เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 529-530
บทที่ 529 คนไร้ยางอาย
ฟึ่บฟั่บ!
กรงเล็บของแม่หญิงชิงหยีได้กลายเป็นภาพหลังขณะที่มันกำลังจับจ้องไปที่เจียงอี้ด้วยกลิ่นอายที่น่ากลัวส่วนเจียงอี้ก็ยังคงนิ่งเฉยและจ้องมองไปยังกรงเล็บที่กำลังใกล้เข้ามา เขาไม่เพียงแต่จะไม่แสดงถึงความหวาดกลัวแต่เขายังเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาด้วย
ป้าบ!
มืออันบอบบางของนางก็ทำเช่นครั้งก่อนโดยถอนแก่นพลังก่อนที่จะกระแทกใส่เจียงอี้แต่ครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนตรงที่มือของนางตบไปที่ใบหน้าของเจียงอี้แทนและทิ้งรอยแดงเอาไว้บนใบหน้าของเขา
ให้ตายเถอะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าถูกผู้หญิงตบ!
เจียงอี้โกรธมากและเขาก็สาบานเอาไว้ในใจว่าหากนางตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเขาจะทำให้นางต้องอับอายเพื่อแก้แค้นเรื่องในวันนี้
เขารู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจแต่ไม่เผยสิ่งใดออกมาบนใบหน้าของเขาเลยเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตและความเป็นความตายของเขา เขาจึงจะประมาทไม่ได้ ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้ เขายังคงนิ่งสงบมาตลอดขณะที่มองไปที่แม่หญิงชิงหยี รอยยิ้มเย้ยหยันจางๆบนใบหน้าของเขาก็ยังคงเผยออกมาจนถึงตอนนี้
ใบหน้าของแม่หญิงชิงหยีเปลี่ยนเป็นเย็นชานางจ้องไปที่เจียงอี้อยู่นานจากนั้นก็พูดว่า “เจ้าสายลับ เจ้ายังพยายามข่มขู่ข้าในตอนที่เจ้ากำลังจะตายเนี่ยนะ?”
“หึๆ!”
เจียงอี้ยิ้มและหัวเราะเยาะ“ในเมื่อข้าแค่ขู่เจ้าแล้วทำไมเจ้าไม่ฆ่าข้าเสียล่ะ? พวกเจ้าทุกคนมักจะปฏิเสธที่จะยอมรับความกลัวของตัวเองตลอดนั่นแหละ”
“เจ้าคงเหนื่อยที่จะมีชีวิตแล้วสินะ!”
นางโกรธขึ้นมาทันทีและกำลังจะยกฝ่ามือฟาดไปที่เจียงอี้แต่สุดท้ายนางก็ตบไปที่ใบหน้าอีกข้างของเจียงอี้และสร้างรอยแดงเอาไว้อีกครั้ง
ในครั้งนี้เจียงอี้ไม่ได้พูดอะไรแต่รอยยิ้มของเขากลับหายไปและมองนางอยู่นิ่งๆ
ดวงตาที่สวยงามของนางกระพริบและนางก็พึมพำอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะให้องครักษ์อีกสองคนออกไปก่อนจากนั้นนางก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พูดมา เมื่อครู่นี้เจ้าหมายความเช่นไร?”
เจียงอี้ไม่ตอบกลับและมองไปที่แม่หญิงชิงหยีอย่างใจเย็นจนนางเกือบจะตบเขาอีกครั้งจากนั้นเจียงอี้ก็แสยะยิ้มและพูดว่า “ข้าต้องการปลดทุกข์ หากระโถนมาให้ข้าได้ปลดปล่อยก่อนสิ”
“อะไรนะ?”
นางคิดว่าตัวเองได้ยินผิดและรู้สึกโกรธมากหลังจากที่ชะงักไปชั่วครู่นางยกมือขึ้นและเหวี่ยงมือไปที่ใบหน้าของเจียงอี้ทันที ซึ่งเจียงอี้ไม่อยากถูกตบอีก เขาเลยตะโกนอย่างรุนแรงว่า “เจ้ากล้าตบข้าอีกหรอ? เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะสังหารตัวเองทันที? แล้วข้าจะไม่บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องทะเลบูรพาเวิ้งว้างแม้แต่นิดเดียว”
“หืม?”
ทันใดนั้นมือของนางก็หยุดอยู่กลางอากาศ “ทะเลบูรพาเวิ้งว้าง” เป็นเหมือนคำสาปที่ทำให้ร่างกายและวิญญาณของนางสั่นสะท้าน นางมองไปที่ดวงตาของเจียงอี้อย่างใกล้ชิดจากนั้นก็ตะโกนว่า “ป้าฮัว ไปเอากระโถนมาที่นี่หน่อย”
“เจ้าค่ะ!”
องครักษ์ที่อยู่นอกประตูเดินไปและรีบกลับมาพร้อมกระโถนสีขาวที่สวยงามนางวางมันไว้ตรงหน้าเจียงอี้ก่อนจะรีบหันไป
แม่หญิงชิงหยีหันกลับไปและเมื่อนางรู้ว่าเจียงอี้ไม่ได้ทำอะไรเลยนางก็มองตาขวางแล้วพูดว่า “เจ้าจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ?”
“พี่สาว!”
เจียงอี้กลอกตาและพูดว่า“มือและขาของข้าถูกมัดไว้ เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? เจ้าไม่ต้องปลดกางเกงเพื่อปัสสาวะหรือไง?”
“เจ้า….ไอ้บ้า!”
แม่หญิงชิงหยีโกรธมากแต่นางไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อเจียงอี้อยู่รอบๆนาง นางมักจะมีความโกรธเกรี้ยวที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้และหวังเพียงว่าจะฆ่าเขาเป็นชิ้นๆได้ แต่ดูเหมือนว่าเจียงอี้จะมีข้อมูลบางอย่างจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น มันเกี่ยวกับทะเลบูรพาเวิ้งว้าง
การโจมตีของกองทัพปีศาจทะเลก็ใกล้เข้ามาแล้วและเขตชิงหยีก็อยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปเฟิ่งหมิงซึ่งเขตแดนของนางจะต้องเผชิญกับการโจมตีและหากนางประมาท พลเมืองหลายล้านคนของนางก็จะตกตายไป ดังนั้นนางจึงต้องอดทนกับเจียงอี้เอาไว้ก่อน
นางคิดในใจว่าเมื่อนางรู้ว่ามีเรื่องอะไรแล้วเรียบร้อยนางจะสับเจียงอี้เป็นชิ้นๆแน่ ตอนนี้นางจึงต้องกลั้นความโกรธของนางเอาไว้ก่อน จากนั้นนางก็ตะโกนออกมาว่า “ใครก็ได้ ปลดกางเกงให้เขาที!”
องครักษ์เดินเข้ามาและปลดกางเกงของเจียงอี้ด้วยความไม่เต็มใจเจียงอี้นั้นจำเป็นต้องปัสสาวะอย่างรีบร้อน เขาฉี่ลงไปในโถนั้นด้วยความสะใจ จากนั้นเขาก็พูดกับองครักษ์อย่างไม่แยแสว่า “ดึงกางเกงขึ้นมาให้นายน้อยผู้นี้ด้วย”
องครักษ์ก็โกรธเช่นกันหากไม่ใช่เพราะแม่หญิงชิงหยี นางคงจะล่วงละเมิดเจียงอี้ไปแล้ว นางดึงกางเกงของเจียงอี้ขึ้นอย่างเชื่อฟังและจ้องมองเขาก่อนที่จะเดินออกไปอย่างเขินอาย
แม่หญิงชิงหยีหันกลับมาและพูดด้วยความอึดอัด“ตอนนี้เจ้าบบอกมาได้แล้วใช่ไหม?”
“ไม่มีทาง!”
เจียงอี้พูดอย่างหนักแน่น“ข้าหิว ข้าไม่มีแรงพูดหรอก”
นางเกือบจะคลั่งออกมาดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นและตะโกนออกมาอย่างเย็นชา “ข้าปฏิบัติกับเจ้าดีมากพอแล้วและตอนนี้เจ้าก็ล้ำเส้นไปแล้ว เจ้าเชื่อไหมว่าข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าร้องขอความตายได้นับร้อยวิธี?”
