เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 616 จักรพรรดิลี้ลับ ท่านช่างไม่ยุติธรรม!
- Home
- เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven
- บทที่ 616 จักรพรรดิลี้ลับ ท่านช่างไม่ยุติธรรม!
บทที่ 616 จักรพรรดิลี้ลับ ท่านช่างไม่ยุติธรรม!
ตูม!ตูม! ตูมม!
ในความยากระดับนรก….ณ หมู่บ้านวิญญาณป่าที่ตั้งอยู่กลางภูเขาวิญญาณร้าย…มีเสียงสะท้อนของเสียงคำรามที่โกรธเกรี้ยวของเสียเฟยอยู่ “จักรพรรดิลี้ลับ ท่านช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย! ไม่ยุติธรรมเลย! หากท่านไม่ให้เหตุผลที่ดีมา ข้าจะไม่ร้างลากับเรื่องนี้แน่!”
เสียเฟยเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธขณะที่เขากระแทกประตูหินยักษ์อย่างไม่หยุดหย่อนแต่ประตูหินก็ยังแผ่อาคมยับยั้งออกมาและไม่มีทีท่าว่าจะเสียหายอะไรเลยไม่ว่าเสียเฟยจะโจมตีหนักแค่ไหนก็ตาม มันเป็นอาคมยับยั้งที่ทรงพลังอย่างแท้จริง
ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว!
ขณะที่หวู่นี่และคนอื่นๆกลับสู่ความสงบและนั่งขัดสมาธิกันพวกเขาพากันไปรวมตัวอยู่ตรงต้นไม้เก่าแก่ข้างประตูหินขณะที่เสียเฟยยังคงขุ่นเคืองและคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“นายน้อยเฟยช่างมันเถอะ”
หวู่นี่พยายามเกลี้ยกล่อมเขาแต่เสียเฟยก็ไม่ฟังเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายน้อยเฟย ท่านกำลังเสียสติไปแล้ว”
ถูหลงผู้สวมชุดเกราะหนังสัตว์พูดว่า“นายน้อยเฟย จักรพรรดิลี้ลับจากไปนับเจ็ดแสนปีแล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกที่ท่านจะตะโกนออกไปจนสุดเสียง พวกเราควรระดมสมองหาทางออกกันดีไหม? นี่มันก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว ทำไมจึงยังไม่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปเสียที?”
“ใช่แล้ว!”หลิงชีเจี้ยนถอนหายใจอย่างเป็นกังวลพร้อมพูดว่า “สถานการณ์ในการล่าสมบัติครั้งนี้เปลี่ยนไป คงจะเป็นการดีกว่าหากเราไม่ถูกขังอยู่ที่นี่จนวันตาย”
เจี้ยนอู๋อิงผู้เป็นหลานชายจักรพรรดิแห่งศาสตราถือขลุ่ยหยกไว้ในมือและสวมชุดคลุมสีเหลืองอยู่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิงชีเจี้ยน ดวงตาของเขาก็เผยร่องรอยของความหวาดกลัวขณะที่โน้มตัวไปหาหยิ่นรั่วปิง เขามองไปที่นางและถามว่า “พี่ใหญ่ปิง พวกเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้กันจริงๆหรือ?”
ขณะที่เจี้ยนอู๋อิงพูดเขาก็รู้สึกกลัวมากและต้องการจะโผเข้ากอดหยิ่นรั่วปิง แต่หยิ่นรั่วปิงก็ชี้นิ้วไปที่หน้าผากของเจี้ยนอู๋อิงและผลักเขาออกไป “นายน้อยอู๋อิง อย่าพยายามทำตัวน่าสงสารกับข้าเลย ข้าไม่ใช่พี่ใหญ่ของตระกูลท่าน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวู่นี่,หลิงชีเจี้ยนและคนอื่นๆต่างก็หัวเราะดังลั่นออกมา ถูหลงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “แม่นางปิง เด็กเจ้าเล่ห์คนนี้มีพรสวรรค์ที่สูงนัก มีข่าวลือว่าเขาเริ่มสำราญกับสตรีตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ และหญิงสาวเหล่านั้นที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีในเมืองจักรพรรดิแห่งศาสตราถูกเขาทำลายจนย่อยยับไปหมด….”
“ฮึ่ม!”
ความอับอายของเจี้ยนอู๋อิงกลับกลายเป็นความโกรธขณะที่เขายืนขึ้นมาเขาเปล่าขลุ่ยของเขาและพูดกับถูหลงด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและน่ากลัวว่า “เจ้ามนุษย์อสูร เจ้าอยากตายหรือ?”
“โอ้ท่านต้องการจะสู้หรือ? อย่าคิดว่าข้ากลัวเพราะท่านเพียงกำลังกวัดแกว่งขลุ่ยคล้องวิญญาณอยู่นะ!”
