เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 553 -554
บทที่ 553 ไล่ล่าผู้ทรยศ
ตูมม!
เมฆดำค่อยๆสลายไปพร้อมกับระเบิดที่ดังออกมาทุกคนจ้องมองไปที่จักรพรรดิอสูรชือที่อยู่เหนือท้องฟ้าทันที แต่ทุกคนก็ต้องพากันตกตะลึง จักรพรรดิอสูรชือยังไม่ตาย!
แต่แน่นอนว่าในครั้งนี้จักรพรรดิอสูรชือดูน่าสังเวชมากหน้าท้องส่วนล่างของเขาแทบจะทะลักออกมาแล้วขณะที่อวัยวะภายในก็กลายเป็นสีดำไหม้เกรียม ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเลือดและกลิ่นอายก็อ่อนแอเสียจนน่าเวทนา
โฮกกก!
เขาคร่ำครวญอยู่กลางอากาศและพยายามฮึดแรงทั้งหมดออกมาพร้อมกับรีบหนีไปทางตะวันตกแต่ความเร็วของเขานั้นช้ามากซึ่งมันเป็นความเร็วที่ชิงหยีสามารถไล่ตามไปได้อย่างง่ายดาย
“คิดหนีรึ?!”
เฟิ่งหลวนจึงรีบพุ่งไปจักรพรรดิอสูรชือใกล้จะตายแล้ว แล้วนางจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างไรกัน? รูปแบบเต๋าราตรีของนางเหมาะที่จะลอบสังหารศัตรูที่กำลังหลบหนีมากที่สุดแล้ว เพราะมันจะทำให้นางสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ฮูฮู่ว!
เมื่อจักรพรรดิอสูรชือและเฟิ่งหลวนกลายเป็นจุดดำอยู่บนท้องฟ้าทุกคนในเมืองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่สามารถถอนหายใจได้อีกแล้ว ทหารระดับต่ำเกือบหมื่นคนถูกแช่แข็งจนตายหรือไม่ก็ตายจากไปเพราะหมดสติด้วยความหนาวเหน็บ ทุกคนมองไปยังซากของเมืองซึ่งมันเต็มไปด้วยอาคารที่พังทลายจากผลของการสู้รบอย่างอดสู
หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนจากโถงการค้าหรือเพราะผู้อาวุโสกู่เสี่ยงชีวิตของนางเพื่อทำให้อสูรชือบาดเจ็บ ขณะที่เฟิ่งหลวน, เจียงอี้และชิงหยีก็จู่โจมอย่างฉับพลัน ผลของการต่อสู้ในวันนี้ก็คงจะไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน
“ชนะแล้วเราชนะแล้ว! จักรพรรดินีทรงเจริญ!”
มีผู้คนตะโกนออกมาแต่มันก็ได้ทำให้นักสู้ในเมืองทั้งหมดพากันหัวเราะและตะโกนออกไปพร้อมกัน พวกเขาหลายคนจ้องมองไปที่ฉินซาน, เจียงอี้และชิงหยีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและเลื่อมใส
อสูรชือพ่ายแพ้ไปแล้วและทวีปได้รอดพ้นผ่านอุปสรรคมากแล้วซึ่งทำให้เจียงอี้และคนอื่นๆกลายเป็นวีรบุรุษของทวีปนี้ไป
“หืม?มีอะไรแปลกๆนะ…”
ทันใดนั้นพวกเขาทุกคนก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติเพราะฉินซานและเจียงอี้กำลังมองหน้ากันและดวงตาของพวกเขาทั้งคู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร!
บรึฟ!
ดวงตาของเจียงอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและเจตจำนงสังหารก็พุ่งพล่านออกมาทันใดนั้นมันก็เข้าปกคลุมเมืองทางใต้และกำลังแผ่ไปทางชิงหยีและฉินซาน ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่ฉินซานและตวัดดาบมังกรเพลิงขณะที่มีเปลวเพลิงอเวจีออกมาด้วยและพุ่งไปยังฉินซานที่อยู่กลางอากาศ
“เจียงอี้เจ้าจะทำอะไรน่ะ? หยุดการกระทำของเจ้าเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นหากจักรพรรดินีกลับมา เจ้าจะต้องพบจุดจบที่น่าเศร้าแน่ๆ!”
แต่สิ่งที่แปลกก็คือ….!
ตอนที่ชิงหยีตะโกนออกมานางก็อยู่จากเจียงอี้ค่อนข้างมาก ดังนั้นเจตจำนงสังหารจึงไม่มีประโยชน์อย่างแท้จริง และยิ่งไปกว่านั้นคือเสียงตะโกนนี้ดังออกมาในตอนที่เจียงอี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ทุกคนจ้องมองไปที่เจียงอี้อย่างตะลึงงันร่างนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากเมืองขณะที่มีเสียงตะโกนดังก้องออกมา “เจียงอี้ หากเจ้ากล้าสังหารท่านประมุขของเรา เจ้าจะต้องตายอย่างแน่นอน จักรพรรดินีจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
ปึงปัง ปึง!
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาบินออกมาจากกำแพงเมือง ความกดดันของเจตจำนงสังหารของเจียงอี้ก็ทำให้พวกเขาทั้งหมดตกลงไป เจตจำนงสังหารนี้จะยิ่งมีพลังกับคนที่ยิ่งอยู่ใกล้ๆตัวเขา และผู้อาวุโสจากโถงวรยุทธนั้นมีเพียงความแข็งแกร่งขอบเขตจินกังแล้วพวกเขาจะต้านทานมันเช่นไร?
ฟรึ่บ!
ฉินซานตกตะลึงในขณะที่เขาทรุดตัวลงไปอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม เขายังคงควบคุมร่างกายเพื่อหลบเปลวเพลิงอเวจีที่เข้ามาได้แบบเฉียดฉิว ด้วยค่ายกลลิขิตสวรรค์ เขาได้รับพลังแห่งดาราเก้าสวรรค์มาซึ่งมันทำให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตเทียนจุนได้ในเวลาสั้นๆ
แต่ปัญหาก็คือ!
เขาใช้พลังงานดวงดารากับการต่อสู้เมื่อครู่ไปจนหมดแล้วดังนั้นความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขาก็แทบจะไม่อยู่ในขอบเขตเทียนจุนแล้วและเจตจำนงสังหารก็มีอิทธิพลกับเขาเป็นอย่างมาก
เขาอาจจะหนีไปได้ชั่วขณะแต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไปแล้ว เขาก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ และท้ายที่สุดค่ายกลสวรรค์ลิขิตก็จะอยู่ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ในตอนนี้เจียงอี้โจมตีเขาอยู่เรื่อยๆแล้วเขาจะต้านทานไว้ได้นานเพียงใดกัน?
เจียงอี้เมินคำเตือนของชิงหยีและเหล่าสมาชิกโถงการค้าในขณะที่เขายังคงปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาเปลวเพลิงอเวจีที่พุ่งพล่านออกมาทำให้ฉินซานเหนื่อยล้ามากและมันทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป
“เจียงอี้เจ้ากล้าดียังไง ทวีปนี้เป็นหนี้บุญคุณประมุขฉินแต่เจ้ายังกล้าสังหารเขาอีกหรือ? เมื่อจักรพรรดินีกลับมา นางจะสังหารเจ้าอย่างแน่นอน!”
“เจียงอี้อย่าคิดว่าเพียงแค่จักรพรรดินีชื่นชอบเจ้าแล้วเจ้าก็จะทำอะไรตามใจได้นะ ข้าบอกได้ตามตรงเลย เจ้าก็เป็นเพียงแค่ของเล่นของจักรพรรดินีเท่านั้นแหละ เจ้าคิดว่าจักรพรรดินีจะสนใจเจ้าจริงๆหรือ? หากเจ้ากล้าสังหารประมุขฉิน คงจะไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเจ้าได้แน่!”
“เจียงอี้หากไม่ใช่เพราะประมุขฉิน พวกเราจะไม่มีทางสังหารอสูรชือได้นะ เจ้านี่มันเป็นไอ้สารเลวเนรคุณจริงๆ!”
เสียงอันละเอียดอ่อนของชิงหยียังคงดังออกมาและในขณะนั้นทหารและผู้เชี่ยวชาญที่ชื่นชมเจียงอี้ต่างก็มองเขาอย่างโกรธเคือง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้เจียงอี้ได้ในระยะหลายร้อยเมตร อย่าว่าแต่จะโจมตีเขาเลย พวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองเจียงอี้ปลดปล่อยการโจมตีไปยังประมุขฉินอยู่เรื่อยๆเท่านั้น
“อ๊ากกกก!”
ท้ายที่สุดแล้ว!
เมื่อเวลาผ่านไปความแข็งแกร่งของฉินซานที่ได้มาจากค่ายกลสวรรค์ลิขิตก็ค่อยๆอ่อนแอลงและช้าลงเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของเจียงอี้ได้อีกต่อไป เมื่อเปลวเพลิงอเวจีเข้ามาใกล้เขา มันก็ทำให้ชุดคลุมและหนวดเคราของเขาลุกเป็นไฟทันที จากนั้น…เขาก็ถูกมังกรตัวเล็กๆนับพันระเบิดจนพรุน
ฟรึ่บ!
เจียงอี้ค่อยๆลงสู่พื้นดินอย่างสบายๆขณะที่เขารีบพุ่งไปในเมืองผู้อาวุโสของโถงการค้าที่กำลังจะดุด่าเจียงอี้พากันเคลื่อนไหวไม่ได้แล้วพวกเขาจะพูดออกมาได้อย่างไร
“เจียงอี้หยุดนะ!”
ดูเหมือนว่าชิงหยีแทบจะบ้าคลั่งออกมาด้วยความเดือดดาลขณะที่นางตะโกนออกมาแต่เจียงอี้ก็ยังคงตวัดดาบมังกรเพลิงของเขาอย่างเหี้ยมโหดและวาดดาบของเขาไปที่คอของผู้อาวุโสและทหารของโถงการค้าจนทำให้ศีรษะของพวกเขาลอยปลิวขึ้นมาทีละคนสองคน
“เจ้าสุนัขทรยศยังไม่หยุดอีกหรอ?!”
ขณะนั้นเสียงตะโกนก็ดังออกมาจากท้องฟ้าทางตะวันตก มันทำให้ผู้อาวุโสของโถงการค้าที่เหลืออีกสองคนมีสีหน้าที่ตื่นตระหนกขณะที่การแสดงออกของเจียงอี้เปลี่ยนไป เขารู้แล้วว่าเขาไม่สามารถสังหารผู้อาวุโสทั้งสองนี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงย้ายร่างฉับพลันและกลายเป็นแสงสีขาวไป
ฮู่ฮู่ววว!
ผู้อาวุโสจากโถงการค้าทั้งสองคนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และปาดเหงื่ออันเย็นเยียบบนใบหน้าของพวกเขาเมื่อเฟิ่งหลวนมา ทั้งคู่ก็คุกเข่าลงด้วยท่าทางร้อนรนและเดือดดาลขณะที่พูดออกมาว่า “จักรพรรดินี ประมุขและผู้อาวุโสอีกหลายคนของเราถูกไอ้คนทรยศนี่สังหารไป ข้าขอให้จักรพรรดินีโปรดแก้แค้นให้เราด้วย!”
“ฮึ่ม!”
ใบหน้าของเฟิ่งหลวนปกคลุมไปด้วยความเย็นชาขณะที่จิตสังหารหายไปนางกวาดตามองไปยังทุกคนก่อนที่จะพูดว่า “ผู้อาวุโสโปรดวางใจ อสูรชือถูกตัดหัวไปแล้ว และคราวนี้โถงการค้ามีส่วนช่วยเป็นอย่างมากและประมุขฉินนั้นเป็นวีรบุรุษ เขาจะได้เข้าไปอยู่ในโถงวีรบุรุษผู้พลีชีพและได้รับการเคารพบูชาจากผู้คนมากมายหลายพันคน เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เขาจะได้รับรางวัลในความกล้าหาญของเขา ชิงหยี ตามข้าไปไล่ล่าผู้ทรยศเจียงอี้นั่นและนำศีรษะของเขากลับมาเป็นเครื่องบูชาแก่ประมุขฉิน”
“เพคะ!”
ชิงหยีทะยานขึ้นไปและตามเฟิ่งหลวนไปทางตะวันออกด้วยความเร็วดุจสายฟ้าขณะที่เฟิ่งหลวนอยู่ห่างออกไป นางก็ยังคงส่งข้อความกลับมา ให้เหล่ากองทัพทั้งหมดกำจัดเผ่าพันธุ์เงือกที่เหลืออยู่
สงครามได้สิ้นสุดลงแล้วและทวีปเฟิ่งหมิงก็คว้าชัยไปได้!
หลังจากที่ข้อความถูกส่งมาทวีปทั้งทวีปก็ลุกเป็นไฟ ทุกบ้านต่างประดับโคมไฟเอาไว้และจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะของพวกเขา ส่วนการล้างเมืองทางตะวันตกก็ดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด คราวนี้เผ่าพันธุ์เงือกมากกว่าครึ่งได้เข้ามาโจมตีทวีป และพวกเขาก็คาดกันว่าเผ่าพันธุ์เงือกจะไม่มีกองทัพมาโจมตีพวกเขาได้อีกอย่างน้อยก็หมื่นปี ในที่สุดภัยคุกคามที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้แก่ทวีปนี้มานับหมื่นปีก็ได้ถูกขจัดไปแล้ว
สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจก็คือจักรพรรดินีของพวกเขาไล่ล่าผู้ทรยศเจียงอี้มาครึ่งเดือนแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถสังหารเขาได้ และในที่สุดเจียงอี้ก็หนีไปทางฝั่งตะวันออกของทะเลราตรีสีเลือด
จักรพรรดินีเฟิ่งหลวนบินไปยังเมืองทางตะวันออกด้วยความโกรธขณะที่นางรู้สึกว่านี่เป็นความอัปยศอดสูและขายขี้หน้านางสั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลเฟิ่งเป็นผู้นำทวีปชั่วคราว และนางก็พาแม่หญิงชิงหยีไปยังทะเลราตรีสีเลือดด้วยกัน นางได้ประกาศกร้าวออกมาแล้วว่านางจะไม่มีวันถอนตัวหากว่านางยังสังหารเจียงอี้ไม่ได้
บทที่ 554 เกาะเล็กๆ
เหนือทะเลราตรีสีเลือด,สัตว์อสูรที่น่ากลัวกำลังข้ามผ่านท้องฟ้าอยู่ ร่างของมันมีสีเหลืองอมแดง เขาและหางของมันดูเหมือนเปลวไฟสองลูกซึ่งมันดูพิลึกมาก
สัตว์ยักษ์ตนนี้มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและเป็นราชันอสูรขั้นสูงสุดแน่นอนสัตว์อสูรที่บินอยู่แถวนั้นต่างพากันหนีไปเมื่อพวกมันพบราชันอสูรตนนี้ ที่หลังของมันมีมนุษย์อยู่สามคนและหากเหล่าผู้เชี่ยวชาญของทวีปเฟิ่งหมิงพบเข้าก็คงต้องพากันตกตะลึงเป็นอย่างแน่นอน เพราะบุคคลทั้งสามนี้คือเจียงอี้, เฟิ่งหลวนและชิงหยี
เจียงอี้เอนกายนอนตะแคงอย่างสบายๆอยู่บนหลังของสัตว์อสูรหยาจื้อและหลับตาพักผ่อนส่วนเฟิ่งหลวนและชิงหยีก็คอยคุกเข่าอยู่ข้างๆและนวดหลังเขาและขาเขาเบาๆ ใบหน้าของพวกนางที่เคยขุ่นเคืองเมื่อต้องทำเช่นนี้ ในตอนนี้มันไม่มีแล้วและกลับกลายเป็นความเคารพแทน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดลงและเจียงอี้ก็เคาะไปที่หัวของราชันอสูร จากนั้นเขาก็พูดว่า “สัตว์อสูรหยาจื้อ มันก็ใกล้ค่ำแล้ว ไปหาเกาะเล็กๆค้างคืนกันเถอะ”
สัตว์อสูรหยาจื้อกลอกตาและไม่พูดอะไรเลยมันตรวจสอบพื้นที่รอบๆและหลังจากที่บินไปได้ระยะหนึ่ง มันก็พบเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งและร่อนลงไป
“อื้มเกาะนี้ค่อนข้างดีใช้ได้ เราค้างที่นี่กันเถอะ”
เจียงอี้กระโดดลงจากหลังสัตว์อสูรหยาจื้อและหยักหน้าด้วยความพอใจจากนั้นเฟิ่งหลวนและชิงหยีก็ตามลงมาเช่นกันขณะที่สัตว์อสูรหยาจื้อบินลงไปในทะเลเพื่อหาอาหารของมัน
ชิงหยีหยิบกระโจมสีขาวสามหลังและผ้าสีขาวออกมาจากแหวนของนางนางหยิบโต๊ะออกมาและเติมไวน์พร้อมขนมหวาน นางเป็นเหมือนสาวใช้ที่ดูยุ่งมากและคอยปรนนิบัติเจียงอี้และเฟิ่งหลวนด้วยรอยยิ้ม นางไม่มีความรู้สึกเสียใจใดๆอีกแล้วแม้ว่านางจะเป็นหนึ่งในสิบห้าอันดับผู้เชี่ยวชาญแห่งทวีปเฟิ่งหมิง
“อืมมตอนนี้ชิงหยีน้อยเริ่มรอบคอบขึ้นเยอะแล้วนะ”
เจียงอี้นั่งลงไปขณะที่เฟิ่งหลวนรินไวน์ให้เขาเขาจิบไวน์รสเลิศและมองดูพระอาทิตย์ตกดินซึ่งมันทอแสงประกายสีแดงแก่ทะเล ยามลมโชยมามันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์อย่างแท้จริง
เรื่องที่เกิดขึ้นในทวีปเฟิ่งหมิงจบลงได้เสียที!
จักรพรรดิเงือกก็ตายแล้วและเผ่าพันธุ์เงือกก็ถูกขับไล่ออกไปแล้วอันตรายที่สร้างความหนักใจให้กับทวีปเฟิ่งหมิงได้ถูกกำจัดไปชั่วคราวแต่ก็ถือว่านานพอสมควร ส่วนผู้เชี่ยวชาญจากโถงการค้าก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะไล่ล่ามาได้ ส่วนการแสดงสุดท้ายของเฟิ่งหลวนและชิงหยีที่ไล่ตามเจียงอี้มาก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน แล้วถึงแม้ว่าทูตขอบเขตเทียนจุนของโถงวรยุทธจะมาถึง พวกเขาก็ไม่กล้าบันดาลโทสะกับทวีปเฟิ่งหมิงและคงได้แค่หาทางไล่ล่าเจียงอี้
ดังนั้นเฟิ่งหลวนและชิงหยีจึงรู้สึกขอบคุณเจียงอี้อย่างลึกซึ้งหากไม่ใช่เพราะเขา พวกนางจะสามารถสังหารจักรพรรดิอสูรชือและจักรพรรดิเงือกได้อย่างไร?
ชิงหยีนั้นเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเจียงอี้อย่างใจจริงเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าเฟิ่งหลวนเองก็ยังไม่สามารถต้านทานเขาได้และกลายเป็นทาสวิญญาณของเขา เจียงอี้นั้นมีความสามารถที่พิลึกหลายอย่าง ทั้งเปลวเพลิงที่น่ากลัว, อักขระประหลาดในจิตวิญญาณของเขาเอยแล้วไหนจะพลังแห่งดวงดาราอีกซึ่งมันค่อนข้างทำให้นางตกตะลึง
เจียงอี้อาจจะบังคับพวกนางให้ไปจากทวีปเลยก็ได้แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ต่อและให้โอกาสพวกนางได้ขจัดเผ่าพันธุ์เงือกก่อน แถมเขายังช่วยพวกนางสังหารจักรพรรดิเงือกและจักรพรรดิอสูรชืออีก มันจึงทำให้พวกนางเลื่อมใสเขามากและมีการเปลี่ยนแปลงความคิดที่พวกนางมีต่อผู้ชาย พวกนางอาจจะยังไม่สามารถยอมรับเจียงอี้ได้แต่อย่างน้อยพวกนางก็ไม่รังเกียจเขาอีกต่อไปและยอมรับว่าพวกนางนั้นเป็นทาสวิญญาณของเขา
ป๋อม!
หลังจากที่ชิงหยีจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วนางก็กระโดดลงไปในทะเลและรีบโผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำนางจับปลามาได้สามตัวและปลาสามตัวนั้นก็จะกลายเป็นอาหารเย็น
บรึฟ!
ดวงตาของเจียงอี้สุกสกาวขึ้นมาและจ้องมองไปยังร่างอันงดงามและบอบบางของชิงหยีที่สวมชุดสีขาวและตอนนี้ตัวของนางก็เปียกโชกไปหมดจึงทำให้เสื้อผ้าของนางโปร่งใสและแนบร่างของนางเอาไว้ซึ่งมันทำให้เจียงอี้จินตนาการไปเรื่องอย่างว่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซู่ซู่!
เมื่อชิงหยีขึ้นไปอยู่กลางอากาศนางก็หมุนเวียนแก่นแท้พลังเพื่อทำให้ชุดของนางแห้ง และเมื่อนางเห็นสายตาของเจียงอี้ ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางก็แดงก่ำขณะที่นางก้มหัวไม่กล้าสบตาเจียงอี้
ทันใดนั้นเฟิ่งหลวนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เปล่งเสียงออกมาและดึงดูดความสนใจของเจียงอี้“นายน้อย พวกเราออกทะเลมาห้าวันแล้ว ท่านคิดเส้นทางที่จะไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาหรือเจ้าคะ?”
“เอ่อ?”
เจียงอี้ละสายตากลับมาและพึมพำหลังจากจิบไวน์
พวกเขาออกทะเลมาห้าวันแล้วแต่เขายังไม่ได้คิดถึงเส้นทางเลย ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้เพราะแผนที่ที่เขาได้มานั้นระบุเส้นทางที่บรรพบุรุษตระกูลเฟิ่งเคยใช้มาหลายครั้งแล้วและเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด
แต่ปัญหาคือ…เขาไม่กล้าใช้เส้นทางนั้น!
ทางตะวันออกของทวีปเฟิ่งหมิงคือทะเลราตรีสีเลือดและพื้นที่นั้นเลื่องลือไปทั่วแดนเทียนชิงแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนที่ทรงพลังเองก็ยังไม่รอดหากพวกเขาหลงเข้าไปในทะเลส่วนลึกที่น่ากลัว
ทะเลราตรีสีเลือด….มันมีความหมายตามชื่อของมันเลยซึ่งก็คือทะเลแห่งนี้จะน่ากลัวมากในยามกลางคืน
อันที่จริงนี่เป็นสาเหตุที่เจียงอี้ให้สัตว์อสูรหยาจื้อหาเกาะเพื่อค้างคืนก่อน ทะเลราตรีสีเลือดนั้นต่างจากทะเลบูรพาเวิ้งว้าง ในตอนกลางคืนจะมีฟ้าร้องและฟ้าผ่าซึ่งทำให้ทะเลทั้งหมดกลายเป็นทะเลอัสนี
ที่นี่มันน่ากลัวกว่าทะเลตะวันนอกนับร้อยเท่าและหากพวกเขากล้าหยุดอยู่กลางผืนฟ้าพวกเขาจะกลายเป็นซากเกรียมแน่นอน แต่หากพวกเขาดำลงไปในทะเลมันก็จะดึงดูดราชันปีศาจใต้ทะเล ว่ากันว่าที่นี่มีจักรพรรดิอสูรกว่าห้าสิบตนอยู่และมีบางตนที่มีความสามารถที่เทียบได้กับห้าจักรพรรดิของทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วย
ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามทะเลราตรีสีเลือดนี้และทางเดียวที่จะไปถึงทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ก็คืออ้อมทะเลแห่งนี้ไปในอดีต ผู้เชี่ยวชาญจากทวีปเฟิ่งหมิงมักจะใช้เส้นทางที่อยู่ทางเหนือของทะเลราตรีสีเลือดนี้และผ่านทวีปหลายทวีปไป หากพวกเขาไม่เข้าไปยังทวีปต่างๆและเดินทางไปตามทะเลตื้น ปกติแล้วมันก็ปลอดภัยมาก
แต่เจียงอี้ไม่กล้าใช้เส้นทางนั้น!
เหตุผลง่ายๆก็คือโถงวรยุทธคงไม่ให้เขาเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาได้ง่ายๆเขาเพิ่งจะมาถึงทวีปเฟิ่งหมิงและหากโถงวรยุทธรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นก็หมายความว่าโถงวรยุทธสาขาในทวีปอื่นๆก็จะได้รับข้อความจากโถงหลักและคอยขัดขวางเขาตลอดทาง เผลอๆโถงหลักก็อาจจะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาไล่ล่าเขาด้วยซ้ำ
ความสามารถของเฟิ่งหลวนนั้นถือว่าไม่เลวส่วนทักษะของชิงยีก็ถือว่ามีความสามารถอยู่พอตัว และด้วยเปลวเพลิงอเวจีของเจียงอี้และพลังแห่งดวงดารา พวกเขาก็อาจจะสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนธรรมดาได้แน่นอน แต่โถงวรยุทธก็คงจะส่งยอดฝีมือขอบเขตเทียนจุนมาอย่างน้อยสองคน ซึ่งพวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!
นอกจากนี้เปลวเพลิงอเวจีและพลังแห่งดวงดาราของเขาจะน้อยลงเมื่อถูกใช้งานไป และเมื่อพวกมันหมดไปเจียงอี้ก็จะไม่มีทางสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่นิ่งๆให้เขาสังหารก็ตาม
เขาจึงมีทางเลือกสองทางคือหนึ่ง เดินไปตามทางด้านทิศใต้ของทะเลราตรีสีเลือดแต่อาจจะต้องใช้เวลาสองปีเพราะมันเป็นทางอ้อมที่ไกลมาก
ส่วนทางที่สองคือขึ้นเหนือไปเรื่อยๆและแอบผ่านทวีปทางเหนือซึ่งเส้นทางนี้มันอาจจะมีการต่อสู้กันได้ง่ายๆ และมันจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่หากว่าทวีปเหล่านั้นมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนอยู่ด้วย หรือแม้แต่ยอดฝีมือที่พวกเขาไม่รู้จัก
หรือกล่าวอีกอย่างก็คือมันไม่มีเส้นทางใดง่ายเลย!
ตูม!ตูม! ตูม!
ในท้องฟ้าอันห่างไกลเมฆสีดำเริ่มขึ้นปกคลุมและมีสายฟ้าแลบอยู่ในนั้น ในตอนนี้มันก็ค่ำแล้วและทะเลราตรีสีเลือดก็เริ่มเผยความน่ากลัวออกมา
ชิงหยีเพิ่งย่างปลาเสร็จและนำมันเข้าไปในกระโจมนางยิ้มและพูดว่า “นายน้อย นี่ก็ค่ำแล้ว ท่านน่าจะทานอาหารในกระโจมนะเจ้าคะ!”
“ก็ได้”
เจียงอี้หยุดคิดชั่วคราวและเดินเข้าไปในกระโจมเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารค่ำของเขา
ชิงหยีอาจจะเป็นแม่หญิงแต่ทักษะการทำอาหารของนางนั้นไม่เลวเลยซึ่งมันเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่นำนางเข้าไปในราชวังจักรพรรดิ ด้วยการมีสาวใช้ที่งดงามอยู่ด้วยมันจะทำให้การเดินทางในครั้งนี้ค่อนข้างภิรมย์ทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของชิงหยีก็ค่อนข้างใช้ได้และนางสามารถช่วยเขาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานได้
ขณะที่เขากินปลาย่างและดื่มไวน์เลิศรสเขาก็สังเกตได้ว่าทั้งสองคนไม่ได้มากินข้าวกับเขาในวันนี้ เขารู้สึกแปลกๆจึงแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและพบฉากที่ทำให้เขาแทบจะเลือดพุ่งพล่าน
สาวงามทั้งสองคนกำลังอาบน้ำกันอยู่ริมทะเลพวกนางทั้งสองไม่ได้กังวลกับฟ้าผ่าและยืนเปลือยกายอยู่ที่น้ำตื้น พวกนางเช็ดร่างให้กันอย่างอ่อนโยน ดวงตาของทั้งสองคนนั้นเต็มไปด้วยความเสน่หาและตื่นตาเหมือนลูกแมวน้อยสองตัวที่หิวกระหาย
“นี่นี่มัน!”
เจียงอี้กลืนน้ำลายของเขาและดูเหมือนว่ามีความลังเลอยู่นิดๆ“ข้าก็ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วเหมือนกันนี่นะ ทำไมข้าไม่ให้พวกนางมาช่วยข้าถูหลังกันล่ะ?”