เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 535-536
บทที่ 535 ชิงหยีน้อย
ทุกอย่างมันจบแล้ว….
จิตวิญญาณของชิงหยีสั่นไหวในตอนที่เจียงอี้ลืมตาขึ้นมานางมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทุกอย่างมันได้จบสิ้นแล้ว นางจบสิ้นแล้ว จักรพรรดินีและทั้งทวีปเฟิ่งหมิงก็จบสิ้นแล้วเช่นกัน
มันน่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับจักรพรรดินีที่จะทำให้เจียงอี้กลายเป็นทาสวิญญาณของนางแต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขนาดตอนที่นางเข้าใกล้จักรพรรดินี นางก็ยังสัมผัสถึงความรู้สึกสิ้นหวังได้อย่างชัดเจน!
ตอนนี้เจียงอี้ตื่นขึ้นมาแล้วและดูผ่อนคลาย ดวงตาของเขาทำให้นางรู้สึกว่าโลกทั้งใบอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
นางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นนางรู้สึกเพียงว่ามันจบสิ้นแล้ว
เมื่อนางยังไม่พังทลายไปและกริชในมือของนางก็อยู่ใกล้กับเจียงอี้มากแล้วนางจะยอมแพ้ได้อย่างไร? แสงวูบผ่านดวงตาของนางและนางก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “ตาย! ตายซะ! ไอ้สารเลว ตายยย!”
ฟึ่บ!
เจียงอี้ไม่หลบหลีกไปไหนและไม่มีอาการตื่นตระหนกเลยแต่จักรพรรดินีที่อยู่ข้างๆเขากลับขยับตัว นางสะบัดมือเบาๆซึ่งก่อนหน้านี้มันอยู่บนหัวของเจียงอี้ ก่อนที่ชิงหยีจะทันได้ตอบสนอง นางก็ฟาดฝ่ามือไปที่หน้าอกของชิงหยีแล้ว
ปัง!
ปรมาจารย์ที่แท้จริงของขอบเขตเทียนจุนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด!แม้ว่าจักรพรรดินีจะไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดของนาง แต่แม่หญิงชิงหยีก็ถูกส่งปลิวออกไปราวกับกระสอบ เสื้อคลุมของนางฉีกขาดออกมากลางอากาศและเผยหน้าอกสีขาวราวหิมะของนางออกมา ระหว่างเนินอกทั้งสองลูกนั้นสามารถเห็นรอยฝ่ามือที่ชัดเจนสลักเข้าไปยังตัวนาง
แม่หญิงชิงหยีปลิวออกไปและชนเข้ากับกำแพงราชวังอย่างหนักทำให้อาคมยับยั้งบนกำแพงส่องแสงอย่างต่อเนื่องหากไม่ได้เปิดอาคมยับยั้งเอาไว้ ผนังก็อาจระเบิดออกไปแล้ว
“อั๊ก!”
แม่หญิงชิงหยีพยายามที่จะลุกขึ้นนางใช้มือข้างหนึ่งพยุงตัวเพื่อคุกเข่าขึ้นมา นางกระอักเลือดออกมาเต็มปากและจ้องไปที่จักรพรรดินีด้วยความไม่เชื่อ
จักรพรรดินีโจมตีนางหรือ?นี่นางยังเป็นคนที่จักรพรรดินีโปรดปรานอยู่หรือเปล่า? นางยังเป็นคนรักที่รักกันมาสิบปีอยู่หรือไม่? นางยังเป็นที่รักที่ร่วมหลับนอนกันเมื่อคืนหรือเปล่า?
