เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 531-532
บทที่ 531 ฆ่าเจ้าในฝ่ามือเดียว
ที่จักรพรรดิอสูรชือกำลังบันดาลโทสะลงมาที่ทวีปเฟิ่งหมิงนั่นก็เป็นเพราะว่าเจียงอี้!
บุตรชายเพียงตนเดียวของเขาถูกสังหารไปและหลังจากไล่ล่าเจียงอี้มานาน ในที่สุดเขาก็กำลังจะได้แก้แค้นในทะเลอัสนีได้ แต่สุดท้ายเจียงอี้ก็หายตัวไป จักรพรรดิอสูรชือได้ท่องไปทั่วทะเลอย่างไร้หนทางเป็นเวลาครึ่งเดือนจนความเดือดดาลและความเศร้าโศกของเขาได้เพิ่มขึ้นมาจนถึงขีดสุด
เขาวนเวียนไปรอบๆทางด้านตะวันตกของทวีปเฟิ่งหมิงซึ่งมันเป็นเขตแดนของเผ่าพันธุ์เงือกและแน่นอนว่าพวกเผ่าพันธุ์เงือกก็รู้ถึงการมาของเขาจึงได้ไถ่ถามถึงเรื่องราวต่างๆ และเมื่อพวกเขาพบว่าบุตรชายของจักรพรรดิอสูรชือถูกเจียงอี้สังหาร จักพรรดิแห่งเหล่าเงือกจึงได้วางแผนขึ้นมาทันที เขาส่งคนของตนให้ไปบอกจักรพรรดิอสูรชือว่าพวกเขาเคยเห็นเจียงอี้อยู่บนทวีปเฟิ่งหมิง
เมื่อได้ยินข่าวนั้นจักรพรรดิอสูรชือก็เดือดดาลขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าเจียงอี้กำลังมุ่งหน้าไปยังทวีปเฟิ่งหมิง บางทีเขาอาจจะมีทักษะบางอย่างและซ่อนตัวอยู่ในทวีปนั้นก็ได้ ตัวจักรพรรดิอสูรชือนั้นต้องการที่จะล้างแค้นให้บุตรของเขาเต็มแก่แล้ว เขาจึงรีบไปยังทวีปเฟิ่งหมิงเองโดยที่ยังไม่ได้เรียกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามาด้วย
หลังจากนั้นสิ่งต่างๆก็เกิดขึ้น เผ่าพันธุ์เงือกได้ส่งกองกำลังให้ตามจักรพรรดิอสูรชือไปและพวกเขาก็โจมตีชายฝั่งตะวันตกของทวีปเฟิ่งหมิงด้วยกัน ภายในวันเดียวก็โค่นล้มไปได้สิบสามเมืองแล้วและมีทหารเสียชีวิตไปมากกว่าล้านคน
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์เงือกกับทวีปเฟิ่งหมิงในอดีตนั้นมักจะเริ่มด้วยการต่อสู้เป็นวงแคบๆท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายต่างก็ตระหนักได้ดีว่าทั้งสองฝ่ายไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ หากพวกเขาหลงมัวเมาไปกับการต่อสู้พวกเขาทั้งสองฝ่ายก็จะต้องสูญเสียไปอย่างมาก แต่สงครามที่เกิดขึ้นตลอดก็ได้ทำให้ความเกลียดชังระหว่างทั้งสองนั้นฝังลึกมากขึ้นจนถึงจุดที่ไม่สามารถปรองดองได้อีกต่อไป
แต่คราวนี้สถานการณ์พลิกผันไปหมดเพราะจักรพรรดิอสูรชือหากมีเขาเป็นแนวหน้าแล้วใครจะหยุดเขาได้? แม้แต่แม่หญิงชิงหยีเองก็คงจะถูกสังหารทันที นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญธรรมดาๆ
เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไปทั้งทวีปเฟิ่งหมิงก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย จักรพรรดินีแห่งทวีปเฟิ่งหมิงออกมาจากราชวังอย่างร้อนรนและส่งทูตไปยังทวีปอีกสองทวีปใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
ทั้งสองทวีปนั้นมีขนาดเล็กกว่าทวีปเฟิ่งหมิงมากและเป็นบริวารของทวีปเฟิ่งหมิงมาโดยตลอดผู้ปกครองทั้งสองทวีปนั้นเข้าใจดีว่าหากทวีปเฟิ่งหมิงถูกโค่นลงไป เผ่าพันธุ์เงือกที่ขยายพันธุ์ไวก็จะขยายอาณาเขตไปทางตะวันออกในไม่ช้า และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะถูกโค่นไปเช่นกัน
ทหารของทวีปยังคงพากันไปรวมตัวที่ฝั่งตะวันตกและยอดฝีมือทั้งสิบสี่คนก็นำทัพผู้เชี่ยวชาญของตระกูลตนไปต่อสู้กับปีศาจทะเลทางตะวันตก ในช่วงเวลาสั้นๆ ทางตะวันตกก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสงครามและเขม่าดินปืน
…
แม่หญิงชิงหยีออกไปพร้อมกับกองทัพที่แนวหน้าขณะที่เจียงอี้ยังคงถูกขังอยู่ในคุก
ชิงหยีรีบออกไปและไม่ได้สั่งการใดๆเอาไว้องครักษ์ทั้งสองคนที่คอยดูแลเจียงอี้จึงไม่กล้าละหน้าที่ของพวกนางหรือแม้แต่ขืนใจเจียงอี้ แต่พวกนางก็ได้เห็นแล้วว่าเจียงอี้เป็นคนเช่นไร แต่แม่หญิงชิงหยีก็ยังอดทนกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกนางก็ไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของเจียงอี้เป็นเช่นไรถึงได้ทำให้แม่หญิงชิงหยีกลัวเขาเช่นนี้
แต่อย่างไรก็เถอะ…..
หลังจากที่คอยเฝ้าเจียงอี้เป็นเวลาห้าวันองครักษ์ทั้งสองก็เกือบจะสติหลุด หากเป็นไปตามระเบียบของตระกูลชิง พวกนางอาจจะเฉือนเจียงอี้ทิ้งไปนานแล้ว!
“นี่สาวๆ ไปเอากระโถนมาหน่อย ข้าปวดห้องน้ำ!”
“ยกหม้อขึ้นหน่อยสิแล้ว พวกเจ้ายิ้มกันไม่ได้หรอ? ข้าจะฉี่ออกได้ยังไงเมื่อเห็นหน้าหงิกงอของพวกเจ้าเช่นนี้? หากข้าฉี่ใส่หน้าพวกเจ้ามันก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีกับเราทั้งสองฝ่ายแน่ๆ”
“ข้าหิวแล้วบอกให้คนครัวเตรียมอาหารที ลิ้นมังกรน้ำตาลครั้งก่อนนั้นอร่อยนะ ไปเอามาให้ข้าอีก ไวน์เมื่อวานก็รสชาติใช้ได้….ไปเอามาอีกเหยือก!”
“มันดูน่าเบื่อหน่อยๆที่จะต้องกินแบบนี้หาสาวสวยๆมาเต้นรำให้ข้าดูหน่อยสิ แล้วมีใครเล่นดนตรีได้บ้างไหม? นำพวกนางมาที่นี่ด้วย”
“ไปหาเตาผิงมาหน่อยสิห้องนี้เย็นไปหน่อยนะ จุดเทียนหอมหน่อยก็ดี อากาศในห้องนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่…”
“….”
ในช่วงห้าวันนอกจากที่เขานอนหลับไปเจียงอี้ก็ได้สั่งคำสั่งไปมากกว่าแปดสิบอย่างแล้ว องครักษ์ทั้งสองถูกเขาสั่งราวกับสุนัขและพวกนางยังต้องทนฟังคำบ่นและคำสบประมาทของเขาอีก
นักโทษนั้นแม้ว่าจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดาแต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักโทษอยู่ดี เขาทำตัวเหมือนคนอื่นไม่ได้หรือไง?
หากคนผู้หนึ่งไม่รู้ถึงสถานะของตัวเองคนเหล่านั้นมักจะไม่ได้จบชีวิตด้วยดีนัก
ปัง!
หลังจากที่เจียงอี้บอกให้องครักษ์หญิงคนหนึ่งล้างเท้าให้ในที่สุดนางก็ไม่สามารถระงับความโกรธของนางได้และกระแทกโต๊ะสี่เหลี่ยมข้างๆเจียงอี้ด้วยมือข้างเดียว โต๊ะนั้นแหลกสลายไปในทันใด!
เจียงอี้แสดงสีหน้าที่เยาะเย้ยออกมาเขาหัวเราะเยาะและพูดว่า “นี่นี่ ตอนนี้เจ้าโกรธแล้วหรอ? ข้ากลัวจังเลย! เจ้ากล้าดียังไงที่จะมาทำตัวเย่อหยิ่งด้วยขอบเขตเสินโหยวขั้นแรก? หากเจ้าเก่งจริงก็ลองฆ่าข้าสิ”
องครักษ์หญิงนี้ชื่อว่าชิงเหนี่ยวนางอายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปีและค่อนข้างงดงาม นางเป็นทายาทของตระกูลชิง แม้ว่านางจะไม่ใช่คนสำคัญของตระกูลชิงแต่นางก็ยังคงเป็นสมาชิกตระกูลชิง
ในช่วงห้าวันที่ผ่านมากว่าห้าสิบเมืองในเขตเมืองชิงหยีถูกตีพ่ายไป พลเรือนหลายหมื่นคนก็เสียชีวิตหรือไม่ก็บาดเจ็บ กองทัพตระกูลชิงและผู้เชี่ยวชาญต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลเช่นกัน
ข่าวสารทั้งหลายยังคงถูกส่งกลับมายังเมืองชิงหยีซึ่งมันทำให้เกิดความสลดเป็นอย่างมากต่อลูกหลานตระกูลชิงพวกเขาทั้งโกรธและไม่สบายใจพร้อมทั้งอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย แถมชิงเหนี่ยวและองครักษ์อีกคนก็อารมณ์ไม่ดีมากๆในหลายวันมานี้และยังต้องมาทนทรมานจากเจียงอี้อีก จริงๆมันก็เป็นปาฏิหารย์มากแล้วที่พวกนางไม่เสียสติไป
ชิงเหนี่ยวโกรธมากหลังจากที่ได้ยินเจียงอี้เย้าแหย่นางนางชักดาบออกมาในทันใดและวาดมันไปที่คอของเจียงอี้จนทำให้ผิวหนังที่คอของเจียงอี้ถูกคมดาบบาด เลือดค่อยๆไหลออกมาช้าๆ นางจ้องมองเจียงอี้อย่างเย็นชาและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ?”
ถุ้ย!
เจียงอี้ไม่ได้ตกใจกลัวใดๆแต่เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้นและมองนางอย่างดูถูก “เจ้าเป็นใคร? เป็นแค่ขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งก็กล้าอาละวาดไปทั่ว? หากข้าไม่ถูกมัดเอาไว้แบบนี้ ข้าคงฆ่าเจ้าได้ภายในฝ่ามือเดียวด้วยซ้ำ!”
“เจ้าน่ะหรอ?”
ชิงเหนี่ยวโกรธมากจนนางหัวเราะออกมานางไม่รู้ว่าเจียงอี้นั้นทรงพลังเพราะเจียงอี้ได้ซ่อนกลิ่นอายของเขาก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากนั้นเขาก็ถูกล่ามด้วยโซ่ล่ามวิญญาณและไม่สามารถใช้แก่นพลังของเขาได้ สำหรับชิงเหนี่ยวแล้ว เจียงอี้เป็นเพียงหนุ่มเจ้าสำราญที่มีภูมิหลังอยู่บ้าง
เจียงอี้ก็โกรธเช่นกัน“โถ! เจ้ากล้าหัวเราะเยาะและดูถูกข้าเรอะ! ข้าขอท้าดวลกับเจ้า! เจ้าเชื่อไหมล่ะว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ในคราเดียว?”
“ตามที่เจ้าต้องการ!”
ชิงเหนี่ยววางดาบยาวและตะโกนใส่เจียงอี้“เจ้าน่ะหรอ? ด้วยพลังอันน้อยนิดที่น่าสมเพชของเจ้าน่ะนะ? ฝันที่จะฆ่าข้าด้วยการลงมือเพียงครั้งเดียวอยู่หรอ?”
“นังผู้หญิงแก่น่าเกลียด โง่เง่า! เจ้ากล้าบอกว่าข้าน่าสมเพชหรอ!”
เจียงอี้ยั่วยุนางและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ“ปลดข้าออกซะสิ! ถ้าข้าฆ่าเจ้าภายในฝ่ามือเดียวไม่ได้ ข้าจะคุกเข่าลงไปล้างเท้าให้เจ้าเลย!”
“ถ้าเจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้ในฝ่ามือเดียวเจ้าจะคุกเข่าและล้างเท้าให้ข้า?ดี! ดี! ดีมาก!”
ชิงเหนี่ยวโกรธมากนางจ้องเขม็งไปที่เจียงอี้และไม่สามารถหยุดอาการสั่นเทาได้และดวงตาของนางก็แดงก่ำ ทันใดนั้นแก่นพลังของนางก็กระพริบอยู่บนมือ นางคว้าไปที่โซ่ล่ามวิญญาณ มันดูเหมือนว่านางกำลังจะปลดล็อกโซ่ล่ามวิญญาณและปล่อยให้เจียงอี้มาประลองกับนาง หากนางยังมีชีวิตรอดอยู่ เขาจะต้องคุกเข่าและล้างเท้าให้นาง
เรียบร้อย!
ใบหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความโกรธแต่ภายในใจเขานั้นรู้สึกตื่นเต้นความพยายามในช่วงห้าวันที่ผ่านมาของเขามันมีไว้เพื่อเวลานี้ หากโซ่ล่ามวิญญาณนี่ถูกปลดออกจริงๆ เขาก็จะหนีออกจากที่นี่ได้!
ห้าวันที่ผ่านมานี้เขาต้องทำตัวไร้ยางอายยั่วยุและสั่งองครักษ์ทั้งสองนี่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อทำให้พวกนางโกรธ
เขาได้วิเคราะห์บุคลิกของพวกนางและพบว่าชิงเหนี่ยวนั้นไร้เดียงสากว่าหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจัดการนางง่ายกว่า ดังนั้นเขาจึงรอให้องครักษ์อีกคนออกไปก่อนที่เขาจะทำให้ชิงเหนี่ยวโกรธได้อย่างสมบูรณ์ และตอนนี้ดูเหมือนว่าผลลัพธ์นั้นจะเป็นไปตามคาด
บทที่ 532 ใจตกไปถึงตาตุ่ม
ตึกตัก ตึก ตัก!
ในตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านนอกซึ่งทำให้ชิงเหนี่ยวหยุดการเคลื่อนไหวของนางไปชั่วขณะซึ่งทำให้เจียงอี้โกรธมาก
ใครมารบกวนแผนการของเขาในเวลาแบบนี้กัน?เขาช่างโชคร้ายนัก!
และมันไม่ใช่แค่คนเดียวแต่เป็นกลุ่มทหารในชุดเกราะแม่ทัพหญิงที่อยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดได้เข้าไปข้างใน นางเหลือบมองชิงเหนี่ยวและผงขี้เลื่อยบนพื้นทันทีที่เข้ามา นางขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“เขา…”
ชิงเหนี่ยวกำลังจะอธิบายแต่หญิงผู้นั้นก็โบกมือและตะโกนว่า“นำตัวสายลับนี่ไป จักรพรรดินีต้องการพบเขาที่เมืองชิงเฟิ่ง!”
“อ๊ะ?”
จิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นสะเทือนและเขาก็รู้สึกขมขื่นมากตอนนี้เขาใกล้จะได้ออกไปแล้วแต่ดันมีบางอย่างเกิดขึ้นและเขากำลังจะถูกนำตัวไปหาจักรพรรดินีขอบเขตเทียนจุนแห่งทวีปเฟิ่งหมิงงั้นหรือ? ความพยายามทั้งหมดของเขาในหลายวันที่ผ่านมานั้นสูญเปล่าและหากเขายังรักษาชีวิตของตัวเองในเมืองชิงเฟิ่งได้มันก็คงจะเป็นเรื่องประหลาดแล้ว
องครักษ์หลายคนรีบพุ่งไปและนำโซ่ออกจากกำแพงจากนั้น องครักษ์สองคนก็มาอุ้มเจียงอี้และเดินออกไปข้างนอก
ปัง!
รถม้าบางคันได้จอดอยู่ด้านนอกแล้วพวกนางจึงโยนเจียงอี้เข้าไปในรถม้าอย่างหยาบคาย มีหนึ่งคนที่อยู่กับเขา ส่วนอีกคนก็เป็นคนควบม้าและในไม่ช้ามันก็บินลอยขึ้นไปบนฟ้าและตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที
“ข้าคิดว่าจักรพรรดินีจะทำให้เขาเป็นทาสวิญญาณความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวเกินไปและข้าก็กลัวว่าคนอื่นๆจะปรับแต่งเขาไม่ได้”
คำพูดของแม่หญิงชิงหยีสะท้อนอยู่ในใจเจียงอี้อีกครั้งจนทำให้เจียงอี้ขนลุกซู่
ปีศาจทะเลก่อจลาจลแล้วและทวีปเฟิ่งหมิงกำลังอยู่ในระหว่างสงครามครั้งใหญ่และต้องการผู้เชี่ยวชาญเพื่อสู้กับพวกมันจักรพรรดินีออกมาในตอนนี้และจงใจให้นำตัวเจียงอี้ไปหานาง นางอยากจะทำให้เขากลายเป็นทาสวิญญาณและให้เขาช่วยสังหารปีศาจทะเลหรือเปล่านะ? เขายังไม่รู้หรอกว่าทาสวิญญาณคืออะไรแต่มันก็คงจะเหมือนๆกับผนึกแห่งดวงจิต แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เขาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดอยู่ดี
กลายเป็นหุ่นเชิด?
มันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตายอีกเจียงอี้บ่นอยู่ในใจและไม่สามารถหยุดสาปแช่งได้เลย ตอนนี้เขาใกล้จะหนีออกไปได้แล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น! เฮ้อออ โชคช่างไม่เข้าข้างเขาเสียเลย
จักรพรรดินีแห่งทวีปเฟิ่งหมิงเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน….และเป็นผู้ที่ไม่ใคร่ในตัวผู้ชาย!
เขากำลังระดมความคิดเกี่ยวกับทางแก้อยู่แต่ปัญหาก็คือเขาถูกโซ่ล่ามวิญญาณมัดเอาไว้และคนที่คอยดูเขาอยู่ก็ดูท่าจะมีประสบการณ์มามากและไม่มีทางที่เขาจะหลอกนางได้ เขาก็เลยไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากนั่งเงียบๆและรอเฉยๆ
รถม้าบินไปทั่วท้องฟ้าและกระพือปีกอยู่กลางอากาศสัตว์วิญญาณกระพือปีกได้เอง ดวงตาของมันช่างว่างเปล่าและสับสน ลมที่รุนแรงได้ทำให้เจียงอี้หรี่ตาลงและเหล่มองไปเห็นสัตว์วิญญาณด้านหน้าเหมือนว่าจะเห็นอนาคตของตัวเอง
…
เมืองชิงเฟิ่งอยู่ห่างจากเมืองชิงหยีเพียงครึ่งวันและเป็นเมืองโบราณที่ยิ่งใหญ่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าเมืองชิงหยี มันเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเขตแดนนั้นและเป็นแนวด่านป้องกันด่านสุดท้ายทางตะวันตกของเขตแดนชิงหยี หากเมืองชิงเฟิ่งถูกยึดครอง เมืองชิงหยีก็จะเป็นเมืองต่อไปและเขตชิงหยีทั้งหมดจะตกอยู่ในกำมือของศัตรู
เกราะป้องกันรอบเมืองชิงเฟิ่งไม่ได้เปิดทำงานแต่ก็มีทหารจำนวนมากมาปกป้องกำแพงเมืองและพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ บรรยากาศในเวลานั้นทั้งหนาวเย็นและไม่มีชีวิตชีวาและปกคลุมไปทั่วเมืองชิงเฟิ่ง
กองทัพของเผ่าพันธุ์เงือกไม่ได้เดินทัพไปยังเมืองชิงเฟิ่งมันมีเมืองเล็กๆมากกว่าร้อยเมืองอยู่ทางตะวันตกของเมืองชิงเฟิ่ง และเมืองมากกว่าครึ่งหนึ่งได้สูญสลายไปแล้ว เดิมทีเผ่าพันธุ์เงือกนั้นมุ่งตรงไปยังเมืองชิงเฟิ่ง แต่พวกมันก็ตัดสินใจที่จะข้ามมันไปหลังจากที่จักรพรรดินีมาที่นี่ จักรพรรดิอสูรชือผู้ที่คอยต่อสู้กับกองกำลังมาโดยตลอดก็หยุดลงเช่นกัน
ฟึ่บ!
รถม้าบินหลายคันตัดผ่านท้องฟ้าไปผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังที่อยู่บนกำแพงเมืองก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศทันที นางปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าไปหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาอยู่ข้างเดียวกัน
มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังเยอะอะไรเช่นนี้?
เจียงอี้เหลือบมองไปและดวงตาของเขาก็มืดหม่นลงมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวนับหมื่น, ทหารนับล้าน และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังหลายสิบคน
รถม้าบินได้หยุดอยู่ที่จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองเจียงอี้ก็เดินตามองครักษ์สองคนไปยังปราสาทสูงตระหง่านทางตอนเหนือของเมือง
“นั่นใครน่ะ?”
ปราสาทนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยองครักษ์และหนึ่งในนั้นก็ตะโกนถามออกมาแต่ไกล ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดจึงหยิบป้ายคำสั่งออกมาให้พวกนางดูและตะโกนว่า “ข้าอยู่ใต้บัญชาการของแม่หญิงชิงหยี ข้าได้รับคำสั่งให้พาคนคนหนึ่งไปพบจักรพรรดินี”
ป้ายคำสั่งนั้นเป็นของจริงองครักษ์จึงปล่อยให้พวกเขาผ่านเข้าไป ทั้งจักรพรรดินีและแม่หญิงชิงหยีต่างก็อยู่ในปราสาททั้งคู่ หากเป็นสายลับธรรมดา เขาก็คงกำลังเดินเข้าไปสู่ความตาย
ระหว่างทางนั้นก็มีด่านมากมายและในที่สุดพวกเขาก็เข้าไปถึงห้องโถงกลางผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดยืนอยู่ด้านนอกประตูและตะโกนว่า “แม่หญิงเจ้าคะ สายลับอยู่ที่นี่แล้วเจ้าค่ะ”
“เข้ามา!”
เสียงอันอ่อนโยนของนางดังมาจากข้างในส่วนเจียงอี้เองก็หายใจเข้าลึกๆและรวบรวมสติกลับมา เขาจะตายหรือว่ามีชีวิตรอดมันก็ขึ้นอยู่กับเวลานี้เท่านั้น
องครักษ์ทั้งสองนำตัวเจียงอี้เข้าไปข้างในมันเป็นห้องโถงกลางขนาดใหญ่แต่ไม่มีสิ่งใดและผู้ใดอยู่ข้างในนั้น ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเองก็ไม่ได้หยุดอยู่ข้างนอกและเดินตรงไปในห้องโถงเล็กๆด้านข้างและนำทางองครักษ์ทั้งสองไป
เมื่อเจียงอี้เข้ามาถึงโถงเล็กๆเขาก็มองไปรอบๆและทันทีที่เห็นแม่หญิงชิงหยี เขาก็มองไปที่คนข้างๆนางอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้เจียงอี้แปลกใจ เพราะมันคือคนที่นอนกับนางบนเตียงใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน
“จักรพรรดินีเฟิ่งหมิง!”
สายตาของเขายังคงเลื่อนต่อไปและเขาก็เห็นหญิงสาวในชุดดำเพียงแค่มองก็มั่นใจได้เลยว่านางคือผู้ปกครองทวีปเฟิ่งหมิงนี้!
มันเป็นเพราะว่าแม่หญิงชิงหยีและผู้หญิงอีกคนกำลังยืนอยู่ขณะที่นางกำลังนั่งอยู่เขาจึงมองไม่เห็นใบหน้านางเต็มๆได้
นี่เป็นหญิงที่อายุน้อยมากเสื้อผ้าสีดำของนางถูกสร้างขึ้นมาอย่าประณีตและแสดงส่วนเว้าของนางอย่างเต็มที่ นางนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆแต่นางทำให้คนอื่นรู้สึกราวกับว่านางเป็นศูนย์กลางของจักรวาล….ราวกับว่านางได้ซึมซับแสงทั้งหมดรอบตัวนางเอาไว้ แม้ว่านางจะไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมา แต่เจียงอี้และคนข้างๆนางก็รู้สึกแทบใจหายใจไม่ออก
สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือนางไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าเลยแต่เจียงอี้ก็ยังมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัดมีเพียงสิ่งเดียวที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือดวงตาที่ลึกลับและมืดมนเท่านั้น
นี่มันเป็นวิชาเวทย์อะไรกัน?มันสุดยอดมาก! หรือมันจะเป็นพลังของขอบเขตเทียนจุน?
เจียงอี้แอบรู้สึกประหลาดใจแม้ว่าเขาจะพบจักรพรรดินีสัตว์อสูรหลายต่อหลายครั้งและถูกจักรพรรดิอสูรชือตามล่าและยังถูกจีทิงยวี่ที่ก้าวข้ามไปสู่ขอบเขตเทียนจุนตรึงเอาไว้โดยใช้ค่ายกลสวรรค์ลิขิต แต่นี่เป็นครั้งแรกของเขาเลยที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนที่เป็นมนุษย์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้
ปึง!
องครักษ์ทั้งสองคนที่จับเจียงอี้เอาไว้ได้ปล่อยให้เขาล้มลงไปกับพื้นและคำนับคนอื่นๆก่อนที่จะออกไปในขณะที่ร่างของเจียงอี้ถูกมัดเอาไว้ เขาจึงต้องนอนตะแคงข้างอยู่บนพื้น เขานิ่งเงียบและมองเข้าไปในดวงตาของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแห่งเฟิ่งหมิง
“เขามีอะไรบางอย่างประหลาดพิกลจริงๆ!”
จักรพรรดินีสำรวจเจียงอี้อยู่สักพักก่อนที่นางจะพูดออกมาเบาๆนางมีเสียงที่มีเสน่ห์เย้ายวนซึ่งมันไม่ได้เร็วเกินไปหรือช้าเกินไปและฟังแล้วรื่นหูนัก แม้แต่เจียงอี้เองก็ต้องยอมรับว่านางมีความพิเศษจริงๆ
แม่หญิงชิงหยีมองจักรพรรดินีด้วยความรักนางยิ้มอย่างงดงามและพูดว่า “จักรพรรดินี ท่านต้องการทำให้เขาเป็นทาสวิญญาณหรือไม่เพคะ? สายลับผู้นี้มีความแข็งแกร่งและเขาสามารถสังหารเผ่าพันธุ์เงือกให้พวกเราได้”
จักรพรรดินีไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีกส่วนแม่หญิงชิงหยีกับผู้หญิงอีกคนก็ไม่กล้าจะทำลายความเงียบนี้ ส่วนเจียงอี้ก็รู้สึกกงัวลใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางออกที่ดีและต้องรอให้จักรพรรดินีตัดสินใจ
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าและทำให้ใจของเจียงอี้ค่อยๆตกลงไปถึงตาตุ่มจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าวิธีที่จักรพรรดินีมองมาที่เขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยซึ่งมันเหมือนกับเด็กที่เห็นของเล่นใหม่
“เอางั้นก็ได้!”
ทันใดนั้นจักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิงก็ลุกขึ้นยืนนางยกมือขึ้นและพูดว่า “ชิงหยี ส่งคำสั่งข้าลงไป ให้องครักษ์ทั้งหมดคอยคุ้มกันเมือง และพวกเจ้าทั้งสองจะเป็นผู้คุ้มกันให้ข้า ข้าจะใช้พลังวิญญาณปรับแต่งเด็กนี่!”
ข้าจบเห่แล้ว!
หัวใจของเจียงอี้เต้นอย่างแรงราวกับว่าเขาพุ่งเข้าไปในห้องน้ำแข็งใต้ดินใจของเขาตกไปถึงตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว