เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 615 ทุกสิ่งมันมีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 615 ทุกสิ่งมันมีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว!
บทที่ 615 ทุกสิ่งมันมีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว!
เอ๋าหลูโกงจริงๆ!
เขาเป็นผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและมีอำนาจในการโกงแต่แน่นอนว่า….มันผ่านมากว่าเจ็ดแสนปีแล้วที่เขาไม่เคยโกงเลย เพราะเขาไม่กล้าและไม่มีเหตุผลให้ทำเช่นนั้น
แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปแล้วเขากำลังจะจากราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับไปในอีกสองสัปดาห์และจะเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์ และเขาจะไม่ใช่ผู้พิทักษ์ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับอีกต่อไป และราชวังแห่งนี้จะไม่มีการล่าสมบัติอีกต่อไปเพราะเขาจะนำมันไปไว้ที่หุบเขาลี้ลับและปล่อยให้ผู้มีชะตาต้องเป็นคนได้รับมันไป
ซึ่งคนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นคือเจียงอี้!
ย้อนไปในตอนนั้นจักรพรรดิลี้ลับอวดอ้างตัวเองว่าเป็นผู้ฉลาดล้ำและพูดว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นส่วนที่ซ่อนอยู่ที่เขาสร้างขึ้นมา และยังบอกอีกว่าไม่มีใครรู้ถึงความตั้งใจจริงของเขาและไม่มีใครจะมองเห็นตัวตนของราชาปีศาจเมืองเฟิงตูได้
และในความเป็นจริงแล้วเมืองเฟิงตูมีราชาปีศาจเพียงหนึ่งเดียวที่มีความสูงสามร้อยเมตรและมีลักษณะที่น่ากลัว และผู้ที่ควบคุมราชาปีศาจนั้นก็คือเอ๋าหลู
ในเวลานั้นเอ๋าหลูวางแผนเอาไว้และใช้จิตวิทยาย้อนกลับเพื่อเดิมพันกับจักรพรรดิลี้ลับ เขากล่าวเอาไว้ว่าหากมีผู้ใดมองเห็นตัวตนของเขาในฐานะผู้พิทักษ์ได้ เขาก็จะได้อิสรภาพกลับคืนไป
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จักรพรรดิลี้ลับจะไม่รู้ถึงแผนการของเอ๋าหลู?แต่เขาก็รับปากมันจริงๆและเอ๋าหลูก็ปฏิบัติตามข้อตกลงของจักรพรรดิลี้ลับอย่างเชื่อฟัง เอ๋าหลูไม่กล้าจะให้คำใบ้ใดๆและไม่เคยเปิดเผยข้อบกพร่องใดๆออกมาเลย
แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าด่านแต่ละด่านที่จักรพรรดิลี้ลับสร้างขึ้นนั้นยอดเยี่ยมมาก
ทุกด่านนั้นถูกจำลองขึ้นจากข่าวลือเกี่ยวกับปรโลกและแม้ว่าจะมีผู้ที่ฉลาดที่จะรู้ว่ามันเป็นเพียงการสร้างขึ้นเพื่อตั้งใจจะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน แต่ใครจะไปคิดกันล่ะว่าเสียงของราชาปีศาจของเมืองเฟิงตูจะเป็นผู้พิทักษ์ราชวังนี้?
คนทั่วไปก็จะมีความคิดทั่วไปและคิดว่าผู้พิทักษ์ราชวังนี้จะอยู่ด่านสุดท้ายเป็นที่ซึ่งพวกเขาจะต้องต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับผู้พิทักษ์ ส่วนราชาปีศาจนี้น่ากลัวมากและในสถานการณ์เช่นนี้ ใครจะไปคิดถึงเขากัน?
ดังนั้นเอ๋าหลูจึงต้องรอมานานกว่าเจ็ดแสนปี!
เมื่อเวลาผ่านไปความเป็นไปได้ในการเปิดเผยตัวตนของราชาปีศาจจะลดลง เพราะไม่มีมนุษย์หรือสัตว์อสูรตนใดจะอยู่ได้นานเช่นนี้ อายุขัยของสัตว์อสูรยาวนานมากก็จริง แต่แม้จะเป็นจักรพรรดิอสูรก็อยู่ได้เพียงไม่กี่พันปีเท่านั้น แค่ผู้ที่มีอายุถึงหมื่นปีก็น่าประหลาดใจมากพอแล้ว
ไม่มีใครจินตนาการได้เลยว่าโลกนี้ยังมีสัตว์อสูรประเภทหนึ่งที่อายุยืนยาวกว่าสัตว์อสูรธรรมดาถึงร้อยเท่า….มันคือเต่าดำ[ผู้เป็นหนึ่งในสี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์และอายุยืนยาว]
เอ๋าหลูได้หมดหวังไปนานแล้วแต่ในที่สุดเขาก็ทะลวงขั้นสุดท้ายเพื่อเป็นจักรรพดิอสูรได้ ซึ่งอายุขัยของเขาอาจยาวนานเป็นล้านปีแล้ว แต่มันก็ผ่านไปกว่าเจ็ดแสนปีแล้วและไม่มีผู้ใดเห็นความตั้งใจจริงของจักรพรรดิลี้ลับเลย และหากไม่มีใครเปิดเผยตัวตนของเขาได้ เขาก็จะต้องแก่ตายอยู่ในที่แห่งนี้
จนกระทั่งวันนี้วันที่เจียงอี้ปรากฏตัวขึ้น!