นางจับจ้องไปยังจักรพรรดินีเสื้อผ้าที่คลุมนางไว้ต่างขาดวิ่นซึ่งทำให้เจียงอี้เห็นเนินอกของนาง แต่นางก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย กระดูกไหปลาร้าของนางร้าว ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่สามารถฉีกหัวใจของนางออกจากกันได้แผ่กระจายไปทั่วร่างของนาง แต่นางกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ในตอนนี้นางได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่แตกออกเป็นล้านๆชิ้น ใบหน้าของนางไม่มีอะไรเลยนอกจากความสิ้นหวัง
เมื่อสิบปีที่แล้วจักรพรรดินียังไม่ได้เป็นจักรพรรดินีและนางยังไม่ได้เป็นแม่หญิงชิงหยี ทั้งสองพบกันครั้งแรกในป่าเมเปิ้ล ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาทั้งสองคนที่ต่างไม่ชอบพอผู้ชายและเกลียดผู้ชายจากก้นบึ้งของหัวใจ พวกนางทั้งสองได้สบตากันและทั้งคู่ก็มีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนผู้ใด ทั้งสองเป็นสาวงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม และเป็นไปตามคาด พวกนางทั้งสองได้กลายเป็นทั้งสหายสนิทและคู่รักที่หวานชื่น!
ในทวีปเฟิ่งหมิงนี้ผู้หญิงมีตำแหน่งสูงกว่าผู้ชายที่เป็นได้แค่สิ่งของและทาสของผู้หญิง
ผู้หญิงหลายคนดูถูกผู้ชายและมันได้ส่งผลให้ผู้หญิงหลายคนที่นี่เปลี่ยนรสนิยมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความรักระหว่างผู้หญิงไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย!
แต่อย่างไรก็ตามคนเราก็ต้องสืบพันธุ์ อารยธรรมของพวกนางจะต้องถูกส่งต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานและผู้อาวุโสมากมายในตระกูลชิงมักจะแนะนำชายหนุ่มที่ดูดีให้แก่ชิงหยี แต่ชิงหยีก็ทำให้พวกเขาผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะหัวใจของนางได้ผูกพันธ์กับใครบางคนไปแล้ว นางหลงรักจักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิง!
ในวันนี้หญิงที่นางรักมากที่สุด…ได้โจมตีนาง ใครๆก็คงนึกภาพออกว่าในตอนนี้หัวใจของนางนั้นหมดหวังและเจ็บปวดเพียงใด!
“ชิงหยีอย่าโทษข้าเลย!”
เศษเสี้ยวแห่งความสิ้นหวังก็เกิดขึ้นในดวงตาของจักรพรรดินีเช่นกันหลังจากนั้นนางก็หันไปหาเจียงอี้ ดวงตาของนางนั้นแน่วแน่และพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ผู้ใดก็ตามที่กล้าทำร้ายนายท่านจะต้องตาย!”
ตูมม!
จิตวิญญาณของชิงหยีสั่นสะท้านอีกครั้งร่างกายของนางอ่อนยวบลง ร่างกายอันบอบบางของนางยังคงสั่นเทาและนางก็ร้องไห้ออกมาราวกับลูกสุนัขที่น่าสงสารที่ถูกเจ้านายทอดทิ้ง
“นายท่านนายท่าน นายท่าน…..”
นางพึมพำและน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าไปหมดสิ่งที่นางกังวลมากที่สุดได้เกิดขึ้นจนได้ จักรพรรดินีที่พยายามจะปรับแต่งเจียงอี้ได้ถูกเจียงอี้ปรับแต่งแทน!
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้กระตุกปากและยิ้มออกมาเขาใช้มือข้างหนึ่งกวาดไปทั่วใบหน้าอันงดงามของจักรพรรดินีก่อนที่จะพยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “ดีมากเฟิ่งเอ๋อร์ ดีมาก!”
“ฮูฮู่วว!”
เมื่อเห็นจักรพรรดินีที่เชื่อฟังและชิงหยีที่กำลังคร่ำครวญอยู่ที่พื้นเจียงอี้ก็หายใจลึกๆและรู้สึกราวกับว่ามันเป็นความฝัน
สุดท้ายอักขระสีดำก็เปลี่ยนสถานการณ์จริงๆหรอเนี่ย?
เมื่อจักรพรรดินีกำลังจะปรับแต่งให้เขาเป็นทาสวิญญาณดวงจิตวิญญาณของเขาก็ตื่นขึ้นมา ในขณะนั้นเองเขาก็สิ้นหวังเช่นกัน ความเชื่อมั่นในจิตใจของเขาบังคับให้เขาไม่ยอมแพ้ เขายอมตายดีกว่าที่จะกลายเป็นทาส
จักรพรรดินีเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดปรับแต่งเขานางกำลังจะสลายดวงจิตวิญญาณของเขาด้วยพลังวิญญาณของนางและทำให้เขากลายเป็นซากศพเดินได้
แต่ในช่วงสุดท้าย…!
อักขระสีดำและวิชาศาสตร์นิรนามที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาของเขากลับเคลื่อนไหวเมื่อย้อนไปในตอนนั้น กลิ่นอายที่ทรงพลังของอักขระสีดำเหล่านั้นก็ยังคงทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นไหวได้ในตอนนี้ กลิ่นอายนั้นศักดิ์สิทธิ์มากและสามารถปราบปรามวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดในพิภพนี้ได้ มันมีพลังมากจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
จิตวิญญาณของจักรพรรดินีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด!
แต่ภายใต้การโจมตีของอักขระสีดำจิตวิญญาณของนางก็ยังไม่สามารถต้านทานมันได้ อักขระสีดำนั้นแล่นออกมาและปรับแต่งตราวิญญาณของจักรพรรดินีได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น…นางจึงกลายมาเป็นทาสวิญญาณของเขาแทน
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุน!
เขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนเป็นทาสของเขา!
ในตอนแรกเขาอยู่ที่ขอบหน้าผาที่กำลังจะสูญสิ้นชีวิตของเขาไปแล้ว แต่ในพริบตาเดียวสถานการณ์ก็พลิกผันไปอย่างสมบูรณ์ แม้แต่เจียงอี้เองก็พบว่ามันยากที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้
การควบคุมจักรพรรดินีได้นั่นก็หมายความว่าเจียงอี้ควบคุมทั้งทวีปเฟิ่งหมิงไม่ว่าจะเป็นขอบเขตจินกังขั้นที่ห้า, ขอบเขตจินกังนับร้อย, ทหารหลายสิบล้านและพลเมืองนับร้อยล้านคน
ครั้งหนึ่งที่เจียงอี้ยังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปเทียนชิงเขาไม่ได้มีความสุขเท่ากับตอนนี้เลย เมื่อมองไปที่จักรพรรดินีที่น่ารัก ความรู้สึกภาคภูมิใจในใจเขาก็เพิ่มขึ้น
ฟู่!
เขาหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะหันไปหาชิงหยีที่ยังคงอยู่ที่พื้นเขาพูดออกมาว่า “ชิงหยีน้อย เอาไข่มุกและแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณของข้าคืนมา แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่”
ชิงหยีที่ตอนนี้อยู่ในความสิ้นหวังหลังจากที่นางได้ยินคำพูดของเจียงอี้ ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขาด้วยสายตาชั่วร้าย นางกัดฟันและพูดว่า “เจ้าปีศาจ ปล่อยจักรพรรดินีเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะทำลายสมบัติทั้งหมดของเจ้าซะ!”
บรึฟ!
ในขณะที่นางพูดแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณก็เปล่งประกายขึ้นบนมือของนางและไข่มุกวิญญาณเพลิงของเจียงอี้และแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้น แก่นพลังไหลเวียนไปรอบฝ่ามือของนางและนางพร้อมที่จะบดขยี้ไข่มุกวิญญาณเพลิง เจียงอี้ยังไม่ตายและไข่มุกวิญญาณเพลิงก็เป็นสมบัติของเขาอยู่แล้ว ชิงหยีใช้เวลาเกือบเดือนที่จะขัดเกลาไข่มุกวิญญาณเพลิงอีกครั้ง แต่ปีศาจทะเลก็ออกอาละวาดซึ่งทำให้นางไม่มีเวลาได้ขัดเกลามันเช่นกัน
“ชิงหยีน้อยเจ้าก็ยังน่ารักเหมือนเคย…..”
ดวงตาของเจียงอี้เปล่งประกายและเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดกลิ่นอายสังหารที่ทรงพลังท่วมท้นไปทั่วทั้งโถงราชวัง เขากลายเป็นภาพเลือนลางและจับไปที่มือของชิงหยีได้อย่างง่ายดายและหยิบแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณและไข่มุกวิญญาณเพลิงกลับคืนมา
เขามองไปที่ชิงหยีที่หวาดกลัวและไม่สามารถขยับตัวได้เพราะเจตจำนงสังหารเขามองไปที่หน้าอกอันบอบบางของนางและรอยยิ้มที่ชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจียงอี้
เขาย่อตัวลงไปและจ้องไปที่หน้าของชิงหยีใกล้ๆพร้อมกับหัวเราะเบาๆและพูดว่า“ชิงหยีน้อย ในตอนนั้นที่เจ้าทำให้ข้าอับอาย ข้าแอบสาบานอยู่ในใจว่าหากวันหนึ่งเจ้าตกอยู่ในกำมือข้า ข้าจะทำให้เจ้าอับอายเช่นกัน ไหนเจ้าบอกข้าหน่อยสิ้….ว่าตอนนี้ข้าควรจะเล่นกับเจ้ายังไงดี?”
บทที่ 536 ทิ้งศพไว้
หยาบคายนัก!
ไม่จำเป็นต้องนึกถึงสีหน้าของชิงหยีเลยนางเกลียดผู้ชายมาตั้งแต่ยังเด็กและดูหมิ่นพวกเขา และตอนนี้นางกำลังจะถูกหนึ่งในนั้นทำเรื่องต่ำทราม? มันจินตนาการได้เลยว่านางนั้นโศกเศร้ามากเพียงใด
จักรพรรดินีผู้ที่นางรักมากที่สุดก็ถูกเจียงอี้ทำให้กลายเป็นทาสวิญญาณของเขา ตอนนี้ชิงหยีรู้สึกราวกับว่านางแทบจะขาดใจตายและเจียงอี้ผู้นี้ยังต้องการที่จะเหยียบย่ำนางอีก นางยอมตายเสียดีกว่า
แต่มันก็เท่านั้น….
นางถูกตรึงไว้โดยเจตจำนงสังหารและไม่สามารถแม้แต่จะขยับได้เลยแล้วนางจะฆ่าตัวตายได้อย่างไรกัน?
แคว่ก!
เสื้อผ้าของนางที่แต่เดิมฉีกขาดอยู่แล้วก็ได้ฉีกขาดอย่างสมบูรณ์เนื้อหนังของนางถูกเปิดเผยออกมาและเจียงอี้ก็มองไปตรงจุดนั้นด้วยดวงตาอันแหลมคม เขากวาดสายตาไปที่ใบหน้าของนางเป็นครั้งคราวซึ่งทำให้ชิงหยีรู้สึกอับอายมากจนนางรู้สึกจะขาดใจตายไปด้วยความเศร้าโศก
“ชิงหยีน้อยร่างกายเจ้าน่าทะนุถนอมนัก เจ้ามีผิวที่เนียนขาวราวกับหยกและมีใบหน้าที่น่ารัก ข้าว่ามันน่าเสียดายนะที่เจ้าหลงใหลในตัวผู้หญิง เสียของชะมัด! ข้าจะบอกเจ้าไว้เลยนะ ไม่ว่าของปลอมจะดีขนาดไหน….แต่มันก็ยังปลอมอยู่ดี หากเจ้าได้ลิ้มรสของจริงเข้าล่ะก็….ความรู้สึกที่สุดยอดนั้นจะกัดกินวิญญาณของเจ้า….”
