เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 537-538
บทที่ 537 พิชิตโลกนี้ด้วยกัน
สุดท้ายเจียงอี้ก็ไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมลงไปแม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนดีแต่ทุกคนก็ต้องมีขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่ควรที่จะทำอะไรเช่นนั้นด้วย
บรึฟ!
ไข่มุกวิญญาณเพลิงส่องประกายขึ้นมาและมีราชวังเล็กๆปรากฏขึ้นในมือของเขาเขามองเข้าไปโดยใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์และเห็นสัตว์อสูรหยาจื้อกำลังหลับสนิทอยู่ในห้องโถงใหญ่ ส่วนจิ้งจอกน้อยก็อยู่ในห้อง เจียงเสี่ยวนู๋และจ้านอู๋ซวงก็กำลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งในขณะที่หยุนเฟยกำลังทำความเข้าใจกับอาคมยับยั้ง มีเพียงเฉียนว่านก้วนเท่านั้นที่นั่งอยู่ในห้องคนเดียวและถอนหายใจยาวๆเป็นครั้งคราว
แซ่กๆฟรึ่บ!
ชิงหยีเปลี่ยนชุดใหม่อย่างเชื่อฟังและหลังจากได้รับยาอายุวัฒนะแล้วนางก็นั่งลงเพื่อทำสมาธิและพักฟื้นอาการบาดเจ็บของนาง ทั้งชิงหยีและจักรพรรดินีได้กลายเป็นทาสวิญญาณของเจียงอี้แล้ว และการเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างๆนั้น หากแม้แต่เจียงอี้จะขอให้นางเปลื้องผ้าและปรนนิบัติเขา นางก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธมันได้
เจียงอี้มองชิงหยีก่อนที่จะรวบรวมแก่นแท้พลังไว้ในมือของเขาจากนั้นแสงก็สว่างขึ้นมาและร่างท้วมๆก็โผล่ออกมา เฉียนว่านก้วนมองไปรอบๆด้วยความสับสน เขาเห็นจักรพรรดินีและชิงหยีและอดไม่ได้ที่จะจับจ้องไปยังพวกนางทั้งสอง เขากลืนน้ำลายไม่หยุดหย่อน เขาไม่สามารถต้านทานสาวงามเช่นนี้ได้เลย แต่ตอนนี้ทำไมมีแค่พวกนางสองคนเองล่ะ?
อะแฮ่ม!
เจียงอี้ไร้คำจะพูดเจ้าอ้วนยังไม่เห็นเจียงอี้เลยด้วยซ้ำ จนเขากระแอมและพูดว่า “เจ้าอ้วนเฉียน ตาของเจ้ามันจะถลนออกมาอยู่แล้วนะ”
“อ๊ะ?ลูกพี่!”
ร่างของเฉียนว่านก้วนกระเพื่อมไปทั้งตัวและสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังเจียงอี้เขาทำท่าทีสบายๆและถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ลูกพี่ เทพธิดาทั้งสองนี่เป็นใครกัน? พวกนางทรงพลังมากและที่นี่ที่ไหนน่ะ? เจ้าจัดการกับเทพธิดาทั้งสองได้ยังไง? ข้าไม่สงสัยเลยว่าเจ้าคือลูกพี่ตัวจริง…. ”
“เอาล่ะหยุดพูดจาไร้สาระได้แล้ว”
เขาไม่ได้นำเฉียนว่านก้วนออกมาเพียงเพื่อที่จะพูดคุยกันความกังวลหลักๆของเขาคือการที่อยู่คนเดียวในราชวังจักรพรรดินั้นจะทำให้เฉียนว่านก้วนเบื่อหน่ายจนร้องไห้และอีกไม่นานก็คงเป็นบ้าไปเสียก่อน
เฉียนว่านก้วนไม่ได้มีพรสวรรค์มากนักเขาไม่ได้ชื่นชอบการฝึกฝน และคนอื่นๆต่างก็เข้าสู่สันโดษกันหมดและสำหรับคนอื่นๆ เวลามันจะเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขากำลังจะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาและในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าการเดินทางของเขาจะต้องใช้เวลานานเพียงใด เฉียนว่านก้วนนั้นเป็นเหมือนพี่น้องของเจียงอี้และเขาไม่ได้อยากจะเห็นเฉียนว่านก้วนต้องทนทุกข์ทรมาน
เจียงอี้กระพริบตาอย่างรวดเร็วและถามเงียบๆ“ว่านก้วน เจ้าอยากเป็นยอดฝีมือในเวลาสั้นๆไหม?”