เจียงอี้มองเห็นความตั้งใจของจักรพรรดิลี้ลับและสิ่งที่ซ่อนอยู่ของเขาได้อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่เพราะเขาฉลาดแต่มันเป็นเพราะว่าเขามีดวงจิตวิญญาณที่ไม่เหมือนผู้ใด
หากไม่ใช่เพราะดวงจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาเขาก็คงจะไม่สามารถผ่านด่านที่สองมาได้และคงจะไม่สามารถมองร่างของผีดิบในด่านที่สามได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งนั้นทำให้เขาค้นพบแกนกลางที่ควบคุมเหล่าทหารผีดิบ ซึ่งทำให้เขาเดาถึงตัวตนของราชาปีศาจได้ด้วย
ท้ายที่สุดแล้วเจียงอี้ต้องขอบคุณดวงจิตรูปดาบของเขาและศาสตร์นิรนามที่แปลกประหลาดของเขา หากไม่ใช่เพราะศาสตร์นั้น ดวงจิตวิญญาณของเขาคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้
ทุกสิ่งมันมีเหตุและผลของมันอยู่แล้ว!
หากไม่ใช่เพราะอีฉานเจียงอี้ก็คงไม่มาที่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับนี่และหากไม่ใช่เพราะเฟยเทียน เขาก็คงไม่เข้ามาในนี้ หากไม่ใช่เพราะโถงวรยุทธ เฟยเทียนก็คงจะไม่มีเรื่องบาดหมางกับเขา และหากไม่ใช่เพราะโถงวรยุทธ เขาเองก็ไม่ต้องเดินทางไปยังทวีปจักรพรรดิบูรพาด้วยซ้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะมีชะตา, เหตุและผลของมันเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเจียงอี้ก็เป็นผู้มีพระคุณของเอ๋าหลูและทำให้เอ๋าหลูได้อิสรภาพคืนมา ทำให้ตอนนี้เขากลับไปยังทะเลลึกไร้สิ้นสุดและไปหาลูกหลานเขาได้แล้ว
ดังนั้นเอ๋าหลูจึงได้รู้สึกซาบซึ้งต่อเจียงอี้มาก มันจึงเป็นเหตุให้เขาโกง แต่เจียงอี้ก็มองเห็นสิ่งที่จักรพรรดิลี้ลับซ่อนเอาไว้ได้ ดังนั้นเอ๋าหลูจึงเชื่อว่าเจียงอี้จะมองเห็นส่วนที่เหลืออย่างทะลุปรุโปร่งเช่นกัน เจียงอี้เลือกความยากระดับนรกและเขาจะเป็นสุดยอดผู้ชนะ
แต่แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ….ไอรีนโนเวล
ดวงจิตวิญญาณจักรพรรดิลี้ลับที่เหลืออยู่ได้ทิ้งคำพูดที่ทำให้เอ๋าหลูไม่พอใจขึ้นมาเขาห้ามแตะต้องสมบัติใดๆในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับ? เช่นนั้นมันก็หมายความว่าเขายังสามารถทำตามกฎและมอบสมบัติให้แก่ผู้ใดก็ได้จริงไหม?
เจียงอี้ช่วยเขาไว้และเขาเองก็ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครนอกจากนี้เจียงอี้ยังเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ ดังนั้นทุกอย่างจึงสมเหตุสมผลและมันคือเหตุผลเบื้องหลังของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
…
เจียงอี้ไม่รู้ถึงเหตุและผลเหล่านั้นแต่เขารู้ว่าตัวเองได้รับโอกาสที่ท้าทายสวรรค์นี้แล้ว
“หญ้ามังกรยาจก!”
เขาไม่ได้มองเกราะเมฆาอัคคีและวิชาหลีกสวรรค์เลยแต่จดจ่อไปที่กล่องหยกที่เท้าของเขา เขาค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกล่องหยกกล่องนั้นขึ้นมาในขณะที่มือของเขาสั่นเทาไปหมด
กล่องหยกนั้นเบามากแต่เขารู้สึกว่ามันหนักอึ้งไปหมดเพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ถือกล่องหยกหรือหญ้ามังกรยาจกอยู่แต่เขาถือความหวังอยู่ ความหวังที่เขาจะทะยานไปสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้าเหมือนมังกรและหวังว่าความสำเร็จของเขาจะโชติช่วง!
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทุกคนบอกเขาว่าไม่ควรขัดเกลาศิลาสวรรค์ ไม่เช่นนั้นอนาคตของเขาก็จะพังทลายลง ตัวเขามีการบ่มเพาะพลังที่แปลกประหลาดและหากว่าเขาฝึกฝนอย่างขันแข็ง ภายภาคหน้าเขาจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด
แต่ก่อนหน้านี้มีผู้คนต้องการสังหารเขามากมายเพียงใด?มี่กี่คนที่มองเขาอย่างละโมบ? หากเขาไม่เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง เขาก็จะดับสิ้นไปในทันที
ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะขัดเกลาศิลาสวรรค์และทำลายอนาคตตัวเอง!
มันคงเป็นไปไม่ได้หากเขาบอกว่าตัวเองไม่เสียใจเลยจอมยุทธคนใดบ้างที่ไม่ปรารถนาที่จะก้าวไปสู่จุดสุดยอด? จอมยุทธคนใดบ้างที่ไม่ปรารถนาที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยืนหยัดเหนือผู้คนทั้งปวง?
การได้ยินตำนานของจักรพรรดิลี้ลับมันทำให้ใจของเขายิ่งขมขื่นและทำให้เขาปรารถนาหญ้ามังกรยาจกมากขึ้น
เพื่อก้าวข้ามความว่างเปล่าและไปสู่จุดสูงสุดให้ได้!
นี่อาจเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของจอมยุทธทั้งหมดเลยใช่ไหม?
ในตอนนี้เขามีความหวังที่จะรุ่งโรจน์เหนือสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เป็นผู้ไร้เทียมทานได้แล้ว มันจินตนาการได้เลยว่าเขาจะรู้สึกมากเพียงใด
ตราบใดที่คนเราแข็งแกร่งก็จะไม่มีวันถูกคนอื่นกดขี่และจะสามารถปกป้องครอบครัวและคนที่ตนรักได้ เขาจะสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ และดื่มด่ำไปกับการแก้แค้น!
เขาต้องการตามหาอีเพียวเพียวและช่วยเหลือผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดเขาต้องการจะทำลายโถงวรยุทธให้สิ้นซาก แต่การที่จะทำทุกสิ่งได้นั้น มีสิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือ….ความแข็งแกร่ง!
เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นเขาต้องใช้หญ้ามังกรยาจก ไม่เช่นนั้นเขาก็จะถูกกำหนดให้เป็นมังกรที่ติดอยู่ในห้วงทะเลลึกและไม่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ชั่วนิรันดร์
“ฮู่วววว….”
เขาถอนลมหายใจออกมาและบังคับให้มือหยุดสั่นจากนั้นก็ค่อยๆหมุนเวียนแก่นแท้พลังและเปิดกล่องหยกขึ้นมา เมื่อเขาเห็นก้านสมุนไพรวิญญาณที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีขาว เขาก็หลับตาลง
ปึบ!
เขาปิดกล่องหยกนั้นและคุกเข่าลงข้างหนึ่งจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากขอรับ ข้าไม่รู้จะสรรหาคำใดมากล่าวถึงน้ำใจของท่านได้เลย!”
เขาคำนับสามครั้งด้วยความเคารพสูงสุดและเก็บหญ้ามังกรยาจกไว้ในไข่มุกวิญญาณเพลิงจากนั้นเขาก็หยิบชุดเกราะสีแดงเพลิงและตำราคู่มือสีเหลืองอ่อนขึ้นมา
เอ๋าหลูไม่ได้พยายามที่จะขู่ใครด้วยคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ที่บอกว่าทุกคนจะถูกส่งกลับออกไปในสองสัปดาห์ หากเขาไม่สามารถขัดเกลาเกราะเมฆาอัคคีและเข้าใจวิชาหลีกสวรรค์ได้ทันเวลา เขาจะต้องพินาศอย่างแน่นอน และหญ้ามังกรยาจกก็จะถูกฉกไปอย่างง่ายดาย
เขาไม่ได้ขัดเกลาเกราะเมฆาอัคคีก่อนแต่เปิดอ่านตำราวิชาหลีกสวรรค์ก่อนเขาอ่านรายละเอียดของวิชานั้นและจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ที่สุกสกาว
…