สิ่งที่เจียงอี้พูดออกมาทำให้ชิงหยีอับอายมากยิ่งขึ้นดวงตาของนางพร้อมที่จะตายขณะที่นางหมุนเวียนแก่นแท้พลังในตันเทียนออกมาอย่างทุลักทุเล นางพร้อมที่จะระเบิดตัวเองมากกว่าที่จะปล่อยให้เจียงอี้ย่ำยีนาง
“ชิงหยีไม่นะ!”
เมื่อจักรพรรดินีสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในตันเทียนของชิงหยีนางก็อุทานออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้นางเป็นทาสของเจียงอี้และเพียงแค่ไม่สามารถต่อต้านคำสั่งของเจียงอี้ได้ แต่นอกนั้นนางก็ไม่ได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ความรู้สึกที่นางมีต่อชิงหยียังคงอยู่ เมื่อเจียงอี้ทำร้ายชิงหยี นางก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย แต่ตอนนี้ชิงหยีกำลังจะตาย นางจึงไม่สามารถนิ่งดูดายได้ไอรีนโนเวล
ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าไปกว่าความสิ้นหวังแม้แต่ความตายก็ยังคงเป็นรองมัน!
เจียงอี้ไม่ได้พยายามหยุดชิงหยีแม้ว่าเขาต้องการจะช่วยนาง แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เขาไม่ได้ย้ายร่างฉับพลันเพื่อที่จะหลบเลี่ยงอันตรายเช่นกันแต่เขากลับมองไปที่ชิงหยีด้วยความชื่นชมและตะโกนออกมาว่า “ชิงหยี! ถ้าเจ้าอยากตายนักก็จงกลับไปยังเมืองชิงหยีของเจ้าและตายที่นั่น ทัพปีศาจทะเลกำลังจับตามองที่นี่อยู่ แม้ว่าเจ้าจะระเบิดตัวเองเจ้าก็ไม่สามารถสังหารข้าได้อยู่ดี แต่การป้องกันของราชวังก็จะล่มสลายไป และเมื่อเป็นเช่นนั้น ทหารในเมืองก็จะปั่นป่วนและเจ้าก็คือสาเหตุที่ทำให้คนของเจ้าทั้งหมดต้องตาย…”
“อ๊ะ?”
ร่างกายของชิงหยีสั่นสะท้านขณะที่ดวงตาของนางเปล่งประกายไปด้วยความหวาดกลัวนางหยุดระเบิดตัวเองและมีสีหน้าที่สยดสยองมากขึ้น นางกำลังร้องขอชีวิตและความตายอย่างแท้จริงแต่ก็จะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้!
เจียงอี้ถอยกลับไปสองก้าวและถอนเจตจำนงสังหารเขาเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากตาย เจ้าก็ไสหัวไปในที่ที่เจ้าจะสังหารตัวเองได้ แล้วอย่าพูดว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าล่ะ”
ชิงหยีตกใจมากนี่เจียงอี้ปล่อยนางไปจริงๆ?
ดวงตาของนางเป็นประกายขณะที่นางลุกขึ้นตราบใดที่นางสามารถหนีไปได้ นางก็จะสามารถรวบรวมยอดฝีมือมาสังหารเจียงอี้ได้ แต่เมื่อนางกวาดสายตาไปที่จักรพรรดินี ซึ่งมันก็ทำให้ดวงตาของนางหดลง หากเจียงอี้ต้องตาย จักรพรรดินีก็จะต้องตายไปพร้อมกับเขาเช่นกัน และเมื่อจักรพรรดินีตาย ทวีปนี้ก็จะจบเห่
ชิงหยียืนอยู่ที่เดิมขณะที่น้ำตาคลออยู่ในดวงตาของนางนางลืมไปแล้วว่าเสื้อผ้าด้านหน้าของนางถูกเจียงอี้ฉีกออกไปแล้วและเหลือผ้าเพียงไม่กี่ชิ้นที่ปิดร่างนางเอาไว้
พรึ่บ!