“ยอดฝีมือ?”
เฉียนว่านก้วนกระพริบตาด้วยความสับสนและไม่เข้าใจว่าเจียงอี้ต้องการจะสื่ออะไรในช่วงชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่สามารถบรรลุขอบเขตจื่อฝู่ขั้นที่ห้าได้ด้วยซ้ำ มันจะต่างอะไรกันแม้ว่าเขาจะมีโอกาสได้ขัดเกลาศิลาสวรรค์ อย่างมากเขาก็คงไปถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว สำหรับเจียงอี้แล้ว ไม่ว่าจะขอบเขตเสินโหยวหรือขอบเขตฉูติ่งมันก็คงจะไม่ต่างอะไรกันเลยใช่ไหมล่ะ?
เขารีบส่ายหัวและพูดว่า“ลูกพี่ ข้าว่าเจ้าไม่ควรต้องเปลืองศิลาสวรรค์เพราะคนอย่างข้าหรอก ในด้านวิชาการต่อสู้ ข้าไม่มีอะไรดีเลย ข้าว่ามันคงดีที่สุดที่เจ้าจะเก็บไว้ใช้เอง”
“ฮึฮึ!”
เจียงอี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย“แม้ว่าข้าจะช่วยให้เจ้าไปถึง…ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ในไม่กี่ปี เจ้าก็จะปฏิเสธมันหรอ?”
“อะไรนะ?”
ร่างกายอ้วนๆของเฉียนว่านก้วนเริ่มสั่นคลอนขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและมุมปากของจักรพรรดินีก็กระตุก นางเข้าใจลางๆว่าเจียงอี้หมายถึงอะไร
“ลูกพี่เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าไม่ได้ป่วย?”
เฉียนว่านก้วนกระพริบตาและพยายามจะเอามือไปจับหน้าผากของเจียงอี้เพื่อตรวจไข้ของเขา
ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดคืออะไร?
ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดคือการเป็นนักสู้ระดับแนวหน้าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนชิง, สุ่ยโย่วหลานเองก็อยู่ขอบเขตจินกังขั้นสูงสุด แล้วตอนนี้เจียงอี้มาบอกว่าเขาจะช่วยให้เฉียนว่านก้วนไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดภายในไม่กี่ปี? หากเจียงอี้ไม่ใช่คนพูดออกมา เฉียนว่านก้วนคงจะตบคนผู้นั้นไปแล้ว
“ฮึฮึ!ข้าเคยโกหกเจ้าตอนไหน?”
เจียงอี้ยิ้มจางๆและหันไปมองจักรพรรดินีและบอกพร้อมกับอธิบายเรื่องราวออกมาอย่างชัดเจนว่า“เฟิ่งเอ๋อร์ เอาชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณมาให้ข้าสามชิ้น!”
อย่างที่คาดไว้….!
จักรพรรดินีหน้าตาบูดบึ้งเจียงอี้พยายามจะใช้ประโยชน์จากนาง แต่ในฐานะทาสวิญญาณ นางจะไม่เชื่อฟังคำสั่งเขาได้ยังไงกัน?
แหวนสีขาวบนนิ้วของนางสว่างวาบและกล่องหยกสามกล่องก็ปรากฏขึ้นนางยื่นมันให้กับเจียงอี้และกล่าวว่า “นายท่าน นี่ชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณสามชิ้นเจ้าค่ะ เมื่ออยู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวแล้ว คนผู้นั้นก็จะปรับแต่งมันได้อย่างง่ายดาย และเมื่อปรับแต่งชิ้นส่วนทั้งสามชิ้นนี้แล้วก็จะไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ แต่แน่นอนว่า…คนผู้นั้นจะต้องขัดเกลาศิลาสวรรค์ให้ได้เพียงพอก่อน”
“นะ…นายท่าน?ชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณ?”
ปากของเฉียนว่านก้วนสั่นเทาขณะที่มือของเขาสั่นไม่หยุดหญิงงามที่มีพลังที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ซึ่งดูเหมือนจะมีกลิ่นอายที่น่ากลัวกว่าเจียงอี้กลับเรียกเขาว่านายท่านจริงๆ? นอกจากนี้ ชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณพวกนี้ยังช่วยให้เขาบรรลุถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้จริงๆหรือ?
ป้าบ!
เจียงอี้ตบไปที่หลังหัวของเฉียนว่านก้วนและพูดด้วยน้ำเสียงเคืองๆ“ดูเจ้าสิ เป็นคนไม่มีอะไรดีหรอ ไม่ใช่ว่าเจ้าไปบอกคนอื่นๆว่าเจ้าเป็นพี่น้องข้ารึ เก็บชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณนี่ไว้ซะ เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้ามีศิลาสวรรค์กี่ก้อน? เอามาให้ข้าหน่อยแล้วข้าจะคืนให้ในภายหลัง”
มุมปากของจักรพรรดินีกระตุกอีกครั้งแต่แหวนของนางก็ยังคงทอประกายขึ้นมา คราวนี้นางนำกล่องหยกขนาดใหญ่ออกมา แม้ว่าในใจของนางจะเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแต่น้ำเสียงของนางก็ยังคงจริงใจขณะที่พูดว่า “นายท่าน นี่ศิลาสวรรค์หนึ่งพันก้อนเจ้าค่ะ มันน่าจะเพียงพอสำหรับหนุ่มน้อยนี่ที่จะฝึกฝนและบรรลุไปยังขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดแล้ว”
อึก!อึก!
เฉียนว่านก้วนกลืนน้ำลายอย่างไม่หยุดหย่อนเขาสั่นสะท้านไปหมด เขาบอกได้เลยว่าเจียงอี้ไม่ได้พูดเล่น ผู้หญิงคนนี้มีความแข็งแกร่งมากและนางจะได้ศิลาสวรรค์คืนซึ่งนั่นมันไม่ใช่เรื่องน่าขัน ครั้งนี้เจียงอี้จริงจังกับการทำให้เขาบรรลุไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดจริงๆ
อันที่จริงใครบ้างจะไม่อยากเป็นยอดฝีมือที่ผ่าภูเขาและทะเลได้ง่ายๆเหมือนพลิกฝ่ามือ และบดขยี้ทุกคนที่ขวางทางกัน?
เฉียนว่านก้วนไม่ได้โง่เง่าสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบการฝึกฝนเพราะอย่างแรกมันเป็นเพราะเขาไม่มีพรสวรรค์ ส่วนอย่างที่สองมันเป็นเพราะตระกูลเฉียน เมื่อพูดถึงการค้า ตระกูลเฉียนนั้นไม่เป็นสองรองใคร และเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการค้าได้มันจะต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แล้วเขาจะไปมีเวลาฝึกฝนได้อย่างไรกัน?
ในโลกนี้ที่ทุกคนมองว่าการต่อสู้มีอำนาจสูงสุดทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญสักวันหนึ่งแม้กระทั่งกับตระกูลเฉียนเอง และหลังจากเห็นว่าเจียงอี้นั้นมีชื่อเสียงและมีความแข็งแกร่งที่คอยขจัดอุปสรรคเพียงใด มันก็คงจะเป็นเรื่องโกหกหากเฉียนว่านก้วนบอกว่าเขาไม่อิจฉาเจียงอี้
ตอนที่อยู่สำนักจิตอสูรเฉียนว่านก้วนใช้ศาสตร์ลับของตระกูลและทำนายเจียงอี้เอาไว้ว่าเขาจะเป็นผู้ไร้ขีดจำกัด จากนั้นเขาก็ติดตามเจียงอี้ไปโดยไม่ลังเล และหลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเจียงอี้ ในตอนแรกเขาคิดที่จะใช้ประโยชน์จากการมีสัมพันธ์กับเจียงอี้แต่มันก็ได้พัฒนาไปสู่มิตรภาพที่แท้จริง ตอนนี้เขาแน่วแน่ในความภักดีที่มีต่อเจียงอี้ในฐานะลูกพี่ และตระกูลเฉียนก็ได้ติดตามและคอยสนับสนุนเขาอย่างไม่ลดละ
ความจริงนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว!
เจียงอี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆตระกูลเฉียนได้ผลประโยชน์มากมายจากเจียงอี้ ในทางกลับกัน การที่เขาได้เดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพา อนาคตของเฉียนว่านก้วนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและเขาอาจพินาศได้ทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะไม่รู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน
และในตอนนี้…
เจียงอี้ก็ได้มอบของขวัญที่มีค่าเช่นนี้ให้แก่เขาซึ่งเขาไม่สามารถทนรับไว้ได้
“ลูกพี่นะ นี่…”
เมื่อได้มองสายตาที่จริงใจของเจียงอี้เฉียนว่านก้วนก็สูดหายใจเข้าลึกๆราวกับว่าเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ตัดสินใจที่จะเก็บลิ้นของเขากลับเข้าไป
เจียงอี้เข้าใจว่าเฉียนว่านก้วนเป็นอะไรและหัวเราะเบาๆเขายัดกล่องหยกขนาดใหญ่ไปที่มือของเฉียนว่านก้วนและพูดว่า “เอาไปซะ! ฝึกฝนทักษะของเจ้าและพัฒนามัน ในภายภาคหน้า เราพี่น้องจะพิชิตโลกนี้ด้วยกัน”
“อื้อ!”
เฉียนว่านก้วนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมขณะที่เขาเก็บของเข้าไปในแหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณ เขาก็จงใจเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากให้เจียงอี้เห็นน้ำตาของเขา
เจียงอี้ปล่อยให้จักรพรรดินีสอนเฉียนว่านก้วนเกี่ยวกับวิธีการปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าโบราณเขาได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังก่อนที่จะได้ข้อสรุป
การขัดเกลาศิลาสวรรค์และชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณอาจช่วยให้เพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมากในเวลาสั้นๆแต่พวกเขาจะติดอยู่ที่ระดับความแข็งแกร่งนี้ไปตลอดชีวิต
แต่เจียงอี้เองจะไม่ทำมันในเมื่อเขาอยู่ในขอบเขตจินกังที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมแล้ว ตัวเจียงอี้เพียงต้องการค้นหาหญ้ามังกรยาจกเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของเขา ทำไมเขาถึงได้ทำลายอนาคตของตัวเองเช่นนี้นะ?
จ้านอู๋ซวงปรารถนาที่จะเป็นยอดฝีมือแต่แม้ว่าเขาจะได้รับโอกาสนั้นเขาก็จะปฏิเสธมัน หยุนเฟยและจ้านอู๋ซวงนั้นมีความคิดเหมือนกัน ส่วนเจียงเสี่ยวนู๋ก็มีความสามารถพิเศษเฉพาะ แม้ว่านางจะตกลงที่จะรับมันไป แต่ก็คงไม่มีผลกับนางมากนัก
ด้วยเหตุนี้ตอนที่เขาปรับแต่งตราวิญญาณของจักรพรรดินี เขาก็พบว่านางยังคงมีชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าสวรรค์เหลืออยู่ห้าชิ้นซึ่งทำให้เขาคิดแผนนี้ออกมาได้ และเฉียนว่านก้วนก็เป็นคนที่สมควรปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณมากที่สุด
เมื่อเห็นว่าเฉียนว่านก้วนฟังคำอธิบายของจักรพรรดินีอย่างจริงจังและน้ำลายหกเพราะความงามที่น่าหลงใหลของนางเจียงอี้ก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
หากเจ้าอ้วนนี่บรรลุขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดแล้วจะมีหญิงสาวกี่คนกันที่จะตกเป็นเหยื่อของเขา…?
บทที่ 538 สุสานยอดฝีมือ
เฉียนว่านก้วนกลับเข้าไปในราชวังจักรพรรดิเพื่อที่จะบ่มเพาะพลังของเขาร่างกายของเขานั้นอ่อนแอมากก็จริง แต่เจียงอี้ก็ได้มอบยาอายุวัฒนะที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเฉียนว่านก้วนเช่นกัน
แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็ยังไม่แน่นอนว่าเฉียนว่านก้วนจะไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้หรือไม่
เจียงอี้ไม่ได้กังวลกับเขาเลยและเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณแต่เมื่อเจียงอี้ได้มอบโอกาสที่หายากให้กับเฉียนว่านก้วนแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและชะตากรรมของเขาล้วนๆ
แต่ก็แน่นอนว่าแม้ว่าเฉียนว่านก้วนจะไปถึงขอบเขตจินกังขั้นสูงสุดได้ แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาก็ยังคงอ่อนแออยู่ดี การปรับแต่งชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณนั้นเป็นทางลัดและไม่ใช่เส้นทางที่ควรไป แม้ว่าเขาจะเข้าใจรูปแบบเต๋าได้แต่เขาก็ไม่ได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ดังนั้นเขาจึงจะไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่
ส่วนในภายภาคหน้าเขาก็คงไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้อีกแล้ว หากเฉียนว่านก้วนไม่สามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางสามแบบและทำให้กลายเป็นรูปแบบเต๋าระดับสูงได้ แล้วเขาจะทะลวงไปสู่ขอบเขตเทียนจุนได้อย่างไร?
ตามหลักแล้วหากผู้หนึ่งสามารถเข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับกลางสามแบบหรือรูปแบบเต๋าระดับสูงหนึ่งแบบ คนผู้นั้นก็จะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตเทียนจุนได้ ส่วนสุ่ยโย่วหลานนั้นเข้าถึงรูปแบบเต๋าได้สี่แบบแล้วแต่นางก็ยังไม่ได้ทะลวงไปยังขอบเขตเทียนจุน ส่วนปรมาจารย์ตระกูลหลิงก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เขาได้ปลีกตัวบำเพ็ญเพียรเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษและเข้าถึงรูปแบบเต๋าได้ห้าแบบแล้ว แต่ก็ยังคงติดอยู่ในขั้นสุดท้าย
ยิ่งมีขอบเขตที่สูงขึ้นก็ยิ่งต้องเข้าถึงรูปแบบเต๋าหรือหลอมรวมรูปแบบเต๋ามากยิ่งขึ้น การเข้าถึงหรือหลอมรวมรูปแบบเต๋านั้นเป็นหนทางที่แน่นอนที่สุดที่จะทะลวงขอบเขตไปได้ นี่เป็นสาเหตุที่ขอบเขตเทียนจุนนั้นแข็งแกร่งกว่าขอบเขตจินกังมาก
จักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิงได้เข้าถึงรูปแบบเต๋าระดับสูงประเภทหนึ่งนางเข้าใจมันแต่ไม่ได้ตระหนักถึงมันได้ นี่เป็นชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณระดับสูงที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคนในตระกูลของนาง จึงทำให้ลูกหลานของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้อย่างต่อเนื่องและคอยปกป้องทวีปเฟิ่งหมิงได้
และมันก็ยังเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจักรพรรดินีแห่งเฟิ่งหมิงจึงได้อยู่ขอบเขตเทียนจุนตั้งแต่อายุเพียงยี่สิบปีชิงหยีก็เช่นกัน ความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณบนทวีปเฟิ่งหมิงนั้นเป็นความสามารถที่ยอดเยี่ยม หากมันไม่ได้มีความสามารถนี้ ทวีปเฟิ่งหมิงก็คงจะถูกเผ่าพันธุ์เงือกกำจัดไปนานแล้ว
ตอนที่เจียงอี้ปรับแต่งตราวิญญาณของจักรพรรดินีเขาก็สามารถเข้าถึงความทรงจำมากมายของนางได้ เขาจึงรู้ว่านางมีชิ้นส่วนรูปแบบเต๋าวิญญาณอยู่ห้าชิ้นเลยทำให้เขาขอนางมาสามชิ้น
“เฟิ่งเอ๋อร์….อย่าใจแคบขนาดนั้นสิข้าจะชดใช้ให้เจ้าไม่ช้าก็เร็วๆนี้แหละ”
เมื่อเห็นการแสดงออกของจักรพรรดินีที่แอบมีความไม่พอใจซ่อนอยู่เจียงอี้ก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อย นางมีนามว่าเฟิ่งหลวนแต่เจียงอี้เรียกนางว่าเฟิ่งเอ๋อร์ซึ่งมันทำให้นางรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย นางอาจเป็นทาสวิญญาณของเจียงอี้และไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา แต่นางก็ยังคงเป็นคนเดิมและยังมีความคิด, ความรู้สึก, ความปรารถนาและความคับแค้นอยู่
นางก้มหัวป้องมือ และพูดว่า “ข้าน้อยมิกล้า!”
เจียงอี้ใช้มือลูบไล้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางและหยอกล้อว่า“เฟิ่งเอ๋อร์….อย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นคนไกลไปเลย ในภายภาคหน้าเจ้าอาจจะบอกว่าตัวเองเป็นเฟิ่งเอ๋อร์ก็ได้”
เมื่อใบหน้าอันมีเสน่ห์ของนางถูกเจียงอี้ลูบไล้นางก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านใดๆและตอบกลับด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “เฟิ่งเอ๋อร์เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูฮู!
เจียงอี้กวาดสายตามองไปที่ชิงหยีที่กำลังพักฟื้นและไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเขากวักมือเรียก “เฟิ่งเอ๋อร์ มานวดหลังให้ข้าที!”
ดวงตาของเฟิ่งหลวนมีความขุ่นเคืองมากขึ้นนางผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งทวีปเฟิ่งหมิงตกต่ำจนต้องมานวดหลังให้ผู้อื่นจริงๆ มันน่าสมเพชขนาดไหนกัน?
จิตใจของนางไม่สามารถปฏิเสธมันได้ขณะที่นางค่อยๆเดินไปข้างๆเจียงอี้อย่างเชื่อฟังและคอยนวดหลังให้เขาอย่างเชื่องช้าส่วนเจียงอี้ก็เพียงแค่หลับตาเพื่อพักผ่อนอย่างสบายใจกับหญิงที่ชายใดในโลกล้วนปรารถนา
หลังจากที่เจียงอี้ถูกจับตัวมาเขาก็มีแต่ความกดดันเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เขามีโอกาสได้พักผ่อนแล้ว เขาจึงหลับตาและพักผ่อนเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาและพูดว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ นำแผนที่ของที่นี่และรอบๆบริเวณนี้มาให้ข้าหน่อย…และแผนที่ไปยังจักรพรรดิบูรพาด้วย”
คนรุ่นก่อนๆของทวีปเฟิ่งหมิงออกไปตระเวนนอกทวีปและมีหลายคนที่กลับมาพร้อมกับแผนที่ของพื้นที่บริเวณรอบๆมันยังมีแผนที่ของทวีปอื่นๆอย่างละเอียดยิบอีกมากมาย
แหวนของเฟิ่งหลวนเปล่งประกายและนางก็ส่งม้วนแผนที่และตำราคู่มือเล่มหนาให้เจียงอี้จากนั้นเจียงอี้ก็โบกมือให้นางนวดต่อไปในขณะที่เขาดูแผนที่อย่างละเอียด
แผนที่ทั้งหมดนั้นมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายและเจียงอี้ก็ได้เข้าไปดูแผนที่ของทวีปเฟิ่งหมิงก่อนเขาตระหนักได้ทันใดว่าทวีปเฟิ่งหมิงนั้นมีขนาดใหญ่กว่าทวีปเทียนชิงมากกว่าห้าเท่า ทางตะวันออกและทางเหนือยังมีอีกสองทวีปที่มีขนาดใกล้เคียงกับทวีปเทียนชิงและมันก็อยู่ใกล้กันมาก จากความทรงจำของเฟิ่งหลวน เจียงอี้จึงได้รู้ว่าทั้งสองทวีปนี้เป็นข้าราชบริพารของทวีปเฟิ่งหมิงมาโดยตลอด
“ทางตะวันออกของทวีปเฟิ่งหมิงคือทวีปมังกรซ่อนเร้นและที่อยู่ไกลออกไปทางตะวันออกนั้นยังมีทะเลราตรีสีเลือดที่น่ากลัวยิ่งกว่าในทะเลนั้นมีจักรพรรดิอสูรอย่างน้อยห้าสิบตน? ทางเหนือของทะเลราตรีสีเลือดคือทวีปเฟยหม่า? ส่วนทางตะวันออกคือทวีปเทียนหลง ไปทางใต้หน่อยก็จะมีทวีปเล็กๆอยู่สามทวีป…”
เจียงอี้มีท่าทีที่ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรแต่จิตวิญญาณของเขาพุ่งพล่านไปหมดเขารู้แล้วว่าแดนเทียนชิงนี้ใหญ่โตมาก แต่ตอนที่เขาเพิ่งได้เจอโลกภายนอกเขาก็ตกใจมาก มันกว้างใหญ่และไร้พรมแดน ดูเหมือนว่าทวีปเทียนชิงนั้นเป็นเพียงแค่ตัวหมากตัวเล็กๆบนกระดานหมากรุกจริงๆ
“ทวีปจักรพรรดิบูรพา!”
ทันใดนั้นเจียงอี้ก็เห็นแผนที่ขนาดยักษ์ที่ระบุชื่อว่าทวีปจักรพรรดิบูรพาเขาเริ่มหายใจถี่ขึ้นขณะที่มองดูข้อมูลเกี่ยวกับทวีปจักรพรรดิบูรพาอย่างใกล้ชิดซึ่งมันทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านมากขึ้น
ตามข้อมูลที่มีทวีปจักรพรรดิบูรพาเป็นศูนย์กลางของแดนเทียนชิงและยังเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทียนชิงนี้ ดูเผินๆก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าทวีปเทียนชิงนับร้อยเท่า!
ในทวีปนี้มีเผ่าพันธุ์มากมายและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเขาจะเจอผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้ทุกที่ พวกเขามีความสามารถและสิ่งประดิษฐ์มากมายนับไม่ถ้วน มันยังมีดินแดนนับไม่ถ้วน, เขตประวัติศาสตร์และเขตลึกลับที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีสัตว์โบราณที่ดุร้าย, หลายสายพันธุ์, และสัตว์อสูรที่น่าทึ่ง
ทวีปจักรพรรดิบูรพาช่างเป็นดั่งสรวงสวรรค์และเป็นสุสานยอดฝีมือจริงๆ!
ผู้เชี่ยวชาญจากทวีปต่างๆจะมารวมตัวกันแถวๆทวีปจักรพรรดิบูรพาไม่ว่าจะเดินทางมาเพื่อตามหาโชคชะตาที่จะทะลวงขอบเขต, หรือตามหาสมบัติโบราณที่ซ่อนอยู่, หรือการสมัครเป็นทหารรับจ้างก็มารวมกันที่นั่น มียอดฝีมือมากเกินไปในทวีปจักรพรรดิบูรพา นอกจากนี้ยังมีอัจฉริยะและผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นมากมายที่ตกตายอยู่ที่นั่น มันเป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุดของแดนเทียนชิงนี้เลยก็ว่าได้
มันมีข้อมูลไม่มากมายนักในทวีปจักรพรรดิบูรพาไม่ใช่เพราะว่าบรรพบุรุษของตระกูลเฟิ่งไม่อยากรวบรวมข้อมูล แต่พวกเขาต้องกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ไปยังทวีปนั้น พวกเขาจะไม่มีทางตั้งตัวที่นั่นได้และพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะพินาศอยู่ในทวีปจักรพรรดิบูรพา
ท่านแม่ทวีปจักรพรรดิบูรพาเป็นบ้านเกิดท่านจริงๆหรือ? ตอนนี้ท่านอยู่ส่วนไหนของทวีปกันนะ?
เจียงอี้มองดูดินแดนที่กว้างใหญ่บนแผนที่และเผยความเศร้าโศกออกมาจากดวงตาของเขาสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากทวีปจักรพรรดิบูรพามากและไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงที่นั่นได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ และถึงแม้ว่าเขาจะไปที่นั่น แล้วเขาจะหาอีเพียวเพียวเจอหรือเปล่า?
หยูเวิน!
นั่นเป็นเบาะแสเดียวที่อีเพียวเพียวให้เขามาจะเป็นยังไงหากว่าเขาหาคนผู้นั้นไม่พบ? แล้วตอนนี้ซูรั่วเสวี่ยจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง?
รั่วเสวี่ย!
เมื่อนึกถึงรั่วเสวี่ยเจียงอี้ก็รู้สึกว่าใจของเขาเริ่มเต้นแรง ดวงตาของเขาเป็นประกายขณะที่หันกลับไปถามเฟิ่งหลวนด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เฟิ่งเอ๋อร์ เจ้ารู้เรื่องโถงวรยุทธหรือเปล่า?”
ดวงตาของเฟิ่งหลวนเป็นประกายด้วยความสับสนขณะที่นางกระพริบตาและถามว่า“นายท่าน โถงวรยุทธคืออะไรกัน?”
“หืม?”
คิ้วของเจียงอี้เลิกขึ้นมาเฟิ่งหลวนเป็นผู้ปกครองทวีปเฟิ่งหมิงและนางไม่รู้เรื่องโถงวรยุทธจริงๆหรอ? ไม่ใช่ว่าตู๋กูฉิวบอกว่าโถงวรยุทธของพวกเขากระจายไปทั่วทุกทวีปในแดนเทียนชิงหรอกหรือ? หรือว่าเขาจะหลอกเจียงอี้?