เพลิงพิโรธสวรรค์ Fury towards the burning heaven - บทที่ 617 เคลื่อนย้ายกำลังพล
บทที่ 617 เคลื่อนย้ายกำลังพล
เสียเฟยได้ออกไปแล้วจริงๆเจ็ดวันในการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งและคำสาปแช่งของเขาทำให้เอ๋าหลูเดือดดาล ซึ่งเอ๋าหลูไม่ได้คิดจะสังหารเขาและปฏิบัติตามข้อตกลงของเขากับจักรพรรดิลี้ลับ ดังนั้นเขาจึงแค่สั่งสอนเสียเฟยและส่งเขาออกไปเท่านั้น
บรึฟ!
แสงวูบผ่านออกมานอกราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับขณะที่มีร่างที่ไหม้เกรียมและเปลือยเปล่ากำลังตกลงมาจากกลางอากาศทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านนอกตกตะลึง
“นายน้อย!”
ผู้เชี่ยวชาญในชุดเกราะสีแดงโลหิตแผ่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปและหน้าซีดไปด้วยความตกใจร่างของเขากลายเป็นภาพหลังขณะที่บินไปจับเสียเฟยที่หมดสติอยู่ เมื่อเขาเห็นว่าเสียเฟยยังมีชีวิตอยู่เขาก็รู้สึกดีใจทันทีและอุ้มเสียเฟยออกไป
ฟรึ่บ!
ทหารลับของตระกูลต่างๆไม่สามารถนิ่งดูดายได้อีกต่อไปเสียเฟยออกมาแบบเป็นๆขณะที่นายน้อยและคุณหนูของพวกเขายังคงไร้วี่แวว จากนั้นพวกเขาก็บินไปล้อมรอบเสียเฟยเอาไว้และหนึ่งในนั้นก็พูดว่า “เสียจวิน นายน้อยเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าควรพาเขาลงไปพักฟื้นเสียก่อนนะ”
ทหารลับของตระกูลเสียถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้หากคนเหล่านี้ไม่รู้ว่านายน้อยและคุณหนูของพวกเขาเป็นตายร้ายดียังไง พวกเขาคงจะไม่ปล่อยให้เขาไปจากที่นี่ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาเสียเฟยไปยังกระโจมลิขิตสวรรค์ก่อน
ฟึ่บ!
ทุกคนหายเข้าไปในกระโจมลิขิตสวรรค์ซึ่งด้านนอกนั้นเกิดความโกลาหลเป็นอย่างมากทุกคนต่างคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายในราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับและพากันคาดเดาว่าพวกเขาทุกคนตายไปแล้วหรือยัง? ในที่สุดตอนนี้สถานการณ์ก็ยังดีขึ้นเมื่อเสียเฟยออกมาแล้ว แต่ราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับยังคงอยู่ซึ่งหมายความว่าทุกคนในนั้นอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
“เวรเอ้ย!”
เสียเฟยไม่ได้หมดสติไปจริงๆเขาเพียงแค่เสแสร้ง เพราะว่าเขาอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชและทุกคนก็เห็นของลับของเขากันหมด หากเขาไม่แสร้งทำเป็นหมดสติ เขาก็ควรจะหาที่ซ่อนเสียดีกว่า
หลังจากที่เข้าไปยังกระโจมลิขิตสวรรค์แล้วเขาก็ส่งข้อความไปยังทหารลับทันทีโดยให้ทหารลับของเขาช่วยเขาพักฟื้นและช่วยเขา…สวมเสื้อผ้า
กระโจมลิขิตสวรรค์อาจดูเล็กแต่มันเป็นที่ที่ต่างไปอย่างสิ้นเชิงเนื่องจากมีตำหนักที่หรูหราอยู่ภายใน เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์การปรับแต่งเครื่องมือ ถังเทียนจี เขาได้สร้างเครื่องมือนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับตระกูลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นและตระกูลถังก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากกระโจมลิขิตสวรรค์เพื่อเพิ่มอิทธิพลขึ้นมาและทำให้พวกเขาได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในสิบสมาคมการค้าอันดับต้นๆในทวีปจักรพรรดิบูรพา
