกิดฟองน้ำลึกลับขึ้นมากมาย ราชันปีศาจสิงโตทะเลอ่อนแอกว่ามังกรทะเลด้วยซ้ำ เมื่อมันถูกล้อมด้วยเจตจำนงสังหาร มันก็ไม่สามารถขยับได้เลยและต้องรอเพียงความตาย
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเจียงอี้เห็นว่าราชันปีศาจสิงโตทะเลถูกเผาจนตายอย่างง่ายดายก่อนที่เขาลอบถอนหายใจเขายังคงดำลงไปในทะเลและเก็บร่างสิงโตทะเลเข้าไป หลังจากที่เขาสังหารกลุ่มปีศาจทะเลระดับสามรอบๆเขาไปทั้งหมดแล้ว เขาก็ไม่เสี่ยงที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เขาพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำทะเลก่อนที่จะหนีไป
ปัง!
แต่หลังจากที่เขาเดินทางอยู่บนทะเลไปประมาณหมื่นกิโลเมตรทะเลตรงหน้าเขาก็ปะทุขึ้นมาและสร้างคลื่นทะเลหลายพันลูก ปีศาจทะเลขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมาจากน้ำและดวงตาที่เย็นชาของมันทำให้เจียงอี้ใจสั่นไปด้วยความกลัว เพราะมันอยู่ห่างจากเจียงอี้หลายร้อยกิโลเมตร เขาจึงไม่พบแรงกดดันจนกระทั่งตอนนี้
ปัง!ปัง! ปัง! ปัง!
ในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากปีศาจทะเลพื้นทะเลทั้งสี่ทิศระเบิดและยกขึ้นมาพร้อมๆกัน ปีศาจทะเลขนาดยักษ์สี่ตนโผล่ออกมาจากน้ำและลอยอยู่กลางอากาศ แรงกดดันที่น่ากลัวได้แผ่กระจายไปทุกหนทุกแห่งซึ่งทำให้เจียงอี้หายใจแทบไม่ได้
ตูม!ตูม! ตูมม!
ท้องฟ้ายังคงมืดมิดพายุที่รุนแรงกำลังโหมกระหน่ำ แต่เจียงอี้นั้นอยู่ที่พื้นที่ที่สายฟ้าฟาดลงมาและตอนนี้ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาน้อยมาก เจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสภาพโดยรอบของเขาและมั่นใจแล้วว่าจักรพรรดิอสูรชือไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้ว่าหนึ่งในห้าราชันปีศาจจะเป็นราชันปีศาจระดับสูงสุดและไม่สำคัญว่าราชันปีศาจจะมาอีกกี่ตนก็ตาม สำหรับเขาแล้ว ชะตากรรมเดียวที่รอพวกมันอยู่ก็คือความตายเท่านั้น!
“ฆ่า!”
เขาคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าผมและเสื้อคลุมของเขาเปียกโชกจากพายุที่โหมกระหน่ำ ดวงตาของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งหมื่นปี ขาของเขาเตะลูกคลื่นเป็นครั้งคราวขณะที่พุ่งไปยังราชันปีศาจทั้งห้าราวกับดาบที่แหลมคม
“หืมเจ้ามนุษย์ เจ้ากล้าสังหารบุตรของท่านจักรพรรดิได้อย่างไร! ทำไมเจ้าจึงไม่ยอมจำนนและรอการลงทัณฑ์จากองค์จักรพรรดิ?”
“มันกล้าแม้แต่จะสังหารบุตรของจักรพรรดิอสูรชือแห่งทะเลบูรพาเวิ้งว้าง!ช่างกล้านัก!”
“ฮ่าฮ่าองค์จักรพรรดิจับมันได้เมื่อไหร่ ตระกูลของมันก็คงจะถูกสังหารทั้งชั่วโคตร มนุษย์ผู้นี้คงปรารถนาที่จะตายสินะถึงได้กล้าสังหารบุตรขององค์จักรพรรดิ”
“หือหือ! องค์จักรพรรดินั้นอารมณ์ร้อนและไม่เพียงแต่จะสังหารตระกูลมันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คนทั้งหมดในทวีปของมันด้วย ไม่เช่นนั้นท่านจะสงบลงได้เช่นไร?”
“ใช่แล้วองค์จักรพรรดิจะสังหารมนุษย์ทั้งหมดในทวีปของมันแน่นอน องค์จักรพรรดิคือหนึ่งในห้าอันดับจักรพรรดิอสูรแห่งทะเลบูรพาเวิ้งว้างนี้ หากท่านไม่สังหารมนุษย์ทุกคนในทวีปนั้น ท่านจะต้องถูกจักรพรรดิตนอื่นหัวเราะเยาะเป็นแน่…”
เมื่อราชันปีศาจทั้งหลายเห็นเจียงอี้พุ่งมาหาพวกเขาพวกเขาก็ไม่ได้ดูตื่นตระหนกเลย แถมดวงตากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันเสียมากกว่า สำหรับพวกเขา กลิ่นอายของเจียงอี้นั้นดูอ่อนแออย่างน่าสมเพช ราชันปีศาจตนเดียวก็สามารถเอาชนะเจียงอี้ได้ง่ายๆ นับประสาอะไรกับพวกเขาที่มีห้าตน
“พูดพล่ามไร้สาระ!”
เจียงอี้พุ่งผ่านมาเจ็ดสิบกิโลเมตรแล้วและราชันปีศาจทั้งหมดนี้อยู่ในเขตรัศมีของเจตจำนงสังหารของเขาแล้วแต่เขาก็เลือกที่จะรอบคอบกว่านี้ เขาไม่ได้ปล่อยเจตจำนงสังหารออกมาทันทีเพราะหนึ่งในราชันปีศาจเหล่านี้อยู่ระดับสูงสุด
“ลงมือ!”
เมื่อเจียงอี้เข้าไปใกล้อีกสิบกิโลเมตรราชันปีศาจขั้นสูงสุดก็ออกคำสั่ง ราชันปีศาจทั้งห้าต่างคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่แทนที่จะปล่อยวิชาใดๆออกมา พวกเขากลับกลายเป็นเงาทั้งหาและพุ่งเข้าหาเจียงอี้แทน ดูเหมือนว่า….พวกเขาต้องการจะจับเป็นเจียงอี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดวงตาที่เย็นชาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกำลังหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขาซึ่งมันปกคลุมไปรอบตัวเขาทันที ในตอนนี้ จู่ๆลมที่โหมกระหน่ำก็หยุดลง คลื่นที่ปะทุสาดกระเซ็นก็เงียบลง มันแปลกประหลาดมาก
“อุ๋งอุ๋ง….”
นอกเหนือจากราชันปีศาจระดับสูงสุดแล้วก็ไม่มีราชันปีศาจตนใดสามารถส่งเสียงได้เลยดวงตาที่มีขนาดเท่าระฆังทั้งห้าคู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สำหรับพวกเขาแล้ว ร่างเล็กๆของเจียงอี้นั้นเป็นเหมือนจ้าวราชันของเหล่าปีศาจในร่างมนุษย์ที่ทำให้พวกเขาสะท้านไปด้วยความกลัวจากก้นบึ้งหัวใจ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะโจมตีกลับไปเลยด้วยซ้ำ
ราชันปีศาจระดับสูงสุดยังคงมีความสงสัยอยู่ในดวงตาของมันมนุษย์ตัวเล็กๆที่ไม่ได้ดูมีพลังอะไรเลยแม้แต่น้อยกลับปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรกัน? กลิ่นอายที่ทำให้พวกเขาขยับไม่ได้ของเจียงอี้นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิของพวกเขาเลย
“ตายย!”
เจียงอี้ตะโกนออกมาและเหวี่ยงดาบมังกรเพลิงของเขาอย่างรุนแรงสายลมที่รุนแรงได้ซัดผ่านคลื่นด้านล่างและถูกผ่าออกเป็นครึ่งหนึ่งโดยมีรอยเส้นดาบสีขาวอยู่ตรงกลาง หลังจากที่เปลวเพลิงอเวจีปรากฏขึ้นมา น้ำทะเลด้านล่างก็ระเหยขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นหมอกขาวอบอวลไปทั่ว
ครั้งนี้เจียงอี้ปลดปล่อยเปลวเพลิงอเวจีออกมามากขึ้นและมันออกมามากกว่าสิบลูกเขาต้องการที่จะยุติการต่อสู้โดยเร็วที่สุด ในเมื่อราชันปีศาจเหล่านี้เจอตัวเขาได้ เช่นนั้นจักรพรรดิอสูรชือเองก็คงจะตามเขาได้อย่างแน่นอน ช้าเพียงเสี้ยวนาที อาจหมายถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้นก็ได้
โฮกกก!
ราชันปีศาจระดับสูงสุดที่เจียงอี้โจมตีเป็นตนแรกนั้นสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่น่ากลัวของเปลวเพลิงอเวจีแม้ว่ามันจะรู้ว่ามันกำลังจะตายแต่มันก็ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวซึ่งมันดังมากจนคลื่นซัดขึ้นมาจากด้านล่างจนทำให้แก้วหูของเจียงอี้เลือดไหลออกมา
ฟึ่บฟั่บ!
เปลวเพลิงอเวจีได้แผดเผาหัวของราชันปีศาจระดับสูงสุดไปครึ่งหนึ่งและมันก็ตายลงทันทีพร้อมตกลงไปในทะเลด้วยเสียงกระทบพื้นทะเลที่ดังมากราชันปีศาจอีกสองตนใกล้ๆก็ถูกเปลวเพลิงอเวจีแผดเผาหัวและร่างกายก็ถูกเผาไป พวกมันต่างก็ตกลงไปในทะเลเช่นกัน
ไอ้เวรเอ้ย!
เจียงอี้เช็ดเลือดที่ไหลออกมาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่ได้หงุดหงิดเพราะหูที่เลือดออกแต่มันเป็นเพราะราชันปีศาจ เห็นได้ชัดว่าตอนที่มันคำราม มันกำลังส่งข้อความไปถึงจักรพรรดิอสูรเป็นแน่!
ฟึ่บ!
เขาตวัดดาบไปยังราชันปีศาจที่เหลืออีกสองตนอย่างรวดเร็วและบินไปเก็บร่างของราชันปีศาจทั้งห้าพร้อมกับมองดูบนฟ้าและเห็นแน่ชัดแล้วว่าไม่ได้มีสายฟ้ามากเกินไป เขาก็กัดฟันแน่นและย้ายร่างฉับพลันออกไปทันที
หลังจากที่ย้ายร่างฉับพลันไปหลายสิบครั้งและย้ายร่างไปนับหมื่นกิโลเมตรในตอนนั้นเองสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน!
ในตอนนี้จิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นสะท้าน เสียงร้องที่น่าตะลึงงันดังมาจากด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว “เจ้ามนุษย์ชั่วช้า เจ้าสังหารบุตรชายข้าและคนของข้า แล้วเจ้ายังกล้าจะหนีอีกรึ? หากข้าไม่ได้ฉีกเจ้าออกเป็นร้อยชิ้น ข้าก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นจักรพรรดิอสูร!”
ในที่สุดจักรพรรดิอสูรชือก็มาจนได้
บทที่ 516 บุกไปในทะเลอัสนี
จักรพรรดิอสูรมีพลังเพียงใด?
เจียงอี้นั้นรู้ดีจากการเห็นจักรพรรดินีสัตว์อสูรนอกจากนี้ตอนที่เขาได้ยินราชันปีศาจบอกว่าจักรพรรดิผู้นี้เป็นหนึ่งในห้าอันดับของจักรพรรดิอสูรในพื้นที่ทะเลแห่งนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันดุร้ายเพียงใด
จักรพรรดิอสูรตนนี้เสียงดังมากและเสียงของเขาก็ดังก้องไปทั่วรัศมีห้าหมื่นกิโลเมตรเจียงอี้ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบดูและไม่แม้แต่จะพบเจอจักรพรรดิอสูรหรือกลิ่นอายของมันเลย
“ข้าจะทำยังไงดี?”
ในขณะที่เขาย้ายร่างฉับพลันไปสุดฝีเท้าจิตใจของเขาก็สับสนวุ่นวาย เขามักจะมีสติปัญญามากขึ้นในช่วงของความเป็นตาย เพียงไม่กี่พริบตา เขาก็คิดวิธีแก้ปัญหามาได้มากกว่าสิบวิธี แต่เขาก็ไม่สนใจวิธีใดเลย
ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคงจะเป็นการหนี พลังของจักรพรรดิอสูรเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถรับมือได้ แม้ว่าเปลวเพลิงอเวจีของเขาจะแกร่งมาก แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำร้ายจักรพรรดิอสูรได้หรือไม่ ที่สำคัญที่สุดคือเขาจะโจมตีโดนจักรพรรดิอสูรหรือเปล่า? แล้วเมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันของจักรพรรดิอสูร เขาจะปลดปล่อยการโจมตีได้หรือเปล่า?
เมื่อย้อนไปในตอนที่เขาอยู่ใต้หุบเหวอเวจีโถงวรยุทธได้เปิดใช้ค่ายกลลิขิตสวรรค์ขึ้นมาซึ่งทำให้ภาพของจีทิงยวี่ข้ามไปยังระดับเทียนจุน ซึ่งเขาก็ถูกตรึงไว้โดยกลิ่นอายอันทรงพลังนั้นและไม่สามารถขยับได้เลย เจียงอี้จึงมั่นใจว่าหากจักรพรรดิอสูรเข้ามาใกล้เขา เขาก็เหลือเพียงความตายเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงต้องหนี!
แต่ปัญหาคือ….หนียังไง?
เขาควรจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าหรือดำดิ่งลงสู่ทะเล?จักรพรรดิอสูรก็ทำได้เช่นกัน แม้ว่าเขาจะย้ายร่างฉับพลันขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่จักรพรรดิอสูรก็จะจับเขาได้ หรือจะดำดิ่งสู่ทะเล? นั่นยิ่งสิ้นคิด จักรพรรดิอสูรตนนี้เป็นผู้ครองทะเล!
“ราชวังจักรพรรดิ?”
เจียงอี้ส่ายหัวอีกครั้งราชวังจักรพรรดิยังฟื้นพลังงานไม่เต็มที่ แม้ว่าจะใช้มัน มันก็อาจจะสลายแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยฝ่ามือเดียวของจักรพรรดิอสูร!
ฟึ่บ!ฟั่บ! ฟุ่บ!
เขายังคงย้ายร่างฉับพลันไปเรื่อยๆแม้ว่าเขาจะหนีไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ แต่จักรพรรดิอสูรก็ยังคงตามทันอยู่ดี ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามีกลิ่นอายคอยกดดันเขาอยู่ตลอดเวลา ก้นบึ้งของจิตวิญญาณของเขาคอยส่งสัญญาณเตือนอยู่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอสูรกำลังไล่ตามเขามาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง….สองชั่วโมง!
เจียงอี้ยังคงไม่มีหนทางแก้ปัญหานี้ได้แต่โชคดีที่ไม่มีฟ้าผ่าในบริเวณใกล้ๆนี้ซึ่งทำให้เขาย้ายร่างฉับพลันขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ หากเขาอยู่ในทะเล เขาอาจต้องปะทะกับปีศาจทะเลและราชันปีศาจทั้งหลายก็ได้
“มันน่าจะกำลังมาใกล้แล้วรึเปล่านะ?”
หลังจากย้ายร่างฉับพลันอย่างรวดเร็วมานับหมื่นกิโลเมตรความรู้สึกภายในใจของเจียงอี้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะว่องไวและจักรพรรดิอสูรก็อยู่ไกลมากแต่มันก็เร็วมากเช่นกัน มันไล่ตามเขามานานกว่าสองชั่วโมงและน่าจะตามเขาได้ทันทุกเมื่อ
“ฮึ่ม!”
จริงด้วย!
ไม่นานนักเสียงเย้ยหยันก็ดังมาจากด้านหลังเขาเจียงอี้แผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปและยังไม่พบจักรพรรดิอสูร แต่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวมาแต่ไกล
“หนี!”
จักรพรรดิอสูรอยู่ห่างจากเขาเพียงสามร้อยสามสิบกิโลเมตรแต่เจียงอี้ก็ยังคงไม่ยอมแพ้ หากเขาตาย ทุกคนในราชวังจักรพรรดิก็ต้องตายเช่นกัน เขายังคงย้ายร่างฉับพลันต่อไปและสำรวจสภาพรอบๆด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และพยายามจะหาทางหนีออกไปจากสถานการณ์นี้
ตูม!ตูม! ตูม!
เจียงอี้ตระหนักได้ในทันใดว่ามีเมฆครึ้มลอยมาทางเขาอีกครั้งท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆที่มีฟ้าผ่าอยู่ภายในนั้น คราวนี้เขาโชคร้ายเสียแล้ว มันคือเขตฟ้าคะนองอีกแล้ว
เขาไม่สามารถอยู่บนท้องฟ้าได้อีกต่อไปหากเขาเข้าไปในเมฆดำนั่น เขาคงต้องตายอย่างแน่นอน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายร่างฉับพลันลงไปต่ำกว่านี้และกลิ่นอายของจักรพรรดิอสูรที่อยู่เบื้องหลังเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆซึ่งมันทำให้ใจของเจียงอี้หล่นลงไปถึงตาตุ่ม
“ย๊า!”
ร่องรอยของความบ้าคลั่งเผยอยู่ในดวงตาของเขาแทนที่เขาจะพุ่งลงสู่ทะเล เขากลับเรียกสัตว์อสูรหยาจื้อออกมาและตะโกนว่า “สัตว์อสูรหยาจื้อ มุ่งหน้าไปให้ไวที่สุด!”
“ห๊ะ?”
สัตว์อสูรหยาจื้อตกตะลึงมีพายุโหมกระหน่ำ, สายลมที่พัดรุนแรงและสายฟ้าที่น่าสยดสยองอยู่ด้านหน้า พวกเขาจะไม่ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆหรือถ้ายังมุ่งหน้าต่อไปเช่นนี้? แต่เมื่อเจียงอี้ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล มันก็ไม่กล้าที่จะอยู่นิ่งอีกต่อไป มันพาเจียงอีกพุ่งไปข้างหน้าขณะที่พยายามอยู่ใกล้ผิวน้ำให้ได้มากที่สุด
“นี่…”
หลังจากที่บินเข้าไปสู่เขตฟ้าคะนองสัตว์อสูรหยาจื้อก็รู้ทันทีว่าทำไมเขาจึงให้ทำเช่นนั้น กลิ่นอายที่คลุ้งอยู่ตามอากาศของจักรพรรดิอสูรแทรกซึมเข้ามาทำให้จิตใจของมันสั่นสะท้านเป็นครั้งคราว
จุดประสงค์ของเจียงอี้นั้นชัดเจนมากเขาพยายามใช้พายุฟ้าคะนองและพลังฟ้าดินหยุดจักรพรรดิอสูรไม่ให้ไล่ตามพวกเขามา
พายุฟ้าคะนองนี้เป็นพลังที่น่ากลัวมาก!
แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะทรงพลังแต่ก็ยังคงต้องทรมานเมื่อถูกฟ้าผ่าตอนนี้เจียงอี้กำลังบินอยู่ในระดับต่ำ เขาเสี่ยงชีวิตอย่างมาก หากไม่มีการคุ้มกันจากน้ำทะเลที่คอยลดแรงของสายฟ้า พวกเขาทั้งสองจะตายอย่างแน่นอนหากมีสายฟ้าฟาดลงมา
“หืมกำลังฝันเฟื่องที่จะหยุดข้าโดยใช้ทะเลอัสนี? เจ้าประเมินข้าต่ำไปแล้ว!”
ไม่นานนักหลังจากที่เจียงอี้พุ่งเข้าไปที่ทะเลอัสนีภาพฉายจากระยะไกลก็เกิดขึ้นมา จักรพรรดิอสูรผู้นี้ได้ปรากฏตัวในร่างมนุษย์ แต่รูปลักษณ์ของเขาค่อนข้างประหลาด
เขาสวมชุดเกราะสีดำมีผิวคล้ำและศีรษะล้าน เขาห้อยตุ้มหูสีม่วงทองไว้ที่หูของเขา ดวงตาของเขาเป็นสามเหลี่ยมและดูน่ากลัว แม้แต่รูปลักษณ์ของเขาก็ยังทำให้ผู้คนหวาดผวาได้แล้ว
เขายืนอยู่นอกทะเลอัสนีและมองผ่านท้องฟ้าที่มืดครึ้มเขาเห็นเจียงอี้สั่งให้สัตว์อสูรเปลี่ยนทิศทาง พวกเขาหลบหลีกสายฟ้าได้หลายสิบลูกและกำลังจะหายไปใจกลางทะเลอัสนี จากนั้นเขาก็ปล่อยความเย้ยหยันออกมาจากริมฝีปากของเขาและบุกไปยังทะเลอัสนี
เขาเคลื่อนไหวเร็วมากจนอาจจะตามเจียงอี้ได้ทันหากไม่ใช่เพราะฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องตลอดทาง เขามีพลังมหาศาลและไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมา เพราะเมื่อสายฟ้ากำลังจะกระทบถูกตัวเขา เขาก็จะย้ายร่างของเขาและหลบหนีไปได้อย่างง่ายดาย
“ไปทางขวาทางขวา!”
เจียงอี้ค่อนข้างดูน่าสังเวชเล็กน้อยเขาไม่สามารถสนใจจักรพรรดิอสูรด้านหลังเขาได้ เพราะเขาทุ่มจิตใจทั้งหมดไปจดจ่ออยู่กับสายฟ้าที่มาจากท้องฟ้าเบื้องบน
เขาต้องคอยคำนวณเวลาและจุดที่สายฟ้าจะฟาดลงมาโดยวิเคราะห์จากสายฟ้าที่กระพริบอยู่เหนือเมฆดำซึ่งนั่นจะทำให้สัตว์อสูรหยาจื้อสามารถหนีไปได้ก่อนแต่ก็แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วเขาอาศัยสัญชาตญาณของเขาเองด้วย สายฟ้าพวกนั้นฟาดลงมาอย่างรวดเร็วซึ่งเขาและสัตว์อสูรหยาจื้ออาจตายไปหลายครั้งแล้วหากเขาใช้เพียงดวงตาและสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ตูม!ตูม! ตูม!
เบื้องหน้าของพวกเขาคือใจกลางของเขตพื้นที่ฟ้าคะนองสายฟ้าสีขาวฟาดลงมาราวกับอสรพิษยักษ์และผ่าท้องฟ้าจนสว่างไสวไปทั่วท้องทะเล ณ ใจกลางของเขตฟ้าคะนอง สายฟ้าไม่ได้ฟาดผ่าลงมาทีละสาย แต่พวกมันผ่าอย่างต่อเนื่องมากกว่าสิบครั้ง มันน่ากลัวมาก บางคนอาจกลัวจนตายด้วยการเหลือบมองเพียงครั้งเดียว นับประสาอะไรกับการเข้าไปในนั้น
“เจียงอี้นี่เราจะเข้าไปอีกหรือ?”
สัตว์อสูรหยาจื้อมองไปที่ฉากตรงหน้าพวกเขาและตกใจกลัวหากพวกเขากล้าเข้าไปใจกลางฟ้าคะนองนั้น พวกเขาอาจจะแตกสลายเป็นเถ้าถ่านอย่างแน่นอน
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อจักรพรรดิอสูรที่อยู่ด้านหลังพวกเขาเห็นว่าสัตว์อสูรหยาจื้อหยุดชะงักมันก็หัวเราะเยาะพวกเขาและตะโกนว่า “ทำไมตอนนี้พวกเจ้าไม่หนีแล้วล่ะ? เข้าไปข้างในสิ! หากพวกเจ้ากล้านัก ทำไมไม่เข้าไปข้างในล่ะหึ้?”
บรึฟ!
พระราชวังสีขาวปรากฏขึ้นในมือของเจียงอี้แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นก่อนที่สัตว์อสูรหยาจื้อจะหายไปในท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม เจียงอี้ก็บินลงมาและเดินอยู่เหนือทะเล
เมื่อเขาสัมผัสกับผิวน้ำเขา…หลับตาลงและกลายเป็นเงาจางๆที่กำลังพุ่งไปยังใจกลางฟ้าคะนอง เขาดูสงบราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ภายในสวนที่บ้านของเขาเองซึ่งมันดูพิลึกมาก!
“หือ…”
ดวงตาของจักรพรรดิอสูรชือหรี่มองและมีใบหน้าที่ประหลาดใจเจียงอี้หลับตาพุ่งไปยังใจกลางเขตฟ้าคะนองนั้น ในพริบตาเดียวเขาก็เดินทางเข้าไปหลายร้อยกิโลเมตรแล้วและยังไม่โดนฟ้าผ่าแม้แต่ครั้งเดียว!? ดวงตาของเจียงอี้ปิดอยู่ตลอดเส้นทางและเขาดูสงบนิ่งมาก
“ไอ้มนุษย์น้อยนี่มันพิลึกพิลั่นนัก!”
จักรพรรดิอสูรชือพึมพำกับตัวเองก่อนที่สายตาของมันจะเผยอายสังหารออกมาอีกครั้งร่างของมันพุ่งไปอย่างรุนแรง มันตะโกนออกมาด้วยริมฝีปากที่ปกคลุมไปด้วยความเย็นชาว่า “ไอหนู หากเจ้าข้ามผ่านทะเลอัสนีไปได้แล้วยังไง? เจ้าจะรอดจากเงื้อมมือข้ารึ? รอความตายของเจ้าซะ ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปแบบสมประกอบแน่ๆ!”