“โอ้?”
เจียงอี้ไม่แสดงความอ่อนแอใดๆและมองไปที่นางเขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม “เอาสิ มาเลย ข้านั้นเกิดมาด้อยค่า ใช้ทุกวิธีที่เจ้าว่ามาเถอะ หากข้าบอกอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ข้าจะเปลี่ยนมาใช้แซ่เจ้าเลย ข้าผู้นี้พร้อมจะตายในทวีปเฟิ่งหมิงแล้ว และเมื่อมันเป็นเช่นนั้น พลเมืองนับล้านในทวีปเจ้าก็จะถูกฝังไปพร้อมกับข้าด้วย”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างและกลิ่นอายที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นราวกับว่าเขาเป็นราชสีห์ที่เป็นหัวหน้าฝูง
แม่หญิงชิงหยีอยากจะสั่งลงโทษเขาอยู่หลายครั้งแต่นางก็อดกลั้นทุกครั้งที่คำพูดของนางเกือบจะหลุดออกมาจากปาก แต่เวลาที่นางมองดวงตาของเจียงอี้ นางก็รู้สึกคลั่งเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงหันไปมองข้างๆอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า!”
เจียงอี้หัวเราะราวกับว่าเขาได้รับชัยชนะมันทำให้ความโกรธของแม่หญิงชิงหยีเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เป็นโชคดีที่เจียงอี้ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้นางค่อนข้างอ่อนโยน หากเป็นผู้หญิงคนอื่นๆในทวีปเฟิ่งหมิง ผิวหนังของเขาอาจถูกถลกออกไปแล้ว
ชิงหยีเหวี่ยงมือของนางและหันกลับไปนางตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ใครก็ได้ ไปเตรียมอาหารที!”
เจียงอี้พูดแทรกทันที“อย่าลืม อาหารสักสองสามอย่างและนำไวน์ดีๆมาด้วย ข้าชอบกินผลไม้หลังอาหาร ดังนั้นเตรียมผลไม้มาด้วย….”
ปั้ก!
องครักษ์หญิงที่วิ่งออกไปล้มลงกับพื้นหลังจากที่ได้ยินการเรียกร้องของเจียงอี้
นางเคยเห็นคนไร้ยางอายมาก่อนแต่ไม่มีผู้ใดไร้ยางอายเท่านี้เลย พวกนางทั้งสองเป็นผู้คุมเรือนจำมานานแต่ก็ไม่เคยพบนักโทษที่กล้าหาญเช่นนี้มาก่อนเลย เขาคิดว่าตัวเองเป็นใต้เท้าจริงๆหรือไง?
พ่อครัวในสวนแอปริคอทเก่งกาจมากและเตรียมอาหารหลากหลายอย่างมาอย่างรวดเร็วเจียงอี้ไม่เคยเห็นอาหารพวกนี้มาก่อน แต่พวกมันทั้งหมดดูน่าอร่อยมาก และองครักษ์ทั้งสองพากันจับตะเกียบและพร้อมที่จะป้อนอาหารให้เจียงอี้
เขาสะบัดหัวและมองไปที่ชิงหยีจากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “มา มา แม่หญิง มาทานด้วยกันเถอะ! นี่มันก็ดึกแล้ว เจ้าก็คงจะหิวเหมือนกัน”
“หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้วเจ้าเชื่อมั้ยว่าข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ?” นางกำหมัดแน่นขณะที่เส้นเลือดของนางปูดขึ้นมาและกัดฟันแน่นจนมันสั่นกระทบกันเสียงดัง
เจียงอี้ไม่กล้าล้อเล่นอีกต่อไปเพราะมันอาจจะผิดคาดได้นางไม่ได้ชอบผู้ชายและเกลียดพวกเขา หากเขาบังคับนางมากเกินไป นางก็อาจจะคลั่งและสังหารเขาเอาได้
“เจ้ารออะไรอยู่ล่ะ? ไปเอาซุบมาให้ข้าชามนึง!”