เสียจวินขอให้ทุกคนรอที่โถงด้านข้างในขณะที่เขาพาเสียเฟยเข้าไปในห้องและหมุนเวียนแก่นแท้พลังเพื่อช่วยให้เสียเฟยฟื้นตัวโดยใช้ยาวิญญาณที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลเสีย
ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงสะเก็ดสีดำบนตัวของเสียเฟยก็หลุดออกไปและผิวของเขาก็ดูเปล่งประกาย ผมบนหัวและลำตัวของเขาไม่สามารถงอกออกมาได้อีกต่อไป เขาจึงไม่มีทางอื่นเลยนอกจากต้องมีหัวโล้นๆที่คล้ายกับเจียงอี้ แต่เขายังกลายเป็นผู้ชายที่ไม่มีคิ้วไปด้วย
“นายน้อยเกิดอะไรขึ้นขอรับ?” เมื่อสถานการณ์ของเสียเฟยกลับสู่ปกติแล้ว เสียจวินก็ถามเขาอย่างร้อนรน
เสียเฟยลืมตาขึ้นมาและไม่พูดอะไรออกมาเลยเขาหยิบเสื้อคลุมที่สง่างามออกมาและสวมมันด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลุงจวิน อย่าเพิ่งถามอะไรมาก รีบย้ายผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาที่นี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน”
“อ๊ะ?”Aileen-novel
หนวดของเสียจวินสั่นระริกขณะที่เขาพูดว่า“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ขอรับ? อย่าเพิ่งผลีผลามไป ท่านประมุขจะโกรธมากแน่นอน ท่านก็รู้ดีว่ากฎของตระกูลเขาร้ายแรงเพียงใด”
ตอนแรกเสียจวินสันนิษฐานว่าเสียเฟยกำลังจะนำกำลังเสริมมาที่นี่เพื่อทำสงครามกับลูกหลานตระกูลอื่นๆของเก้าตระกูลจักรพรรดิซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะเครียด คนรุ่นใหม่เหล่านี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่โดดเด่นแต่พวกเขาเหลาะแหละและใจร้อน ซึ่งเสียจวินจะต้องไม่บุ่มบ่ามเหมือนนายน้อยของเขา
“ฮึ่ม!”
เสียเฟยต้องระงับความโกรธในใจของเขามามากแล้วและเมื่อเขาได้ยินเสียจวินพูดออกมาเขาก็โกรธขึ้นมาทันที เขาตะคอกและพูดว่า “ลุงจวิน ข้าดูเป็นคนไม่มีความคิดเช่นนั้นหรือไง? รีบนำคนมาที่นี่ซะ มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ได้สมบัติสามอันดับแรกไป เราต้องรีบลงมือและฉกมันมา เมื่อมีคนมากพอ เราจะได้สมบัติทั้งสามชิ้นนั้นมา”
“ฮะ!”
เสียจวินอาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อเสียเฟยไม่ได้จะเริ่มสงครามแต่เป็นการปล้นชิงสมบัติ เขาจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างแน่นอน
แหวนวงหนึ่งสว่างขึ้นขณะที่กระดูกยักษ์หลากสีปรากฏขึ้นเขากำกระดูกพวกนั้นทันทีและมีคำลึกลับบางอย่างปรากฏขึ้น
“เอาล่ะ!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมาเสียจวินลืมตาขึ้นมาและพูดว่า “ข้าส่งข้อความไปยังเมืองมารบูรพาแล้ว เสียเทียนน่าจะรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนได้สามสิบคนมาที่นี่ได้ขอรับ แม้ว่าพวกเขาจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ไปยังจักรวรรดิเฟยหม่าเลย แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาประมาณห้าถึงหกวันขอรับ”
“เราทำสุดความสามารถแล้วตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้วล่ะ! ลุงจวินออกไปก่อน และจำไว้ว่าอย่าบอกว่าข้าตื่นแล้วนะ เพียงแค่บอกพวกเขาไปว่าข้ายังไม่ได้สติและอีกห้าวันกว่าจะตื่นขึ้นมา”
เสียเฟยถอนหายใจเบาๆและหลับตาพักฟื้นเดิมทีเสียจวินต้องการถามบางสิ่งบางอย่างแต่ในเมื่อเสียเฟยไม่ต้องการพูด เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสียเฟยก็รอดชีวิตออกมาได้และในฐานะทหารลับ ในที่สุดเขาก็สามารถปลดเปลื้องภาระที่หนักอึ้งในใจได้แล้ว
“ไอ้สารเลว!”