ทันใดนั้น
นางก็คุกเข่าทั้งสองข้างลงและก้มคำนับเจียงอี้ด้วยสีหน้าอ้อนวอนนางคำนับเขาสามครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ท่านใต้เท้า ได้โปรดปล่อยจักรพรรดินีไปเถอะ ชิงหยียินดีที่จะมอบผนึกแห่งดวงจิตและเป็นทาสของท่านและรับฟังคำสั่งของท่านไปชั่วชีวิตข้า!”
“…”
เจียงอี้ตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ยังคงไร้อารมณ์และมองชิงหยีอย่างไม่แยแสนางเป็นคนที่น่ารักจริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะยอมทิ้งจักรพรรดินีขอบเขตเทียนจุน….เพื่อมาแลกกับทาสขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดหรอก
แต่เจียงอี้ก็เลื่อมใสในความรักและความภักดีของชิงหยีมากขึ้นมนุษย์ทุกคนนั้นเห็นแก่ตัวและหากผู้ใดเต็มใจที่จะสละชีวิตเพื่อแลกกับความสุขของอีกคน มันก็คือรักแท้อย่างแน่นอน!
“ชิงหยี…”
จักรพรรดินีถอนหายใจเบาๆขณะที่น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มอย่างเงียบงันจิตใจของนางตกอยู่ในความสับสนและไร้หนทางอย่างสิ้นเชิง นางอาจจะได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดินี แต่นางก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่มีอายุราวๆยี่สิบปี อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่ชายชราที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากมาตลอดชีวิตก็คงจนปัญญาเหมือนกันใช่ไหม?
เจียงอี้เงียบไปเขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่เด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นของชิงหยี หากเขาไม่สัญญากับนาง นางอาจจะฆ่าตัวตายได้ นางนั้นเป็นคนที่ดูอ่อนโยนแล้วก็เป็นผู้หญิงที่มุ่งมั่น
หลังจากนั้นไม่นาน…
ดวงตาของเจียงอี้เป็นประกายขณะที่เขาพูดออกมา“ชิงหยี ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสองทาง!”
“หืม?”
ชิงหยีเงยหน้าขึ้นขณะที่ดวงตาอันงดงามของนางกระพริบเบาๆนางพูดออกมาว่า “โปรดบอกมาเถอะ ท่านใต้เท้า ตราบใดที่ท่านปล่อยจักรพรรดินีไป ชิงหยีจะยอมทำทุกอย่างเลย”
“ไร้เดียงสานัก!”
เจียงอี้ตะคอกและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“เจ้าคิดว่าข้าโง่เง่าหรอ? มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ข้าจะปล่อยเฟิ่งเอ๋อร์ไป แต่ข้าให้สัญญากับเจ้าได้ ตราบใดที่พวกเจ้าเป็นทาสข้าสิบปี ข้าจะคืนอิสรภาพให้พวกเจ้าแน่นอน! แต่หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น เจ้าก็ฆ่าตัวตายไปซะ!”
เจียงอี้ไม่เคยมีเมตตาหากไม่ใช่เพราะความรักและความภักดีของชิงหยี เขาก็คงจะไม่เสียแรงพูดอะไรออกมาเลย และหากเขาปล่อยจักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิงไป เขาก็คงจะเป็นคนที่โง่งมอย่างแน่นอน
หลังจากที่มีนักสู้ที่น่าเกรงขามสองคนสิบปีก็คงจะเกินพอแล้ว หากเขาไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตเทียนจุนได้ภายในสิบปี เขาอาจจะตายไปหรือไม่ก็ไปยังเกาะเล็กๆบนทวีปเทียนชิงและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นั่น
“หน้าด้าน!”
เห็นได้ชัดว่าชิงหยีเข้าใจเจียงอี้ผิดนางพูดออกมาด้วยความเดือดดาล “ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่ปล่อยใครไปเลยแต่เจ้ายังต้องการให้ข้าเป็นทาสเจ้าอีกหรอ? ฝันไปเถอะ ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”
“โง่เง่า!”
เจียงอี้กลอกตาและพูดด้วยความรำคาญใจ“ตอนนี้เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือหรอ? ข้าสามารถบดขยี้เจ้าได้อย่างง่ายดายเหมือนขยี้แมลงด้วยซ้ำ จักรพรรดินีของเจ้าน่ะเป็นทาสข้าแล้ว มันคงไม่ต่างอะไรหากเจ้าจะมาเป็นทาสของข้าหรือไม่ หากเจ้าไม่อยากมอบผนึกแห่งดวงจิตมา ก็ไสหัวไปซะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเห็นว่าเจ้ามีความภักดี ข้าก็คงจะทำลายเจ้าไปแล้ว”
“เจ้า…”
ชิงหยีรู้สึกถูกตอกย้ำเป็นอย่างมากแต่สิ่งที่เจียงอี้พูดออกมานั้นคือความจริง อย่าว่าแต่จักรพรรดินีที่ไม่กล้าขัดขืนความต้องการของเขาเลย หากเจียงอี้ปล่อยเจตจำนงสังหาร เขาก็จะสามารถสังหารนางได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะโกหกนางเลย
หลังจากที่ชิงหยีสงบสติอารมณ์จากคำพูดของเจียงอี้แล้วนางก็มีสีหน้าที่หมดหวัง นางก้มหัวลงและพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าถามว่า “เจ้าไม่โกหกข้าจริงๆหรอ? ในสิบปีข้างหน้า เจ้าจะคืนอิสรภาพให้พวกข้าจริงๆใช่ไหม?”
เจียงอี้ยิ้มเยาะและโบกมือ“หากเจ้าอยากจะเชื่อก็เชื่อเถอะ เจ้าควรไสหัวไปซะดีกว่าก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ ไม่อย่างนั้นอย่าโทษปีศาจภายในตัวข้า ข้าอาจจะสังหารเจ้าเดี๋ยวนี้และทิ้งศพของเจ้าเอาไว้”
เมื่อเห็นเจียงอี้มองมายังหน้าอกของนางชิงหยีก็ตกใจและเอาเสื้อผ้ามาคลุมหน้าอกของนางเอาไว้ ดวงตาที่งดงามของนางเผยการแสดงออกที่เด็ดเดี่ยวออกมา นางหลับตาลงและจากนั้นไม่นานก็มีแสงสีทองประกายออกมา ผนึกแห่งดวงจิตกำลังบินตรงไปยังเจียงอี้
“เฮ้อ…ชิงหยีทำไมเจ้าถึงได้ทรมานตัวเองเช่นนี้?”
จักรพรรดินีหลับตาลงด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดรวดร้าวพวกนางเลือกผิดไปทางเดียวมันกลับตามมาด้วยความผิดพลาดหลายครั้งจนตอนนี้พวกนางได้ตกลงสู่ก้นเหวแล้ว
“อืม!”
ผนึกแห่งดวงจิตหายไปในมือของเจียงอี้และเขาก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมาเขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ชิงหยีน้อย รีบจัดการกับอาการบาดเจ็บของเจ้าและไปเปลี่ยนชุดให้มันดีๆซะ ถ้าเจ้ายังเผยร่างของเจ้าเช่นนี้ เจ้านายของเจ้าอาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หากข้าทำเรื่องป่าเถื่อนไป มันก็คงไม่ดีสำหรับทุกคน เมื่อปีศาจภายในตัวของข้าปรากฏขึ้น แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังกลัวตัวเองเลย…”