เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 614 ใครโกง
บทที่ 614 ใครโกง
เสียเฟยและคนอื่นๆยังคงมีชีวิตอยู่และพวกเขาก็ยังอยู่กันดี ทุกคนที่กำลังพยายามผ่านด่านนั้นล้วนยังมีชีวิตอยู่
หวู่นี่,เสียเฟย, ถูหลง, หยิ่นรั่วปิง, หลานชายจักรพรรดิแห่งศาสตรา, เจี้ยนอู๋อิง, หลิงชีเจี้ยนและหลิงชือหย่าต่างพากันติดอยู่ในด่านที่สี่และเป็นความยากระดับเลวร้ายซึ่งมันคือ ภูเขาวิญญาณร้าย!
ภูเขาวิญญาณร้ายมีภูเขาทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดลูกซึ่งเขาแต่ละเขาก็ใหญ่มากซึ่งไม่มีพรมแดน ที่สันเขานั้นไม่มีวิญญาญร้ายใดๆ แต่มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวนับไม่ถ้วน ซึ่งภูเขาแต่ละลูกมีจักรพรรดิอสูรคอยเฝ้าอยู่ เพื่อที่จะผ่านด่านที่สี่ให้ได้ พวกเขาต้องผ่านอุปสรรคของสัตว์อสูร และพวกเขายังต้องเดินทางข้ามเขาไปสี่สิบเก้าลูกเพื่อไปยังหมู่บ้านวิญญาณป่าที่ตั้งอยู่กลางเมืองให้ได้
เสียเฟยและคนอื่นๆไม่ได้ช่วยกันเนื่องจากทุกคนถูกแยกออกจากกันเมื่อเข้ามาในด่านนี้ดังนั้นทุกคนจึงต้องฝ่าฟันเอาเองและต้องสังหารเพื่อออกจากที่นี่ให้ได้ แต่โชคดีที่จักรพรรดิอสูรในภูเขาวิญญาณร้ายนั้นจะไม่ออกจากภูเขาของตัวเอง ไม่เช่นนั้นพวกเขาทั้งหมดคงต้องตาย
อีฉานเป็นผู้นำในด่านนี้และทะลวงด่านที่สี่ไปแล้วส่วนหวู่นี่และคนอื่นๆยังพยายามอย่างเต็มที่ในขณะที่เสียเฟยข้ามภูเขาไปได้หลายลูกและผ่านภูเขาไปสี่สิบสองลูกแล้ว ส่วนหลิงชีเจี้ยนใช้สิ่งประดิษฐ์ของตระกูลเพื่อตามหาหลิงชือหย่าและพวกเขาก็วิ่งไปยังหมู่บ้านวิญญาณป่า ซึ่งผ่านไปได้สามสิบแปดลูกแล้วและกำลังจะผ่านด่านนี้ไปได้
แต่ในตอนนั้นเอง…….
มันมีบางสิ่งเกิดขึ้นซึ่งทำให้ทุกคนตกใจและงุนงงมีแสงสีขาววาบขึ้นบนท้องฟ้าและมีรอยแตกปรากฏขึ้นและสัตว์อสูรทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในรอยแตกนั้น สัตว์อสูรมากมายบนภูเขาวิญญาณร้ายก็ถูกกวาดล้างไปจนสิ้น
ทุกคนต่างประคองหัวใจที่สับสนและกระวนกระวายใจและรีบวิ่งไปยังหมู่บ้านวิญญาณป่าและตระหนักถึงสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้นประตูหินของหมู่บ้านวิญญาณป่าไม่สามารถเปิดออกได้และพวกเขาไม่สามารถผ่านไปยังด่านที่ห้าได้!
และมันเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับอีฉานที่อยู่ในด่านที่ห้าซึ่งกำลังเผชิญกับผาดวงจิตหวนกลับที่นั่นไม่มีดวงวิญญาณหรือสัตว์อสูรใดๆ แต่มีอาคมยับยั้งที่น่ากลัวมากมายแทน
บางครั้งฟ้าจะสาดฝนกรวดและน้ำแข็งลงมา,บางคราวก็มีเพลิงโลกาตกลงมา, มีการพัดของพายุลูกใหญ่และสายฟ้าฟาด ซึ่งก่อนหน้านี้อาคมยับยั้งทั้งหมดหายไปและอีฉานใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อไปยังปลายทางผาดวงจิตหวนกลับและพบประตูหินเพื่อผ่านด่านนี้ไป แต่….ประตูหินนั้นไม่เปิด!
ในความยากระดับปานกลางในด่านที่สอง,ด่านที่สาม,และด่านที่หลิวชิงอยู่ นักสู้ทั้งหมดก็ตระหนักได้ว่าอันตรายทั้งหมดหายไปแล้ว พวกเขาปลอดภัยกันหมดแล้วแต่ไม่มีใครสามารถเปิดประตูหินและผ่านไปในด่านต่อไปได้
บรึฟ!
และในขณะที่ทุกคนกำลังไม่เข้าใจภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของพวกเขาทุกคน มีฟ้าผ่าวูบวาบไปทั่วท้องฟ้าซึ่งทำให้เกิดรอยแยกออกมาทันที จากนั้นชุดเกราะรบสีแดงเพลิงที่หรูหรา, ตำราเล่มหนึ่งและกล่องหยกต่างค่อยๆลงมาจากรอยแยกนั้น หลังจากนั้นรอยแยกก็พลันหายไป
“มีคนได้สมบัติอันดับสาม,อันดับสองและอันดับหนึ่งไปในเวลาเดียวกัน!”
สิ่งที่ปรากฏขึ้นในใจของทุกคนทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านในขณะที่พวกเขาพากันตกตะลึงหากไม่ใช่อันตรายที่ถูกปัดเป่าไปและประตูหินไม่สามารถเปิดออกได้ ทุกคนคงคิดว่ามันเป็นความฝันที่ไม่จริง
สมบัติอันดับสามต้องใช้เก้าแต้มและมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนได้มันไปส่วนสมบัติอันดับสองต้องใช้สิบสองแต้มและสมบัติอันดับแรกต้องใช้สิบห้าแต้ม
มันหมายความเช่นไรกัน?
มันหมายความว่าต้องผ่านสิบห้าด่านของระดับปกติ,แปดด่านสำหรับระดับเลวร้ายและห้าด่านสำหรับระดับยากนรก!
แต่ประเด็นสำคัญคือไม่มีผู้ใดจะได้สมบัติทั้งสามอันดับไปและแม้ว่าคนคนนั้นจะผ่านหลายระดับไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังต้องใช้เวลาใช่ไหมล่ะ?
แม้จะเป็นระดับนรกแต่คนผู้นั้นก็ต้องข้ามจากด่านที่สามไปยังด่านที่ห้าเลย มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นไปไม่ได้!ไอรีนโนเวล
มันจึงเป็นเหตุให้เสียเฟยสาดแสงออกมาและกระแทกไปที่ประตูหินอย่างจังจากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว “โกง! มีคนโกง มันเป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ! จักรพรรดิลี้ลับ ท่านช่างไม่ยุติธรรมเลย….”
มันเป็นเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้าขณะที่เสียงคำรามของเสียเฟยดังก้องไปทั่วภูเขาวิญญาณร้ายหวู่นี่, ถูหลง, เจี้ยนอู๋อิง, หลิงชีเจี้ยนและคนอื่นเองก็รู้สึกขุ่นเคืองเช่นกัน พวกเขาลำบากตรากตรำและพยายามมาก แต่ก็ไม่ได้สมบัติเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
และหากมีคนผ่านด่านอย่างสุจริตและได้สมบัติไปพวกเขาก็จะอิจฉาและคิดหาทางปล้นมัน แต่ในตอนนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธและไม่พอใจ
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
คนเดียวที่ไม่มีอารมณ์ใดๆคือหยิ่นรั่วปิงในขณะที่หลิงชือหย่ากำลังฟูมฟาย ดวงตาที่งดงามของหยิ่นรั่วปิงจ้องมองไปที่ท้องฟ้าขณะที่คิ้วของนางถักเข้าหากัน นางพึมพำด้วยความสงสัย “ผู้ใดกันที่จะท้าทายสวรรค์ได้มากถึงเพียงนี้? กฎของการล่าสมบัติถูกเปลี่ยนแปลงไปมากมายได้เช่นนี้? ใช่เขาหรือเปล่านะ?”
“ผู้ใดกัน?”
ในขณะเดียวกันหญิงสาวผมสีม่วงที่กำลังยืนอยู่บนหน้าผาดวงจิตหวนกลับในด่านที่ห้าก็ส่งเสียงที่ดูสับสนออกมา
มีคนได้สมบัติที่สำคัญที่สุดสามชิ้นไปแต่นางไม่ได้โกรธเลย จักรพรรดิอรหังได้สอนคำสอนโบราณไว้มากมายตั้งแต่นางยังเล็ก เช่น มีสิ่งต่างๆมากมายบนโลกนี้ที่ไม่ได้มีความหมายต่อเจ้าและมีสิ่งต่างๆที่เจ้าฝืนเอามาเป็นของตัวเองไม่ได้ หรือคำสอนอีกอย่างเช่น มันเป็นโชคดีที่เจ้าจะได้สิ่งต่างๆไป แต่มันก็เป็นชะตาของเจ้าหากเจ้าจะไม่ได้มันมาครอง
นางไม่ได้สนใจสมบัติมากมายนักเพราะจักรพรรดิอรหังนั้นเป็นคนที่มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลังของตนเท่านั้นตัวเขาเคยมีสมบัติหนึ่งในสิบอันดับแรกของปฐพีนี้ คือคทาวัชระ แต่เมื่อหลายปีก่อนเขาก็ทิ้งสมบัติล้ำค่าไว้ในเมืองจักรพรรดิอรหังและจะไม่มีวันใช้มันในการต่อสู้ แต่แทนที่ความแข็งแกร่งจะลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นและทำให้ชื่อเสียงของเขาเลื่องลือไปทั่วยุทธภพในด้านพละกำลังของเขา
นางเพียงแค่อยากรู้เรื่องบุคคลที่ได้สมบัติทั้งสามชิ้นนี้ไปนางเป็นเหมือนกับหยิ่นรั่วปิงและไม่เคยเคลือบแคลงใจจักรพรรดิลี้ลับเลย หากมีคนโกงแล้วมันจะมีความหมายอะไรที่จักรพรรดิลี้ลับจะทิ้งราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี้ไว้?
เขาเป็นจักรพรรดิอันดับหนึ่งตลอดทุกยุคทุกสมัยที่เป็นทั้งผู้พิทักษ์และวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี้ถูกทิ้งไว้ให้กับรุ่นหลังเพื่อช่วยให้เผ่าพันธุ์มนุษย์รุ่งเรือง เหตุใดเขาจึงไม่เอาราชวังไปกับเขาด้วยซะเลย?
เมื่ออาคมยับยั้งทั้งหมดสูญสิ้นไปอีฉานก็สงสัยว่าการล่าสมบัติสิ้นสุดลงแล้วจึงส่งผลให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ แต่นางไม่รู้ว่าเหตุใดทุกคนถึงไม่ถูกส่งตัวออกไป
“หรือมันจะเป็นเขากัน?”
อีฉานมองไปแต่ไกลในขณะที่ดวงตาของนางกำลังเปล่งประกายไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นางนึกถึงบุคคลผู้เดียวเท่านั้นนางเป็นคนแรกที่ผ่านด่านแรกมาได้ แต่มีคนได้สมบัติอันดับเก้าไปซึ่งมันควรจะเป็นของนางและเป็นคนแรกที่ได้สามแต้ม
นางนึกได้ทันทีว่าคนผู้นั้นจะต้องเลือกความยากระดับนรกไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ผ่านมาได้เร็วเช่นนี้ และตอนนี้นางก็ยังเชื่อด้วยว่าหากมีผู้ใดได้สมบัติสามชิ้นแรกไป มันจะต้องเป็นคนที่เลือกความยากระดับนรกเป็นแน่!
…
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ในความยากระดับนรกเจียงอี้ตกตะลึงมากเมื่อเห็นสมบัติสามชิ้นลอยลงมาจากท้องฟ้า
ไม่ใช่ว่าเขาเพียงบอกเรื่องปกติหรอกหรือราชาปีศาจของเมืองเฟิงตูคือผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับจริงๆหรือ? เหตุใดผีดิบทั้งหมดในเมืองเฟิงตูถึงหายไป และตอนนี้สมบัติก็หล่นลงมาจากฟ้าอีก?
ปัง!
ชุดเกราะสีแดงเพลิงตกลงมาที่พื้นและส่งเสียงสะท้อนที่ชัดเจนในขณะที่กล่องหยกกลิ้งมาอยู่ข้างๆเขานอกจากนี้มันยังมีคู่มือที่สลักคำเอาไว้ว่า “หลีกสวรรค์” ซึ่งเจียงอี้มองเห็นมันอย่างชัดเจน!
“เกราะเมฆาอัคคี,วิชาหลีกสวรรค์ และหญ้ามังกรยาจก!”
เจียงอี้อาจมีจิตใจที่เข้มแข็งแต่เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ตัวเองได้และแม้ว่าเขาจะเป็นคนซื่อบื้อ แต่เขาก็รู้ว่ามันคือสมบัติสามอันดับแรก
แต่อย่างไรก็ตาม…!
มันมีเหตุผลอะไร?
ทำไมพวกเขาถึงมอบมันให้กับเจียงอี้?เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นเพราะเขาเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของจักรพรรดิลี้ลับ? เพียงเพราะเขาใช้วิธีการที่ไม่เหมือนใครในการผ่านด่านที่สองและสาม? หรือเพียงเพราะเขาเดาว่าราชาปีศาจของเมืองเฟิงตูคือผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิแห่งนี้จริงๆ?
แต่เขาก็คิดว่ามันยังห่างไกลมากนักจักรพรรดิลี้ลับจะไม่มีวันโกงและไม่มีวันเปลี่ยนกฏแม้จะมีคนโกง และหากจะมีคนโกง มันคือผู้พิทักษ์ที่เป็นคนโกง แต่ทำไมล่ะ….ทำไมเขาถึงโกงกัน?
ขณะที่เจียงอี้กำลังงุนงงอยู่เสียงที่แก่ชราก็ดังขึ้นมาและดังก้องอยู่ในดวงจิตวิญญาณของเขา “เจ้าหนู เจ้าจะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม? มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนหลายสิบคนอยู่ด้านนอกราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ อีกครึ่งเดือนเจ้าจะถูกย้ายออกไป หากเจ้าไม่สามารถขัดเกลาเกราะเมฆาอัคคีและเข้าถึงวิชาหลีกสวรรค์ได้ภายในสองสัปดาห์ เจ้าก็รอความตายได้เลย…”
ตูม!
ดวงจิตวิญญาณของเจียงอี้สั่นสะท้านขณะที่ในที่สุดเขาก็เข้าใจมีคนโกงจริงๆ และมันคือผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับที่เป็นคนโกง!