“นี่นี่ดูน่ากินนะ ให้ข้าลองหน่อย ขอคำเล็กๆสิ”
“โอ้ยนี่พวกเจ้าพยายามจะลวกปากข้าหรอ พวกซุ่มซ่าม…ไม่แปลกเลยที่พวกเจ้าได้เป็นคนใช้เท่านั้น”
“จานนี้รสชาติดีแต่จืดไปหน่อย กลับไปบอกพ่อครัวด้วยนะว่าครั้งหน้าใส่เกลือเพิ่มอีกนิดนึง”
“ป๊าดดดทำไมผักนี่คาวจัง คนในทวีปเฟิ่งหมิงนี่กินอาหารรสชาติแบบนี้หรอ!”
“….”
เจียงอี้กินไปชิมไปบางครั้งเขาก็พูดจาเลอะเทอะออกมา บางครั้งเขาก็คอยติเตียนรสชาติอาหารจนเหล่าองครักษ์ทั้งสองแทบอยากจะร้องไห้
แม่หญิงชิงหยีที่ยืนอยู่ข้างๆมีสีหน้าที่ย่ำแย่มากร่างของนางจะสั่นเป็นครั้งคราวและเกือบจะเป็นลมเพราะความโกรธ นางเคยเห็นคนไร้ยางอาย….แต่ไม่มีใครเป็นเหมือนเจียงอี้เลย
บทที่ 530 ชิงหยี….
หลังจากที่ทานอาหารไปหนึ่งชั่วโมงในที่สุดเจียงอี้ก็ให้องครักษ์ทั้งสองนำถ้วยชามออกไป ส่วนแม่หญิงชิงหยีก็โกรธจนดวงตาของนางแทบจะลุกเป็นไฟ
กลางดึกนางได้ใช้พลังงานไปมากนางจึงอาจไม่รู้สึกหิวถ้าไม่ได้เห็นอาหารมากมายแต่ตอนนี้นางถูกบังคับให้ต้องมองเจียงอี้ดื่มด่ำกับการกินและดื่ม นางจึงต้องหิวขึ้นมาอยู่แล้ว แต่นางจะมีหน้าจากไปตอนนี้ได้ยังไง?
ตอนที่แม่หญิงชิงหยีอยู่กับเจียงอี้นางรู้สึกว่าถูกเขาข่มขู่และทรมานใจมากและนางก็ไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่เคยเจอมา
ทันทีที่เจียงอี้กินอาหารเสร็จแล้วนางก็ตะโกนออกมา“เจ้าสายลับ จะพูดได้หรือยัง? หากเจ้าไม่พูดความจริงออกมา นี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของเจ้า”
“เอร๊อะ!”
เจียงอี้เรอและยิ้มกว้างเขามองไปที่นางและกล่าวว่า “ชิงหยี เจ้าน่ะเป็นสาวเป็นนาง อย่าโหดร้ายนักเลย เจ้างดงามมากและมีท่าทางที่สง่างามเพียงนี้ แต่เจ้าอาจจะหาสามีไม่ได้นะถ้าเจ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป”
เปี๊ยะ!
ชิงหยีทั้งอับอายและโกรธแค้นนางกำลังจะหมดความอดทนแต่เจียงอี้ก็กระแอมออกมาและพูดอย่างตรงไปตรงมา “เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องสำคัญตอนนี้กันเถอะ ชิงหยี ข้าขอบอกเจ้าตรงๆเลยนะว่าข้าเพิ่งจะกลับมาจากทะเลบูรพาเวิ้งว้างและพบข้อมูลบางอย่างที่นั่น ชิงหยี….”
“เดี๋ยว!”
นางพูดโพล่งออกมาและดูโกรธเคืองนางกัดฟันและพูดว่า “เรียกข้าว่าองค์หญิงสิ เจ้ากล้าเรียกชื่อข้าเฉยๆได้ยังไง ข้าจะ….”
เจียงอี้พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและตอบด้วยน้ำเสียงที่ใส่ใจ“ได้ๆ ไม่ต้องโกรธไป มันจะไม่ดีต่อตับและสุขภาพของเจ้าเอานะ ข้าจะเรียกเจ้าว่าองค์หญิงก็ได้ ดีมั้ย?”
นางเริ่มสั่นเทาและหยุดพูดนางกลัวว่าตัวเองจะเสียความควบคุมและสังหารเจียงอี้ไปเสียก่อน นางรู้สึกว่าหากนางอยู่กับเขามากเกินไป นางจะต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ
เจียงอี้ทำสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้งเขารู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาควรหยุดและเขาไม่ได้กลั่นแกล้งนางแบบมั่วๆ จริงๆแล้วเขาคิดมาอย่างรอบคอบทุกประโยคที่เขาพูดออกไป เขาคิดอยู่ในใจหลายครั้งก่อนที่จะพูดมันออกมา
ในตอนนี้เขากำลังไปทีละขั้นทีละตอนเพื่อที่จะทำให้นางโกรธและวิตกมากจนเสียสติและไม่สามารถตัดสินอะไรอย่างมีเหตุมีผลได้อีกต่อไป
เขาไม่สามารถขยับตัวได้หรือใช้วิชาใดๆได้เขาจึงต้องพึ่งปากและสมองของตัวเอง!
เขาเงียบไปก่อนที่จะพูดอีกครั้ง“องค์หญิงชิงหยี ตอนที่ข้ากำลังร่องเรือไปในทะเลบูรพาเวิ้งว้าง ข้าพบสิ่งประหลาดมาก มีปีศาจทะเลมากมายรวมตัวกันและมีจักรพรรดิอสูรอย่างน้อยสามตนและราชันปีศาจอีกมากมายนับร้อยตน หัวหน้าของพวกมันมีชื่อว่าจักรพรรดิอสูรชือ! ทวีปเฟิ่งหมิงกับทะเลบูรพาเวิ้งว้างนี้เป็นศัตรูกันบ้างหรือเปล่า? ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังจะทำให้ทวีปของเจ้าต้องโชกไปด้วยเลือด!”
“….”
นางเงยหน้าอันงดงามขึ้นมาและมีสีหน้าที่เคร่งขรึมสิ่งที่เจียงอี้พูดมานั้นดูท่าจะเป็นความจริง แต่เขากล่าวถึงจักรพรรดิอสูรชือซึ่งทำให้นางเชื่อคำพูดของเขาไปแล้วครึ่งหนึ่ง หัวใจของแม่หญิงชิงหยีได้ตกไปถึงตาตุ่มแล้ว
ใช่แล้ว!
ทวีปเฟิ่งหมิงกับทะเลบูรพาเวิ้งว้างมีความบาดหมางกันแต่ก็ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทะเลทั้งหมดในทะเลบูรพาเวิ้งว้างจะเป็นศัตรูกับพวกนาง มันมีเพียงเผ่าพันธุ์เดียว
ย้อนไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อนเมื่อทวีปเฟิ่งหมิงถูกเผ่าพันธุ์อื่นๆรุกรานซึ่งมันเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษในหมู่ปีศาจทะเล พวกมันคือเผ่าพันธุ์เงือก
เผ่าพันธุ์เงือกนั้นสามารถอาศัยอยู่ในทะเลและพื้นดินได้แม้ว่าทะเลบูรพาเวิ้งว้างจะกว้างใหญ่ แต่เกือบทุกภาคในทะเลนั้นจะถูกครองโดยเผ่าพันธุ์เดียว และปีศาจทะเลก็มักจะต่อสู้เพื่อครองพื้นที่อาศัยในภูมิภาคนี้
เผ่าพันธุ์เงือกนั้นให้กำเนิดเร็วมากเมื่อประชากรของพวกมันเพิ่มขึ้น พวกมันก็ต้องขยายอาณาเขตของตนออกไป ทะเลบูรพาเวิ้งว้างทั้งหมดนั้นถูกแบ่งเขตโดยจักรพรรดิอสูรทั้งหลาย หากพวกมันต้องการจะรุกล้ำดินแดนของผู้อื่น พวกมันก็ต้องต่อสู้กับเผ่าปีศาจอื่นๆด้วย
เรื่องที่เกิดขึ้นคือองค์หญิงแห่งทวีปเฟิ่งหมิงได้สังหารหมู่เหล่าเงือกในทะเลบูรพาเวิ้งว้างเมื่อหลายหมื่นปีก่อนและมีองค์ชายของเผ่าพันธุ์เงือกถูกสังหารไปด้วยดังนั้นเผ่าพันธุ์เงือกจึงโกรธแค้นและตามล่าองค์หญิงผู้นี้มาจนถึงทวีปเฟิ่งหมิง
สงครามหลังจากนั้นเกิดขึ้นมาอย่างมีเหตุมีผลเผ่าพันธุ์เงือกต้องการขยายอาณาเขตและพวกมันเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พวกมันเลยจะเข้ามายังทวีปเฟิ่งหมิง
สงครามนั้นได้เกิดขึ้นเป็นแรมปีและจำนวนประชากรของทวีปเฟิ่งหมิงก็ลดลงไปสองในสามส่วนอย่างรวดเร็วและความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เงือกก็หย่อนลงไปมากเช่นกัน
หลังจากสงครามนั้นผู้หญิงก็ได้กลายเป็นผู้ปกครองทวีปและเผ่าพันธุ์เงือกก็กลับสู่ทะเลเพื่อไปพักฟื้นตัว แต่ความเกลียดชังมันก็เริ่มมาจากตรงนั้น ฉะนั้นทุกๆร้อยปีเมื่อเผ่าพันธุ์เงือกฟื้นกำลังขึ้นมาได้ พวกมันก็จะส่งกองทัพมาโจมตีทวีปเฟิ่งหมิง เป้าหมายที่จะครองทวีปนี้ไม่เคยจางหายไปจากใจพวกมันเลย ในขณะที่พวกมันโจมตีต่อไป พวกมันก็ได้ลดกำลังของทวีปไปเช่นกัน
เป็นเวลาหนึ่งร้อยสามปีแล้วที่กองกำลังเงือกโจมตีครั้งสุดท้ายแต่ทวีปเองก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีจากเผ่าพันธุ์เงือก และหน่วยสอดแนมชั้นยอดของทวีปก็เพิ่งตรวจพบความปั่นป่วนของทะเลทางตะวันออก
แต่อย่างไรก็ตาม!
เจียงอี้บอกว่ามีจักรพรรดิอสูรสามตนและราชันอีกนับร้อยนอกจากนี้เขายังกล่าวถึงจักรพรรดิอสูรชือเป็นพิเศษด้วย? สิ่งเหล่านี้ทำให้นางกลัว หากว่ามันเป็นเรื่องจริง ทวีปเฟิ่งหมิงจะถูกกำจัดไปจากโลกนี้!
“ไม่สิ!”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งนางก็ประหลาดใจอย่างรวดเร็วและพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า“เผ่าพันธุ์ปีศาจในทะเลบูรพาเวิ้งว้างนั้นไม่เป็นมิตรต่อกันมาตลอด แล้วเผ่าพันธุ์อื่นๆจะผนึกกำลังกับเผ่าพันธุ์เงือกได้อย่างไร? นี่เจ้ากำลังโกหกข้าหรือ?”
“ข้าโกหกเจ้าแล้วได้อะไร?ข้าโกหกเจ้าแล้วเจ้าจะปล่อยข้าไปรึไง?”
เจียงอี้หัวเราะและกล่าวว่า“ครั้งหนึ่งข้าเคยสังหารราชันปีศาจใกล้ๆทะเลตะวันตก มันบอกข้าว่าจักรพรรดิอสูรชืออยู่ใกล้ๆพร้อมกับกองทัพของเขาด้วย และเผ่านพันธุ์เงือกก็ได้เกณฑ์พลในตอนที่มันกำลังจะตาย หากข้ากล้าสังหารมัน จักรพรรดิอสูรชือจะไม่มีวันปล่อยให้ข้ารอดไปได้ ดังนั้นข้าจึงมายังทวีปของเจ้าพร้อมกับความหวาดกลัว”
นางเกือบจะหลงคารมของเจียงอี้จนถึงตอนนี้แต่ในตอนนั้นเองนางก็สะดุ้งขึ้นมาและหลังจากสับสนอยู่พักหนึ่ง นางก็ถามด้วยความสับสนว่า “เจ้าเคยเห็นเผ่าพันธุ์เงือกไหม?”
เจียงอี้นั่งโลงศพโบราณข้ามผ่านทะเลมาแล้วเขาจะไปเห็นเผ่าพันธุ์เงือกได้ยังไงกัน? มันเพียงถูกพาดพิงโดยแม่หญิงชิงหยีเมื่อครู่นี้และเขาก็ใช้มันผสมโรงด้วยเฉยๆ
เมื่อมองไปที่แม่หญิงชิงหยีที่สับสนเจียงอี้ก็แอบหัวเราะเยาะนางในใจ แต่เขาก็มีท่าทีจริงจังและพูดว่า “ชิงหยี ทำไมเจ้าถึงยังพูดเรื่อยเปื่อยอยู่ตอนนี้? อย่ามองมาที่ข้าอย่างว่างเปล่าเลยและคิดหาทางให้เร็วเถอะ เจ้าควรจะบอกจักรพรรดินีทันที ไม่เช่นนั้นทุกคนในทวีปเฟิ่งหมิงนี้จะถูกล้างไปหมดได้นะ”
“อื้ม!”
แม่หญิงชิงหยีพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและหันกลับไปและเดินออกไปข้างนอกแต่นางก็ตระหนักถึงบางสิ่งได้หลังจากที่เดินไปเพียงสองก้าว
ทันใดนั้นนางก็มีท่าทางที่ดูดึงดูดมากนางจ้องไปที่เจียงอี้และรู้สึกว่าในใจของนางกำลังสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง สายลับคนนี้ใช้เล่ห์กลอะไรกัน? ทำไมนางถึงทำตามคำสั่งของเขาไปโดยไม่รู้ตัว? ทำไมนางจึงเชื่อในคำพูดของเขาอย่างไม่จบสิ้น
ชายผู้นี้อันตรายเกินไป!ไม่ ข้าต้องฆ่าเขาเดี๋ยวนี้
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในใจชิงหยีแต่นางก็กลัวเจียงอี้เล็กน้อย ใบหน้าที่ยิ้มจางๆของเจียงอี้นั้นคล้ายกับปีศาจในคราบมนุษย์
ฟึ่บ!ฟั่บ!
ในตอนที่ชิงหยีกำลังจะโจมตีจู่ๆก็มีเสียงอากาศแหวกดังมาจากด้านนอก และในไม่ช้าก็มีเสียงตะโกนตามมา “แม่หญิงอยู่ที่ใด? มีบางอย่างผิดปกติ! เผ่าพันธุ์เงือกและกลุ่มเผ่าพันธุ์ปีศาจในทวีปได้ยึดเมืองไปสิบสามเมืองแล้ว จักรพรรดิอสูรชือก็มีด้วยและเขาก็ได้ทำลายเมืองดอกท้อไปภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”
ฟั่บ!
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปและไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเจียงอี้อีกต่อไปนางกลายเป็นเพียงภาพลางๆและรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที
“จักรพรรดิอสูรชือกำลังมาที่นี่จริงๆหรอ?”
ดวงตาของเจียงอี้หดลงนี่เขาเดาถูกจริงๆหรือเนี่ย? จักรพรรดิอสูรชือกำลังโจมตีทวีปนี้พร้อมกับเผ่าพันธุ์เงือกจริงๆ? เขาออกมายังทวีปเฟิ่งหมิงเพราะบุตรชายเขาถูกสังหารหรือเปล่านะ?
“โอกาสดีแล้ว!”
เจียงอี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่ดวงตาเขาจะสว่างขึ้นการที่จักรพรรดิอสูรชือโจมตีทวีปเฟิ่งหมิงนั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่มันเป็นจังหวะที่ดีมากที่เขาจะหลบหนีไปจากที่นี่