ถูหลงลุกขึ้นยืนอย่างไม่เกรงกลัวและพูดจาด้วยน้ำเสียงยียวน“ข้าอาจจะพูดจายียวนก่อน แต่ทุกคนเป็นพยานได้ว่าเด็กนี่เป็นคนเข้ามาหาเรื่อง หากข้าทำให้เขาพิการไป ได้โปรดช่วยข้าบอกเหตุผลแก่จักรพรรดิแห่งศาสตราด้วย”
“เอาล่ะเอาล่ะ!”
หวู่นี่รีบไปไกล่เกลี่ยสถานการณ์“เราอยู่ในสถานการณ์เช่นไรกัน? การสู้และสังหารกันมันมีความหมายอะไรกัน? ช่วยกันคิดหาทางออกไปจากที่นี่ก่อนดีไหม?”
“ใช่แล้ว!”
หลิงชือหย่าก็พูดอย่างเฉยเมยเช่นกัน“หากพวกเจ้าอยากจะสู้กันก็รอออกไปข้างนอกให้ได้ก่อน เราไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อออกไปข้างนอกแล้ว แต่เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ในตอนนี้ พวกเจ้าก็ยังจะก่อเรื่องกันอีกหรอ?”
“ฮึ่ม!”
ถูหลงและเจี้ยนอู๋อิงพากันเบือนหน้าหนีอย่างไม่พอใจและนั่งลงเงียบๆเก้าตระกูลจักรพรรดินั้นเป็นเหมือนลูกพี่ลูกน้องกันและพวกเขาจะไม่มีเรื่องกันโดยตรง ถูหลงและเจี้ยนอู๋อิงเองก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน และแม้ว่าพวกเขาจะสู้กันแต่พวกเขาก็จะไม่ทำให้ฝ่ายใดฝ่ายนึงพิการไป
“จักรพรรดิลี้ลีบไสหัวไปซะ! หากท่านไม่อธิบายให้ข้าฟัง เสียเฟยจะไม่มีวันเชื่อ….”Aileen-novel
ตูม!ตูม! ตูม!
เสียเฟยยังคงร้องออกมาและโจมตีประตูหินอย่างไม่หยุดหย่อนเขาเหมือนคนบ้าและหัวรั้นมาก หลิงชือหย่าที่กังวลอยู่แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเพราะความขัดแย้งของเจี้ยนอู๋อิงและถูหลง นางจึงพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เสียสติไปแล้ว ตระกูลเสียเสียสติกันไปหมด”
“แม่นางหย่าท่านผิดแล้ว”
หยิ่นรั่วปิงยิ้มเบาๆราวกับดอกไม้ที่ผลิบานนางส่งสายตาชื่นชมไปยังเสียเฟยและกล่าวว่า “ที่เสียเฟยดื้อดึงไม่ใช่เพราะเขาเสียสติไปแล้ว แต่อันที่จริงแล้วเขาฉลาดนัก กฎของราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเปลี่ยนแปลงไปและเขาต้องการการแสดงการตอบโต้ออกมา หากเขาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิลี้ลับได้ล่ะ? นอกจากนี้ ที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะเขาเพียงต้องการจะออกไปข้างนอก”
“เขาอยากออกไปข้างนอก?”
หลิงชือหย่าไม่เข้าใจเลยส่วนถูหลงและหลิงชีเจี้ยนก็ขมวดคิ้วและดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจเช่นกัน หวู่นี่และเจี้ยนอู๋อิงต่างก็มองไปที่เสียเฟยอย่างครุ่นคิด
ตูม!
ในขณะนั้นเองท้องฟ้าก็แปรปรวนในทันใดและทำให้ทุกคนตกใจ เสียเฟยหยุดการโจมตีของเขาทันทีและดวงตาของเขาสว่างขึ้นและจ้องมองไปที่ท้องฟ้าและเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
ตูม!
ในวินาทีต่อมาเขาไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป เพราะสายฟ้าทะลุผ่านสวรรค์และฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเขานั้นถูกตรึงเอาไว้และไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากเห็นสายฟ้าฟาดลงมา
จี๊ด!จี๊ด!
เสื้อคลุมสีแดงของเสียเฟยถูกทำลายไปและร่างของเขาก็ไหม้เกรียมแม้แต่ผมเผ้าของเขาก็กลายเป็นควันดำไปหมด มันมีอสรพิษอัสนีขดอยู่รอบตัวเขาและเปล่งแสงออกมาจนทำให้ร่างของเขากระตุกไม่หยุดหย่อน หากไม่ได้สร้อยคอกระดูกสัตว์ร้ายที่สว่างขึ้นมาและส่งพลังงานเข้าสู่ร่างของเขา เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้
“ไม่นะ!”
เนื่องจากเสื้อคลุมของเสียเฟยถูกทำลายไปแล้วเขาจึงอยู่ในร่างที่เปลือยเปล่า ตัวของเขาอาจไหม้เกรียมไปทั้งตัวและบริเวณขาหนีบของเขาก็ด้วย แต่ส่วนลับของเขานั้นก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งทำให้หลิงชือหย่าเขินอายทันทีและหันกลับไปขณะที่ใบหน้าของหยิ่นรั่วปิงกลายเป็นสีแดงระเรื่อพร้อมกับก้มหน้าลงไป
จี๊ด!จี๊ด!
อสรพิษอัสนียังคงอยู่บนร่างของเสียเฟยและทุกคนก็ได้กลิ่นเนื้อไหม้ที่กำลังถูกย่างอยู่ถูหลงและคนอื่นๆมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขยับ ไม่มีผู้ใดอยากช่วยเหลือเสียเฟยเลย แม้ว่าเก้าตระกูลจักรพรรดิจะเป็นเหมือนพี่น้องกัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ที่ดีจนต้องเสี่ยงชีวิตของพวกเขาไปช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
บรึฟ!
ทันใดนั้นร่างของเสียเฟยก็สว่างวาบด้วยแสงสีขาวขณะที่ร่างกายของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย และความแปรปรวนของท้องฟ้าก็ค่อยๆหายไปขณะที่สภาพแวดล้อมกลับสู่ภาวะปกตินอกเหนือจากฝุ่นละอองที่ลอยอยู่
“เอ่อ….”
หลิงชีเจี้ยน,หวู่นี่และคนอื่นๆส่งเสียงประหลาดใจและมองไปรอบๆพร้อมกับตรวจสอบด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมองไปที่ใด พวกเขาก็ไม่เห็นร่างของเสียเฟยเลย ซึ่งถูหลงก็กระพริบตาและพูดออกมาอย่างไม่สมัครใจว่า “นายน้อยเฟยคงจะไม่…ได้กลายเป็นผุยผงหรอกใช่ไหม?”
หลิงชีเจี้ยนเริ่มมีท่าทางอึดอัดใจหากเสียเฟยตาย จักรพรรดิแห่งหมู่มารคงจะเดือดดาลเป็นแน่และทวีปจักรพรรดิบูรพาก็จะเกิดพายุเลือดขึ้นอย่างแน่นอน
“ไม่มีทาง!”
ดวงตาของหวู่นี่เต็มไปด้วยความสดใสขณะที่เขาส่ายหัวและกล่าวว่า“นายน้อยเฟยมีกระดูกของเทพอสูรโบราณซึ่งมันเป็นเครื่องรางป้องกัน การโจมตีจากสายฟ้าคงไม่สามารถสังหารเขาได้ เขาต้องถูกย้ายออกไปแล้วแน่ๆ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่การคาดเดาของแม่นางหยิ่นจะเป็นเรื่องจริง? ความพยายามของนายน้อยเฟยทำให้จักรพรรดิลี้ลับเคลื่อนไหวและเขาก็ได้รับโอกาสดีๆไป?”
“นี่….”
คำพูดของหวู่นี่ทำให้ทุกคนตาสว่างขึ้นถูหลงก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและต้องการเลียนแบบเสียเฟยและกระแทกไปยังประตูหิน แต่เมื่อเขานึกถึงสายฟ้าที่น่ากลัวนั่น เขาก็ขนหัวลุกและคิดถึงความเป็นไปได้ที่เสียเฟยอาจจะกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไป
“ฮึฮึ!”
หยิ่นรั่วปิงหัวเราะเบาๆและเดินกลับไปที่เดิมของนางและนางก็นั่งบนก้อนหินก้อนหนึ่ง เมื่อทุกคนมองไป นางก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “หากข้าเดาไม่ผิด เสียเฟยก็คงจะถูกย้ายออกไปแล้ว และในไม่ช้าเราก็จะได้ออกไปเช่นกัน”
“แม่นางปิงชาญฉลาดมากจริงๆหวู่นี่เชื่อในตัวท่าน!”
หวู่นี่ชะงักเล็กน้อยและพยักหน้าเบาๆขณะที่ยกมือป้องกำปั้นไปที่สาวงามหยิ่นรั่วปิงจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ทุกคนนั่งกันก่อนเถิด แม่นางปิงพูดถูกแล้ว ข้าคิดว่าเราทุกคนจะออกไปได้หลังจากนี้อีกไม่นาน”
“ออกไปข้างนอก!”
ดวงตาของทุกคนเป็นประกายขณะที่เจี้ยนอู๋อิง,หวู่นี่, ถูหลงและดวงตาของคนอื่นๆเริ่มเผยจิตสังหารออกมา ซึ่งความหมายมันชัดเจนมาก
ตราบใดที่พวกเขาออกไปได้และหากอีฉานไม่ได้สมบัติทั้งสามชิ้นนั้นไปมันก็แปลว่าผู้ที่ได้สมบัติสามชิ้นนั้นจะต้องถูกสังหาร