หลังจากที่เสียจวินออกไปและเปิดอาคมยับยั้งในห้องเสียเฟยแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมาและส่งเสียงออกมา
หยิ่นรั่วปิงพูดถูกเสียเฟยอาจดูเหมือนบ้าบิ่นแต่เขาเป็นคนที่ฉลาดมาก ไม่เช่นนั้น เขาคงจะไม่สามารถออกมาจากที่นี่ได้ก่อน
เขาได้ข้อสรุปแล้วว่าผู้ที่ได้สมบัติสามชิ้นนั้นไปต้องเป็นหลิวชิงหรือไม่ก็ผู้ที่ได้กระจกนิรันดร์ไปแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อีฉานจะได้มันไป เพราะความแข็งแกร่งของนางมากกว่าเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและนางก็เกือบจะตายอยู่ในเมืองเฟิงตู นางอาจจะเข้าไปในผาดวงจิตหวนกลับได้ แต่แน่นอนว่ามันท้าทายกับนางเกินไปที่นางจะผ่านด่านนั้นไปได้
เป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดิลี้ลับจะโกงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกหลานของผู้ใต้บัญชาทั้งเก้าของจักรพรรดิลี้ลับ แต่เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งในรอบเจ็ดแสนปี ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
ในเมื่อไม่มีใครโกงนั่นก็หมายความว่าต้องมีใครบางคนเปิดความตั้งใจที่จักรพรรดิลี้ลับทิ้งไว้ได้ และด้วยเหตุนี้ คนผู้นั้นจึงได้รับโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ไป หากคนนั้นไม่ใช่อีฉานหรือหวู่นี่, ถูหลง, หลิงชีเจี้ยนและคนอื่นๆที่อยู่กับเขา มันจะต้องเป็นคนอื่นที่พยายามจะผ่านด่านให้ได้แน่นอน
มันไม่สำคัญว่าคนผู้นั้นเป็นใครตราบใดที่พวกเขาไม่ได้มาจากเก้าตระกูลจักรพรรดิ เขาก็สามารถปล้นมันได้ เกราะเมฆาอัคคี, วิชาหลีกสวรรค์และหญ้ามังกรยาจกต้องเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น!
…
ห้าวันต่อมาเสียเฟยฟื้นคืนสติและกองกำลังของเขาได้เคลื่อนมายังจักรวรรดิเฟยหม่าแล้ว มีขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดสามสิบคนและหนึ่งในนั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่าใคร ซึ่งการมาของพวกเขาได้ทำให้เมืองเฟยหม่าวุ่นวายเป็นอย่างมาก
เมืองหลวงแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนสิบแปดคนแต่พวกเขาทั้งหมดถูกนำตัวไปยังเมืองผืนทรายเพราะเฟยฉีหมดแล้วหากเหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสามสิบคนเคลื่อนไหว เมืองทั้งเมืองนี้จะต้องถูกทำลายล้างไปจนสิ้นแน่นอน
โชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งสามสิบคนมุ่งออกไปจากเมืองและตรงไปยังเมืองผืนทรายเลยจึงทำให้จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเฟยหม่ารวบรวมผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนทั้งหมดในทวีปนี้ทันที เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้ว่าผลพวงของการล่าสมบัติจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน
เสียเฟยบอกทหารลับของตระกูลต่างๆว่านายน้อยและคุณหนูของพวกเขายังอยู่ดีซึ่งมันทำให้พวกเขาสงบลงในขณะเดียวกัน พวกเขาก็รู้ว่ากำลังเสริมของตระกูลเสียกำลังมาถึงแล้วและมันก็สายเกินไปที่พวกเขาจะรวมกำลังผู้เชี่ยวชาญของตระกูลมาที่นี่ ที่สำคัญที่สุดคือนายน้อยและคุณหนูของพวกเขายังไม่ออกมาและพวกเขาก็ไม่กล้าจะทำสิ่งใดโดยประมาท
เมื่อเวลาผ่านไปเมืองผืนทรายก็เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น
จักรวรรดิเฟยหม่าได้เคลื่อนย้ายผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนมาเพิ่มอีกสิบสองคนพวกเขาจะรอเจี้ยนอู๋อิงออกมาและหากนายน้อยผู้นั้นออกคำสั่ง เหล่าผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทียนจุนแห่งจักรวรรดิเฟยหม่าก็จะเริ่มสงครามแย่งชิงสมบัติกับตระกูลเสีย
บรึฟ!
ในวันที่แปดหลังจากที่เสียเฟยปรากฏออกมาราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับก็สว่างขึ้นมาและร่างก็เริ่มปรากฏออกมาด้านนอก อีฉาน, หยิ่นรั่วปิง, ถูหลงและคนอื่นๆอยู่ตรงนั้น
ในกระโจมลิขิตสวรรค์นอกพระราชวังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลี้ลับเสียเฟยระเบิดเสียงคำรามออกมาขณะที่หัวกะโหลกยักษ์กระพริบขึ้นมาในมือของเขา เขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและกวาดสายตาที่เย็นชาของเขาพร้อมกับตะโกนว่า “นอกเหนือจากสมาชิกเก้าตระกูลจักรพรรดิ จงจับทุกคนเอาไว้!”